โปรโมชัน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 07 Aug 2023 01:40:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บริษัททั่วโลกเริ่มลดโปรโมชั่นจูงใจลูกค้า สาเหตุคือยอดขายไม่โต คุมค่าใช้จ่าย จากสภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ https://positioningmag.com/1440001 Sun, 06 Aug 2023 15:26:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440001 บริษัททั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก ไปจนถึงสายการบินหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เริ่มที่จะลดโปรโมชั่นจูงใจลูกค้า สาเหตุสำคัญนั้นมาจากยอดขายที่เติบโตลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันบริษัทเองก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย

CNBC ได้รายงานว่าบริษัทหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นค้าปลีกไปจนถึงสายการบินหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา หลายบริษัทเป็นแบรนด์ระดับโลก เริ่มลดโปรโมชั่นจูงใจลูกค้า หรือแม้แต่เริ่มหาวิธีทำให้ลูกค้าได้สิทธิประโยชน์ยากมากขึ้น เนื่องจากสาเหตุสำคัญคือมาตรการควบคุมค่าใช้จ่าย

บริษัทหลายแห่งได้เริ่มงัดมาตรการเข้มงวดไม่ว่าจะเป็น การให้สิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้านั้นยากมากขึ้น หรือแม้แต่โปรโมชั่นสำหรับวันเกิดของลูกค้าที่หลายแบรนด์ต่างนำมาใช้ต่างก็มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากขึ้น เช่น แบรนด์อย่าง Dunkin’ แต่เดิมโปรโมชั่นวันเกิดจะได้รับเครื่องดื่มฟรี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นถ้าหากซื้อสินค้าในช่วงวันเกิดจะได้คะแนนสะสมเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าแทน

ทางด้านของ Sephora เองจะต้องซื้อสินค้าอย่างน้อย 25 ดอลลาร์และจะต้องอยู่ใน Loyalty Program ถึงจะได้ของขวัญวันเกิด

ร้านค้าปลีกหลายแห่ง ในรายงาน CNBC ได้ชี้ว่าตอนนี้ลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการคืนสินค้าหากต้องการส่งคืนเสื้อผ้า รองเท้า หรือสิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ แบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Urban Outfitters และ Nordstrom รวมถึง J.Crew ถ้าหากต้องการส่งคืนสินค้า ลูกค้าจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง จากเดิมลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย

นอกจากนี้หลายแบรนด์เองเริ่มต้องการที่จะหาลูกค้าที่สามารถจับจ่ายใช้สอยในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ โดยค้าปลีกในสหรัฐฯ หลายราย ไม่ว่าจะเป็น Target หรือแม้แต่ Walmart บริษัทมอบสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าบ่อยๆ หรือแม้แต่ Best Buy เองก็ได้ออกโปรแกรมสมาชิกถ้าหากจ่ายเงินสมัครก็สามารถส่งคืนสินค้าได้ฟรี หรือแม้แต่เพิ่มระยะเวลาสามารถคืนสินค้าได้ยาวถึง 60 วัน

ขณะที่สายการบินรายใหญ่ในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น American Airlines และ Delta Air Lines รวมถึง United Airlines ก็เริ่มที่จะให้ลูกค้าต้องใช้คะแนนสะสมเพิ่มมากขึ้นในโปรแกรม Royalty ต่างๆ ของแต่ละสายการบิน ซึ่งก่อนหน้านี้สายการบินเหล่านี้ต้องการดึงดูดลูกค้าไว้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยซ้ำ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายแบรนด์ต้องเลือกวิธีการนี้คือสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มไม่เป็นใจ จากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายของลูกค้านั้นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลทำให้ยอดขายของหลายบริษัทนั้นแทบไม่เติบโต ขณะเดียวกันการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลทำให้หลายบริษัทเองก็ต้องคุมค่าใช้จ่าย จากปัญหาต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดีในรายงานของ CNBC ยังชี้ว่าถ้าหากหลายแบรนด์เองได้ลดโปรโมชั่นจูงใจลูกค้า ก็อาจส่งผลเสียกลับมาที่แบรนด์หรือกิจการต่างๆ ด้วยเช่นกัน

]]>
1440001
Traveloka งัดกลยุทธ์ ‘ลดราคา’ ครั้งใหญ่ กระตุ้นธุรกิจ รับกระเเสคนไทย ‘พร้อมไปเที่ยว’ https://positioningmag.com/1360391 Thu, 04 Nov 2021 10:51:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360391 Traveloka กระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวไทย ด้วยกลยุทธ์ ‘ลดราคา’ อัดเเคมเปญ EPIC Sale 2021 ร่วมพาร์ตเนอร์ 1,800 ราย รับกระเเสคนไทยเเพ็กกระเป๋าพร้อมไปเที่ยว

ภาคการท่องเที่ยว ส่งสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงปลายปี เห็นได้ชัดจากการที่คนไทยมากกว่า 65% ได้รับวัคซีนเเล้วอย่างน้อย 1 เข็ม เเละการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งเมื่อ วันที่ 1 ..ที่ผ่านมา เเละฝั่งต่างประเทศก็เปิดรับนักท่องเที่ยวชาวไทยมากขึ้น โดย

นักท่องเที่ยวชาวไทย กว่า 66% วางเเผนท่องเที่ยวในอีก 3 เดือนข้างหน้า

จากผลสำรวจผู้บริโภคล่าสุดของ Traveloka ซูเปอร์เเอปด้านการท่องเที่ยวเเละไลฟ์สไตล์ พบว่า กิจกรรมยอดนิยมในช่วงปลายปี 64 ยังเป็นการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว (30%) ตามมาด้วยการเข้าพักโรงเเรม (26%) เเละการเดินทางโดยเครื่องบิน (22%)

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ส่วนใหญ่เป็นในเมือง (74%) เที่ยวทะเล (15%) เเละภูเขา (12%) เเละลักษณะการท่องเที่ยวจะเป็นเดินทางท่องเที่ยวในประเทศกว่า 90% จองล่วงหน้าระยะ 7 วัน (52%) เข้าพักในโรงเเรมหรือรีสอร์ท (90%)

ด้วยสถาณการณ์ที่ดีขึ้น มีสัญญาณเชิงบวกก็คาดว่าตลาดการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนมีความอยากเดินทาง เเละเริ่มวางเเผนเดินทางกันล่วงหน้าเเล้ว ทิศทางธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงปีหน้าก็คงจะสดใสปณิชา ธนณาเคนทร์ ผู้จัดการฝ่ายขาย Traveloka ประจำประเทศไทย กล่าว

EPIC Sale ลดราคา กระตุ้นท่องเที่ยว 

ความคืบหน้าในการกระจายวัคซีน ทำให้ Traveloka สามารถโปรโมตการท่องเที่ยวในไทยได้อีกครั้งรวมถึงเป็นโอกาสของการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการเเละฟีเจอร์ใหม่ๆ

เเละเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก Traveloka จึงออกเเคมเปญลดราคาครั้งใหญ่ที่สุดเเห่งปี กับ  ‘EPIC Sale 2021’ หวังช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า เเละสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นพาร์ตเนอร์ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

Traveloka EPIC Sale คือโปรโมชันการท่องเที่ยวเเละไลฟ์สไตล์ที่มอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% ทำตลาดในประเทศต่างๆ ทั่วอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ เเละไทย

แคมเปญ EPIC Sale เริ่มจัดครั้งแรกในไทยมาตั้งเเต่ปี 2019 เเละได้รับเสียงตอบรับที่ดี ช่วยให้ทราฟฟิกในการใช้แอปพลิเคชัน Traveloka เพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วงเวลา EPIC Hour และจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 50 เท่า

สำหรับแคมเปญ EPIC Sale ในปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-11 .. 2021 ด้วยการจับมือพันธมิตรกว่า 1,800 ราย พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีเน้นสร้างเอ็นเกจเมนต์ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม อย่างกิจกรรม EPIC Livestream Referral ชวนเพื่อน รับคูปองเพิ่ม ในวันที่ 5,6, และ 11 พฤศจิกายน ที่ลูกค้าจะได้รับคูปอง EPIC เพิ่มขึ้นพิเศษจากการชวนเพื่อให้มาร่วมชมไลฟ์สตรีม

นอกจากนี้ยังมี EPIC Game ที่ให้ลูกค้าได้ร่วมเล่นเกมสนุก ๆ ใน Game Farm เพื่อรับคูปองเพิ่ม รวมไปถึง EPIC Hour ในช่วงเวลา 11:00 – 12:00 . สำหรับตั๋วเครื่องบิน เวลา 13:00 – 20:00 . สำหรับกิจกรรม Xperience และเวลา 19:00 – 20:00 . ส่วนการจองที่โรงแรมที่พัก ลุ้นโชคได้ทุกวันบนแอปฯ Traveloka ในช่วงแคมเปญ EPIC Sale

ยอด Booking เพิ่มขึ้นช่วงปลายปี 

ฝั่งผู้ประกอบการที่ได้ร่วมเเคมเปญ EPIC Sale 2021 อย่าง Hotel Plus Asia มองว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ยอดจองที่พักสูงขึ้น หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เเละระยะเวลาจองล่วงหน้าก็นานมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนมีการวางเเผนท่องเที่ยว รวมไปถึง Booking จากต่างประเทศก็มีมากขึ้นเช่นกัน ส่วนใหญ่จะเป็นตามหัวเมืองใหญ่ เข้าพักเเบบโรงเเรมเเละวิลล่า

ผู้ประกอบการก็มีการปรับตัว โดยเพิ่มความปลอดภัยเข้าไปมากขึ้น ตามมาตรฐาน SHA+ โดยคาดว่า เเคมเปญ EPIC Sale 2021 จะช่วยกระตุ้นการจองที่พักเพิ่มสูงขึ้นจากปกติถึง 50-70%

Photo : Shutterstock

เเม้ทางทีมผู้บริหาร Traveloka จะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้สำหรับเเคมเปญ EPIC Sale 2021 เเต่ก็ประเมินว่ากระเเสตอบรับจะดีเท่ากับปีก่อนๆ

โดยในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทางเเพลตฟอร์มก็มีการปรับตัวเช่นกัน อย่างการหาโปรดักต์ใหม่ๆ ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เลื่อนได้ยกเลิกได้ เน้นไปที่ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมไปถึงการพัฒนาเเอปพลิเคชันให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พร้อมการกระตุ้นท่องเที่ยวในอินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เเละเชื่อว่าในตลาดไทยก็จะมีเสียงตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน

 

 

]]>
1360391
ตลาดพิซซ่า 2564 อาจติดลบกว่า 15% “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” อัดโปรฯ 1 แถม 1 ยื้อยอดขาย https://positioningmag.com/1353017 Wed, 22 Sep 2021 08:26:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353017 “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” เปิดสถานการณ์ตลาดพิซซ่าปี 2564 อาจติดลบมากกว่า 15% หลังผ่านล็อกดาวน์ยาว 2 เดือน กำลังซื้อผู้บริโภคซึม ‘คนละครึ่ง’ ดึงลูกค้าไปร้านรายย่อยแทน แม้เปิดนั่งทานในร้านได้แล้วแต่ยอดขายยังกลับมาไม่เต็มที่ ทำให้บริษัทต้องอัดโปรฯ “1 แถม 1” รอบพิเศษ ยื้อยอดขายหวังให้รายได้ไม่ตกลงไปจากปีก่อน

“พิซซ่า” เป็นอาหารที่ผู้บริโภคนิยมสั่งเดลิเวอรี่เป็นทุนเดิม แต่การสั่งปิดนั่งทานในร้านอาหารก็มีผลกระทบไม่น้อย โดย “ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ” ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดร้านพิซซ่าปี 2564 นี้คาดว่าจะติดลบมากกว่า 15% เทียบกับปีก่อนซึ่งมีมูลค่าตลาด 15,000 ล้านบาทและยังคงเติบโตได้

สาเหตุมาจากการล็อกดาวน์ปิดนั่งทานในร้านที่นานกว่าเดิม เศรษฐกิจยิ่งซบเซาลง และคนตกงานจำนวนมากจนขาดกำลังซื้อ ทำให้ร้านพิซซ่ารายย่อยทยอยปิดตัวไป ปีนี้จึงนับได้ว่าวิกฤตยิ่งกว่าปีก่อน

ส่วนเดอะ พิซซ่า คอมปะนีเอง รายได้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ติดลบไปประมาณ 10-15% หนักที่สุดในช่วงปิดห้ามนั่งทานในร้าน แม้ว่ายอดขายฝั่งเดลิเวอรี่จะเติบโตขึ้นถึง 50-60% แต่ยังชดเชยยอดขายหน้าร้านที่หายไปไม่ได้ทั้งหมด

 

เปิดนั่งทานในร้าน แต่ลูกค้ายังซบเซา

หลังจากภาครัฐอนุญาตให้นั่งทานในร้านอาหารได้ ภาณุศักดิ์ระบุว่า ลูกค้ากลับเข้าร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนีเพียง 30% เทียบกับสถานการณ์ปกติ ทำให้เฉพาะเดือนกันยายนนี้รายได้รวมยังติดลบ 3-4% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุคือ ถึงแม้ว่าจะเปิดศูนย์การค้าได้ เปิดร้านอาหารได้ แต่ยังมีผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่ไม่กล้ากลับเข้าร้าน รวมถึงต้องยอมรับว่าร้านพิซซ่าอาจไม่ใช่เป้าหมายแรกเมื่อลูกค้ากลับมาทานในร้านได้

