บำรุงราษฎร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 25 Sep 2022 13:21:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 การปั้น Pride Clinic ของ “บำรุงราษฎร์” ให้เป็นพาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพระยะยาวของกลุ่ม LGBTQ+ https://positioningmag.com/1400947 Mon, 26 Sep 2022 04:00:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400947

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นที่ร้อนแรงอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นเรื่อง LGBTQ+ที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ประเด็นที่พูดเป็นกระแส หรือการตลาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นแรงกระเพื้อมที่ทำให้สังคมตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ในประเทศไทยเองก็มีการเปิดรับมากขึ้นเช่นกัน


โรงพยาบาลที่เคารพทุกความแตกต่าง

“โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลายมาตลอดระยะเวลา 42 ปีของการดำเนินงาน เรียกว่าปลูกฝังอยู่ใน DNA ของบุคลากรทุกคนเลยก็ว่าได้ นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องสถานพยาบาลที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่ดีที่สุดแล้ว บำรุงราษฎร์เองยังเปิดโอกาสทุกคนให้เข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยไม่คำนึงเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม หรือเพศสภาพแต่อย่างใด ทำให้ในปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยทั่วโลกมีผู้ป่วยต่างชาติมารับบริการมากถึง 190 ประเทศ

การเปิด Pride Clinic เมื่อกลางปี 2564 เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ตอกย้ำการให้ความสำคัญเรื่องความหลากหลาย และมอบบริการสำหรับกลุ่มที่ไม่จำกัดเพศสภาพอย่างสมบูรณ์แบบ ความน่าสนใจอยู่ที่การวางจุดยืนเป็น Life–time Health Partner ครบวงจรให้กับกลุ่ม LGBTQ+ ตั้งเเต่ให้คำปรึกษาดูเเลจิตใจการให้ฮอร์โมน ผ่าตัดปรับเพศสภาพ ศัลยกรรมตกเเต่ง รวมไปถึงการฟื้นฟูหลังผ่าตัด

นภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปิด Pride Clinic ว่า

“โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีจุดแข็งในคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล ตลอดจนการรักษาในระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดในการรักษาโรคซับซ้อนต่างๆ ด้วยความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ โรคหลอดเลือดสมอง และการปลูกถ่ายอวัยวะ ปลูกถ่ายไตปลูกถ่ายหัวใจปลูกถ่ายกระจกตาปลูกถ่ายตับเป็นต้น เรียกว่ามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในด้านการผ่าตัดที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

แต่นอกจากการเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคซับซ้อนแล้วทางบำรุงราษฎร์เราเปิดให้บริการเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดปรับแต่งเพศสภาพ การให้ฮอร์โมน ศัลยกรรมตกแต่งและผิวพรรณมาก่อนแล้ว จึงเล็งเห็นโอกาสในการยกระดับบริการทางด้านนี้ให้เด่นชัด เลยหยิบสิ่งที่เรามีประสบการณ์มาแล้ว ผนวกกับกลยุทธ์ในการเปิดกลุ่มตลาดใหม่ให้ชัดเจน จึงมีการเปิดเป็น Pride Clinic ที่ให้บริการแบบครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ”

อีกหนึ่งความสำคัญในการเปิด Pride Clinic ก็คือ แต่เดิมกลุ่ม LGBTQ+ อาจจะมีข้อจำกัด หรือตัวเลือกในการเข้ารักษาพยาบาล Pride Clinic จึงเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เพื่อให้มีทางเลือกในการดูแลสุขภาพ และการบริบาลแบบตอบโจทย์ทุกความต้องการ

รวมไปถึงเรื่องความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน หลายคนยังมีความเข้าใจผิด และมีความเสี่ยงในการซื้อยาฮอร์โมนมารับประทานเอง โดยไม่อยู่ในความดูแลของแพทย์ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่ที่ Pride Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนที่ให้ทำแนะนำในการรับฮอร์โมนอย่างถูกต้อง และปลอดภัย


มากกว่าแค่ผ่าตัดปรับเพศสภาพ แต่ดูแลครบวงจร และเข้าใจในความต้องการที่แท้จริง

จุดเด่น และจุดเเข็งของ Pride Clinic ที่แตกต่างจากสถานพยาบาลอื่นๆ ทั่วไป คือ การดูเเลเเบบเฉพาะบุคคลใช้ระบบการดูแลแบบแพทย์ประจำตัว หรือ Primary Care Physician ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา, ดูแลต่อเนื่อง, ดูแลเรื่องการรักษา ป้องกันโรค สร้างเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสุขภาพทั้งกายและใจ และประสานงานร่วมกับแพทย์เฉพาะทางด้านอื่น เภสัชกร นักกายภาพบำบัด และนักโภชนากร

ที่สำคัญคือ Pride Clinic มีทีมศัลยแพทย์ในการผ่าตัดปรับเพศสภาพที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และทำการผ่าตัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 ราย รวมถึงมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดที่ปัจจุบันในไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก

“กระบวนการในการบริบาลซับซ้อนไม่ใช่แค่ผ่าตัดปรับเพศสภาพอย่างเดียว เพราะจุดประสงค์ของแต่ละคนแตกต่างกันไป มีระดับต่างกัน อย่างแรกคนไข้ต้องพบอาจารย์หมอก่อนเพื่อดูว่าจุดประสงค์ระดับไหน บางคนอาจจะไม่ได้ต้องการเปลี่ยนเพศสภาพ หรือแค่ต้องการปรึกษาในการปรับแก้บางจุดเท่านั้น โดยเฉพาะในส่วนของการให้ฮอร์โมนที่จำเป็นต้องผ่านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแต่ละคนมีการให้ฮอร์โมนในอัตราที่เเตกต่างกัน”

รวมไปถึง “ความลับ” ของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญที่ทางบำรุงราษฎร์คำนึงถึงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้คำปรึกษา ไปจนถึงกระบวนการผ่าตัด มั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะมีความปลอดภัย เป็นส่วนตัว และถูกเก็บเป็นความลับ


เป็นพาร์ทเนอร์ระยะยาว ดูแลสุขภาพกันตลอดชีวิต

Pride Clinic ไม่ได้ให้บริการเพียงแค่เฉพาะกลุ่ม LGBTQ+ อย่างเดียวเท่านั้น แต่ให้บริการทั้งกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิง ที่มีความต้องการปรับแต่งศัลยกรรม รวมถึงดูแลด้านความงาม รูปร่าง และผิวพรรณต่างๆ ด้วย รวมถึงให้คำปรึกษาสำหรับผู้ปกครอง และญาติๆ

อีกหนึ่งความสำคัญของ Pride Clinic ไม่ใช่แค่บริการทางการแพทย์ที่ผ่าตัด หรือให้บริการครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ที่ดูแลกันไปตลอดชีวิต หรือ Life–time Health Partner ทั้งก่อนเข้ารับบริการในระยะบริการ เเละหลังบริการระยะยาวดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกขั้นตอน เพื่อให้เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด

“ถ้าคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัด บริการของเรามีทั้งดูแลก่อนผ่าตัด ดูแลแผลหลังผ่าตัด ทำแผล เปลี่ยนผ้าทำแผล มีนักกายภาพ นักโภชนากรให้คำแนะนำเรื่องอาหาร ดูแลทุกกระบวนการจนสามารถออกจากโรงพยาบาล และใช้ชีวิตปกติได้ หรือคนไข้ที่ต้องรับฮอร์โมนก็ต้องกินตลอดชีวิต เราก็ดูแลไประยะยาว”

หรือแม้แต่ช่วงหลังผ่าตัดแล้ว บำรุงราษฎร์มีบริบาลดูแลในช่วงการพักฟื้นภายหลังผ่าตัดอย่างต่อเนื่องที่ “ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์” ภายใต้โครงการรักษ ที่บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพ และการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และจัดโปรแกรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบุคคลทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ การปรับสมดุลของร่างกาย ดูแลผิวพรรณ ความงาม น้ำหนักตัว และการชะลอวัยให้ดูดี

นภัสเสริมอีกว่า “บำรุงราษฎร์เหมือนทีมฟุตบอลขนาดใหญ่ ได้กระบวนการรักษาจากทีมแพทย์ทุกแขนงมาทำร่วมกันทำให้ความผิดพลาดในการรักษาน้อยที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการดูแล ถือว่าคุ้มค่า (Value for money) ที่ได้รับการบริการน่าพึ่งพอใจดูแลในทุกมิติ บำรุงราษฎร์นั้นเราให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยสูงสุด หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เรามีมาตรฐานที่จะดูแลได้อย่างทันท่วงที ทั้งทีมแพทย์ และบุคลาการทางการแพทย์ ทั้งแผนก ICU และก็มีห้อง ICU แผนก ER รองรับ”

หลังจากเปิดให้บริการ Pride Clinic มา 1 ปีพบว่ามีกลุ่มคนไข้ที่สนใจ และมาปรึกษาอย่างต่อเนื่องเกิดจากการบอกเล่าปากต่อปาก ปัจจุบันกลุ่มคนไข้มีสัดส่วนเป็นคนไทย 50% และชาวต่างชาติ 50%

ที่ Pride Clinic บำรุงราษฎร์มีการใช้กลยุทธ์ Gender-Inclusive Marketing ด้วยเช่นกัน ไม่มีการแบ่งแยกเรื่องเพศ หรือเลี่ยงการระบุเพศสภาพเลี่ยงโฆษณาว่าสำหรับผู้หญิง หรือผู้ชาย หรือการใช้เพศสภาพเป็นตัวตั้ง มีการเทรนบุคลากรให้เข้าใจคนทุกกลุ่ม หรืออย่างในต่างประเทศไม่ใช้สรรพนาม His หรือ Her ที่บำรุงราษฎร์ก็เลี่ยงการใช้สรรพนามแทนคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย เรียกเป็น “คุณ” แทน

จะเห็นได้ว่าบำรุงราษฎร์พร้อมปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้ทันต่อยุคสมัย การให้บริการของ Pride Clinic จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เห็นศักยภาพของบำรุงราษฎร์ที่พร้อมให้บริการแก่คนทุกกลุ่ม พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ มุ่งยกระดับให้ครอบคลุมและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นแต่เรายังคงไว้ซึ่งคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุดของผู้รับบริการทุกคน

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pride Clinic ได้ที่ https://www.bumrungrad.com/th/centers/pride-clinic

 

]]>
1400947
“บำรุงราษฎร์” เปิด “Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic” ฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยโควิด https://positioningmag.com/1353305 Fri, 24 Sep 2021 04:56:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353305 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิด “Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic” เป็นคลินิกสำหรับฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วย COVID-19 โดยเฉพาะ หวังรักษาอาการ Long COVID และรักษาร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์

จากรายงานสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 จนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ายังมีประชาชนที่ติดเชื้อรายวันรวมถึงผู้ที่เคยป่วยและหายป่วยแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนในกลุ่มนี้ ยังต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับ COVID-19 ในมิติต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยติดเชื้อ เนื่องจากปอดได้รับความเสียหายรวมถึงยังมีอาการอื่นๆ

ซึ่งเป็นผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของผู้ที่เคยป่วย ถึงแม้ผลการตรวจเชื้อจะเป็นลบแต่ยังคงมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อน ตั้งแต่ระยะเวลา 1 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของผู้ป่วย หรือที่เรียกว่า Long COVID ขณะที่ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่มีศูนย์การให้บริการด้าน COVID-19 เฉพาะด้านอย่างครบวงจร

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า

“ด้วยความพร้อมทางการแพทย์ในทุกมิติของบำรุงราษฎร์ จึงมีแนวคิดในการเปิด ‘Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic’ หรือที่เรียกว่า ‘คลินิกฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโควิด-19โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์’ ด้วยการบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการเกี่ยวกับ COVID-19 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Bumrungrad COVID Solutions’ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนให้ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 และเพื่อให้ผู้ป่วยในกลุ่มผู้ติดเชื้อ และกลุ่ม Long COVID สามารถกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นโดยเร็ว”

Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นศูนย์บูรณาการทางการแพทย์ด้าน COVID-19 ที่ครอบคลุมการให้บริการอย่างครอบคลุมในทุกมิติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และในเอเชียแปซิฟิก โดยให้บริการครบทุกปัญหาที่เกี่ยวกับ COVID-19 แบ่งออกเป็น 3 Solutions

1. Now Normal COVID Solution ประกอบด้วยการบริการให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวในการอยู่ร่วมกับ COVID-19 ทั้งการดูแลสุขภาพทั่วไป การตรวจโปรแกรม Fit to Fly การฉีดวัคซีน และการขอวัคซีนพาสปอร์ต เป็นต้น

2. Fighting COVID Solution ประกอบด้วยการบริการด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก Hospitel และผู้ป่วย Home Isolation ด้วยการรักษาด้วยยาตัวใหม่ และใน ICU เป็นต้น

3. Recover COVID Solution ประกอบด้วยการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะ Long COVID เพื่อดูแลฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีเหมือนเดิม

ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ป่วยที่หายจาก COVID-19 แล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ยังมีอาการของ Long COVID อยู่ในระบบร่างกาย จึงควรได้รับการดูแลฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยจะอยู่ในบริการของ Recover COVID Solution

ผู้ป่วย 30% จะยังคงมีอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการติดเชื้อที่ปอด เช่น มีการหายใจลำบาก เอาออกซิเจนเข้าปอดไม่เพียงพอ หรือหายใจไม่อิ่ม รู้สึกเพลียง่าย หรือบางรายอาจมีระบบความจำมีปัญหา ไม่สามารถจดจ่อในสิ่งที่ทำได้เหมือนเดิม สมาธิสั้นลง ลืมง่ายขึ้น

รองลงมา คือสภาพจิตใจยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ ยังมีความเครียด ความวิตกกังวลแฝงอยู่ หรือแม้แต่อาการเกี่ยวกับหัวใจหรือระบบหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งจะเป็นอันดับต้นๆ ของอาการ Long COVID บางรายยังมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อต่างๆ ที่สำคัญในรายที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน อาจส่งผลให้มีอาการ Long COVID นานกว่าคนที่มีร่างกายปกติ เป็นต้น

