คอนเสิร์ต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 25 Jan 2024 13:23:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แข่งเป็นเมืองแห่งอีเวนต์! “ฮ่องกง” วางแผนดึง “ศิลปิน” ระดับโลกจัด “คอนเสิร์ต” กระตุ้นเศรษฐกิจ https://positioningmag.com/1460319 Thu, 25 Jan 2024 12:40:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460319 “จอห์น ลี” (ลี กาจิว) ผู้นำสูงสุดของฮ่องกง ประกาศนโยบายดึง “ศิลปิน” ระดับโลก เช่น เทย์เลอร์ สวิฟต์ เข้ามาจัด “คอนเสิร์ต” บนเกาะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว แข่งขันกับเมืองหลักอื่นๆ ของเอเชียให้ได้

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า จอห์น ลี ผู้นำสูงสุดของฮ่องกง ให้คำมั่นว่าจะนำซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาจัดการแสดงบนเกาะฮ่องกงให้ได้ แต่ยอมรับว่าการเชิญชวนศิลปินมาจัดคอนเสิร์ตนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก “เหมือนชวนใครสักคนออกเดต”

โดยจะมีการทำงานผ่านคณะกรรมการด้านการท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุนใ ‘one-stop shop’ ให้กลุ่มออร์กาไนเซอร์คอนเสิร์ตสามารถผ่านขั้นตอนต่างๆ ได้ง่ายที่สุด ทำให้ฮ่องกงมีเสน่ห์ดึงดูดการจัดอีเวนต์มากขึ้น

ไม่เฉพาะการดึงดูดคอนเสิร์ตของซูเปอร์สตาร์เท่านั้น ฮ่องกงยังต้องการดึงดูดอีเวนต์ระดับโลกทุกประเภทให้มาจัดบนเกาะ

“เราจะต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ แต่ก็เหมือนการขอใครสักคนออกเดต” ลีกล่าว “ผมโทรฯ ไปหาเขาได้อยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นต้องขึ้นอยู่กับเขาด้วยว่ามีเวลาจะคุยกับผมไหม และการมาจัดงานที่ฮ่องกงจะใส่เข้าไปในแผนของเขาได้หรือเปล่า”

ลีมองว่าการสร้างความสำเร็จของรัฐในประเด็นนี้ จะต้องอาศัยส่วนผสมของ “จังหวะเวลา สถานที่ และคน” ที่ถูกต้อง

เรจิน่า อิป ที่ปรึกษาคนสำคัญของรัฐบาลฮ่องกง เคยวิจารณ์ภาครัฐไว้ก่อนหน้านี้ที่ไม่สามารถดึงซูเปอร์สตาร์อย่าง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” มาจัดคอนเสิร์ตในฮ่องกงได้ โดยสวิฟต์มีการจัดเวิลด์ทัวร์ 2024 ในเอเชีย แต่เธอเลือกจัดแสดงเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ ญี่ปุ่น กับ สิงคโปร์

นอกจากสวิฟต์แล้ว อีกหนึ่งศิลปินดังระดับโลกที่มีทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียปีนี้อย่าง “Coldplay” ก็เลือกจัดแสดงเพียง 2 ประเทศเช่นกัน คือ สิงคโปร์ กับ ไทย ไม่มีแผนการจัดแสดงบนเกาะฮ่องกง

จอห์น ลี (ลี กาจิว) ผู้นำสูงสุดของฮ่องกง (Photo: Shutterstock)

ฮ่องกงจึงตื่นตัวมากในการดึงอีเวนต์ระดับโลกให้เข้ามามากขึ้น เพราะต้องการใช้อีเวนต์เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจภายในได้สองต่อคือทั้งการจัดอีเวนต์และการท่องเที่ยว

ระหว่างการหารือของภาครัฐ ซันนี่ ถัน ประธานสภาการสร้างประสิทธิผลแห่งฮ่องกง คือผู้เรียกร้องถึงรัฐบาลว่าควรจะมีการสร้าง “สถานที่” จัดคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์ใหญ่ๆ ที่เหมาะสม โดยกล่าวเปรียบเทียบถึง “Opera House” ของซิดนีย์ ที่สามารถเป็นทั้งจุดจัดงานสำคัญและแลนด์มาร์กของเมืองได้

จอห์น ลีตอบเห็นด้วยว่าฮ่องกงควรจะมีสถานที่จัดงานที่ดีกว่านี้และมากกว่านี้ พร้อมเสนอแผนงานว่าจะมีการจัดสร้างสถานที่จัดอีเวนต์ให้มากขึ้นอีก 40% จากที่มีอยู่เดิม แต่จะต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงจุดนั้นได้

ลียังเชิญชวนให้ภาคธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมรวมกำลังกันเพื่อผลักดัน “เศรษฐกิจอภิมหาอีเวนต์” ให้เกิดขึ้นจริงบนเกาะฮ่องกง

“เพื่อฟื้นชีวิตชีวาให้กับเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับการจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ บทบาทของภาครัฐคือการเป็นโปรดิวเซอร์และคนเขียนบท” ลีกล่าว “แต่ออร์กาไนเซอร์และภาคธุรกิจต่างๆ ต้องเล่นตามบทบาทที่เขียนไว้ด้วย รวมไปถึงผู้บริหารและพนักงานในธุรกิจท่องเที่ยว เคเทอริ่ง และอุตสาหกรรมรีเทล”

เขากล่าวด้วยว่าตลาดเองก็ต้องมีสินค้าใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวและทำให้นักเดินทางต้องการอยู่เที่ยวต่อ รวมถึงกระตุ้นให้คนท้องถิ่นเองต้องการออกมาใช้จ่ายในเศรษฐกิจช่วงกลางคืนด้วย

“ผมเชื่อว่าผู้บริหารและพนักงานในฮ่องกงมีความสามารถ พวกเขาจะแสดงถึงองค์ประกอบที่สามารถสร้างความภาคภูมิใจและความสำเร็จให้กับฮ่องกงได้อีกครั้ง” ลีกล่าว

Source

]]>
1460319
ปรากฏการณ์ Taylor Swift ส่งผลให้ UOB ได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 89% ในไตรมาสที่ผ่านมา https://positioningmag.com/1449401 Thu, 26 Oct 2023 10:20:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449401 คอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่จัดในประเทศสิงคโปร์ ได้สร้างผลดีกับสถาบันการเงินอย่าง UOB เมื่อรายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 89% ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเหล่าแฟนคลับแห่กันสมัครและใช้งานบัตรเครดิตเพื่อที่จะจองตั๋วคอนเสิร์ต

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวว่า UOB สถาบันการเงินในสิงคโปร์ ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยรายได้ค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตของสถาบันการเงินรายดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากถึง 89% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา และยังทำสถิติใหม่ด้วย

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตของ UOB เพิ่มมากขึ้นก็คือ ผลจากปรากฏการณ์คอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่จัดในประเทศสิงคโปร์ ทำให้เหล่าแฟนคลับแห่กันสมัครบัตรเครดิตในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากสิทธิพิเศษของผู้ถือบัตรคือสามารถที่จะจองตั๋วคอนเสิร์ตได้ก่อนใคร

ปกติแล้วรายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวมทั้งหมดของ UOB แต่ปรากฏการณ์คอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่จัดในประเทศสิงคโปร์ส่งผลทำให้ไตรมาสที่ผ่านมารายได้นั้นทะลุเป้าเกือบ 20% ของรายได้รวมทั้งหมด

ไม่ใช่แค่ Taylor Swift เท่านั้น ล่าสุดทาง UOB ได้จับมือกับผู้จัดคอนเสิร์ต Ed Sheeran ในการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ถือบัตรเครดิตของสถาบันการเงินรายนี้สามารถซื้อตั๋วคอนเสิร์ตได้ก่อนใครด้วย