“ที่ผ่านมาเราเป็นอาหารแบบที่ส่งเดลิเวอรี่ได้ดี ทำให้เมื่อเปิดห้างได้แล้ว ลูกค้ามักจะมุ่งไปทานร้านที่ส่งเดลิเวอรี่ได้ยากก่อน เช่น บุฟเฟต์ ปิ้งย่าง ไอศกรีม ยกตัวอย่างร้านอาหารในเครือไมเนอร์คือ ซิซซ์เล่อร์ และ สเวนเซ่นส์ ยอดขายกลับมาดีมากทันที” ภาณุศักดิ์กล่าว

พิซซ่าหน้า “หน้าเบคอนเบรกแตก” และ “ขอบไส้กรอกชีสยักษ์พันเบคอน” เมนูใหม่ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี

เดอะ พิซซ่า คอมปะนีเคยให้ข้อมูลไว้ว่า ปกติยอดขายต่อบิลเมื่อทานในร้านมักจะสูงกว่าสั่งเดลิเวอรี่ประมาณ 20% ทำให้การดึงลูกค้ามาที่ร้านเป็นส่วนสำคัญ

ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายเดอะ พิซซ่า คอมปะนี แบ่งเป็นเดลิเวอรี่ 60% ซื้อกลับบ้าน 30% และทานในร้าน 10% จากช่วงก่อนเกิด COVID-19 ยอดขายจากทั้งสามส่วนนี้จะแบ่งเท่าๆ กันส่วนละ 33%

 

อัดโปรฯ 1 แถม 1 ยื้อยอดขายไม่ติดลบ

จากสถานการณ์กำลังซื้อหดตัว เดอะ พิซซ่า คอมปะนีจึงยิ่งต้องอัดโปรโมชันการตลาด โดยนำโปรฯ “1 แถม 1” ทุกหน้า ทุกขอบ ทุกสาขา ทุกวัน กลับมาเรียกลูกค้ากันใหม่ตั้งแต่วันนี้ยาวจนถึง 8 พฤศจิกายน 2564 จากปกติโปรฯ ดังกล่าวจะมีประจำเฉพาะเดือนมีนาคมของแต่ละปี ถือว่าเป็นการจัด 1 แถม 1 รอบพิเศษเฉพาะกิจ

นอกจากนี้ ยังจัดพร้อมๆ กับการออกพิซซ่าหน้าใหม่และขอบใหม่ คือ “หน้าเบคอนเบรกแตก” และ “ขอบไส้กรอกชีสยักษ์พันเบคอน” สามารถใช้โปรฯ 1 แถม 1 ได้เหมือนกัน เหมือนเป็นการอัดกิมมิกการตลาดแบบคูณสองพร้อมกัน เทหมดหน้าตักเพื่อดึงยอดขายด่วน

ภาณุศักดิ์ระบุว่า เป้าหมายรายได้ปีนี้ของเดอะ พิซซ่า คอมปะนีวางไว้ 7,000 ล้านบาท ซึ่งขอเพียงปั๊มรายได้กลับมาจน “ได้เท่ากับปีก่อน” ก็ถือว่าดีแล้ว เทียบกับสภาวะตลาดที่น่าจะติดลบดังกล่าว

 

วอนรัฐปลดล็อก ‘คนละครึ่ง’ ขยายเวลาเคอร์ฟิว

หนึ่งในปัจจัยของปีนี้ที่ทำให้รายใหญ่กระทบหนักคือโครงการ “คนละครึ่ง” ของภาครัฐ ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะรายย่อยสมัครใช้ หากเป็นร้านที่จดทะเบียนนิติบุคคลจะเข้าร่วมด้วยไม่ได้

“ช่วงที่มีคนละครึ่งคนหายเลยทันที ยอดตกเลย พฤติกรรมผู้บริโภคจะไปใช้จ่ายกับคนละครึ่งให้หมดก่อน แล้วถึงค่อยกลับมาที่ร้านเรา” ภาณุศักดิ์กล่าว “ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจึงไม่ให้นิติบุคคลร่วม ทั้งที่เราก็จ่ายภาษีเข้ารัฐจำนวนมาก บริษัทยิ่งใหญ่ก็ยิ่งเจ็บหนักนะครับ” โดยเขาอยากขอให้ภาครัฐปลดล็อกให้นิติบุคคลสามารถร่วมคนละครึ่งด้วยได้

“ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ” ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

อีกประเด็นหนึ่งที่ขอส่งเสียงถึงภาครัฐคือ “เคอร์ฟิว” ปัจจุบันยังกำหนดเวลาที่ 21.00 น. ทำให้ร้านค้าร้านอาหารมักจะปิดเวลา 20.00 น. ส่วนนี้อยากขอให้รัฐขยายเวลาไปถึงเที่ยงคืน หรืออย่างน้อย 22.00 น. เพราะจะทำให้ร้านอาหารมีเวลาจำหน่ายเพิ่ม และสอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่เลิกงานช่วงค่ำ หากต้องปิดร้าน 20.00 น. หลายคนอาจไม่สะดวกมาที่ร้าน

ภาณุศักดิ์ยังมองภาพระยะไกลหลัง COVID-19 คลี่คลายลง เชื่อว่าวิกฤตนี้จะทำให้พฤติกรรมบางอย่างของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตลอดกาล และธุรกิจร้านอาหารรวมถึงศูนย์การค้าจะต้องปรับตัวตาม

“เชื่อว่าการนั่งทานในร้านจะไม่กลับมา 100% เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะคนเริ่มชินกับการสั่งอาหารไปทานที่บ้านหรือที่ทำงาน คนที่จะเข้าไปนั่งทานในร้านต้องมีบางอย่างที่ดึงดูดให้อยากไปจริงๆ ดังนั้น ร้านอาหารต้องปรับวิธีใหม่ เมื่อร้านมีทั้งที่นั่งและเดลิเวอรี่ในร้านเดียว หากตั้งอยู่ในศูนย์การค้า การไปอยู่ชั้นบนๆ ของห้างจะไม่สะดวก ร้านควรจะได้อยู่ชั้นล่างสุดเพื่อเดลิเวอรี่ได้รวดเร็ว” ภาณุศักดิ์กล่าวปิดท้าย

]]>
1353017
KTC หั่นเป้ารูดบัตรเหลือ 2 เเสนล้าน ปรับมูฟครึ่งปีหลัง รออัดโปร-แลกพอยต์ คุมเข้มบัตรใหม่ https://positioningmag.com/1340915 Thu, 08 Jul 2021 08:30:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340915 KTC มองโควิดลากยาวฉุดการใช้จ่าย หวังฟื้นตัวได้ช่วงปลายปี หั่นเป้าใช้จ่ายเหลือ 5% หรือราว 2 แสนล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 8% หรือ 2.2 แสนล้านบาท เลือกทำการตลาดเฉพาะบุคคลให้ตรงจุดมุ่ง Partnership Marketing ช่วยคู่ค้าอัดโปรฯ แลกพอยต์ กระตุ้นยอดขาย เน้นวงเงินยอดใช้จ่ายไม่สูงแต่ต่อเนื่อง

พิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจบัตรเครดิตบริษัท บัตรกรุงไทย จํากัด (มหาชน) หรือ KTC ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (Spending) อยู่ที่ 94,000 ล้านบาท เติบโต 4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เเต่ต่ำกว่าที่คาดไว้

ดังนั้น บริษัทจึงปรับลดเป้ายอดใช้จ่ายบัตรเครดิตทั้งปี 2564 เหลือเติบโตที่ 5% หรือราว 200,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 8% หรือราว 2.2 แสนล้านบาท

ที่ผ่านมา เริ่มเห็นการเติบโตในเดือนเม.. เเต่พอเข้าเดือนพ.. ก็เริ่มกระตุกอีกครั้ง เมื่อต้องเจอโรคระบาดระลอกที่ 3 ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเดือนมิ.. จากเดิมที่เคยคาดหวังว่าตัวเลขจะเป็นบวกไปเรื่อยๆ เเต่ตอนนี้กลับติดลบ

ต้องยอมรับว่าปัจจัยเหล่านี้ จะกระทบต่อเป้าหมายในช่วงปลายปีของเรา การเจอสถานการณ์เช่นนี้ คงทำให้การหาสมาชิกบัตรใหม่ทำได้ยากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันฐานสมาชิกบัตรเครดิต KTC มีจำนวน 2.5  ล้านใบ สมาชิกบัตรฯ ใหม่ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 95,000 ใบ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 230,000 ใบ

พิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจบัตรเครดิตบริษัท บัตรกรุงไทย จํากัด (มหาชน)

ปกติเเล้ว ช่องทางขยายฐานสมาชิกที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ ผ่านสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ และหน่วยงาน Outsource Sales พนักงานเซลส์จากภายนอก เเต่ในยุคโควิด-19 ต้องเว้นระยะห่าง การไปพบปะลูกค้าทำได้ยากขึ้น รวมไปถึงคุณภาพการเงินของลูกค้าก็ลดลงด้วย

ทั้งนี้ อัตราการอนุมัติบัตรเครดิตใหม่ของ KTC อยู่ที่ 36% ลดลงจากเดิมที่เคยอยู่กว่า 40% โดยยังคงเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป สัดส่วนสมาชิกอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 55% และจังหวัดอื่นๆ 45%

เราเชื่อว่าถ้าผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้ไป ยอดบัตรใหม่น่าจะกระเตื้องขึ้น เเต่คิดว่าในช่วงไตรมาส 3 ยังคงไม่ฟื้นตัวได้เร็ว อาจจะค่อยๆ ขยับขึ้นไปรอโอกาสสุดท้ายในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งปกติก็เป็นไฮซีซั่นที่การใช้จ่ายกลับมาอยู่เเล้ว

รูดซื้อ ‘ประกัน’ มากสุด ช้อปออนไลน์-เเต่งบ้านพุ่ง 

สำหรับหมวดหมู่ที่ผู้ถือบัตร KTC นิยมใช้จ่ายมากที่สุด คือหมวดประกัน ซึ่งครองอันดับ 1 มาหลายปีเเล้ว ตามมาด้วยอันดับ 2 อย่างการเติมน้ำมัน

ส่วนอันดับ 3 โตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคือวาไรตี้สโตร์มาร์เก็ตเพลลสเช่น เช่น Shopee และ Lazada จากเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ อันดับ 4 คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะคนซื้อของกักตุนที่บ้านเยอะขึ้น เเละอันดับ 5 คือสุขภาพโรงพยาบาล

ส่วนหมวดเฟอร์นิเจอร์ของตกเเต่งบ้านก็มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ จากการที่หลายคนต้องทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ปรับเปลี่ยนชีวิตมาอยู่บ้านมากขึ้น ขณะที่หมวดการใช้จ่ายที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็คือ การท่องเที่ยวเเละแฟชั่น

ปัจจุบันวงเงินใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000 บาทต่อราย ลดลงจากราว 7,000 บาท ส่วนหนึ่งมาจากการใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าเล็กๆน้อยๆ ตามร้านสะดวกซื้อและช้อปปิ้งออนไลน์ได้มากขึ้น ต่างจากเดิมที่มักจะใช้ซื้อสินค้าใหญ่ๆ

รอจังหวะอัดโปรฯ-แลกพอยต์ กระตุ้นปลายปี 

สำหรับกลยุทธ์การตลาดธุรกิจบัตรเครดิตครึ่งปีหลังของปี 2564 นั้น จะมีการเปลี่ยนเเปลงไปตามสถานการณ์ โดยเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล เเละยึดหลัก ‘Partnership Marketing’ สร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรให้หลากหลายมากขึ้น

เเต่เดิมเราคิดว่าในไตรมาสที่ 3 จะเริ่มบุกทำการตลาดเเบบเต็มสูบมากขึ้น เเต่พอเจอสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ทีมต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ โดยทุกวันนี้โปรโมชันของเรามีทำไว้รออยู่เเล้ว เพียงเเต่ว่าเมื่อคนยังไม่กล้าออกมา เราก็คงไม่กล้าที่จะทุ่มโปรโมตมากๆ

การตลาดช่วงนี้จึงจะต้องเน้นไปที่การทำความเข้าใจกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เมื่อการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ยังจำเป็น เเละการสั่งสินค้าออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตไปเเล้ว

ในช่วงที่คนมีความกังวลมากมาย เเบรนด์ต้องสื่อสารให้ตรงกับเขามากกว่าจะไปพูดสารพัดเรื่อง พยายามให้ข่าวสารที่มีประโยชน์เเละไม่รบกวนลูกค้ามาก

มุ่งเน้นกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สมาชิกเลือกใช้บัตรเครดิตของ KTC เป็นอันดับแรก หรือตั้งเป็น Default Card ที่ใช้เป็นประจำในทุกวัน โดยร่วมกับพันธมิตรมอบสิทธิประโยชน์และใช้จุดแข็งด้านคะแนนสะสมเน้นวงเงินยอดใช้จ่ายไม่สูงแต่ต่อเนื่อง

ทีมการตลาดทำงานใกล้ชิดกับพาร์ตเนอร์ เมื่อพาร์ตเนอร์ต้องการความช่วยเหลือ เราก็ช่วยได้ เช่น ธุรกิจโรงเเรมในกรุงเทพฯ ที่หันมาจับลูกค้าคนไทยเเละขายอาหารมากกว่าห้องพัก ทาง KTC ก็โปรโมตโปรโมชันเเพ็กเกจเมนูอาหารสำหรับคน Work from Home ให้ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