สำหรับบริการ Fighting COVID Solution จะเป็นการดูแลรักษาผู้ป่วย COVID-19 หลังจากที่ทราบว่าเป็น PCR positive โดยจะเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนในการรักษาตามปกติของโรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับบริบทของผู้ป่วยแต่ละรายโดยปัจจุบัน

โรงพยาบาลฯ มีการให้บริการตามระดับอาการของผู้ป่วย ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในส่วนของ Home Isolation, Hospitel และการรักษาในโรงพยาบาลฯ

ในส่วนของบริการ Now Normal COVID Solution ยังครอบคลุมถึง Travel Medicine สำหรับกลุ่มที่ไม่เคยป่วยเป็น COVID-19 หรือกลุ่มที่หายป่วยแล้ว โดยจะให้บริการตั้งแต่ให้คำปรึกษา แนะนำกรณีที่ต้องการไปศึกษาต่อ ไปทำงาน หรือท่องเที่ยว เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง บริการวัคซีน พร้อมออกหนังสือรับรอง ตรวจวินิจฉัย และรักษาการเจ็บป่วยต่างๆ อันเนื่องจากการเดินทาง บริการจัดเตรียมยาหรือเวชภัณฑ์ที่จำเป็น

รวมถึงปรึกษาแพทย์ทางไกล (Teleconsultation) ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ หรือบริการ ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ หนังสือรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับเดินทางในต่างประเทศตามเงื่อนไขของประเทศปลายทาง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีบริการฉีดวัคซีน บริการ Health Screening สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพหรือสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยบริการจะครอบคลุมการตรวจหาเชื้อ COVID-19 จากห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การตรวจหาภูมิ การฉีดวัคซีน หรือวัคซีนอื่น ๆ เป็นเป็นภุมิคุ้มกัน หรือตรวจสุขภาพในโปรแกรมต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้อีกด้วย

]]>
1353305
บํารุงราษฎร์ ปั้นธุรกิจใหม่ ‘Pride Clinic’ เจาะ LGBTQ+ กำลังซื้อสูง เน้นครบวงจร-ดูเเลระยะยาว https://positioningmag.com/1339830 Thu, 01 Jul 2021 09:41:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1339830 บำรุงราษฎร์เสริมกลยุทธ์สร้างรายได้ เปิดตัวธุรกิจใหม่ ‘Pride Clinic’ เจาะกลุ่ม LGBTQ+ กำลังซื้อสูงทั้งในไทยเเละทั่วโลก ชูจุดเด่นการดูแลเชิงสุขภาพในระยะยาวเเบบ ‘Life-time value’ ครบวงจรตั้งเเต่ให้คำปรึกษาดูเเลจิตใจผ่าตัดเเปลงเพศศัลยกรรมตกเเต่ง ตามความต้องการเฉพาะบุคคล

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กล่าวว่า Pride Clinic จะเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพตามความต้องการ ให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ด้วยการบริบาลตามมาตรฐานบำรุงราษฎร์และความปลอดภัยสูงสุด ทั้งก่อนเข้ารับบริการ ในระยะบริการ เเละหลังบริการระยะยาว

ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคชาว LGBTQ+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอย มีอยู่ทั่วโลกราว 468 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวเอเชียถึง 288 ล้านคน เเละในไทยประมาณ 4 ล้านคน

บริการของ Pride Clinic ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งจากชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยล่าสุดบำรุงราษฎร์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในจีน ที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลัก รวมไปถึงมีเเผนจะทำการตลาดไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย

ในเบื้องต้นเเม้จะยังไม่ได้ตั้งเป้าตัวเลขทางธุรกิจ เเต่โรงพยาบาลมองว่า ธุรกิจใหม่นี้จะเติบโตได้ดีในอนาคตเเละคาดหวังว่าจะทำรายได้เพิ่ม 2-3 เท่า โดยค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ในเรตที่กว้างมาก เพราะความต้องการของเเต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ ‘ออปชั่น’ ที่อยากได้เเละความเหมาะสมกับร่างกายเเละจิตใจ ตามคอนเซ็ปต์ ‘Be the best version of you’

สำหรับ ‘Pride Clinic’ จะเปิดให้บริการกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีอายุตั้งเเต่ 20 ปีขึ้นไป รวมถึงให้คำปรึกษาผู้ปกครองและญาติมิตร

นพ.สิระ กอไพศาล อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อและผู้ชำนาญการด้านฮอร์โมน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ยังมีความเข้าใจผิดและมีความเสี่ยงในการซื้อยาคุมกำเนิดมารับประทานเอง เพื่อทดแทนฮอร์โมนในเพศหญิง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

ดังนั้น ‘Pride Clinic’ จึงได้รับการออกแบบให้มีการบริบาลแก่กลุ่มหลากหลายทางเพศที่ครบวงจร ปลอดภัยเเละดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกขั้นตอน เช่น

  • การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพหรือเตรียมความพร้อมเพื่อปรับเพศสภาพ (Hormone Therapy)
  • ศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพ (Masculinizing/Feminizing Procedures)
  • การผ่าตัดเปลี่ยนเพศ (Gender-Affirming Surgery)
  • การฝึกพูดเพื่อเปลี่ยนเสียงเป็นเพศหญิง (Voice Feminizing Therapy)
  • การผ่าตัดกล่องเสียง (Voice Feminizing Surgery)
  • การดูแลรักษาด้านผิวพรรณ ความงามและรูปร่าง (Aesthetic and Skin)
  • การดูแลสุขภาพจิต (Mental health)
  • โปรแกรมสุขภาพแบบจำเพาะสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Check-up Program for Unisex) ในทุกช่วงวัย

“จุดเเข็งของ Pride Clinic คือการดูเเลเเบบเฉพาะบุคคลจริงๆ เพราะต้องเทคฮอร์โมนในอัตราที่เเตกต่างกัน ไม่ใช่เเค่ผ่าตัดเสร็จเเล้วก็จบ เเต่คือการดูเเลระยะยาว 20-30 ปี ไปตลอดชีวิต” 

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Pride Clinic คือการมีทีมศัลยแพทย์ในการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และทำการผ่าตัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 ราย รวมถึงมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัด ที่ปัจจุบันในไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก

โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีบริบาลดูแลในช่วงการ ‘พักฟื้นภายหลังผ่าตัด’ อย่างต่อเนื่องที่ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ภายใต้โครงการรักษ ตั้งอยู่ที่บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย ผสมผสานระหว่างการนำเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ (Advanced Medical Science) มาใช้ร่วมกับ ศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม (Holistic Wellness) ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และจัดโปรแกรมแบบ ‘เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบุคคล’ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ การปรับสมดุลของร่างกาย ดูแลผิวพรรณ ความงาม น้ำหนักตัว และการชะลอวัยให้ดูดีในแบบฉบับของแต่ละบุคคล

ก่อนจะเกิดวิกฤตโรคระบาดนั้น BH ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งชาวไทยเเละต่างชาติกว่า 1.1 ล้านรายต่อปี คิดเป็นสัดส่วนผู้ป่วยไทยและต่างชาติอย่างละ 50% ขณะที่ ‘สัดส่วนรายได้’ ส่วนใหญ่มาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติถึง 66% ส่วนผู้ป่วยคนไทยอยู่ที่ราว 34% เนื่องจากชาวต่างชาติจะเข้ามาทำการรักษาเคสหนัก เช่น การผ่าตัดหัวใจ รักษาโรคร้ายเเรง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