Wee Ee Cheong ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของ UOB ได้กล่าวว่า ถ้าคุณมีบัตรเครดิตของ UOB ก็ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบเล็กๆ น้อยๆ และจะมีอีกมากมายตามมาในภายหลังอย่างเช่น คอนเสิร์ตของ Ed Sheeran ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน (กับคอนเสิร์ตของ Taylor Swift)

]]>
1449401
ไม่แผ่ว! ภาพยนตร์คอนเสิร์ต ‘เทเลอร์ สวิฟต์’ ทำยอดขายล่วงหน้าทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ ช่วยดันหุ้นโรงหนัง ‘AMC’ พุ่ง 11% https://positioningmag.com/1447241 Sun, 08 Oct 2023 13:38:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447241 ยอดขายตั๋วชอมคอนเสิร์ตจริงว่าปังแล้ว ยอดขายภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour ก็มียอดขายตั๋วไม่แพ้กัน โดยเฉพาะยอดขายตั๋วล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกาก็ทำยอดทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรียบร้อยแล้ว

สำหรับคอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour มียอดขายบัตรในอเมริกาเหนือสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ แล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระเเสจะไม่ได้แผ่วลงไปเลย

เพราะหลังจากที่ เทเลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ได้ประกาศให้ผู้ติดตามเกือบ 275 ล้านคนของบนอินสตาแกรมในวันที่ 31 สิงหาคม ว่าจะมี ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour โดยจะฉายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้มียอดจองตั๋วล่วงหน้าเฉพาะแค่ในสหรัฐฯ ทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ด้วยกระเเสดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของ AMC Entertainment พุ่งขึ้น +11.5% เนื่องจากภาพยนตร์คอนเสิร์ตดังกล่าวทําลายสถิติการขายตั๋วล่วงหน้าวันแรกของ AMC ที่ 26 ล้านดอลลาร์ โดย AMC Theatres Distribution พร้อมด้วยพันธมิตร sub-distribution Variance Films, Trafalgar Releasing, Cinepolis และ Cineplex ได้บรรลุข้อตกลงกับผู้ประกอบการในการแสดงภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์กว่า 8,500 แห่งใน 100 ประเทศ โดยโรงภาพยนตร์ประมาณ 4,000 แห่ง อยู่ในสหรัฐอเมริกา

ไม่ใช่แค่ AMC ที่หุ้นเด้งเพราะภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour แต่หุ้นของ Cinemark Holdings ซึ่งเป็นบริษัทเครือโรงภาพยนตร์ที่มีสถานที่ตั้งประมาณ 500 แห่ง เพิ่มขึ้นมากกว่า +5

ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์คอนเสิร์ต Taylor Swift: The Eras Tour แต่โรงภาพยนตร์จะยิ้มได้จาก Renaissance: A Film by Beyonce ภาพยนตร์คอนเสิร์ตของ บียอนเซ Beyoncé ที่จะเข้าฉายในช่วงเดือนธันวาคมนี้

Source

]]>
1447241
UOB- The EM District ร่วมปั้น “ยูโอบี ไลฟ์” ฮอลล์จัดอีเวนต์แห่งใหม่ใน THE EMSPHERE รองรับ 6,000 คน https://positioningmag.com/1441251 Thu, 17 Aug 2023 15:45:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441251 UOB และ The EM District รวมถึง AEG ร่วมปั้น “ยูโอบี ไลฟ์” ฮอลล์จัดอีเวนต์แห่งใหม่ใน THE EMSPHERE รองรับ 6,000 คน คาดว่าในแต่ละปีจะสามารถจัดงานต่างๆ ได้มากถึง 100 งาน โดยจะเน้นไปที่การจัดคอนเสิร์ตและกีฬาเป็นหลัก

ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารยูโอบีประเทศไทย, ดิ เอ็มดิสทริค (The EM District) รวมถึง เออีจี (AEG) ประกาศความร่วมมือในการให้สิทธ์ยูโอบีใช้ชื่อแบรนด์ ยูโอบี ไลฟ์ (UOB LIVE) ศูนย์กลางการจัดงานแห่งใหม่ที่ครบครันและล้ำสมัยที่สุดในอาเซียน

การให้สิทธิ์ใช้ชื่อ UOB LIVE นั้นจะมีอายุ 5 ปี นับตั้งแต่การเปิดใช้งานวันแรก คาดว่าจะมีการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า และเริ่มมีการติดต่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าวบ้างแล้วด้วย

ขณะที่ ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ ดิ เอ็มดิสทริค ได้เล่าถึง AEG มีแผนจะขยายธุรกิจ โดยบอร์ดผู้บริหารบอกว่ายุโรปน่าสนใจ แต่ Philip Anschutz ซึ่งเป็นเจ้าของ AEG กลับไม่เห็นด้วย

หัวเรือใหญ่ของเดอะมอลล์ กรุ๊ป รายนี้ได้แนะนำประเทศไทยไปหลังจากการเข้าพบกับเจ้าของ AEG ซึ่งเขาเองเห็นด้วยกับแผนการดังกล่าวนี้ เธอยังได้พาบอร์ดผู้บริหารมาเที่ยวในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเธอมองว่าไทยสามารถผลักดัน World Class Entertainment ได้ และต่างฝ่ายต่างจริงจังในเรื่องนี้เช่นกัน

UOB LIVE นี้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 6,00 คน โดยที่โฟกัสหลักจะอยู่ที่งานประเภทคอนเสิร์ต และ กีฬา แต่สามารถรองรับจัดงานประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น งานสัมมนา หรือแม้แต่งานแต่งงานได้เช่นกัน โดยคาดว่าในแต่ละปีจะมีการจัดงาน 100 งานต่อปี แต่จะเน้นไปที่คอนเสิร์ตกับกีฬาเป็นหลัก

โดยฮอลล์ดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์ของ ดิ เอ็มสเฟียร์ (THE EMSPHERE) ศูนย์การค้าแห่งใหม่ ที่มาพร้อมกับแหล่งช็อปปิ้งระดับโลก ตัวเลือกร้านอาหารที่หลากหลาย และพื้นที่สำหรับความบันเทิง

ตัน ชุน ฮิน (ที่ 3 จากด้านซ้าย), ศุภลักษณ์ อัมพุช (กลาง), อดัม วิลคส์ (ที่ 4 จากด้านขวา)

อดัม วิลคส์ ประธานและผู้บริหารสูงสุดของบริษัท AEG แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่ยุคใหม่ด้านความบันเทิง โดย UOB LIVE จะเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคต ด้วยการมอบประสบการณ์ความบันเทิงเหนือระดับ ผ่านความร่วมมือของ AEG, UOB และ เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดกิจกรรมระดับเวิลด์คลาสเพื่อสร้างช่วงเวลาสุดพิเศษที่น่าจดจำให้กับผู้เข้าชมงานทั้งในไทยและระดับนานาชาติ

นอกจากนี้ ประธานและผู้บริหารสูงสุดของบริษัท AEG แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังได้เล่าถึงสาเหตุที่จะทำให้ศิลปินต่างชาติไม่เข้ามาในประเทศไทย สาเหตุส่วนหนึ่งที่เขามองเป็นเพราะโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่ไม่ดี

สำหรับความร่วมมือกับ UOB และ AEG นั้นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้สถาบันการเงินจากประเทศสิงคโปร์รายนี้ได้จับมือกันโดยการให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าบัตรเครดิตของ UOB สามารถที่จะซื้อบัตรคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่ประเทศสิงคโปร์ได้ก่อนเพื่อน ก่อนที่จะมาจับมือกับ The EM District และ AEG อีกครั้งในกรุงเทพ