พร้อมกันนี้ ยังมี KTC U SHOP ซึ่งเป็นบริการขายสินค้าออนไลน์ที่ใช้เป็นช่องทางในการสนับสนุนพันธมิตรและผู้ประกอบการที่สนใจนำเสนอสินค้าให้แก่สมาชิกบัตรฯ ซึ่งสมาชิกสามารถชำระด้วยคะแนน KTC FOREVER หรือบัตรเครดิตเคทีซีได้

ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาศักยภาพของแอปฯ KTC Mobile ให้มีบริการที่สะดวก เน้นใช้งานง่าย และรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกที่คุ้นชินกับการทำรายการแบบออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมียอดสมาชิกโหลดใช้งาน KTC Mobile แล้ว 1.8 ล้านราย มียอดใช้ทำธุรกรรมสม่ำเสมอ (Active) คิดเป็นประมาณ 75% จากฐานลูกค้าทั้งหมด 2.5 ล้านราย

ในไตรมาส 3 นี้ เราจะนำเสนอน้องกะทิเเชทบอทตัวใหม่ที่จะมาพูดคุยสื่อสารเเละช่วยเหลือลูกค้าด้วย” 

NPL ยังคุมได้ เข้มอนุมัติบัตรใหม่ 

จากกรณีภาครัฐ กำลังจะมีนโยบายปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยอีกครั้งนั้น KTC คาดว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะดอกเบี้ยบัตรฯ ได้ถูกปรับลดลงมาที่ระดับ 16% แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอความชัดเจนทางธนาคารเเห่งประเทศไทย (ธปท.)

ด้านคุณภาพสินเชื่อ หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น ผู้บริหาร KTC มองว่า ณ ขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้แม้ว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ โดยในไตรมาส 1 NPL อยู่ที่ 1.4% และขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.5% ในเดือนพ.. ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรม ที่เดือนเม.. NPL อยู่ที่ 2.3%

การที่ NPL ของเราอยู่ในระดับต่ำได้ ส่วนหนึ่งมาจากการคัดกรองลูกค้าใหม่ที่เข้มงวดและอนุมัติยากขึ้น โดยจะดูที่ความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก

 

 

]]>
1340915
ธนาคารใหญ่ในสหรัฐฯ เตรียมอัดโปร ‘บัตรเครดิต’ กระตุ้นใช้จ่าย ปั๊มรายได้ช่วงเศรษฐกิจฟื้น https://positioningmag.com/1333830 Tue, 25 May 2021 15:13:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333830 บรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ วางเเผนการตลาดใหม่ ทุ่มออกโปรโมชันบัตรเครดิตเพื่อขยายหาฐานลูกค้า กระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค รับเศรษฐกิจฟื้นตัว ต่างจากปีที่เเล้วที่ระวังความเสี่ยงจนถึงขั้นดึงวงเงินสินเชื่อกลับคืน

Andrew Davidson นักวิเคราะห์จาก Mintel Comperemedia มองว่า สถาบันการเงินอย่าง Capital One , Citigroup และ JPMorgan มีเเผนจะอัดโปรโมชันบัตรเครดิตอย่างหนัก เพื่อหาลูกค้าใหม่เเละสนับสนุนให้ลูกค้าเก่าใช้จ่ายมากขึ้น เป็นกลยุทธ์การเพิ่มรายได้ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัว หลังการฉีดวัคซีนได้ผลดี

ดยจะเน้นไปที่การทำตลาดดิจิทัล โปรโมตเเคมเปญโฆษณาเเละข้อเสนอต่างๆ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook , Instagram , Youtube และ Podcast เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้บริการบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นในปีนี้

ธนาคารใหญ่กำลังรอจังหวะการฟื้นตัวหลังโรคระบาด เพื่อทำรายได้ชดเชยส่วนที่หายไปในปีที่เเล้ว

โดยคาดว่า เเบงก์ต่างๆ จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการการให้สินเชื่อมากขึ้น ซึ่งเป็นท่าทีที่เเตกต่างจากช่วงปีที่ผ่านมา ที่ธนาคารส่วนใหญ่ตัดสินใจชะลอข้อเสนอบัตรเครดิต เเละดึงวงเงินสินเชื่อกลับคืน เพราะมีความกังวลเรื่องความเสี่ยงการผิดชำระหนี้ หลังอัตราว่างงานในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จากผลกระทบของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการเยียวยาจากรัฐบาล ที่ให้เงินช่วยเหลือคนว่างงาน เเละปล่อยเงินกู้ให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ทำให้ชาวอเมริกันที่พึ่งพาการใช้บัตรเครดิต สามารถชำระหนี้ได้เเละยังมีการใช้จ่าย บางรายชำระยอดคงเหลือด้วย

โดยรวมเเล้ว ธุรกิจบัตรเครดิตในสหรัฐฯ ยังคงทำกำไรได้ แต่มีรายได้ลดลง

จากข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก ระบุว่า ยอดเงินคงเหลือบัตรเครดิต (Card Balances) ของธนาคารในสหรัฐฯ ในปี 2020 ลดลง 14% ในช่วงการเเพร่ระบาด ขณะที่บัญชีที่มียอดหมุนเวียน (Revolving Balances) อยู่ที่ระดับ 39.7% ลดลงจากปี 2019 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 44.1%

ทั้งนี้ เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยของบัตรเครดิตในสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่ 16% สูงสุดที่ 25% (อ้างอิงจาก CreditCards)

แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดเมื่อสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลายลง หลังการกระจายวัคซีนทั่วถึง ผู้คนกลับมารับประทานอาหารในร้าน ข้อจำกัดการเดินทางถูกยกเลิก มีการจัดคอนเสิร์ต สำนักงานใหญ่ๆ เริ่มกลับมาเปิดทำการ เป็นสัญญาณที่ดีต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคเเละโอกาสที่จะปล่อยสินเชื่อ

 

 

ที่มา : Reuters

]]>
1333830
ชีวิตต้องสู้! ร้านอาหารในโรงแรมเปิดโปรฯ “จองห้องพักแถมอาหารตามมูลค่าห้อง” https://positioningmag.com/1330290 Sun, 02 May 2021 14:27:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330290 ศบค. สั่งยกระดับ 6 จังหวัดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ทำให้ร้านอาหารต้องปิดบริการทานในร้าน แต่กับอาหารบางประเภท เดลิเวอรี่ก็ไม่ตอบโจทย์ ร้านอาหาร Daddy G’s smoke & brew ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงแรม ONYX พระราม 9 ซอย 53 จึงออกโปรโมชันกู้วิกฤต “จองห้องพักแถมอาหารตามมูลค่าห้อง” ขอพยุงธุรกิจเพื่อลูกน้อง