เมื่อการเเพร่ระบาดยังไม่หมดไปในเร็ววัน บำรุงราษฎร์ จึงปรับกลยุทธ์เพื่อหารายได้ช่องทางใหม่ ขยายธุรกิจใหม่ ขยับหาลูกค้าชาวไทยมากขึ้น พร้อมชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (Expatriate) ที่มีอยู่ราว 2.45 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่มาก โดยมีการจัดเเคมเปญต่างๆ ออกแพ็กเกจโปรโมชัน คอร์สรักษาในราคาพิเศษ ฯลฯ

ก่อนหน้านี้ BH หันมาจับมือกับ ‘คลินิกขนาดเล็ก’ เพื่อขยายเครือข่ายไปต่างจังหวัด ให้เข้าถึง ‘ชุมชน’ มากขึ้น ตามแนวคิด ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ ซึ่งเป็นบริการที่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในยุโรป ‘คุ้นเคยกันดี’ เเต่ในเมืองไทยยังไม่เเพร่หลายมากนัก เเละล่าสุดกับเปิดตัวธุรกิจใหม่อย่าง Pride Clinic ที่มุ่งเจาะกลุ่ม LGBTQ+ ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งในไทยเเละทั่วโลก

“ขณะนี้สัดส่วนการเติบโตคนไข้ชาวไทยและต่างชาติที่อยู่ในไทยดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการรักษาโรคเฉพาะทาง คนไข้ต่างชาติก็มีเข้ามาเป็นเที่ยวบินพิเศษ ต่อไปหากสามารถเปิดประเทศได้ ก็จะทำให้ยอดคนไข้ต่างชาติกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง” ภญ. อาทิรัตน์ระบุ 

 

 

]]>
1339830
มิติใหม่! จองแพ็กเกจคลอด “บำรุงราษฎร์” รับคะแนน The 1 อีก 5,000 แต้ม https://positioningmag.com/1333637 Mon, 24 May 2021 17:27:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333637 The 1 จับมือร่วมกับ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เอาใจว่าที่คุณแม่ จัดแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายราคาพิเศษ พร้อมรับคะแนน The 1 อีก 5,000 คะแนน

มิติใหม่แห่งวงการลอยัลตี้โปรแกรม คลอดลูกก็ได้สะสมแต้ม! โดย The 1 (เดอะวัน) ร่วมกับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายราคาพิเศษให้ว่าที่คุณแม่สมาชิก The 1 พร้อมรับคะแนน The 1 ฟรี 5,000 คะแนน เมื่อชำระค่าจองสิทธิ์แพ็กเกจคลอดเหมาจ่าย 50,000 บาท ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นี้

แพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายราคาพิเศษ จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ประกอบด้วย

  • แพ็กเกจคลอดธรรมชาติ 85,000 บาท
  • แพ็กเกจคลอดธรรมชาติ โดยฉีดยาชาที่ไขสันหลัง 99,000 บาท
  • แพ็กเกจผ่าตัดคลอด 109,000 บาท
  • แพ็กเกจผ่าตัดคลอดในครรภ์แฝด 199,000 บาท

สำหรับสมาชิก The 1 รับคะแนน 5,000 คะแนน เพียงจอง และชำระค่าจองสิทธิ์ 50,000 บาท พร้อมอัปเดตข้อมูลว่าที่คุณแม่และลูกบนแอป The 1 ผ่าน QR Code ที่กำหนด ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2564 สามารถรักษาสิทธิ์การใช้แพ็กเกจได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดยจะได้รับคะแนน 5,000 คะแนน ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564

]]>
1333637
เจาะลึก DNA “บำรุงราษฎร์” ทำอย่างไรให้เป็น “โรงพยาบาล” ในใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก https://positioningmag.com/1304675 Thu, 12 Nov 2020 10:00:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304675

เอ่ยถึงชื่อโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทยที่มีคนไข้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนกันเข้ามารับการรักษา ต้องมีชื่อ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เป็นหนึ่งในนั้น แต่ทำอย่างไรให้บำรุงราษฎร์กลายเป็นหนึ่งในใจ ต้องย้อนกลับไปถึง “DNA” ของการให้การบริบาลผู้ป่วยที่ดีที่สุดและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อสื่อสารการตลาดออกไปสู่คนทั่วโลก

ประวัติโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นั้นก่อตั้งขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อน ด้วยแนวคิดของ “ชิน โสภณพนิช” ผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการให้บำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลเอกชนทางเลือก สามารถให้การรักษาในระดับมาตรฐานที่สูงขึ้น ช่วยแบ่งเบาภาระจากโรงพยาบาลรัฐ และคนไข้ไทยเองไม่ต้องบินไปรักษาถึงต่างประเทศในช่วงแรกๆ

จากแนวคิดตั้งต้นของชิน ในปัจจุบันโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ไม่เพียงแต่รักษาคนไข้ชาวไทย แต่มีชาวต่างชาติปีละ 1.1 ล้านรายจาก 190 ประเทศทั่วโลกบินเข้ามารักษา ด้วยชื่อเสียงของโรงพยาบาลมีจุดแข็งในคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยระดับสากล ตลอดจนการรักษาในระดับจัตตุถภูมิ (Quaternary Care) ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดในการรักษาโรคซับซ้อนต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ โรคหลอดเลือดสมอง และการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นต้น

 

นภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (Photo : The People)

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดด้วยความบังเอิญอย่างแน่นอน โดยเรามีโอกาสพูดคุยกับ “นภัส เปาโรหิตย์” Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ปูพื้นฐานถึงจุดเปลี่ยนสำคัญๆ ของบำรุงราษฎร์ที่ทำให้มีชื่อเสียงในต่างประเทศ จุดแรกคือ การได้รับ การรับรองคุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล JCI จากสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2545 โดยเป็นโรงพยาบาลในเอเชียแห่งแรกที่ได้มาตรฐานนี้ และทำให้ได้รับความเชื่อมั่นในระดับนานาชาตินับตั้งแต่นั้น

ส่วนจุดเปลี่ยนที่สอง คือเหตุการณ์ 9/11 ที่สหรัฐอเมริกาปี 2544 เหตุการณ์นี้ส่งผลในเวลาต่อมาคือ ทำให้ชาวตะวันออกกลางเข้ารับการรักษาที่สหรัฐฯ ได้ยากขึ้น จึงทำให้พวกเขาเบนเข็มมาที่ประเทศไทยซึ่งมีคุณภาพไม่แพ้กัน และใช้เวลาบินไม่นานเกินไป ส่งให้บำรุงราษฎร์เป็นจุดหมายของคนทั่วโลก ทั้งตะวันตก ตะวันออกกลาง และอินโดจีน

Local HERO โฆษณาที่สะท้อนทุก DNA ของบำรุงราษฎร์

แม้ว่าจะได้รับมาตรฐานโรงพยาบาลในระดับสากล แต่เหนือสิ่งอื่นใด นภัสมองว่าโรงพยาบาลต้องแสดงถึงประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจให้ผู้ป่วยตลอดการเข้ารับการรักษา เพราะ “การบอกต่อ” ของผู้รับบริการเองคือการตลาดที่ดีที่สุด

