Monday, December 22, 2025
Home Blog Page 6634
สงครามแคมเปญโฆษณาของ “วุฒิศักดิ์” และ “นิติพล” ยังคงเดินหน้าไม่หยุด สำหรับ2 แบรนด์คลินิกผิวพรรณที่กลายเป็นคู่กัดถาวรแห่งวงการธุรกิจความงามที่มีมูลค่าทะลุ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ล่าสุดมาจนถึงทุ่มเงินออนแอร์กันแทบไม่ทัน เฉพาะแค่ครึ่งปีควักเงินไปแล้ว 100 ล้านบาท  ในเกมพรีเซ็นเตอร์ชนพรีเซ็นเตอร์เป๊ะ  นี่คือปรากฏการณ์ของธุรกิจที่มาในกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในโหมดอยากสวย จ่ายเท่าไหร่ไม่ว่า  และสวยเมื่อไหร่ต้องได้ทันที เกมนี้จึงคุ้มที่จะลงทุนแคมเปญโฆษณากันอย่างเต็มที่ หากย้อนหลังไปดูข้อมูลการใช้งบโฆษณาจากบริษัทวิจัยนีลเส่น พบว่าในปี 2007 “วุฒิ-ศักดิ์” ใช้งบประมาณ 64 ล้านบาท โดย “นิติพล” ใช้มากเป็นอันดับ 2 คือประมาณ 23 ล้านบาท เกือบทั้งหมดอยู่ที่ทีวีซี จากนั้นเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักสิบล้านกลายมาเป็นหลักร้อยล้านภายใน 2 ปี...

Self Serve Yogurt

Self Serve Yogurt หรือร้านโยเกิร์ตแบบบริการด้วยตัวเอง เริ่มเป็นที่นิยมในอเมริกามากขึ้น โดยจะเห็นได้จากแบรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ จากความใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โยเกิร์ตถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแทนไอศกรีมที่อุดมไปด้วยไขมัน แต่ก็ต้องระมัดระวังในการเติมท็อปปิ้ง ถ้าจะให้ได้คุณประโยชน์มากขึ้นก็ควรจะเติมด้วยผลไม้สดและถั่วต่างๆ แทนที่จะเติมด้วยลูกกวาดสีสวยหรือคุกกี้ที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวาน ซึ่งภายในร้านมีท็อปปิ้งเพิ่มรสชาติให้เลือกหลากชนิดตามความชอบของผู้บริโภค ปัจจุบัน ร้าน Self Serve Yogurt มีหลากหลายแบรนด์มาก แม้กระทั่ง Red Mango ที่เริ่มจากร้านโยเกิร์ตแบบมีพนักงานกดและเติมท็อปปิ้งให้ ล่าสุดเปิดสาขา Self Serve เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่นักลงทุนที่มีทุนจำกัดแต่ต้องการมีกิจการเป็นของตัวเอง ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มั่นคงนัก 
พอบอกว่าเป็นแบรนด์จีน ถ้าไม่ซื้อเพราะถูกมากส่วนใหญ่ผู้บริโภคไทยก็จะมองข้ามไปหรือไม่ก็อาจจะเก็บไว้เป็นตัวเลือกท้ายๆ ต่อจากแบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลี เป็นปัญหาแบบเดียวกับที่แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเกาหลีเคยเจอมาก่อน แต่กลยุทธ์การตลาดของแบรนด์จีนอย่างไฮเออร์ มีแนวทางชัดเจนในการแก้ปัญหาของตัวเอง อู๋ หย่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ (Haier) เปิดเผยในงานฉลองครบ 10 ปี ของแบรนด์ไฮเออร์ในไทยว่า เขาและทีมงานตระหนักเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์จีนในสายตาผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี และคิดว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากการที่คนไทยติดกับภาพลักษณ์เก่าๆ ของจีน และยังไม่เข้าใจสินค้าจีนอย่างแท้จริง “ผมรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อแบรนด์จีน แต่คิดว่าเป็นเพราะไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่ไม่เคยไปเมืองจีน ได้ยินมาว่าไม่ดีแต่ก็ยังไม่เคยลอง ปัญหานี้ต้องการการสื่อสารระหว่างกันให้เยอะขึ้น และผมเชื่อว่าทุกคนจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิด”  อู๋ หย่ง เข้ามารับผิดชอบดูแลการผลิตและการตลาดของไฮเออร์ในไทยได้ 2 ปีครึ่ง...