ขณะที่เม็ดเงินลงทุนของ UOB LIVE ที่ The EM District อยู่ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เม็ดเงินอีก 350 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นทาง AEG และ The Mall Group ได้ลงทุนในฮอลล์จัดอีเวนต์ที่ Bangkok Mall แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องของการให้สิทธิ์ใช้ชื่อแต่อย่างใด

ประธานและผู้บริหารสูงสุดของบริษัท AEG แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังได้กล่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ UOB LIVE รวมไปถึงกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะประกาศให้ทราบอีกครั้งในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ทาง The EM District และ AEG ก็กำลังคุยกับผู้สนับสนุนรายอื่นๆ (Founding Sponsor) ของฮอลล์จัดอีเวนต์แห่งใหม่นี้ด้วย โดยเบื้องต้นมีทั้งแบรนด์รถยนต์ รวมถึงแบรนด์เครื่องดื่มเข้าร่วมแล้ว

]]>
1441251
กลยุทธ์จัดคอนเสิร์ต “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ลดจำนวนเมือง โชว์หลายรอบในที่เดียว ช่วยให้กำไรเพิ่มอื้อ https://positioningmag.com/1440296 Tue, 08 Aug 2023 13:22:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440296 ทัวร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของนักร้องสาวซูเปอร์สตาร์ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” มีแววว่าจะทำลายสถิติเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้ได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเธอน่าจะทำกำไรส่วนตัวได้สูงหลายล้านเหรียญจากกลยุทธ์การ “อยู่ยาว” ในเมืองเดียวแต่จัดโชว์หลายรอบการแสดง แทนที่การย้ายเมืองทุกรอบการแสดงอย่างที่เคยทำมา

The Wall Street Journal รายงานว่า Eras Tour ของ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” อาจจะเป็นทัวร์คอนเสิร์ตแรกในโลกที่สามารถทำรายได้ได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และน่าจะทำให้เธอได้ส่วนแบ่งกำไรส่วนตัวกลับบ้านถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (รวมส่วนที่จะจ่ายเป็นโบนัสให้ทีมงานคนขับรถบรรทุก แดนเซอร์ ทีมงานซาวด์ ฯลฯ ประมาณ 55 ล้านเหรียญแล้วในก้อนนี้)

การที่เธอน่าจะได้กำไรสูงจากการจัดทัวร์ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การ “อยู่ยาว” ในบางเมือง จัดรอบการแสดงติดต่อกัน 6 รอบในเมืองเดียว ได้แก่ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา, โทรอนโต แคนาดา และ สิงคโปร์ รวมถึงมีอีกหลายเมืองที่จัดรอบการแสดงสูงถึง 4 รอบในเมืองเดียว ได้แก่ เม็กซิโก ซิตี้ เม็กซิโก, โตเกียว ญี่ปุ่น และ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

เห็นได้ว่าทัวร์รอบนี้ของเทย์เลอร์ไม่มีการจัดแสดงในบางเมืองหรือบางประเทศที่เคยจัดในทัวร์ก่อนๆ เช่น ซานดิเอโก สหรัฐฯ, ออตตาวา แคนาดา

การตัดสินใจที่จะอยู่ยาวในบางเมือง ไม่มีการจัดรอบการแสดงในเมืองใกล้เคียงหรือประเทศใกล้เคียง มาจากสมมติฐานทางธุรกิจว่า บรรดา “สวิฟตี้” (ชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของเทย์เลอร์ สวิฟต์) จะยินดีจ่ายทั้งค่าตั๋วเข้าชมและค่าเดินทางเพื่อไปชมคอนเสิร์ตในเมืองอื่น ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นที่ไหน

เมื่อมีการย้ายพื้นที่แสดงให้น้อยลง ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเวทีและโปรดักชัน ค่าเดินทาง ค่าแรงงาน ลดน้อยลงไปด้วย

“ในแง่ของต้นทุน การลดจำนวนเมืองที่แสดงย่อมลดค่าโสหุ้ยในทัวร์คอนเสิร์ตนั้นลงไปอย่างเห็นได้ชัด” นาธาน ฮับบาร์ด อดีตซีอีโอบริษัท Ticketmaster และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารจัดการ Firebird กล่าวกับ Insider

“คิดดูสิว่าต้นทุนการรื้อเวทีทั้งเวทีลง ขนย้ายขึ้นรถบรรทุก 50 คัน ขนส่งรถทุกคันไปยังอีกเมืองหนึ่ง ค่าใช้จ่ายพวกนี้จะถูกตัดออกได้คืนละหลายล้านเหรียญสหรัฐ” ฮับบาร์ดกล่าว

 

View this post on Instagram

 

A post shared by Taylor Swift (@taylorswift)

“หลังจากผ่านโควิด-19 มา บรรดาศิลปินใหญ่ทั้งหลายต่างก็รู้ว่าแฟนคลับจะเดินทางไปที่ไหนก็ได้เพื่อให้ได้เจอศิลปินคนโปรดของตัวเอง” ฮับบาร์ดกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ มีแค่เมืองลาส เวกัสที่ดึงดูดให้คนยอมลงทุนเดินทางมาเพื่อดูคอนเสิร์ตได้ แต่วันนี้หลายเมืองสามารถเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสนุกๆ ไปในตัว ให้แฟนๆ และกลุ่มเพื่อนได้ไปเที่ยวด้วยกันในทริปเพื่อไปชมคอนเสิร์ต นั่นเป็นแรงขับเคลื่อนให้เริ่มเปลี่ยนแปลงระบบทัวร์”

สำนักข่าว Insider สอบถามแฟนๆ สวิฟตี้หลายคน พบว่าส่วนใหญ่ยินดีที่จะเดินทางข้ามรัฐข้ามประเทศเพื่อไปดูคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ จนทำให้เมืองไหนก็ตามที่ได้จัดคอนเสิร์ตของเธอ จะทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวของเมืองนั้นดีดตัวขึ้นแรงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่มีคอนเสิร์ต

The Common Sense Institute กล่าวว่า Eras Tour เฉพาะส่วนที่ทัวร์ในสหรัฐฯ​ เองคาดว่าจะช่วยสร้างการใช้จ่ายของผู้บริโภคถึง 4,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.61 แสนล้านบาท) เป็นเม็ดเงินที่ใหญ่กว่าจีดีพีของ 35 ประเทศบนโลกนี้

แน่นอนว่าจะ “อยู่ยาว” หลายเมืองมากไม่ได้ เพราะ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เองก็ขึ้นชื่อเรื่องความเอาใจใส่ในแฟนคลับของเธอ การเลือกจัดคอนเสิร์ตน้อยแห่งลงมากอาจจะกระทบกับชื่อเสียงได้ ปัจจุบัน Eras Tour มีแผนจัดการแสดงทั้งหมด 146 รอบ ในมากกว่า 50 เมือง ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากแล้ว

เห็นได้ว่าการจัด “สมดุล” ของทัวร์คอนเสิร์ต หากทำสำเร็จก็จะได้ทั้งใจของแฟนๆ และกำไรที่ดีขึ้นด้วย และ Eras Tour ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ กำลังจะเป็นผู้ดิสรัปต์วงการในการคิดสูตรทัวร์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้

source

]]>
1440296
รู้หรือไม่ Taylor Swift ทำรายได้มากกว่า 452 ล้านบาทต่อคืน ในการทัวร์คอนเสิร์ตรอบล่าสุด https://positioningmag.com/1436588 Wed, 05 Jul 2023 03:44:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436588 Taylor Swift นักร้องสาวชาวสหรัฐฯ ที่กำลังจะเดินทางมาทัวร์คอนเสิร์ตในทวีปเอเชียในช่วงปี 2024 นี้ เธอได้ทำรายได้ในการทัวร์คอนเสิร์ตในแต่ละคืนมากกว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐต่อคืน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 452 ล้านบาท และจะทำให้เธอกลายเป็นศิลปินที่สร้างรายได้จากการออกทัวร์คอนเสิร์ตมากที่สุด