โดยล่าสุดโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีการออกโฆษณา “Local HERO” ซึ่งเลือกนำเสนอเรื่องราวแบบ “Emotional Story” ที่สามารถสะท้อนให้เห็นการทำงานของบำรุงราษฎร์ว่ามีประสิทธิภาพและหัวใจบริการ และเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยจะบอกต่อด้วยความประทับใจ เป็นรากฐานชื่อเสียงที่สั่งสมของบำรุงราษฎร์

 


โฆษณา LocalHERO ชุดนี้สร้างขึ้นจากเรื่องจริงในช่วง COVID-19 ระบาด แต่มีคนไข้ชาวต่างประเทศที่จำเป็นต้องรับการรักษาโดยด่วน โดยหลังจากปรึกษาและตรวจวิเคราะห์โรคทางไกล (telemedicine) แล้ว คณะแพทย์ลงความเห็นว่าสามารถรักษาได้ จึงทำเรื่องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้ามารักษา แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ยังมีโรคระบาด COVID-19 ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนยุ่งยากมากยิ่งขึ้น  และสุดท้ายสามารถรักษาสำเร็จลุล่วง โดยที่บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกคนยังคงมีสุขภาพแข็งแรง

ในช่วงท้ายของโฆษณา ผู้ป่วยกล่าวประโยคที่สัมผัสใจผู้ชมมาก โดยเขามองว่า “เมืองไทยไม่ได้มีดีแค่ชายหาดสวย อาหารอร่อย แต่เต็มไปด้วยคนที่มีน้ำใจ และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดโดยที่ไม่กลัวอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น” รวมถึงมองว่า “สำหรับผม ที่นี่คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก”

“ปกติธุรกิจโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่คาบเกี่ยวระหว่างของ emotional กับ functional อยู่แล้ว functional นั้นทุกคนก็ทราบดีว่าโรงพยาบาลมีหน้าที่รักษาผู้ป่วยให้หาย แต่ว่าในฐานะโรงพยาบาลนั้นเราต้องมีหน้าที่แสดงความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจต่ออาการเจ็บป่วยของเพื่อนมนุษย์ด้วย ดังนั้น การสื่อสารเรื่อง emotional story จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะหยิบมาเล่า” นภัสกล่าวถึงการนำเรื่องราวดังกล่าวมาส่งต่อผ่านโฆษณา ซึ่งไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องประสิทธิภาพของโรงพยาบาล แต่ทำให้เห็นถึงหัวใจของผู้ให้บริการ หนังเรื่องนี้จึงสามารถสะท้อนภาพ “DNA บำรุงราษฎร์” ได้อย่างดีที่สุด

DNA ข้อแรกที่เห็นเด่นชัดในโฆษณาคือ บำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลที่ “ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง” จากในโฆษณาจะเห็นได้ว่า โรงพยาบาลมีระเบียบขั้นตอนการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อของโรค COVID-19 ไม่ใช่เฉพาะคนไข้ แต่ยังรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และพนักงานทั้งหมด โดยมีการทำแผนเฝ้าระวังมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 พร้อมเพิ่มห้องความดันลบสำหรับรองรับผู้ป่วย ความพร้อมของโรงพยาบาลทำให้จนถึงปัจจุบันการติดเชื้อโรค COVID-19 จากภายในบำรุงราษฎร์เป็นศูนย์ และสามารถรองรับผู้ป่วยจากต่างประเทศได้ เพราะมีขั้นตอนการคัดกรองที่รัดกุมตามมาตรฐาน

ประเด็นถัดไปที่เห็นได้ชัดคือ “ความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับตัว” ทันทีที่เกิดการระบาดของ COVID-19 บำรุงราษฎร์สามารถปรับมาใช้ ระบบแพทย์ทางไกล ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติก็รับบริการนี้ได้ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล และยังรับการรักษาได้ต่อเนื่อง

สุดท้ายคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงพยาบาลนำผู้ป่วยหลายรายเข้ารับการรักษาได้สำเร็จ คือ DNA ของ  “ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพื่อให้การบริบาลผู้ป่วยที่ดีที่สุด” โดยบำรุงราษฎร์นั้นมีแผนก Medical Transport อยู่แล้วเพื่อติดต่อประสานงานในการนำผู้ป่วยจากต่างประเทศเข้ารับการรักษา ซึ่งขั้นตอนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องมีการวางแผน และใช้บุคลากรผู้ชำนาญการในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เมื่อเผชิญสถานการณ์ COVID-19 แม้จะมีขั้นตอนและอุปสรรคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น แต่ทีมของบำรุงราษฎร์ก็ยังคงเดินหน้าต่อ

“ในหนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเลยว่า เราพยายามที่จะนำผู้ป่วยเข้ามารักษาให้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” นภัสกล่าว “เราต้องให้การบริบาลที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะให้ได้ โดยต้องไม่มีการกีดกันในเรื่องเชื้อชาติศาสนา”

สิ่งที่ต้องการสื่อสารของบำรุงราษฎร์ในโฆษณาชิ้นนี้ถ่ายทอดให้ผู้ชมในไทยบนแพลตฟอร์ม online ไปแล้วรวมทั้งหมดมากกว่า 5 ล้านวิว และมีเผยแพร่ในอีก 38 ประเทศที่โรงพยาบาลมีสำนักงานตัวแทนอยู่ โดยนภัสกล่าวว่า ผลตอบรับที่เป็นไวรัลนี้นับว่าเหนือความคาดหมายมาก นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังมีช่องทางสื่อสารสำคัญบนออนไลน์อีกทางคือ เพจ Facebook บำรุงราษฎร์ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.26 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก เมื่อเทียบกับเพจเฟซบุ๊กโรงพยาบาลทั้งหมด ทำให้การตลาดสามารถสื่อสารออกไปได้เป็นวงกว้าง

Medical Tourism กรุยทางสู่ เวลเนส-เทคโนโลยีขั้นสูง

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และประเทศไทยได้ปักหมุด การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) บนแผนที่โลกมานานหลายปี และสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นยิ่งช่วยพิสูจน์ศักยภาพของไทย และทำให้คนทั่วไปรับรู้ชื่อเสียงประเทศไทยในแง่การแพทย์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปรัชญาการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นแบบไม่มีลิมิตของบำรุงราษฎร์ ทำให้มีการวางวิสัยทัศน์เพื่อตอบรับเทรนด์การแพทย์ในอนาคต

นภัสกล่าวว่า โรคระบาด COVID-19 จะเป็นจุดพลิกของ Medical Tourism เพราะทำให้คนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพก่อนเจ็บป่วย ทำตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันโรค ดังนั้นกระแส “เวลเนส” จะมาแรง โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีความพร้อมรับกระแสนี้แล้ว จากการเปิดศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม  “รักษ” บนคุ้งบางกระเจ้า ตอบโจทย์เวชศาสตร์เชิงป้องกันที่ผู้รับบริการต้องการ เช่น การควบคุมน้ำหนัก ดีท็อกซ์ขจัดสารพิษ การลดความเครียด การตรวจวัดระดับสารอาหารในร่างกาย

