Friday, December 26, 2025
Home Blog Page 9577
หนุ่มใหญ่... สวมแว่นกรอบดำทรงเหลี่ยม... และสูทนอกสีดำ เป็นเอกลักษณ์และภาพที่เห็นจนชินตาของ “เสริมคุณ คุณาวงศ์” ซีอีโอหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เจ้าของธุรกิจ Event Organizer “CM Organizer” ที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดในเวลานี้ เพราะงานอีเวนต์ใหญ่ระดับประเทศหลายงาน มักมีชื่อบริษัท CM ปรากฏให้เห็นกันบ่อยครั้ง ความโดดเด่นของ CM ทำให้ “เสริมคุณ” กลายเป็นนักบริหารหนุ่มที่ถูกจับตามากคนหนึ่งในธุรกิจอีเวนต์ ออกาไนเซอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตและแข่งขันมากที่สุดในเวลานี้ จากเด็กหนุ่มนครสวรรค์... ครอบครัวพอมีอันจะกิน...ที่เติบโตมาในยุคสังคมไทยเผชิญจุดเปลี่ยนทางการเมือง เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ...มีการต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น บวกกับนิสัยของอ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำ ทำให้เด็กชายเสริมคุณได้แรงบันดาล...ตั้งเข็มชีวิต อยากเป็น...
เขาอาจจะเป็น แฟชั่นดีไซเนอร์ ที่ไม่รู้เรื่องของ “แพตเทิร์น” หรือการตัดเย็บ แต่เขามีอีกด้านที่ดีไซเนอร์ส่วนใหญ่ไม่มี นั่นคือ งานศิลปะ ที่เขาสามารถผสมผสานงานทั้งสองด้านได้อย่างลงตัว ผลงานด้านจิตรกรรมของเขาก็ไม่เป็นรองใคร ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินชั้นแถวหน้า กวาดรางวัลมามากมาย เช่นเดียวกับ 10 กว่าปีของการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ให้กับ Greyhound และยังบุกเบิกแบรนด์ Playhound ให้ออกมาท้าทายตลาดแฟชั่นวัยรุ่น ได้อย่างที่ใครก็มองข้ามไม่ได้ การเปิดกว้าง และเรียนรู้ ตลอดเวลานี้เอง คือคุณสมบัติของเขา คำว่า สุดยอดดีไซเนอร์ หรือศิลปินเบอร์ 1 จึงไม่ใช่จุดหมายปลายทางของจิตต์สิงห์มากเท่ากับการเลือกทำทุกอย่างที่อยากทำ ไม่แปลกที่เขาจะบอกว่า อยากเป็น “เป็ด” ที่ดีที่สุด...
“กว่าครึ่งของคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย ต่างใช้โนเกีย” รับรองว่าประโยคนี้เป็นข้อมูลจริงๆ ไม่เชื่อลองมองที่คนใกล้ตัวคุณได้เลย... ที่ไม่ใช่การท้าทายให้ท้าพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง เพราะความจริงก็คือว่าไม่ว่าคุณจะใช้ หรือไม่เคยใช้ หรือไม่นิยมโนเกีย แต่คุณก็ต้องจำแบรนด์นี้ได้อย่างแน่นอน นี่คือผลสำเร็จของโนเกียในเมืองไทย ที่มีผู้บริหารคนไทยเป็นมืออาชีพรับทำตลาดให้โนเกีย จากประเทศฟินแลนด์มาแล้วหลายคน แต่อย่างที่หลายคนเคยบอกไว้ว่าการสร้างให้สินค้าขึ้นแท่นในตลาดเป็นอันดับ 1 นั้นว่ายากแล้ว...การพยายามรักษาอัตราการเติบโต ให้อยู่ในอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องนั้นอาจยากยิ่งกว่า ซึ่งเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา และ ณ นาทีต่อไปนี้ อนาคตของโนเกียที่เมืองไทยอยู่ในมือสาวนักบริหารมืออาชีพด้านการตลาด “อุณา ตัน” จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เริ่มเลือกทำงานในอาชีพแรก “แอร์โฮสเตส” ด้วยเหตุผลคือการมีโอกาสท่องเที่ยวโดยไม่ทำให้พ่อแม่ห่วงใย เพราะไปเที่ยวโดยหน้าที่ นาน 18 เดือน จากนั้นเลือกทดสอบงานที่ต้องพบปะผู้คนด้วยหน้าที่งานประชาสัมพันธ์โรงแรมนาน 4...