อ้างอิงข้อมูลจาก Pollstar ซึ่งเป็นสื่อที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบันเทิง รายงานว่านักร้องสาวชาวสหรัฐฯ ทำเงินจากการทัวร์ในสหรัฐฯ มากถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในระยะเวลา 22 วันของการทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งในตางรางการแสดงของเธอในสหรัฐอเมริกามีทั้งหมด 50 ทัวร์ด้วยกัน

ขณะเดียวกัน Pollstar ได้ประเมินว่าการทัวร์คอนเสิร์ตของเธอในต่างประเทศในชื่อ Eras Tour นั้นอาจทำเงินได้มากถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโชว์ของ Taylor Swift ถือเป็นทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปิน 7 ใน 25 ที่ขายดีสุดและมีตั๋วคอนเสิร์ตเฉลี่ยมากกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ

ไม่เพียงเท่านี้ทัวร์คอนเสิร์ตของ Taylor Swift ถ้าหากไปย้อนดูราคาตั๋วคอนเสิร์ตเฉลี่ยจะอยู่ไม่เกิน 120 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าหากทัวร์ล่าสุดของเธออย่าง Eras Tour เฉลี่ยราคาตั๋วออกมาแล้วจะอยู่ที่ราวๆ 254 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 8,800 บาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า

นอกจากนี้ถ้าหากเทียบ Eras Tour กับ Speak Now ซึ่งเป็นทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของ Taylor Swift เองนั้นค่าตั๋วคอนเสิร์ตของเธอเพิ่มขึ้นมามากกว่า 3 เท่าแล้ว

ข้อมูลจาก Pollstar เองยังชี้ถึงราคาตั๋วคอนเสิร์ตในปัจจุบันที่แพงมากขึ้น ซึ่งถ้าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วตั๋วคอนเสิร์ตที่มีราคาเฉลี่ยเกิน 200 ดอลลาร์สหรัฐนั้นมีเพียงแค่ Britney Spears และ Celine Dion โดยราคาเฉลี่ยของตั๋วคอนเสิร์ตของศิลปินที่ขายดี 25 รายนั้นอยู่ที่ราวๆ 136 ดอลลาร์เท่านั้น

อย่างไรก็ดีไม่ว่าตั๋วคอนเสิร์ตของ Taylor Swift จะมีราคาแพงในปัจจุบันมากแค่ไหน แต่แฟนคลับของเธอทั่วโลกมากถึงหลักล้านคนต่างรอแย่งที่จะเข้าชมการแสดงของเธอ ส่งผลทำให้เธออาจเป็นศิลปินที่รับรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตมากที่สุดในปี 2023 ได้

]]>
1436588
บูมอีสาน! “ยูดี ทาวน์” อัดงบ 40 ล้านจัดสงกรานต์ “EDM” ปี’66 กรุยทางดึงจีนสายมูเที่ยว “อุดร” https://positioningmag.com/1422060 Tue, 07 Mar 2023 07:32:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422060 สายแดนซ์เตรียมพร้อม “ยูดี ทาวน์” เตรียมจัดใหญ่ UDON SONGKRAN FESTIVAL 2023 จัดปาร์ตี้ดนตรี “EDM” รับช่วง “สงกรานต์” ใหญ่ที่สุดที่เคยจัดในภาคอีสาน คาดการณ์ปี’66 ท่องเที่ยว “อุดร” ฟื้นตัวได้เท่าก่อนโควิด-19 ลุ้นดึงนักท่องเที่ยวจีน “สายมู” ทัวร์ริมโขง-ไหว้พระขอพร

“ยูดี ทาวน์” ศูนย์การค้าท้องถิ่นแห่งอุดรธานี เตรียมกลับมาจัดเทศกาลสงกรานต์ครั้งใหม่ใหญ่กว่าเดิมในงาน UDON SONGKRAN FESTIVAL 2023 ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2566 บนพื้นที่ลานเดอะแลนด์ ขนาด 12,000 ตร.ม. พร้อมอุโมงค์น้ำขนาดยักษ์

ไฮไลต์งานนี้คือเทศกาลดนตรี EDM Party ที่จะจัด 4 คืนต่อเนื่อง (13-16 เม.ย. 66 เวลา 17:00-24:00 น.) พร้อมเชิญศิลปิน-ดีเจทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 40 ราย เปิดรายชื่อดีเจระดับโลกที่จะมาแสดงในงาน เช่น Mike William จากเนเธอร์แลนด์, Gammer จากสหราชอาณาจักร, Bonka จากโคลัมเบีย ส่วนของไทยจะมีวงหมอลำอินเตอร์ฯ Paradise Bangkok ร่วมแสดง

ยูดี ทาวน์
ยูดี ทาวน์ อุดรธานี

 

ปาร์ตี้ EDM ต้อนรับชาวอีสานกลับบ้าน-เศรษฐีชาวลาว

“อภิชา วีรชาติยานุกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด รุ่นสองของกลุ่มยูดี ทาวน์ กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่าเป็นการกลับมาในรอบ 3 ปี โดยงานดนตรี EDM ทางยูดี ทาวน์มีการจัดครั้งแรกเมื่อปี 2559 เริ่มจากงานขนาดเล็ก ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นทุกปีจนถึงปี 2562 ที่จัดครั้งสุดท้ายก่อนต้องหยุดจัดอีเวนต์ใหญ่เพราะโควิด-19

งานครั้งนี้ใช้งบลงทุนไป 30-40 ล้านบาท จัดใหญ่กว่าเมื่อปี 2562 ถึง 2 เท่า และคาดว่าจะมีทราฟฟิกเฉพาะในงานนี้รวม 5 วัน 100,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 20,000 คน

ตัวอย่าง headliner งาน

ราคาตั๋วในงานจะมีตั้งแต่ระดับสูงสุด VVIP First Class ราคาเหมา 4 วัน 100,000 บาทต่อโต๊ะ 6 ท่าน ซึ่งจะได้สิทธิ Private Dry Zone ทางเข้าส่วนตัว ห้องน้ำส่วนตัว แพ็กเกจเครื่องดื่ม ฯลฯ ไปจนถึงตั๋วโซน GA ผู้ชมทั่วไป ราคา 400 บาทต่อวันต่อคน

อภิชากล่าวว่า บริษัทคาดหวังรายได้ขั้นต่ำ 30 ล้านบาทจากงานนี้ และหากขายตั๋วได้เต็มอัตราน่าจะทำรายได้ได้ถึง 100 ล้านบาท

“เป้าหมายของงานนี้จะเป็นคนวัย 20 ปีขึ้นไป ตอบโจทย์ชาวอุดรและชาวอีสานที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านจากการไปทำงานที่กรุงเทพฯ และคนอีสานก็ต้องการเทศกาล EDM แบบนี้เหมือนกัน รวมไปถึงชาวลาวที่มีกำลังซื้อสูง สนใจเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์” อภิชากล่าว

ยูดี ทาวน์ สงกรานต์
งานสงกรานต์ที่ยูดี ทาวน์ รอบปี 2562

งานครั้งนี้ยังมีการจัดพื้นที่ให้กับกลุ่ม VVIP แพ็กเกจทั้งหมดประมาณ 20% ของพื้นที่ เพิ่มขึ้นจากครั้งล่าสุดในปี 2562 ที่กันไว้ 10% ของพื้นที่ เพราะจากงานครั้งก่อนพบว่า แพ็กเกจระดับนี้ขายหมดเร็วมาก ไม่เหลือพอที่จะขายหน้างาน สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อและต้องการโต๊ะแบบ VVIP เพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ของตน