“คนไทยอยู่ในสังคมที่คิดถึงคนอื่น และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่” นภัสกล่าวถึงอีกปัจจัยบวกที่จะส่งให้ประเทศไทยรวมถึงบำรุงราษฎร์สามารถเป็นฮับด้านเวลเนสได้ “ไม่ใช่แค่ยิ้มง่ายอย่างเดียว แต่เรามีจิตใจที่ปรองดองกับทุกชาติ สามารถหลอมรวมกับผู้อื่นได้ง่ายหรือ inclusivity ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีกับงานบริการทางการแพทย์”

อย่างไรก็ตาม Medical Tourism ไทยก็ยังมีจุดอ่อนบางประการนั่นคือ “เทคโนโลยี” เมื่อเข้าสู่การรักษาขั้นสูง ต้องมีการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางซึ่งประเทศไทยยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จึงมีความร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมทางการแพทย์ หวังสร้างแพทย์ที่เป็นผู้คิดค้นและผลิตอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงเองได้ในอนาคต

กลยุทธ์การตลาดของบำรุงราษฎร์จึงไม่ใช่การสร้างแบรนด์อย่างฉาบฉวย แต่ต้องอาศัย DNA การทำงานที่ยึดมั่นกับ “การบริบาลที่ดีที่สุด” อย่างสม่ำเสมอ จนผู้รับบริการ “บอกต่อ” เช่นเดียวกับโฆษณา Local HERO ชิ้นล่าสุดซึ่งเป็นเรื่องราวสร้างความประทับใจให้กับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ได้เห็นถึงศักยภาพและหัวใจเอื้ออาทรของโรงพยาบาลได้อย่างชัดเจนที่สุด

 

]]>
1304675
ช้อปแบบมิติใหม่! “Central at Bumrungrad” เหมือนยกห้างเซ็นทรัลไปที่ “บำรุงราษฎร์” https://positioningmag.com/1298143 Mon, 21 Sep 2020 14:57:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298143 ครั้งแรกของวงการรีเทล “ห้างเซ็นทรัล” จับมือ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เปิดบริการ “Central at Bumrungrad” (เซ็นทรัล แอท บำรุงราษฎร์) ให้ได้ช้อปปิ้งแบบมิติใหม่ผ่านบริการพิเศษ สินค้ามาส่งถึงที่โรงพยาบาล

ช้อปปิ้งได้ แม้ห้อยสายน้ำเกลือ!

เรียกว่าเป็นการจับมือเป็นพันธมิตรกันแบบข้ามสายพันธุ์ที่ช็อกวงการอยู่ไม่น้อย เมื่อห้างค้าปลีกอย่าง “ห้างเซ็นทรัล” จับมือกับโรงพยาบาลสุดไฮเอนด์อย่าง “บำรุงราษฎร์” งานนี้คงบอกได้แค่ว่า ต้องมีอะไรแปลกใหม่ให้เห็นแน่นอน

บริการนี้มีชื่อว่า Central at Bumrungrad เป็นการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่ จากปกติที่ช้อปปิ้งอยู่บ้านก็ได้ หรืออยู่ที่ทำงาน แต่นี่คือช้อปปิ้งที่โรงพยาบาล! ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วยก็ได้ช้อปปิ้งเพื่อปลอบประโลมจิตใจได้ หรือจะซื้อของเยี่ยมผู้ป่วยก็ยังได้ เหมือนยกห้างมาไว้ที่โรงพยาบาล

เซ็นทรัล บำรุงราษฎร์

โดยบริการนี้สามารถสั่งสินค้าผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ Central Chat & Shop ติดต่อผ่านแชตบอกผู้ช่วยส่วนตัวที่ไลน์ @centralofficial และ Central Call & Shop โทรผ่าน เบอร์ 1425 เมื่อโทรปุ๊บ จะจัดสั่งของทันที รับของได้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นบริการส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ และจัดส่งสินค้าภายในวันเดียว เมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนเวลา 18.00 น.

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า

“เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าในปัจจุบัน ห้างเซ็นทรัลจึงได้จับมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดตัวบริการ Central at Bumrungrad ยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าของโรงพยาบาล ให้สามารถเลือกซื้อสินค้าระหว่างเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล หรือซื้อของเยี่ยม เพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าเหมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้ที่โรงพยาบาล โดยเชื่อว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเพิ่มประสบการณ์การบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของทั้งสองฝ่าย”

บำรุงราษฎร์ เพิ่มบริการเอาใจคนไทย

ทางด้านของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เอง ที่หลังจากเปิดวิกฤต COVID-19 ทำให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติไม่สามารถบินมารักษาพยาบาลได้ ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องปรับแผนเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนไทย

จึงได้เห็นกลยุทธ์ทั้งการดัมพ์ราคาค่าห้อง ลดเเลกเเจกเเถมโปรเเกรมตรวจสุขภาพ ไปจนถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อทดเเทนรายได้ที่ขาดไปในปีนี้ รวมไปถึงการประกาศเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นอื่นๆ ทั้งในและนอกวงการ เพื่อเสริมธุรกิจใหม่

อย่างโครงการ “รักษ” ศูนย์เวลเนส รีทรีต รีสอร์ต พื้นที่ 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ เป็นพันธมิตรร่วมกับมั่นคงเคหะการ และไมเนอร์ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

เซ็นทรัล บำรุงราษฎร์

ทางด้าน เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บอกว่า

“ผู้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีสัดส่วน คนไทย 50% และต่างชาติ 50% โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งผู้ป่วยต่างชาติ นอกจากจะเดินทางเข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว ยังมีความประสงค์ที่จะท่องเที่ยวเพื่อพักฟื้นหรือใช้เวลาพักผ่อนพร้อมครอบครัว ซึ่งนับเป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (medical tourism) ของประเทศอีกด้วย”

สำหรับการจับมือกันครั้งนี้ของบำรุงราษฎร์และห้างเซ็นทรัล มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลที่ต้องการซื้อของเยี่ยม หรือข้าวของเครื่องใช้จำเป็น รวมไปถึงการสร้างสีสันในวงการค้าปลีก เพิ่มช่องทางใหม่ๆ ไม่ได้จำกัดแค่สโตร์ หรือออนไลน์เพียงอย่างเดียว

]]>
1298143
รพ.ไฮเอนด์ เเก้เกม ผู้ป่วยต่างชาติหาย “บํารุงราษฎร์” พลิกจับ “คนไทย” ดัมพ์ราคา-จัด 1 เเถม 1 https://positioningmag.com/1297032 Tue, 15 Sep 2020 14:21:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1297032 เเม้ว่าแนวโน้มของธุรกิจสถานพยาบาล จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วแบบ V-Shape เมื่อคลายมาตรการล็อกดาวน์ สอดคล้องกับสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

เเต่ทว่าโรงพยาบาลเอกชนที่เคยพึ่งพารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติหรือที่เรียกว่าพึ่งพา Medical Tourism จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย เมื่อรายได้หลักที่เคยมีหดหายไปอย่างมาก เเละยังไม่อาจเปิดประเทศเป็นปกติได้ในเร็ววัน