ปีที่ผ่านมา โซนี่พบอุปสรรครอบด้านทั้งจากสึนามิที่ญี่ปุ่นและน้ำท่วมโรงงานผลิตกล้องที่อยุธยา ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้สำคัญของโซนี่ จนทำให้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แผนการดำเนินงานในปีนี้จึงนำกลยุทธ์ “One Sony” มาใช้ เพื่อรวมทุกธุรกิจอันหลากหลายของโซนี่ โดยเชื่อมโยงทั้งอุปกรณ์ไอทีและคอนเทนต์ด้านความบันเทิงไว้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมตั้งเป้าเติบโตขึ้น 10% ในปีนี้ “เราต้องหาวิธีกลับเข้ามาในตลาดโดยใช้จุดแข็งในตัวสินค้าที่สื่อสารแก่ลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา เรามีเทคโนโลยีที่ดีอยู่แล้วและมีกลุ่มคอนเทนต์ต่างๆ ที่เข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า เราต้องหาวิธีใช้คอนเทนต์ที่มีอยู่ให้ลูกค้ารู้สึกสนุกและใช้สินค้าเราได้อย่างคุ้มค่า นี่คือวัตถุประสงค์ของเรา” มร.โทรุ ชิมิซึ กรรมการผูจัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เอ่ยถึงการนำจุดแข็งของแบรนด์โซนี่มาใช้ในปีนี้ การรวมธุรกิจเป็นหนึ่งเดียวของโซนี่ เป็นการรวมพลังระหว่างฝั่ง content  ประกอบด้วยโซนี่ มิวสิก และโซนี่ พิคเจอร์ส ซึ่งผลิตคอนเทนต์เพลงและภาพยนตร์ มาเชื่อมต่อกับฝั่งฮาร์ดแวร์ของโซนี่ที่มีอยู่ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอินเทอร์เน็ตทีวี โน้ตบุ๊ก...
ครั้งแรกของโค้กกับการเลือกใช้ดาราดังมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยเลือก แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สำหรับเฟสที่ 3 ของโกลบอลแคมเปญ เปิดโค้กเปิดความสุขให้ชีวิต แต่ใช้บริบทแบบไทยที่ใช้คอนเซ็ปต์ว่า “ต้องซ่า ต้องกล้า ต้องโค้ก” ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “กีตาร์” เริ่มออนแอร์ช่วงหัวค่ำวันนี้ (16 กรกฎาคม 2555) ธิติ ตวงสิทธิตานนท์ ผู้จัดการการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายของแคมเปญนี้เป็นปฏิบัติการภาคต่อของแคมเปญ 2 เฟสแรก คือ เปิดความสุขให้ชีวิต และเชื่อมั่นประเทศไทย มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มฐานความชื่นชอบแบรนด์ของโค้กในประเทศไทย ซึ่งต้นปีที่ผ่านมาโค้กมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 สูงถึง 18% ขณะที่ความชื่นชอบในแบรนด์ของผู้บริโภคคนไทยก็เพิ่มขึ้นถึง...
