อัปเดต ‘Moonshot Mission’ ของ SCB 10X ความท้าทายในการเเสวงหา ‘ยูนิคอร์นตัวใหม่’

ในปีที่ผ่านมา ‘SCB 10X’ โฮลดิ้งคอมพานีในกลุ่มไทยพาณิชย์ ที่มุ่งเข้าไปลงทุนในบริษัทเทคดาวรุ่งและสตาร์ทอัพศักยภาพสูงทั่วโลก ได้รับการจัดอันดับจาก CB Insights ให้เป็น Corporate Venture Capital (CVC) ที่ ลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน ‘Fintech’ มากที่สุด เป็นอันดับ 2  ร่วมกับ PayPal Ventures ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ เเละและอันดับที่ 8 จาก CVC ทั่วโลก

โดย SCB 10X โฟกัสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี ทั้งการเข้าไปลงทุนเอง การลงทุนร่วมสร้าง กับเป้าหมายผลักดันให้กลุ่มไทยพาณิชย์เติบโตสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงิน ที่มีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านบาทและฐานลูกค้ากว่า 200 ล้านคน นับเป็นก้าวสำคัญที่จะนำมาซึ่งโอกาสด้านการลงทุนเเละสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในประเทศ

วันนี้ เราจะมาพูดคุยกับมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กับภารกิจ “Moonshot Mission” พร้อมอัปเดตโปรเจกต์ แผนการลงทุนเเละเทรนด์เทคโนโลยีที่น่าสนใจ ความท้าทายของวงการสตาร์ทอัพ สงครามการเเย่งชิงเหล่า ‘Talents’ เเละคนเเบบไหนที่ SCB 10X อยากได้มาร่วมงานมากที่สุด

เดินหน้าปั้น ‘ยูนิคอร์น’ ตัวใหม่ 

มุขยา อธิบายถึง “Moonshot Mission” ของ SCB 10X ให้ฟังว่า เป็นเหมือนภารกิจการเดินทางออกไปสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับองค์กร

โดยจะมีการโฟกัสไปที่การลงทุนด้าน ‘Disruptive Technology’ ได้แก่ เทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) โดยเฉพาะบล็อกเชน (Blockchain) ที่เกี่ยวกับด้าน Financial Services รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) Web 3.0 และ Metaverse

นอกจากนี้ ยังมีความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization ที่มีแนวโน้มจะเติบโตสูง ตามจำนวนโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับ DeFi, NFT, Web 3.0 ที่มีมากขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมา SCB 10X ได้เข้าไปลงทุนไปในสตาร์ทอัพแล้วกว่า 48 แห่ง บริษัทใน 15 ประเทศทั่วโลก

ในจำนวนนี้มี 10 บริษัทที่ประสบความสำเร็จขึ้นเป็นยูนิคอร์น (มูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์) เเละอีก 11 บริษัทได้เป็นเซ็นทอร์ (มูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์) และ 5 บริษัทเป็นลิตเติลโพนี่ (มูลค่ามากกว่า 10 ล้านดอลลาร์)

โดยเป็นการลงทุนทั้งในเเบบ Build คือ Venture Builder และ Invest คือ Venture Capital ผ่านงบประมาณสำหรับลงทุนในช่วง 3-5 ปี ที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังมีเงินทุนเหลือเพียงพอที่จะเข้าไปลงทุนเเละปลุกปั้นสตาร์ทอัพตัวต่อๆ ไป

สำนักงานใหญ่บน Metaverse เชื่อมต่อผู้คนทั่วโลก

สำหรับการเปิดตัวสำนักงานใหญ่ (Headquarters) ของ SCB 10X ใน ‘The Sandbox’ แพลตฟอร์มโลกเสมือนจริงที่พัฒนาบนเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ Metaverse นั้น มีจุดประสงค์หลักคือการเป็นพื้นที่สำหรับสร้างรากฐานระบบนิเวศและคอมมูนิตี้ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน (Community-Driven) บนโลก Metaverse รวมถึงมุ่งสนับสนุนส่งเสริมและผลักดันความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินชาวไทยสู่ตลาดโลก

นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่สำหรับเชื่อมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก ให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมบนโลกเสมือนจริงพร้อมต่อยอดและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยกับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมการเงิน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้

โดยแบ่งประโยชน์การใช้สอย 3 ด้านหลัก ได้แก่ 

1. Virtual Hub พื้นที่แบ่งปันความรู้ (Event & Knowledge Sharing) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและการมีส่วนร่วม

2. Virtual Land พื้นที่สำหรับพันธมิตรทางธุรกิจในการทำกิจกรรมร่วมกันและพัฒนาต่อยอดโครงการอื่น ๆ ในอนาคต

3. พื้นที่แสดงผลงานและคอนเสิร์ต สนับสนุนและผลักดันศิลปินชาวไทยสู่ตลาดโลก ในรูปแบบต่างๆ เช่น NFT Gallery เป็นต้น