จากข้อมูลของ TMB Analytics ระบุถึงโครงสร้างรายได้ของโรงพยาบาลเอกชนในไทยว่า มีรายได้จาก Medical Tourism คิดเป็น 8% ของรายได้โรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด ดังนั้นรายได้จากผู้ป่วยต่างประเทศในปีนี้จะยังไม่ฟื้นตัวดีนักเพราะคาดว่าไทยจะยังคงดำเนินการมาตรการล็อคดาวน์ต่างประเทศ เเละคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศต่อไป

การปรับกลยุทธ์ใหม่ เเก้เกมในวิกฤต COVID-19 ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” (BH) ที่เคยมุ่งเจาะลูกค้าระดับไฮเอนด์เเละชาวต่างชาติ เเต่ตอนนี้ต้องหันมาจับตลาดคนไทย ทั้งการดัมพ์ราคาค่าห้อง ลดเเลกเเจกเเถมโปรเเกรมตรวจสุขภาพ ไปจนถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อทดเเทนรายได้ที่ขาดไปในปีนี้ เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่น้อย

หันมาเจาะ “คนไทย” อัดโปรลดเเลกเเจกเเถม 

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ ยอมรับว่า วิกฤตโรคระบาด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง เพราะผู้ป่วยชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยในช่วงเดือนเมษายน ถือว่าหนักที่สุด

ที่ผ่านมา BH ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งชาวไทยเเละต่างชาติกว่า 1.1 ล้านรายต่อปี โดยคิดเป็นสัดส่วนผู้ป่วยไทยและต่างชาติอย่างละ 50 % ขณะที่สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติถึง 66% ส่วนผู้ป่วยคนไทยอยู่ที่ราว 34% เนื่องจากชาวต่างชาติจะเข้ามาทำการรักษาเคสหนักเช่นการผ่าตัดหัวใจ รักษาโรคร้ายเเรงซึ่งจะที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์

โดยฐานลูกค้าชาวต่างชาติของ BH หลักๆ มาจากกลุ่มประเทศอาเซียน CLMV รองลงมาเป็น แถบตะวันออกกลาง เเละประเทศในยุโรป ซึ่งไทยยังถือว่ามีข้อได้เปรียบในเรื่องคุณภาพของโรงพยาบาล ความชำนาญการของแพทย์ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่ประหยัดกว่าสหรัฐฯ ประมาณ 40-75% หรือสิงคโปร์ ประมาณ 30%

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาผู้ป่วยต่างชาติไม่สามารถเดินทางมารักษาในไทยได้ในสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังระบาดทั่วโลก รพ.บำรุงราษฎร์ จึงต้องหันมาปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อพยุงรายได้ที่หายไป ด้วยการหันมาจับตลาดคนไทยมากขึ้น เเละไม่ใช่เเค่เจาะลูกค้ารายได้สูงเท่านั้น เเต่ยังต้องขยายไปสู่คนที่มีรายได้ปานกลางมากขึ้น

โดยมีการจัดโปรโมชันพิเศษต่างๆ เช่น การลดราคาค่าห้องลงถึง 50% ในเดือนพ.. การจัดเเพ็กเกจตรวจสุขภาพเเบบซื้อ 1 เเถม 1” รวมถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดลูกค้าชาวไทย

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดบริการ Homecare Services ที่มีชื่อว่า Bumrungrad @ Home Service Center เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยและครอบครัวถึงบ้าน และบริการ “60 Second Service” เพื่อให้บริการขั้นพื้นฐาน เช่น ฉีดวัคซีนและรับยา เเบบรวดเร็วเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal

Photo : facebook /bumrungrad

จากเเคมเปญเเละโปรโมชันต่างๆ ที่เราได้ทำไป ตอนนี้รายได้เริ่มกลับมาทดเเทนส่วนที่หายไปจากชาวต่างชาติได้บ้างเเล้ว คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 จะดีขึ้น เเละจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ได้

BH รายงานรายได้ในไตรมาส 2/2020 มีกำไรสุทธิเพียง 44 ล้านบาท ลดลงถึง 93.9% จากไตรมาส 2/2019 ที่มีกำไรสุทธิ 725 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 6,531 ล้านบาท ลดลง 27.1% หลักๆ เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ผู้ป่วยชาวไทย 7.8% และต่างชาติ 36.4% ขณะที่ในปี 2019 BH เคยมีรายได้ 1.87 หมื่นล้านบาท และทำกำไร 3.74 พันล้านบาท

ขยายโอกาสธุรกิจใหม่ ดัน Wellness Tourism

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจของบำรุงราษฎร์ในช่วงนี้ คือการหันมาผลักดันธุรกิจ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จับมือกับพันธมิตรค่ายอสังหาฯ อย่างมั่นคงเคหะการกับยักษ์โรงเเรมอย่างไมเนอร์

เปิดตัวโครงการรักษ” (อ่านว่า รักษะ) ศูนย์เวลเนส รีทรีต 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโซนที่ถูกเรียกว่าเป็นปอดเเห่งใหม่ของกรุงเทพฯประเดิมราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 60,000 บาท จับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพเวลเนสทั่วโลก

ลักษณะความร่วมมือครั้งนี้ มั่นคงฯ จะเป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนโครงการ 100% แต่ทำสัญญากับ รพ.บำรุงราษฎร์ ให้ผู้บริหารด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ระหว่างกันประมาณ 50 : 50 แต่ในกำไรส่วนที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ได้จากบริการทางการแพทย์จะแบ่งคืนให้กับมั่นคงฯ 15% ส่วนสัญญากับ ไมเนอร์ เป็นการจ้างบริหารงานบริการโรงแรมและอาหาร

อ่านเพิ่มเติม : คิกออฟ! “รักษศูนย์เวลเนส จาก 3 บิ๊กเนมมั่นคงบำรุงราษฎร์ไมเนอร์มูลค่า 2,000 ล้านบาท

เดิมทีโครงการรักษตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติจากทั่วโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้ายังบินเข้ามาไม่ได้ ทำให้ปีแรกที่จะเปิดบริการเต็มปีคือปี 2021 น่าจะมีอัตราเข้าพักเพียง 30% ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ว่าปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60%

วิลล่าที่พักในรักษ เวลเนส รีทรีต

อย่างไรก็ตาม มั่นคงเคหะการ เชื่อว่าระยะยาวเวลเนสจะยังได้รับความนิยม ในปี 2022 อัตราเข้าพักคาดว่าจะขึ้นมาเป็น 50% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่รับมือ COVID-19 ได้ดีในช่วงนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับโครงการในภายหลัง เพราะทำให้ต่างชาติเชื่อถือในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

ผู้บริหาร รพ. บำรุงราษฎร์ มองว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และรัฐบาลประกาศชัดเจนว่าจะส่งเสริมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง COVID-19 “นี่จะเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ของเราในอนาคต เพราะวิกฤตโรคระบาด ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลในไทยและต่างประเทศเปลี่ยนไป”

โดยประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง จากการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย ติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น อุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโต “ดับเบิลดิจิต” ต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสที่มีสูงมาก