สุปรีย์ ทองเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ดอกเตอร์ จำกัด ที่ปรึกษาด้านดิจิทัล มีเดีย ให้กับค่ายสิ่งพิมพ์ทั้งในไทยและในต่างประเทศ บอกถึงเคล็ดลับในการทำ E-Magazine ให้โดนใจผู้อ่าน มีดังนี้ 1. Happy finger อย่าทำให้นิ้วโกรธ พฤติกรรมของคนใช้แท็บเล็ตคือการจิ้ม ดังนั้นการออกแบบต้องชัดเจน เมื่อจิ้มไปแล้วเขาจะได้รับข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ ให้ระวังว่าถ้าจิ้มแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนจะปิดแอปนั้นทันที  2.ไม่ควรใส่ตัวหนังสือมากเกินไป เพราะแท็บเล็ตไม่ได้ออกแบบมาให้อ่านเนื้อหายาวๆ การออกแบบจึงต้องเน้นให้สนุกกับการเสพเนื้อหาที่เป็น วิดีโอ รูปภาพ เสียง หากหนังสือหรือนิตยสารเล่มใดทำให้คนอยู่กับหนังสือได้ 1 ชั่วโมง ถือว่าประสบความสำเร็จ  3.ไม่ควรออกแบบแล้วไปรบกวนคนอ่าน หรือยากลำบากในการอ่านเกินไป เช่น ต้องซูมเพื่ออ่านเนื้อหาบ่อยๆ จะเป็นอุปสรรค  4.เล่มแรกของการเป็น ดิจิตอลแมกกาซีน ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด มีฟังก์ชันมากมาย ควรมองเป็นแอปพลิเคชั่น...
การ Go Digital ยังเป็นทิศทางที่แวดวงคนเอเยนซี่ ผู้บริหารแบรนด์ดัง และ Influencer ในโลกโซเชี่ยลมีเดีย ต่างมองเห็นว่าเป็นเทรนด์แรงและเชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านได้แน่นอน มาฟังหลากความคิดเห็นหลากมุมมอง Positioning Go Digital ผ่านมุมมองเอเจนซี่โฆษณา [youtube https://www.youtube.com/watch?v=iuFOrW_SEnw?version=3&hl=th_TH&w=560&h=315] สุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายสร้างสรรค์ BBDO Bangkok แอปบนดิจิตอลแม็กกาซีนมีเยอะเพราะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มีอิทธิพลในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ทำให้พฤติกรรมทุกอย่างเปลี่ยน เราจะเห็นคนที่ขาดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตไม่ได้ หยิบมาจิ้มตลอดเวลา  แสดงว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป ดังนั้นผู้บริโภคอ่านหนังสือ หรือเสพสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนไปด้วย เพราะแพลตฟอร์มเปลี่ยนไป โลกดิจิตอลมีอิทธิพลต่อชีวิตเรา  การที่  POSITIONING  เป็นนิตยสการการตลาดชั้นนำ นำเสนอรูปแบบผ่านแอป...
ถึงยุคเปลี่ยนผ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์เข้าสู่ดิจิตอล ทำให้ค่ายสิ่งพิมพ์เลือกปรับตัวรองรับวัฏจักรการเปลี่ยนแปลง ด้วยการออกเวอร์ชั่น ดิจิตอลแมกกาซีน บางรายก็เลือกทำบนเวอร์ชั่น อีบุ๊ก แต่ยังมีคนอีกไม่น้อยที่อาจยังไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่าง “ดิจิตอลแมกกาซีน” และ “อีบุ๊ก” หรือ อีแมกกาซีน   สุปรีย์ ทองเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ดอกเตอร์ จำกัด ที่ปรึกษาด้านดิจิทัล มีเดีย ให้กับค่ายสิ่งพิมพ์ทั้งในไทยและในต่างประเทศ และตัวแทนขายระบบวูดวิง มองว่า คนส่วนใหญ่ยังแยกไม่ออกถึงความแตกต่างระหว่าง “ดิจิตอลแมกกาซีน“ และ “อีบุ๊ก” ซึ่งมีรูปแบบและวิธีการนำเสนอที่ต่างกัน  อีบุ๊ก หรือบางคนเรียก อีแมกกาซีน เป็นเพียงการนำไฟล์พีดีเอฟที่มีรูปแบบการจัดวางเนื้อหาเดิมๆ มาโหลดใส่ในมีเดียใหม่เท่านั้น ไม่ได้ดึงความสามารถแท็บเล็ตมาใช้อย่างแท้จริง  ทำให้การนำเสนอบนอีบุ๊กไม่แตกต่างจากแมกกาซีนจึงไปกินตลาดแมกกาซีน และยังเป็นตัวเร่งให้แมกกาซีนซึ่งอยู่ในช่วงขาลงอยู่แล้ว ตกลงรวดเร็วขึ้น และยังปิดกั้นโอกาสในการหาโฆษณารูปแบบใหม่ๆ...