ร้านอาหาร Daddy G’s smoke & brew ในโรงแรม ONYX พระราม 9 ซอย 53 เปิดโปรโมชันพิเศษรับมือ COVID-19 ระลอกสามและคำสั่งปิดบริการทานในร้าน ให้ลูกค้าสามารถ “จองห้องพักแถมอาหาร” ร้านจะนำอาหารไปเสิร์ฟให้ถึงห้องในลักษณะ room service เริ่มโปรฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 64 โดยมีรายละเอียดโปรฯ ดังนี้

1 ชม. 500 แถมอาหารมูลค่า 500 บาท
2 ชม. 1,000 แถมอาหารมูลค่า 1,000 บาท
3 ชม. 1,500 แถมอาหารมูลค่า 1,500 บาท
4 ชม. 2,000 แถมอาหารมูลค่า 2,000 บาท
4 ชม. 3,000 แถมอาหารมูลค่า 3,000 บาท
4 ชม. 4,000 แถมอาหารมูลค่า 4,000 บาท
1 คืนราคา 5,000 แถมอาหารมูลค่า 5,000 บาท

บรรยากาศร้าน Daddy G’s smoke & brew ในช่วงเวลาปกติ (Photo: Facebook@DaddyGsSmokeAndBrew)

โรงแรมมีทั้งหมด 73 ห้องพร้อมรับลูกค้า มีเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่จะเข้ารับบริการห้องพักพร้อมอาหาร คือ

*รับเฉพาะผู้พำนักในบ้านเดียวกัน หรือ มารถคันเดียวกัน
*รับไม่เกินจำนวนที่ประกาศรัฐกำหนด (ห้องใหญ่สุดรับได้ 6 ท่าน)
*ฆ่าเชื้อในห้องทุกครั้งหลังให้บริการด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อมาตรฐาน
*มีช้อนกลาง แยกภาชนะเครื่องดื่มให้
*กรุณาลงทะเบียนลงชื่อเข้าใช้ สวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลล้างมือฆ่าเชื้อ
*ไม่รับผู้มีความเสี่ยง ทั้งสัมผัสทางตรงทางอ้อม หรือ มีอาการไข้
*ถ้าลงทะเบียนให้ข้อมูลเท็จจนเกิดความเสียหายทางร้านขอดำเนินการจนถึงที่สุด

โพสต์ของร้านครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 เตรียมตัวก่อนปิดบริการหน้าร้าน ระบุว่า โปรโมชันครั้งนี้เพื่อ “เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ดิ้นเพื่อลูกน้องจะยังได้มีงานทำ มาครับ”

ตัวอย่างอาหารร้าน Daddy G’s smoke & brew

หลังจากประกาศโพสต์ไป 3 วัน ปรากฏว่ามีลูกค้าสอบถามและจองเป็นจำนวนมาก ทำให้ร้านแจ้งขอให้ลูกค้าจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน รับจองระหว่างเวลา 11.00-21.00 น. ส่วนการเข้าพักในห้อง หากไม่ค้างคืน สามารถอยู่ได้ถึงเวลา 22.00 น.

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ (วันที่ 2 พ.ค. 64) ทางร้านได้ดำเนินการลบโพสต์โปรโมชันนี้ออกจากหน้าเพจแล้วทั้งหมด เมื่อสอบถามผ่านทางเพจร้าน ทางร้านระบุในข้อความตอบกลับอัตโนมัติว่า “ตอนนี้ขออนุญาต ปิดรับจองชั่วคราวเพื่อจัดเตรียมการบริการ ทั้งส่วนของร้าน และ โรงแรมครับ . เมื่อเราพร้อมรับจองจะแจ้งอีกครั้งหน้าเพจ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกครับผม”

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ทางร้านระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบการดำเนินการของร้าน แต่โพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้วเช่นกัน

ร้านอาหาร Daddy G’s smoke & brew นั้นจำหน่ายอาหารสไตล์บาร์บีคิว อเมริกัน และเอเชียนฟิวชัน เช่น เนื้อสัตว์ย่าง/รมควัน เบอร์เกอร์ พาสต้า สลัด ราคาตั้งแต่ 180 บาทจนถึงมากกว่า 1,000 บาทต่อจาน

บางครั้งร้านอาหารไม่สามารถเดลิเวอรี่ได้เพราะลักษณะอาหารควรทานร้อน การอุ่นซ้ำอาจทำให้รสชาติเสีย และควรมีบรรยากาศของการรับประทานเสริมความอร่อย การถูกปิดระบบทานในร้านจึงทำให้ร้านแทบไม่มีรายได้เข้ามา

สำหรับไอเดียนี้ยังไม่แน่ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่สะท้อนให้เห็นความพยายามพลิกแพลงขายสินค้าของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร เพื่อความอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตระลอกที่สาม

]]>
1330290
LPN เปิดแคมเปญ “ช่วยผ่อนยาว 5 ปี” สะท้อนภาพอสังหาฯ ยังต้องอัดโปรหนักหน่วง? https://positioningmag.com/1329306 Mon, 26 Apr 2021 10:57:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329306 LPN เปิดตัวแคมเปญใหม่ “ช่วยผ่อนนานสูงสุด…5 ปี” โปรโมชันช่วยจ่ายค่าผ่อนให้ลูกค้าแรงที่สุด เพื่อกระตุ้นยอดขายไตรมาส 2/64 ท่ามกลาง COVID-19 ระลอกที่สาม ขณะที่บริษัทอื่นๆ มีต่อโปรโมชันช่วยผ่อน 2-3 ปียาวมาตั้งแต่ปีก่อน สะท้อนภาพภาคอสังหาฯ ปี 2564 ยังต้องสู้ด้วยราคา-ส่วนลด

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ออกแคมเปญใหม่ “ช่วยผ่อนนานสูงสุด…5 ปี” สำหรับ 11 โครงการในมือที่เข้าร่วม ราคาเริ่ม 1.38 ล้านบาทต่อยูนิต โดยมีรายละเอียดตัวเลือกให้ลูกค้าเลือกตัวช่วยผ่อนค่างวด ดังนี้

– ระยะเวลา 30 เดือน ช่วยผ่อนสูงสุดเดือนละ 13,000 บาท
– ระยะเวลา 40 เดือน ช่วยผ่อนสูงสุดเดือนละ 9,750 บาท
– ระยะเวลา 50 เดือน ช่วยผ่อนสูงสุดเดือนละ 7,800 บาท
– ระยะเวลา 60 เดือน ช่วยผ่อนสูงสุดเดือนละ 6,500 บาท

นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสูงสุด 35% และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พ.ค. 64