อีเวนต์ใหญ่รับสงกรานต์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวในช่วงหลังโควิด-19 ของยูดี ทาวน์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เริ่มสั่งอาหารและสินค้าทางเดลิเวอรีมากขึ้น ทำให้ทราฟฟิกเข้าศูนย์ฯ ลดลงเหลือ 8,000 คนต่อวัน จากก่อนโควิด-19 มีลูกค้าเฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน

แม้ยอดขายของร้านค้าเช่าจะไม่ต่ำลงเพราะลูกค้าเพียงหันมาซื้อผ่านเดลิเวอรี แต่ศูนย์ฯ จะต้องปรับมามีอีเวนต์มากขึ้น และมีการตกแต่งใหม่บ่อยขึ้นเพื่อดึงให้คนมาใช้ชีวิต ถ่ายรูป มีความบันเทิงนอกบ้าน โดยอภิชากล่าวว่าจากนี้ยูดี ทาวน์จะมีอีเวนต์ใหญ่ทุกๆ 2 เดือน และมีพันธมิตรสำคัญคือ “ไทยเบฟเวอเรจ” และ “เป๊ปซี่” ที่จะสร้างสีสันผ่านคอนเสิร์ตหมุนเวียนเข้ามาต่อเนื่อง

 

ท่องเที่ยวฟื้นปีนี้ หวังปีหน้าดึง “จีน” ทัวร์ทำบุญ

ด้าน “ธนกร วีรชาติยานุกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด รุ่นหนึ่งผู้ก่อตั้งศูนย์ฯ เปิดภาพรวมการท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรธานี จากสถิติผู้โดยสารเข้าออกทางเครื่องบินเมื่อปี 2565 มีผู้โดยสาร 1.77 ล้านคน ปี 2566 นี้เป็นไปได้ว่าจะมีผู้โดยสารทางเครื่องบินกลับไปเท่าปี 2562 คืออยู่ที่ 2.8 ล้านคนต่อปี เนื่องจากเที่ยวบินเข้าออกอุดรธานีเพิ่มขึ้นเกือบจะเท่ากับปีก่อนโควิด-19 แล้ว

(จากซ้าย) อภิชา วีรชาติยานุกูล, ภาสกร วีรชาติยานุกูล, ธนกร วีรชาติยานุกูล

ธนกรกล่าวถึงจุดยุทธศาสตร์ของอุดรธานีว่า เป็นจังหวัดศูนย์กลางการเดินทางไปหนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม หนองคาย เวียงจันทน์ ได้สะดวก และมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเชิงธรรมชาติ/วัฒนธรรม เช่น ทะเลบัวแดง บ้านเชียง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวสายธรรมะ ไหว้พระทำบุญ อุดรธานีและทัวร์ภาคอีสานมีความโดดเด่นมาก เชื่อว่าจะเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง

นอกจากนักท่องเที่ยวไทยแล้ว ภาคอีสานยังคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต หลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เริ่มโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวริมโขง ตั้งแต่หนองคาย อุดรธานี ไล่ไปจนถึงนครพนม และชาวจีนเริ่มแสดงความสนใจ เนื่องจากชาวจีนบางกลุ่มก็มีความเชื่อในทางวัตถุมงคล การไหว้พระทำบุญ เช่นเดียวกับคนไทย เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการทำการตลาด อาจจะยังไม่เห็นชัดเจนในปีนี้ แต่ปี 2567 น่าจะเห็นชาวจีนเที่ยวอีสานมากขึ้น

 

โรงแรมเติบโต วางแผนเปิดแห่งที่สองเพิ่ม

“ภาสกร วีรชาติยานุกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาทิพย์ 456 จำกัด รุ่นสองที่เข้ามาช่วยบริหารงานโรงแรมโมโค (MOCO) และศูนย์ประชุมนานาชาติมลฑาทิพย์ กล่าวว่า โรงแรมโมโคซึ่งเป็นบูทีคระดับ 4 ดาว ขนาด 68 ห้อง หลังเปิดมาเกือบ 2 ปี ปัจจุบันมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% และคาดว่าปีนี้น่าจะขยับเป็น 70-80% ได้ หลังการท่องเที่ยวฟื้นตัว เที่ยวบินกลับมาเปิดบินเต็มที่

ส่วนศูนย์ประชุมฯ มลฑาทิพย์ก็เริ่มกลับมาคึกคัก มีงานอีเวนต์ แต่งงาน จัดประชุม ทุกวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างกระตุ้นตลาดเพิ่ม

ธนกรกล่าวต่อถึงแผนอนาคตของกลุ่มยูดี ทาวน์ ยังเหลือที่ดินอีก 2 แปลง แปลงละ 4 ไร่ รวมถึงที่ดินใกล้เคียงกับโรงแรมโมโคที่สามารถปรับการใช้งานได้ ที่ดินเหล่านี้กำลังวางแผนว่าอาจจะเปิดเป็นโรงแรมระดับกลาง ราคาห้องพักคืนละ 1,500-2,000 บาท คาดว่าจะก่อสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น 2 อาคาร รวม 140 ห้อง ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท แต่จังหวะการลงทุนอาจใช้เวลาอีก 2-3 ปีในการตัดสินใจ

]]>
1422060
ส่อง ’10 กิจกรรม’ ที่ชาวโซเชียล ‘อยากทำมากที่สุด’ ในช่วงล็อกดาวน์ https://positioningmag.com/1346523 Fri, 13 Aug 2021 06:00:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346523 หลังจากรัฐบาลประกาศบังคับใช้มาตรการคุมเข้มโควิด ทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวลงชั่วคราว และในปัจจุบันได้ขยายมาตรการล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว จำกัดการเดินทางในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้มอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม โดยจะมีการประเมินทุก 14 วันเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งนั่นได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนที่ไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เก็บข้อมูลเพื่อสะท้อนกิจกรรมที่ ชาวโซเชียลอยากทำมากที่สุด การล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง จากคีย์เวิร์ดคำว่า ‘อยาก’ จากกว่า 150 กิจกรรม ในช่วงวันที่ 1 มิถุนายน – 11 สิงหาคม 2564 พบว่า มักมีการพูดถึงการอยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเวลา 10.00-24.00 น. โดยช่องทางที่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ Twitter (64%) ตามด้วย Facebook (29%) และช่องทางอื่น ๆ (7%) โดย 10 อันดับกิจกรรมที่ชาวโซเชียลอยากทำมากที่สุดเรียงตามเอ็นเกจเมนต์ มีดังต่อไปนี้

อยากไปเที่ยว (3,745,397 เอ็นเกจเมนต์)

การเดินทางที่ไกลที่สุดตอนนี้อาจจะเป็นจากบ้านถึงซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอย หลายคนทริปล่ม ทริปถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไม่มีทีท่าว่าจะได้ออกไปไหนเลย การไปเที่ยวเลยเป็นกิจกรรมอันดับต้นๆ ที่หลายคนบ่นถึง โดยสถานที่ที่ชาวโซเชียลอยากไปมากที่สุด คือ ทะเล ส่วน 3 อันดับจังหวัดที่ชาวโซเชียลอยากไปมากที่สุด ได้แก่ เชียงใหม่, ภูเก็ต, นครราชสีมา และ 3 อันดับประเทศที่ชาวโซเชียลอยากไปมากที่สุด ได้แก่ เกาหลี, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา

หาดป่าตอง ภูเก็ต ช่วงหลัง COVID-19 ยังมีนักท่องเที่ยวบางตา (Photo : Shutterstock)

อยากกินหมูกระทะ (3,116,185 เอ็นเกจเมนต์)

“อยากกินหมูกระทะกะเธอ ติดตรงโควิด ไปไหนไม่ได้เลย” กลายเป็นไวรัลที่ดังชั่วข้ามคืนกับเพลง ‘อยากกินหมูกระทะกะเธอ – เทที & คลีโพ’ เพลงนี้ทำให้ชาวโซเชียลคิดถึงการรวมกลุ่มรับประทานหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู มากขึ้นไปอีก