ทั้งนี้ จากการประชุมศูนย์กลางด้านการแพทย์ ปี 2561 ระบุว่า มีผู้ป่วยต่างชาติมาใช้บริการในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ประมาณ 3.4 ล้านครั้ง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.4 แสนล้านบาท และไทยยังมีสถานบริการสุขภาพผ่านมาตรฐานคุณภาพสถานพยาบาลระดับสากล JCI ถึง 68 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน

ปรับรับผู้ป่วยต่างชาติ “เช่าเหมาลำ” จับตาเริ่มกลับมา ต.ค.นี้ 

บรรดาโรงพยาบาลเอกชน ต่างคาดหวังว่ารายได้จะกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่มาพำนักระยะยาวมากขึ้น

BH เริ่มรับผู้ป่วยต่างชาติในกรณีพิเศษเเล้วในช่วงไตรมาส 3 โดยมีผู้ป่วยราว 20-30 คนเดินทางโดยเครื่องบินเเบบเช่าเหมาลำจากเมียนมา เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องผ่านการคัดกรองโรคเเละกักตัว 14 วันภายในโรงพยาบาลตามข้อกำหนดของรัฐ โดยคาดว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติ ล็อตอื่นๆ ตามมาอีกต่อเนื่อง

เเละก็เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยล่าสุดวันที่ 15 .. คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทย ประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) โดยกำหนดเงื่อนไขว่านักท่องเที่ยวดังกล่าวจะต้องเป็นบุคคลต่างด้าวพำนักระยะยาว (Long Stay) ภายในประเทศไทย เเละต้องยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย พร้อมตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน

โดยต้องมีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในไทย เช่น หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก หลักฐานสำเนาโฉนดหรือการชำระเงินดาวน์ห้องชุดประเภทคอนโดมิเนียม และค่าธรรมเนียมลงตราวีซ่า 2,000 บาท

ครั้งแรกจะอนุญาตให้พักได้ 90 วัน เเละขยายได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วันหรือ 9 เดือน โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 ทั้งนี้ จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตั้งเเต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ครั้งละ 100 คน จำนวน 1,200 คนต่อเดือน โดยมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้กว่า 1,200 ล้านบาทต่อเดือน

นี่จึงเป็นอีกโอกาสสำคัญที่ “โรงพยาบาลเอกชน” ที่พึ่งพารายได้จากชาวต่างชาติ จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เเม้จะไม่รุ่งเท่าช่วงก่อนวิกฤต COVID-19 ก็ตาม 

 

]]>
1297032
“หมอเสริฐ” ล้มดีลเทกโอเวอร์ “บำรุงราษฎร์” ตลาดไม่เอื้อลงทุน ราคาหุ้นลดฮวบ https://positioningmag.com/1284894 Wed, 24 Jun 2020 05:41:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284894 หมอเสริฐประกาศล้มดีลเทกโอเวอร์บำรุงราษฎร์ตลาดไม่เอื้อ ราคาหุ้นลดฮวบ ยกเลิกเทนเดอร์ฯหันลงทุนสนามบินอู่ตะเภาสนุกกว่า

นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยกเลิกการเข้าเทคโอเวอร์ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เนื่องจากประเมินแล้วแนวโน้มตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย ธุรกิจไม่ขยายตัว ราคาหุ้นของ BH มีการปรับตัวลดต่ำลงไปมาก

ทั้งนี้ หากราคาหุ้นลดลงไปมากๆ เราจะเข้าไปซื้อไม่ได้ เพราะตามกฎตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซื้อได้ไม่เกิน 25% หากมากกว่า ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Condititonal Voluntary Tender Offer) ซึ่งพอประกาศจะทำเทนเดอร์ฯ ทางเขาก็ร้องขึ้นมา

ตอนนี้เราเลิกคิดแล้ว เพราะหุ้นไม่ขยายตัว ราคาต่ำลงมาก ซึ่งต่างชาติจะซื้อได้ ทั้งจีน สิงคโปร์ แต่เราซื้อไม่ได้ ส่วนหุ้นการบินไทยเราไม่สนใจ เพราะการบินไทยยื่นศาลทำแผนฟื้นฟูแล้ว ตอนนี้มาลงทุนสนามบินอู่ตะเภาสนุกกว่านพ.ปราเสริฐกล่าว

โดยก่อนหน้านี้ BDMS ได้ประกาศจะทำเทนเดอร์ฯ หลักทรัพย์ทั้งหมดของ BH ในสัดส่วน 74.83% จากปัจจุบันที่ BDMS ถือหุ้นใน BH ทั้งหมด 24.99% ในราคาหุ้นละ 125 บาท

Source

]]>
1284894
บำรุงราษฎร์ โต้กลับ BDMS ไม่คาดคิดจะเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด ขอคุยคณะกรรมการแข่งขันการค้า https://positioningmag.com/1266227 Thu, 27 Feb 2020 16:51:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266227 หลังจากมีการประกาศ “ดีลใหญ่” ของวงการธุรกิจการแพทย์ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขในหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH คาดต้องใช้เงินราว 8.56 หมื่นล้านบาท ถึง 1.02 แสนล้านบาท ในราคาหุ้นละ 125 บาท เเละในกรณีราคาที่สูงขึ้นจะไม่เกิน 20%
(ปัจจุบัน BDMS ถือหุ้นใหญ่ใน BH อยู่เเล้วที่ 24.99%)

อ่านเพิ่มเติม : BDMS ทุ่ม 8.56 หมื่นล้าน เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ รพ.บำรุงราษฎร์ ราคา 125 บาท/หุ้น

จากนั้น “บำรุงราษฎร์” ออกมาโต้กลับ โดยทำหนังสือชี้เเจงต่อตลท.ว่า “ผู้บริหารของ BH ไม่คาดคิดและไม่เคยทราบเรื่องการทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจมาก่อน เนื่องจากในอดีต BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจอย่างอิสระต่อกันและปราศจากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจใดๆ”

นอกจากนี้บริษัทเห็นว่าทั้งสองกลุ่มโรงพยาบาลดำเนินธุรกิจที่แข่งขันกัน และต่างก็เป็นผู้นำในธุรกิจด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ (Medical Tourism) และการบริการทางการแพทย์ตติยภูมิให้กับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับสูง

อีกทั้ง บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญที่ผู้บริโภคพึงได้รับการบริการทางการแพทย์ตติยภูมิภายใต้การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ดังนั้นบริษัทจะขอเข้าปรึกษาและให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)  เพื่อชี้แจงถึงสภาพการแข่งขันในธุรกิจด้านการแพทย์ในปัจจุบัน และขอความชัดเจนในเชิงนโยบายเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โดย BDMS ดังกล่าว

โดยบริษัทแนะนำให้ผู้ถือหุ้นติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าทำรายการจากทั้ง BH และ BDMS “อย่างใกล้ชิดและอย่างระมัดระวัง”  นอกจากนี้ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อ และนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นในช่องทางที่เหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BH ประจำวันที่ 27 ก.พ. (ช่วงเย็นหลังการประกาศคำเสนอซื้อหุ้น) ปิดที่หุ้นละ 130 บาท เพิ่มขึ้น 18 บาท หรือคิดเป็น 16.07% โดยราคาสูงสุดของวันอยู่ที่ 133 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 112 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,364.29 ล้านบาท

 

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

]]>
1266227