โปรโมชันแรงของ LPN ที่ปล่อยมาในช่วงไตรมาส 2/64 ตั้งเป้าว่าแคมเปญนี้จะทำยอดขายให้บริษัทได้ 1,000 ล้านบาท และเป็นการอัดโปรฯ เพื่อดึงดีมานด์ในช่วง COVID-19 ระบาดระลอกที่สาม ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ การเปิดแคมเปญผ่อนให้ถึง 5 ปี นับว่าเป็นการปรับโปรโมชันครั้งใหญ่ทั้งของบริษัทและของตลาด

ตัวอย่างโปรโมชันผ่อนให้/อยู่ฟรีไตรมาส 2/64

ไม่เฉพาะ LPN ที่มีโปรฯ นี้ในปี 2564 อสังหาฯ อีกหลายบริษัทก็จัดโปรฯ “ผ่อนให้” ต่อเนื่องกันจากปีก่อน แม้อาจจะไม่ได้ให้ระยะเวลายาวนานเท่าก็ตาม เช่น “ศุภาลัย” ออกแคมเปญ “พักก่อน พี่ผ่อนให้” อยู่ฟรี 24 เดือน สำหรับทุกโครงการพร้อมอยู่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 64

“พฤกษา” มีโปรฯ “พฤกษา คุ้ม จบทุกดีล” ให้อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน สำหรับ 131 โครงการที่ร่วมแคมเปญ และลูกค้าจองซื้อภายใน 30 มิ.ย. 64 นอกจากนี้ยังมีโปรฯ พ่วงอีก เช่น ฟรีส่วนกลางสูงสุด 36 เดือน ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน

ภาพของการจัดโปรโมชันอยู่ฟรี/ผ่อนให้นาน 2-3 ปีนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีก่อน เพราะเป็นโปรฯ ที่โดนใจลูกค้าในยุคเศรษฐกิจฝืดจาก COVID-19 คนต้องการบ้านแต่ไม่กล้าตัดสินใจซื้อตอนนี้ เนื่องจากกลัวอนาคตการเงินตนเองอาจไม่มั่นคงพอ อาจถูกลดเงินเดือนหรือเลย์ออฟ การจัดโปรฯ ผ่อนให้จึงตอบโจทย์ เพราะลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินไปได้อีก 2-3 ปี

ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรร (บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์) ช่วงไตรมาส 1/64 เริ่มขยับขึ้นแล้ว โดยเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 0.3% แต่หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนก็ยังต่ำกว่า เช่นเดียวกับดัชนีราคาคอนโดมิเนียม ไตรมาส 1/64 ราคาขึ้น 0.2% เทียบ QoQ แต่ยังไม่ฟื้นหากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นสัญญาณว่าตลาดอสังหาฯ เมื่อไตรมาสแรกของปีกำลังเริ่มฟื้นตัว แต่ยังไม่กลับไปเท่ากับช่วงก่อนเกิด COVID-19

ต้องรอดูกันอีกครั้งว่าการระบาดระลอกที่สามซึ่งหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง จะทำให้ราคาอสังหาฯ กลับตกลงอีกหรือไม่ และผู้ประกอบการอาจจะต้องจัดโปรโมชันแรงอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดีมานด์ให้ได้

]]>
1329306
Krispy Kreme สหรัฐฯ เเจก ‘โดนัทฟรี’ วันละ 1 ชิ้น ทุกวันยาวถึงสิ้นปี ให้ลูกค้าที่ ‘ฉีดวัคซีน’ เเล้ว https://positioningmag.com/1324586 Tue, 23 Mar 2021 05:12:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324586 ‘Krispy Kreme’ (คริสปี้ ครีม) เเบรนด์โดนัทยอดนิยม ออกโปรโมชันให้ลูกค้าในสหรัฐฯ โชว์หลักฐานการฉีดวัคซีนเเล้ว เพื่อรับโดนัท Original Glazed ฟรีวันละ 1 ชิ้นต่อคน ต่อเนื่องได้ทุกวันจนถึงสิ้นปี 2021 เป็นเเคมเปญการตลาดใหม่ หวังกระตุ้นการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงเร็วขึ้น

ตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกค้าที่ฉีดวัคซีนเเล้ว ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้ได้รับเข็มเเรกของ Pfizer เเละ Moderna รวมถึงวัคซีนของ Johnson & Johnson ที่ฉีดเพียงเข็มเดียว มีสิทธิ์ได้รับโดนัทฟรีณ ร้าน Krispy Kreme ทุกสาขาในอเมริกา ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยไม่ต้องซื้อสินค้าอื่นๆ

นอกจากนี้ Krispy Kreme ยังมีเเคมเปญสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเเละอาสาสมัครที่ช่วยกระจายวัคซีน ด้วยการส่งโดนัทฟรีไปยังศูนย์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

Dave Skena ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Krispy Kreme ระบุว่า ตอนนี้ทุกคนต่างต้องการให้โรคระบาด COVID-19 กลายเป็นอดีตให้เร็วที่สุด ดังนั้นเราต้องสนับสนุนให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้ประเทศปลอดภัยได้โดยการฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตาม Krispy Kreme ก็ยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับวัคซีนเพราะการจะเลือกรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 หรือไม่นั้นเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล

ทางเเบรนด์ จึงออกโปรโมชันสำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่รับวัคซีน COVID-19 ให้ยังคงสามารถรับโดนัทฟรีและกาแฟขนาดกลางได้ในช่วงระหว่างวันที่ 29 มีนาคม – 24 พฤษภาคม

เเคมเปญทั้งหมดนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มโครงการ ‘Be Sweet’ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเเละความสนุกสนาน โดยการสนับสนุนวัคซีนของ Krispy Kreme ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกค้าในร้านเท่านั้น เเต่ยังให้พนักงานลาหยุด 4 ชั่วโมง เพื่อไปรับการฉีดวัคซีนได้อีกด้วย

ล่าสุดสหรัฐอเมริกาฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับพลเมืองไปแล้วกว่า 127 ล้านโดส เเละตอนนี้ชาวอเมริกันราว 82 ล้านราย เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส 

 

 

ที่มา : CNNUSA Today 

]]>
1324586
Salmon Chaos : คนไต้หวันเเห่เปลี่ยนชื่อเป็น ‘เเซลมอน’ เพื่อโปร ‘กินฟรี’ จนรัฐต้องขอร้องให้หยุด https://positioningmag.com/1324056 Thu, 18 Mar 2021 14:09:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324056 ปรากฏการณ์คนเเห่เปลี่ยนชื่อเป็นเเซลมอนกำลังเป็นกระเเสเเรงในไต้หวัน จนทางการต้องออกประกาศขอร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว หลังมีประชาชนนับร้อย ยื่นขอเปลี่ยนชื่อเพื่อให้ได้สิทธิ์โปรโมชันกินฟรีไม่อั้นที่ร้านซูชิเเห่งหนึ่ง