อยากนอน (2,839,994 เอ็นเกจเมนต์)

บรรยากาศช่วงหน้าฝน บวกกับการนั่งทำงานหรือเรียนออนไลน์ที่บ้านอาจทำให้ชาวโซเชียลหลายคนง่วง รวมถึงมีหลายคนที่ต้องการนอนเพื่อหนีปัญหา และอยากให้ช่วงเวลาเลวร้ายต่างๆ นั้นผ่านไปไวๆ ล็อกดาวน์ครั้งนี้เลยอาจทำให้สภาพจิตใจของใครหลายคนแย่ลง

อยากดูหนัง (2,582,400 เอ็นเกจเมนต์)

ครั้งสุดท้ายที่ดูหนังในโรงภาพยนตร์คือเมื่อไหร่กันนะ? หลายคนคิดถึงบรรยากาศการรับประทานป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมระหว่างชมภาพยนตร์ หลายคนซื้อโปรเจคเตอร์จอใหญ่จุใจมาเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ที่บ้านให้ดียิ่งขึ้น ยังไงตอนนี้คงต้องสตรีมมิ่งดูภาพยนตร์-ซีรีส์วนไปครับ!

อยากไปถ่ายรูป (1,630,866 เอ็นเกจเมนต์)

วางกล้องเหงา ๆ ไว้ที่มุมห้องมานาน อยากออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจแล้ว! หลายคนอยากออกไปถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ถ่ายรูปรับปริญญา ถ่ายรูปใหม่ ๆ เพื่อไปลงโซเชียล แต่ทำได้แค่ลงรูปที่สต็อกไว้จากสองปีที่แล้ว

อยากเที่ยวกลางคืน (837,006 เอ็นเกจเมนต์)

ถ้าจบโควิด สายปาร์ตี้คงไปเปิดฟลอร์แดนซ์สะบัดอยู่ที่ไหนสักแห่ง บางคนก็อยากไปนั่งชิล จิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเพื่อน ตอนนี้แอลกอฮอล์เดียวที่รู้จักคือแอลกอฮอล์ล้างมือ!

อยากไปคอนเสิร์ต (602,093 เอ็นเกจเมนต์)

‘คิดถึงการไปคอนเสิร์ต’ ‘คิดถึงบรรยากาศร้องเพลงติดขอบเวที’ ‘คิดถึงการเล่นสดของศิลปิน’ หลายคนนั่งย้อนดูคลิปการแสดงดนตรีสด หลายคนซื้อบัตรเข้าชมเทศกาลดนตรีออนไลน์ ‘ดนตรีบำบัด’ จึงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการในตอนนี้

บรรยากาศคอนเสิร์ต Rolling Loud ในปีก่อนๆ

อยากไปทำงาน (428,971 เอ็นเกจเมนต์)

เวิร์คฟรอมโฮม อาจ ‘ไม่ได้เวิร์ค’ สำหรับทุกคน หลายคนจึงอยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ไปเจอเพื่อนร่วมงานและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแบบตัวเป็นๆ หรือรวมกลุ่มกันพักรับประทานอาหารกลางวัน

อยากไปโรงเรียน (385,801 เอ็นเกจเมนต์)

นักเรียน นักศึกษา ครูและผู้ปกครองหลายคนเบื่อกับการเรียนออนไลน์ เด็ก ๆ อยากไปเจอเพื่อน ครูอยากทำการสอนที่เน้นกิจกรรมและให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ผู้ปกครองเองก็อาจจะเหนื่อยกับการดูแลการเรียนการสอนลูกพร้อมกับทำงานไปด้วย

อยากตัดผม (330,010 เอ็นเกจเมนต์)

ร้านตัดผมและร้านเสริมสวยต้องปิดตัวลงชั่วคราวตามมาตรการคุมเข้ม COVID-19 ทำให้ตอนนี้หลายคนผมยาวจนกลายเป็นราพันเซลกันไปหมด

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น อยากปั่นจักรยาน, อยากเดินห้าง, อยากทำสวย, อยากสัก, อยากเลี้ยงสัตว์ ที่มีจำนวนการพูดถึงเกิน 100,000 เอ็นเกจเมนต์ จะสังเกตเห็นได้ว่าส่วนมากเป็นกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ที่บ้านทั้งนั้น หลายคนจึงแก้ปัญหาด้วยการโพสต์รูปเก่าแก้คิดถึง หรือแม้กระทั่งนั่งทำลิสต์กิจกรรมที่อยากทำและสถานที่ที่อยากไปหลังโควิดยาวเป็นหางว่าว ยังไงไวซ์ไซท์ก็หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววันนะครับ

]]>
1346523
กลับสู่ชีวิตปกติ! Live Nation ลุยจัดทัวร์ “คอนเสิร์ต” เต็มสูบในสหรัฐฯ เอเชียรอปีหน้า https://positioningmag.com/1342803 Fri, 16 Jul 2021 09:52:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342803 Live Nation บริษัทผู้จัดคอนเสิร์ตรายใหญ่ วางตารางงานคอนเสิร์ตทั่วสหรัฐฯ แบบจัดเต็ม ขายบัตรทุกที่นั่ง ขณะที่ฝั่งยุโรปคาดว่าจะกลับมาได้ภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ส่วนเอเชียต้องรอปีหน้าตามสถานการณ์การฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม ยังต้องเฝ้าระวังสายพันธุ์ “เดลตา” อาจเป็นตัวป่วนแผนธุรกิจ

“ไมเคิล ราพิโน” ซีอีโอบริษัท Live Nation Entertainment เปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC ว่า ธุรกิจ “คอนเสิร์ต” ในสหรัฐอเมริกาขณะนี้กลับมา “เปิดเต็มที่” แล้ว หลังผ่านพ้นการระบาดที่ดิสรัปต์วงการมานานแรมปี โดยบริษัทมีไลน์อัพรอขึ้นแสดงแน่นตารางงานช่วงฤดูร้อนนี้เรียบร้อย

“เราตื่นเต้นมากกับตลาดอเมริกัน เพราะ 70% ของธุรกิจเราอยู่ในสหรัฐฯ และอังกฤษ ทั้งสองตลาดนี้เริ่มกลับเข้าที่เข้าทางแล้ว” ราพิโนกล่าว “ในสหรัฐฯ เรากลับมาเปิดคอนเสิร์ตเต็มที่ได้แล้วตอนนี้”

Live Nation เริ่มจัดงานคอนเสิร์ตแบบเปิดขายบัตรทุกที่นั่งแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน และจะทยอยจัดต่อเนื่อง 30 งานทั่วประเทศ งานใหญ่ที่สุดงานหนึ่งคือ Rolling Loud เทศกาลดนตรีที่ไมอามี ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานถึง 200,000 คนตลอด 3 วันจัดงาน วันที่ 23-25 กรกฎาคม 2021 (บัตรขายหมดแล้ว) ทั้งนี้ ราพิโนระบุว่าฤดูร้อนนี้บริษัทจะจัดเทศกาลดนตรีประมาณ 10-15 งาน

บรรยากาศคอนเสิร์ต Rolling Loud ในปีก่อนๆ

อย่างไรก็ตาม คอนเสิร์ตเริ่มกลับมาจัดพร้อมๆ กับความกังวลของหน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐฯ เนื่องจากเกิดไวรัสสายพันธุ์ “เดลตา” ขึ้น และรัฐกำลังกระตุ้นให้ประชาชนไปรับวัคซีนให้มากขึ้นเพื่อเร่งป้องกันการระบาด