แมเนเจอร์เป็นเว็บไซต์ที่ถูกกำหนดขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อสิ่งพิมพ์ในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ที่มองทะลุสู่โลกดิจิตอลตั้งแต่ 20 ปีก่อน และเชื่อว่าชีวิตดิจิตอลจะเป็นสิ่งที่เข้าถึงผู้คนทั่วไป ไม่ได้จำกัดเฉพาะองค์กรระดับใหญ่เท่านั้น แม้ว่า ณ วันนั้น ยังเป็นยุคที่การส่งแฟกซ์ระหว่างกรุงเทพฯ นิวยอร์กแค่ทำได้ภายใน 1 นาทียังเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอยู่ด้วยซ้ำ  วันนี้เว็บไซต์ข่าวกลายเป็นรากฐานของการพัฒนานิวมีเดียในโลกดิจิตอล เว็บผู้จัดการนอกจากมาจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งยังเกิดจากแรงบันดาลใจที่ต้องการเผยแพร่ข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมากและหลากหลายไปสู่ผู้อ่านในวงกว้าง ซึ่งกว่าเทคโนโลยีจะมาเติมเต็มให้คนเข้าถึงโลกออนไลน์ได้มากขึ้นก็เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการเริ่มต้นเดินหน้าเว็บไซต์ข่าวก่อนเทคโนโลยีจะพร้อมเต็มที่ของเครือผู้จัดการ ทำให้เว็บไซต์แมเนเจอร์กลายเป็นเว็บข่าวยอดนิยมอันดับหนึ่งต่อเนื่องมานับแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 10 ปี   “เราก็เป็นคนแรกที่ก้าวสู่ข่าวดิจิตอล เป็นคนแรกที่ได้เรียนรู้ รวมถึงค้นพบปัญหาและแก้ปัญหา” วริษฐ์ ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการ เว็บไซต์ manager.co.th กล่าว เครือผู้จัดการเริ่มต้นจากนิตยสารผู้จัดการรายเดือนเมื่อกว่า 30 ปีก่อน ขยายสู่หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์...
แม้จะเป็นผู้มาก่อน มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 แล้ว แต่เมื่อคู่แข่งกำลังไล่ตามมาติดๆ โดยเฉพาะคู่แข่งที่มีทรัพยากรทั้งเงินทุนและเทคโนโลยีเพียบพร้อม คุณจะทำอย่างไร ...คำตอบนี้มีกรณีศึกษาของ “เอ็นโซโก้” (Ensogo) ที่กำลังใช้ยุทธศาสตร์ Innovation & Barrier เร่งสร้างสิ่งใหม่เพื่อเป็นกำแพงกั้นคู่แข่งออกห่างมากที่สุด “เอ็นโซโก้” เป็นสื่อโฆษณาที่ดึงกลุ่มเป้าหมายเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้ง่ายและเร็ว ผ่านรูปแบบการทำโซเชี่ยลคอมเมิร์ซ หรือการดึงให้กลุ่มคนมาร่วมกันซื้อคูปองส่วนลดทุกวัน หรือเดลี่ดีลที่แบรนด์ต่างๆ นำมาขาย ยิ่งออนไลน์ติดสปีด ระบบการชำระเงินปลอดภัย หรือมีช่องทางชำระเงินสะดวกมากขึ้น ยิ่งทำให้ธุรกิจนี้เติบโตและมีคู่แข่งมากขึ้น เม็ดเงินจากไม่กี่ร้อยล้านบาท กลายเป็นหลายพันล้านบาท โดยเฉพาะการมาล่าสุดของกรุ๊ปปอง (Groupon) บิ๊กโซเชี่ยลคอมเมิร์ซจากอเมริกาอีกราย ที่ทำให้เอ็นโซโก้ยิ่งต้องรุก แม้เพิ่งมียักษ์ใหญ่จากอเมริกา อย่าง “ลีฟวิ่งโซเชี่ยล” (LivinSocial) ในเครืออเมซอน (Amazon)...