ใครจะเชื่อว่า...ผู้หญิงตัวเล็ก อดีตหมอสูตินรี ที่ผันชีวิตหันมาเป็น “นักธุรกิจขายตรง”ระดับพันล้าน เพียงเวลาไม่ถึง 10ปี กับน้ำพักน้ำแรง ความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ จน “กิฟฟารีน” กลายมาเป็นแบรนด์ขายตรง ผู้นำตลาดแบบหลายชั้นอย่างน่าทึ่ง คุณหมอ นลินี หรือ พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ สร้างอาณาจักร “กิฟฟารีน” จากยอดขายปีแรกเพียง 348 ล้านบาท จนไต่ระดับเพดานสู่ยอดขายจำนวน 2,890 ล้านบาท ในปี 2548 เติบจากปี 2547 ถึง 10.5% เพียงเวลาไม่กี่ปี...ความสำเร็จวันนี้ จึงไม่ใช่ “เรื่องบังเอิญ” แต่มาจากประสบการณ์ที่สั่งสม การวางโมเดลธุรกิจที่แตกต่าง...
กางเกงผ้าทรงกระบอกสีดำ ขาสี่ส่วน เสื้อยืดคอวีสีดำ สวมสูทดำทับ สร้อยเงิน ที่มีลูกกุญแจสุดเก๋ประดับ มองต่ำลงไป รองเท้าคัทชูสีทอง ไม่สวมถุงเท้า ...ภาพนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของ สมบัษร ถิระสาโรช หรือที่ใครรู้จักเขาว่า ตือ ออกาไนเซอร์ นักคิดไร้ขีดจำกัด ที่มีวิธีคิด และการบริหารงาน ไม่ค่อยมีใครเหมือน 1. “เราเป็นคนบ้าๆ บอ” ตือ พูดถึงตัวเอง เป็นประโยคแรกเมื่อถามถึงตัวตนของเขา แต่คำว่า “บ้า” สำหรับเขาคือ ความคิดที่ไร้ขอบเขต เป็นคนที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่มีแบบแผน เป็นสไตล์ศิลปินและนักคิดที่ไร้กรอบ ที่ไม่มีตำรา เกือบสิบปี ในบทบาทนักบริหารของตือ ในนามบริษัท ตือ...
ถ้าเป็นสุภาษิตฝรั่งแล้ว วัย 42 ปี ต้องเรียกว่า ชีวิตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่สำหรับ “กฤษฎา ล่ำซำ” แล้ว ประสบการณ์ที่ถูกบ่มเพาะมา 16 ปีเต็ม ทำให้นายแบงก์ที่เต็มไปด้วยความสุนทรีย์ในงานถ่ายรูป กลายกำลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการบุกธุรกิจรีเทล ของธนาคารกสิกรไทย “กฤษฎา” หรือคนคุ้นเคยเรียกชื่อเล่นของเขาว่า ”อ๋อ” เป็นทายาทตระกูลล่ำซำ บุตรชาย”ไพโรจน์ และท่านผู้หญิงอรสา ล่ำซำ” และหากไล่เรียงแล้ว “กฤษฎา” เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ”บัณฑูร ล่ำซำ” แม่ทัพใหญ่คนปัจจุบันของ KBANK หรือธนาคารกสิกรไทย ตลอดเวลาของการบอกเล่าเรื่องราวผลการทำงาน ”กฤษฎา” ย้ำว่าทั้งหมดมาจากนโยบายที่ชัดเจน และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหารของแบงก์ และที่สำคัญคือการร่วมมือร่วมใจกันของทีมงาน...