ส่วนตลาดยุโรปนั้น ราพิโนมองว่าจะกลับมาเปิดเต็มที่ได้ในช่วงปลายฤดูร้อนจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน) ขณะที่ตลาดเอเชียยังต้องรอก่อน อย่างเร็วที่สุดคือ “ปีหน้า” เนื่องจากการฉีดวัคซีนยังคงล่าช้า

ราพิโนกล่าวต่อว่า Live Nation จะไม่รีบอัดโชว์ที่ค้างหรือเลื่อนมาเพราะโรคระบาด และยังมองยาวไปถึงปี 2022-23 ด้วยว่า ศิลปินจะไม่ยอมขึ้นแสดง “นอกจากพวกเขาจะได้วันหยุดระหว่างทัวร์ และได้ไปเมืองที่ใช่ ในตลาดที่ใช่ของพวกเขา”

“เราจะทำให้แน่ใจว่า เราจะไม่เปิดตารางโชว์ 4 งานในสัปดาห์เดียว แล้วผู้ชมต้องเลือกไปได้แค่งานใดงานหนึ่ง” ราพิโนกล่าว “เราจะเกลี่ยงานที่มีดีมานด์เหล่านี้ให้ครอบคลุมไปอีก 2-3 ปี และไปได้ 2-3 ตลาด ดังนั้น เรามองดีมานด์ที่ค้างอยู่ในตลาดว่าเป็นความเป็นไปได้ แต่เราต้องแน่ใจด้วยว่าผู้บริโภคมีเวลาซื้อบัตรและไปงาน”

Harry Styles หนึ่งในศิลปินที่จะกลับมาทัวร์คอนเสิร์ต โดยออกทัวร์ในสหรัฐฯ ตั้งแต่กันยายน-พฤศจิกายน 2021

หลังจาก “มนต์เสน่ห์” แห่งการร่วมอีเวนต์การแสดงสดกลับมาแล้ว ราพิโนกล่าวว่า สิ่งที่จะเปลี่ยนไปในงานเหล่านี้คือ “การชำระเงิน” หน้างาน

“เราใช้โอกาสช่วง COVID-19 ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในฝั่ง Ticketmaster (*บริษัทในเครือเดียวกัน) ส่วนที่เราเร่งการเติบโตมากที่สุดคือ การชำระเงินแบบไร้สัมผัส” ราพิโนกล่าว “หลังจากนี้เมื่อคุณไปที่สถานที่จัดแสดง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋ว ซื้อเบียร์ ซื้อเสื้อยืด คุณจะใช้แอปฯ จ่ายเงินได้แบบไร้สัมผัสทั้งหมด”

ระหว่างเผชิญโรคระบาดที่ดิสรัปต์วงการแสดงสดไปเลย Live Nation ปรับตัวด้วยการเข้าถือหุ้นใหญ่ใน Veeps ซึ่งเป็นบริษัทจัดงานแสดงสดแบบสตรีมมิ่งออนไลน์โดยคิดค่าตั๋วเข้าชม ปรากฏว่างานรูปแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ศิลปินที่ต้องการจัดแสดงเพื่อคงความสัมพันธ์กับแฟนๆ ให้เหนียวแน่นต่อไปในยุคเว้นระยะห่างทางสังคม

อย่างไรก็ดี ราพิโนเชื่อว่าคอนเสิร์ตเสมือนจริงเหล่านี้จะกลายเป็น “สินค้าสมนาคุณ” ไป เมื่อแฟนๆ กลับมาชมการแสดงสดแบบเจอตัวจริงได้แล้ว

Source

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1342803
ZAAP Party พลิกเกม! เมื่อ “อีเวนต์” จัดใหญ่เหมือนเดิมไม่ได้ เตรียมขยายรับงาน “ทุกรูปแบบ” https://positioningmag.com/1295320 Thu, 03 Sep 2020 08:29:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1295320 “อีเวนต์” หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดช่วงสถานการณ์ COVID-19 เพราะไม่สามารถจัดงานได้เลยในช่วงล็อกดาวน์ และปัจจุบันก็ยังต้องรักษาระยะห่างภายในงานอย่างเคร่งครัด กลายเป็นโจทย์ใหญ่ให้ ZAAP Party มือออร์กาไนซ์งานคอนเสิร์ตต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทั้งรูปแบบงาน แหล่งรายได้ ไปจนถึงขั้นตอนทำงาน แม้ครึ่งปีแรกรายได้จะลดแรง 70-80% แต่เชื่อว่าทั้งปีจะฟื้นกลับมาเติบโต 29% จากปี 2562

“เทพวรรณ คณินวรพันธุ์” ซีอีโอ บริษัท ZAAP Party จำกัด ผู้จัดงานคอนเสิร์ตและปาร์ตี้ดังๆ ที่เรารู้จักกันดี เช่น S2O, Single Fest หรือเชียงใหญ่เฟส กล่าวถึงสถานการณ์บริษัทช่วงครึ่งปีแรก หลังเผชิญสถานการณ์ COVID-19 รายได้บริษัทลดลง 70-80% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ามีการล็อกดาวน์งดการพบปะของผู้คนจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่อีเวนต์ต้องยกเลิกหรือเลื่อนทั้งหมด

แต่ขณะนี้หลังภาครัฐคลายล็อกดาวน์อนุญาตให้จัดอีเวนต์ได้ โดยต้องมีการเว้นระยะห่าง ลดความหนาแน่นของคนภายในงาน ทำให้ ZAAP เริ่มกลับมาจัดงานได้ แถมมองว่ารายได้รวมปี 2563 น่าจะยังเติบโตได้ 29% เทียบปี 2562 ที่มีรายได้เกือบ 500 ล้านบาท

ขณะที่ผู้จัดงานอีเวนต์หลายแห่งต้องรัดเข็มขัดอย่างหนัก และยังคงอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ทำไม ZAAP ถึงยังเติบโต? ต้องฟังจากปากเทพวรรณ ซีอีโอของบริษัท

“เทพวรรณ คณินวรพันธุ์” ซีอีโอ บริษัท ZAAP Party จำกัด

 

รูปแบบงานต้องเปลี่ยน เล็กลง ถี่ขึ้น และสร้างสรรค์

ซีอีโอ ZAAP กล่าวว่า ข้อสรุปการทำงานหลังช่วง COVID-19 ของทีมงานประกอบด้วย 3C คือ Creativity – ความคิดสร้างสรรค์ , Collaboration – ความร่วมมือกับองค์กรอื่น และ Consumer Needs – ตอบความต้องการของลูกค้า

เริ่มจากโจทย์แรกที่ต้องปรับตัวคือ “รูปแบบงาน” แน่นอนว่าข้อกำหนดด้านสุขอนามัยทำให้การจัดอีเวนต์ไม่สามารถให้คนเข้างานได้หนาแน่นเท่าเดิม งานจึงต้องจัดเล็กกว่าเดิม แต่จัดให้ถี่ขึ้น และมีไอเดียสร้างสรรค์ มองความต้องการที่เป็นกระแสในหมู่ผู้บริโภคซึ่งจะเป็น “นิชมาร์เก็ต” ยิ่งกว่าที่เคย

“พฤติกรรมคนตอนนี้จะเลือกไปในแบบที่ตัวเองชอบจริงๆ ซึ่งมันจะแยกย่อยมากขึ้น จากเมื่อก่อนงานงานหนึ่งเพื่อนทั้งกลุ่มอาจจะชวนกันไปหมดทุกคน แต่ตอนนี้จะแยกกันไปกลุ่มเล็กๆ ไปเฉพาะที่อยากไปจริงๆ แล้วไปรู้จักเพื่อนใหม่ที่ชอบแบบเดียวกันในงาน” เทพวรรณกล่าว ดังนั้น งานที่จัดจะเล็กลงโดยปริยายเพราะเป็นนิชมาร์เก็ต บริษัทจึงต้องจัดงานให้บ่อยขึ้น และทำงานให้เร็วขึ้น