บิ๊กดีล SCB 10X ร่วม CP คาดได้ใบอนุญาตใน Q3

ด้านความคืบหน้าของบิ๊กดีลระหว่าง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในไทย โดยในปีนี้นี้ SCB 10X  มีแผนจะจัดตั้งกองทุน Venture Capital (VC) ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ขนาด 600-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19,800-26,400 ล้านบาท)

เพื่อลงทุนใน ‘Disruptive Technology’ ด้านบล็อกเชนสินทรัพย์ดิจิทัลเทคโนโลยีด้านการเงินและเทคโนโลยีอื่นๆที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั่วโลกซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานกำกับทางการ โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้

มีวินัยในการลงุทน ‘Valuation’ ต้องไม่สูงเกินไป 

เมื่อถามถึงความท้าทายของการลงทนสตาร์ทอัพในปีนี้ คุณมุขยา มองว่าคือเรื่องมูลค่า’ (Valuation) เพราะในปีที่ผ่านมา ทั้งบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมเเละเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น

ซึ่งจะเห็นว่ามี Venture Capital (VC) จำนวนมากเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพเหล่านี้ เเละแม้แต่ VC ที่เน้นการลงทุนแบบดั้งเดิมก็กระโจนเข้ามาในธุรกิจนี้ เกิดการระดมทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น Valuation ของสตาร์ทอัพในปีนี้ จึงค่อนข้างสูงกว่าปีที่เเล้ว

“สตาร์ทอัพ Series A ในปีนี้ ราคาต่างกับปีที่เเล้วค่อนข้างเยอะ เป็นความท้าทายอย่างมาก เราเองจึงต้องมีวินัยในการลงทุน เมื่อมองว่าราคาสูงเกินไปก็ต้อง ‘Walk Away’ ออกมาเพื่อรอจังหวะ รวมถึงเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพตั้งแต่ระดับ Early Stage และ Seed Round ซึ่งยังมีราคาไม่สูงมากนัก เลือกลงทุนใน Series A มากขึ้น เพราะ Series B และ C อาจจะแพงเกินไป”

สำหรับสตาร์ทอัพที่ ‘SCB 10X’ อยากจะเข้าไปลงทุนนั้น จะโฟกัสเเละให้ความสำคัญกับเรื่องโครงสร้างพื้นฐานค่อนข้างมาก ก่อนที่จะมีการขยับไปครีเอทเเอปพลิเคชันเเละอื่นๆ โดยปีนี้สนใจหมวด Web 3.0 เป็นพิเศษ

ศึกชิง ‘Talents’ ตามหาคน ‘กล้าพูด กล้าทำ’

โดยระหว่างปี 2022-2024 ถือเป็นช่วงที่ ‘SCB 10X’ ตั้งเป้าการเติบโตแบบ Exponential จึงต้องมีการขยายทีมมากขึ้นทั้งด้านการลงทุนเเละซัพพอร์ต ซึ่งหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญ ก็คือการเฟ้นหา ‘Talents’ แรงงานทักษะสูงเข้ามาเสริมทัพ

การเฟ้นหา Talents ในเมืองไทยมีการเเข่งขันกันสูงมาก คนเก่งส่วนใหญ่มักจะเป็น Founder เอง หรือไม่ก็ถูกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เเละสตาร์ทอัพชื่อดังในต่างประเทศคว้าตัวไปก่อนแล้ว เพราะทุกคนสามารถทำงานทางไกลจากที่ไหนก็ได้ในโลก เเต่จุดนี้ก็ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้ทำงานกับ Talents ในภูมิภาคหรือที่อื่นๆ ในโลกได้เช่นกัน

ในส่วนงาน ’Metaverse’ บริษัทก็มีแผนที่จะ Spin-Off ออกไปจัดตั้งเป็นอีกหนึ่งบริษัท เพื่อรับจ้างทำให้กับธุรกิจทั่วไปที่สนใจ ซึ่งก็ต้องมีการเปิดรับพนักงานใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีไอเดียจะเปิดบริษัทใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนเเปลงของโลกดิจิทัล

สำหรับการบริหารจัดการทีมของ ‘SCB 10X’  จะเป็นเเบบ Flat Organization มีไม่กี่เลเวล ทำให้ตัดสินใจได้รวดเร็ว เเละมีวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดถือคือ B-O-O-S-T = Boldness , Ownership , Open , Speed เเละ Trust

คนที่เราอยากได้มาร่วมงานมากที่สุดนั้นจะต้องกล้าพูด กล้าทำเป็นคนที่กล้าริเริ่มเเละต้องรีบทำ เพราะถ้าหากล้มเหลวขึ้นมาก็จะได้มาช่วยกันเเก้ไขเเละพัฒนาได้ก่อน”