แม้หลักการเศรษฐกิจพอเพียงถูกตีความและเข้าใจอย่างหลากหลายแง่มุม แต่สำหรับนักวิชาการ อาจารย์ที่ปรึกษาด้านการตลาดระดับแนวหน้า ได้ให้ข้อสรุป และวิเคราะห์หลักการฯอย่างน่าสนใจ วัตถุนิยม สู่ สุขนิยม ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ศิษย์เอกของศาสตราจารย์ด้านการตลาด ฟิลลิป คอตเลอร์ วิเคราะห์หลักการเศรษฐกิจพอเพียง ว่า มีจุดเด่นทำให้เห็นความต้องการจะออกห่างจาก “ลัทธิวัตถุนิยม” ที่สุดโต่งเกินไป มาสู่ความเป็น “คน” มากขึ้น และพยายามแสวงหาเครื่องมือที่จะสร้างความผาสุกให้แก่ชีวิต (Gross Domestic Happiness) หลักการเศรษฐกิจพอเพียงในแนวทางสมานฉันท์ หากต้องการทำให้ทุนและกระแสโลกาภิวัตน์สามารถอยู่กันได้กับความพอเพียง ทุกส่วนควรยึดความต้องการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หมายถึง ขยัน อดทน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง และใส่ความรู้เข้าไปในระดับสร้างผลผลิต เพื่อเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง...
กระแส ”เศรษฐกิจพอเพียง” เริ่มมีให้เห็นผ่านสื่อประเภทต่างๆ ที่นอกจากผ่านรายการโทรทัศน์แล้ว บนแผงหนังสือก็กำลังกลายเป็น “กระแส” ดึงความสนใจนักอ่าน และคำว่า “พอเพียง” ก็กลายเป็นคำที่ถูกใช้เป็นสโลแกน สำหรับมหกรรมหนังสือแห่งชาติปีนี้ จากการสำรวจสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่มาร่วมเปิดบูธในงาน ”มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 11” ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 18-29 ตุลาคม 2549 หลายบูธนอกจากจัดมุมพิเศษสำหรับ ”ไดอารี่ ครัวสระปทุม” แล้ว ยังได้นำเสนอหนังสือเรื่องราวอันเป็นพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ และบูธที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามเน้นคำว่า ”พอเพียง” อย่างเห็นได้ชัด ตามสโลแกนที่เชิญชวนผู้สนใจเข้ามาเดินงานหนังสือที่ว่า ”พ่อสอนอะไร พบคำสอนของพ่อในงานมหกรรมหนังสือฯ” จากการสำรวจพบหนังสือที่เกี่ยวข้องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนใหญ่จะนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของในหลวงมาเรียบเรียง และบางส่วนได้สะท้อนบอกเล่าเรื่องราวผ่านดร.สุเมธ...
ศ. น.พ. เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้ถ่ายทอดมุมมอง สะท้อนความเข้าใจของคำว่า “ปรัชญาความพอเพียง” ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงในการดำเนินชีวิต การทำธุรกิจ และการนำไปใช้ในพัฒนาประเทศ โดยได้ตอบคำถาม กับนิตยสาร “POSITIONING” ในประเด็นที่น่าสนใจ ในช่วงปาฐกถาพิเศษใน งานสัมมนาสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2549 ซึ่งจัดขึ้นในหัวข้อ “เศรษฐกิจพอเพียง สู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุข” การดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ควรเริ่มต้นอย่างไร ถ้าเป็นตนเองแล้ว เราต้องมีศรัทธาความเชื่อก่อน เริ่มต้นต้องคิดให้เป็นก่อน เมื่อเข้าใจแก่นแท้ของความพอเพียง แต่ละคนจะสามารถนำไปปรับใช้ได้เอง อยู่ที่ว่า...
ปาฐกถาพิเศษของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งกล่าวขึ้นในงานสัมมนา “เศรษฐกิจพอเพียง สู่สังคมอยู่เย็น เป็นสุข” ของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2549 เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น มีสาระสำคัญถึงแก่นแท้ของการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติใช้ อย่างพึงรับรู้ว่า แนวคิดพอเพียงนั้น ไม่เคยล้าสมัยเลย แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม “คนไทยน่าจะพอระลึกได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งถึงแนวเศรษฐกิจพอเพียงมานานกว่า 20 ปี ในตอนแรก ๆ คนสนใจน้อยมาก บ้างเห็นว่าล้าสมัย บ้างพูดกันแต่จะพัฒนาประเทศให้เป็นอุตสาหกรรมใหม่ เพราะไม่เข้าใจพระราชประสงค์ที่ทรงดำริโดยแท้จริง แต่ก็ยังเป็นโชคดีมากๆ ของคนไทย และยังไม่สายเกินไปที่จะนำปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประยุกต์ใช้” ปัจจุบันนี้ คนไทยทุกคน ทุกองค์กร และรัฐบาล...