คอนเสิร์ตผสานการจัดแคมป์ปิ้ง Social This Camping Event ที่ จ.เชียงราย

ยกตัวอย่างงาน Social This Camping Event ที่ The Green-Chayana Resort จ.เชียงราย เป็นคอนเสิร์ตผสมกับการแคมป์ปิ้งท่ามกลางธรรมชาติ มีผู้ร่วมงานหลักร้อยคนเท่านั้น ไอเดียนี้มาจากการมอง Consumer Needs ที่บริษัทเล็งเห็นว่าคนยุคนี้กำลังสนใจแคมป์ปิ้ง ป่าเขา ธรรมชาติ ทำให้นำมาผสานกับอีเวนต์ดนตรี

มุมที่มอง “งานอดิเรก” หรือความสนใจของผู้เข้าร่วมงานยังต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะจากเดิมงานอีเวนต์อาจจะมีงานที่ใช้ดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น S2O แต่เมื่อลูกค้ากลุ่มนี้ถูกตัดออก จะเหลือเฉพาะลูกค้าคนไทย ทำให้ต้องคิดบนฐานว่าลูกค้าคนไทยชอบอะไร และจะดึงคนไทยให้ยอมลงทุนเดินทางไปงานได้อย่างไร

 

พึ่งรายได้จาก “สปอนเซอร์” มากขึ้น

เมื่อรูปแบบงานเปลี่ยน คอนเสิร์ตต้องเว้นระยะห่าง จำนวนคนเข้างานมีน้อยลง แต่หากจะขายบัตรแพงขึ้นนั้น ซีอีโอ ZAAP บอกว่า “ทำไม่ได้” เพราะกำลังซื้อคนมีน้อยลงด้วยซ้ำ ดังนั้น ถ้าเป็นงานประเภทที่บริษัทเป็นโปรโมเตอร์คือร่วมลงทุนในงานด้วย โมเดลแหล่งรายได้จะเปลี่ยนไป

จากปกติรายได้งานแบบที่บริษัทเป็นโปรโมเตอร์มักจะมาจากค่าบัตร 40% และจากสปอนเซอร์ 60% ตอนนี้ต้องมีสัดส่วนรายได้จากสปอนเซอร์มากกว่าเดิม เพื่อให้ค่าบัตรยังเท่าเดิม หรือบางงานเป็นรายได้จากสปอนเซอร์ “ล้วนๆ” ทำให้บัตรเข้างานแจกฟรีผ่านกิจกรรมของสปอนเซอร์

Amazing Thailand TUK TUK Festival by Chang Music Connection งานคอนเสิร์ตแบบไดรฟ์อิน ไอเดียดัดแปลงจากต่างประเทศโดยใช้รถตุ๊กตุ๊กแทนรถยนต์

ยกตัวอย่างงานแรกที่บริษัทจัดหลังคลายล็อกดาวน์คือ Amazing Thailand TUK TUK Festival by Chang Music Connection ผู้เข้าร่วมงาน 600 คนจะเข้างานได้ต้องร่วมกิจกรรมกับน้ำดื่มตราช้าง

เทพวรรณกล่าวว่า ส่วนนี้คือการ Collaboration กับองค์กรอื่นๆ เพราะต้องคิดแพ็กเกจจูงใจสปอนเซอร์ แน่นอนว่าเศรษฐกิจเช่นนี้ สปอนเซอร์ไม่ได้ออกงบประมาณให้ง่ายๆ บริษัทต้องนำเสนอว่าทำอย่างไรการจัดงานนี้จะคุ้มค่าสำหรับลูกค้า และต้องเข้าให้ถูกอุตสาหกรรมที่ยังต้องการใช้งบประมาณกับธุรกิจอีเวนต์ สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทขณะนี้จะเป็นสินค้าเครื่องดื่ม ธุรกิจโทรคมนาคม และหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ต้องการใช้อีเวนต์ฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

 

ลดต้นทุน เปลี่ยนขั้นตอนการทำงานเป็นเชิงรุก

รายรับลดแล้ว รายจ่ายต้องลดด้วย ส่วนนี้เทพวรรณมองว่าเป็นโชคดีที่ทุกคนในอุตสาหกรรมร่วมมือกันลดราคา ยกตัวอย่างเจ้าของสถานที่แทบทุกแห่งยินดีลดราคาเกิน 50% เพื่อให้ได้จัดงาน หรือซัพพลายเออร์สนับสนุนงานต่างมีส่วนลดให้ ซึ่งทำให้อีเวนต์ตัดต้นทุนไปได้มาก การจัดงานจึงยังคงมีกำไรเหมือนเดิม

Hotel Fest คอนเสิร์ตริมระเบียงที่พัทยา จะจัดขึ้นวันที่ 5-6 ก.ย. 63 ไอเดียจากคลิปนักร้องชาวอิตาลีที่ร้องเพลงริมระเบียงบ้านในช่วงล็อกดาวน์

นอกจากนี้ COVID-19 ยังทำให้บริษัทเปลี่ยนมาทำงานเชิงรุกมากกว่าเดิม โดยให้ครีเอทีฟคิดรูปแบบงานไว้เป็นแคตตาล็อก ถ้ามีคอนเซ็ปต์ไหนเหมาะสมกับลูกค้าสามารถดึงมาใช้ได้ทันที ทำให้การทำงานเร็วขึ้น

“ผมให้ครีเอทีฟคิดงานรอไว้เป็นสิบๆ งานเลย ปกติเราไม่ทำขั้นตอนแบบนี้ เมื่อก่อนเราจะไปรับบรีฟจากลูกค้าก่อน แล้วมาคิดงานอีก 2-3 อาทิตย์ค่อยกลับไปเสนอ ตอนนี้เรามีแบบงานพร้อมใช้ได้เลย” เทพวรรณกล่าว

 

ขยายไปจัดงานที่ไม่เคยทำมาก่อน

ปีนี้ ZAAP ยังพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วย คือโอกาสที่จะทำงานใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน จากจุดแข็งเดิมจะเน้นการจัดปาร์ตี้และคอนเสิร์ต ปีนี้สถานการณ์บีบให้ต้องรับงานทุกรูปแบบ ทำให้จะได้เห็นบริษัทออร์กาไนซ์งานวิ่ง ลานเบียร์ เทศกาลอาหาร ไปจนถึงงานเกมมิ่ง โดยอาศัยจ้างฟรีแลนซ์หรือบริษัทที่ถนัดงานรูปแบบนั้นๆ เข้ามาช่วยจัดอีเวนต์ร่วมกัน

“เราอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว” เทพวรรณกล่าว “หลายคนบอกว่าต้องรอจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ แต่ผมว่ามันรอไม่ได้ เราต้องทำให้เห็นว่าอีเวนต์มันจัดได้และไปได้”

จากสถานการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนกับว่า ZAAP จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ที่จริงบริษัทได้ผ่านจุดที่ “เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่” มาแล้ว โดยช่วงที่ไม่มีงานเลยทำให้บริษัทต้องลดขนาดองค์กรลงครึ่งหนึ่ง โชคดีที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นฟรีแลนซ์อยู่แล้ว ทำให้การลดและกลับมาเพิ่มคนทำงานยังง่ายกว่าบริษัทที่จ้างพนักงานประจำจำนวนมาก

เมื่อถามว่าถ้าสถานการณ์การจัดอีเวนต์ยังต้อง New Normal แบบนี้ไปจนถึงปีหน้า บริษัทจะยังไหวหรือไม่ เทพวรรณตอบว่า “ถ้าถามผมเมื่อเดือนที่แล้วผมอาจจะยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นตอนนี้เราคิดว่าเรารับมือไหว”

]]>
1295320