สื่อไต้หวันเรียกกระเเสเปลี่ยนชื่อนี้ว่า ‘Salmon Chaos’ หรือความโกลาหลเรื่องแซลมอน โดยคนวัยหนุ่มสาวราว 150 คนเดินทางไปที่หน่วยงานของรัฐในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อยื่นขอเปลี่ยนชื่อเป็นเเซลมอน อย่างเป็นทางการ

ต้นเหตุของปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้นจากร้านซูชิเเห่งหนึ่ง ออกโปรโมชันใหม่ เพื่อดึงดูดลูกค้าว่า หากลูกค้าท่านใด นำบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงเเล้วในชื่อมีคำว่าว่า ‘Gui Yu’ (鮭魚) ที่หมายถึงแซลมอน จะได้รับสิทธิพิเศษทานซูชิฟรีเเบบไม่อั้น’ แถมยังพาเพื่อนมาทานฟรีได้อีกตั้ง 5 คน

เเม้ตามปกติเเล้ว ไต้หวันจะอนุญาตให้ประชาชนสามารถเปลื่ยนชื่อได้ไม่เกิน 3 ครั้ง เเต่กรณีนี้ ทางการเห็นว่าเป็นการเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่

Chen Tsung-Yen รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของไต้หวันให้ความเห็นกับสื่อมวลชนว่า การเปลี่ยนชื่อเพื่อจุดประสงค์เช่นนี้ นอกจากจะทำให้เสียเวลาเเล้ว ยังเป็นการเพิ่มงานเอกสารให้เจ้าหน้าที่โดยไม่จำเป็น’ เขายังขอให้ประชาชนช่วยกันใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และหวังว่าประชาชนจะมีเหตุผลมากขึ้นในเรื่องนี้ด้วย

ด้านสื่อไต้หวัน ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์คนที่ลงทุนไปเปลี่ยนชื่อจริงเพื่อให้ได้กินฟรี โดยนักศึกษาคนหนึ่งบอกว่า เขาเพิ่งไปเปลี่ยนชื่อมาเมื่อเช้า เป็นแซลมอนสุดหล่อเท่ระเบิดจากนั้นก็ได้รับสิทธิ์ทานอาหารฟรีไม่อั้นที่ร้านซูชิดังกล่าว คิดเป็นมูลค่า 7,000 เหรียญไต้หวัน (ราว 7,200 บาท)

ขณะที่วัยรุ่นสาวอีกคน บอกว่า เธอไปเปลี่ยนชื่อพร้อม ๆ กับเพื่อนอีก 2 คน เพื่อเข้าไปกินฟรี และจะกลับไปเปลี่ยนชื่อให้เป็นปกติในภายหลัง

นอกจากนี้ ยังมีคนไปเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยมีคำว่าแซลมอนผสมอยู่อีกหลายชื่อ อย่างเช่น เจ้าชายแซลมอน , ราชาดาวตกแซลมอน และข้าวผัดแซลมอน

สำนักข่าว United Daily News รายงานว่า มีชาวไต้หวันคนหนึ่ง เพิ่มตัวอักษรในชื่อตัวเองอีกถึง 36 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวอักษรที่เกี่ยวกับอาหารทะเล เช่น เป๋าฮื้อ ปู ล็อบสเตอร์ เพื่อหวังจะมีโปรโมชันกินฟรีเช่นนี้อีก

Salmon Chaos กลายเป็นการออกโปรโมชันกินฟรีที่ได้รับกระเเสความสนใจอย่างมาก เเต่ก็ลำบากให้เจ้าหน้าที่รัฐเช่นกัน

 

 

ที่มา : AFPTaipeitimes 

]]>
1324056
วันหยุดดันยอดค้าปลีกสหรัฐฯ พุ่ง 3% ของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ขายดีสุด https://positioningmag.com/1312359 Mon, 28 Dec 2020 11:45:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312359 เป็นธรรมดาที่เมื่อเราต้องติดอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งปี เราอาจจะเบื่อที่จะจ้องมองโซฟาตัวเดิม ๆ และเฟอร์นิเจอร์เดิม ๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมช่วงคลายล็อกดาวน์ของไทย จึงมีคนแห่ไป ‘อิเกีย’ กัน เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์และสินค้าปรับปรุงบ้านเป็นสินค้าขายดีจนช่วยดันยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3%

เทศกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุดที่ขยายตัวในปีนี้ตามรายงานของ Mastercard (MA) SpendingPulse โดยระบุว่ายอดขายสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 49% ระหว่างวันที่ 11 ตุลาคมถึง 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการระบาดของโรค COVID-19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อไปแล้ว

ภาพจาก : https://www.theguardian.com/business/2014/sep/02/online-shopping-mobiles-overtakes-desktop

โดยในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ยาวนาน ซึ่งเริ่มต้นด้วย Amazon Prime Day ที่มาช้ากว่าเดิม ทำให้มีผู้ค้าปลีกหลายรายเสนอข้อเสนอพิเศษและโปรโมชันเพื่อจูงใจให้ลูกค้าทำการซื้อเพื่อรับประกันว่าสินค้าจะถึงตรงเวลาในช่วงวันหยุด อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของโปรโมชันในการช้อปปิ้งและการจัดส่งของร้านค้าทำให้ผู้ซื้อในนาทีสุดท้ายลดลงจากปีก่อน รายงานพบว่ายอดขายการช้อปปิ้งออนไลน์คิดเป็น 19.7% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด และ Black Friday ถือเป็นวันที่มีการใช้จ่ายสูงสุดของฤดูกาล

“ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นข้อพิสูจน์ถึงช่วงเทศกาลวันหยุดและความแข็งแกร่งของร้านค้าปลีกและผู้บริโภค” Steve Sadove ที่ปรึกษาอาวุโสของ Mastercard และอดีตซีอีโอและประธานของ Saks Incorporated กล่าว

ยอดขายอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น โดยยอดขายเครื่องแต่งกายพุ่งขึ้น 15.7% ยอดขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องตกแต่งเพิ่มขึ้น 6.2% ในขณะที่การใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านเพิ่มขึ้น 14.1% ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าตามมาด้วย โดยเพิ่มขึ้น 6% ในขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าและแบรนด์เครื่องแต่งกายมียอดขายลดลง 10.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการจับจ่ายที่เปลี่ยนไปจากการระบาดของโรค ซึ่งทำให้ร้านค้าจำนวนมากมีหนี้สินจำนวนมาก

การจับจ่ายในช่วงวันหยุดเน้นย้ำว่าผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งต่อผลกิจกรรมภายนอก โดยได้ผลักดันให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับภายในและใช้เวลาที่บ้านมากขึ้นอย่างไรบ้าง

Source

]]>
1312359