บ้านเช่า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 24 Aug 2023 07:51:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สรุปตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2/2566 ดีมานด์ ‘ซื้อบ้าน’ ยังซบเซา แต่คนมองหา ‘บ้านเช่า’ สูงขึ้น https://positioningmag.com/1442153 Thu, 24 Aug 2023 03:51:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442153
  • ข้อมูลจาก “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้” รายงานตลาด “อสังหาฯ” ไตรมาส 2/2566 พบว่าดีมานด์ “ซื้อบ้าน” ซบเซาลงถึง -32% YoY และลดลง -4% QoQ จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจ
  • สวนทางกับตลาด “บ้านเช่า” แม้ดีมานด์จะลดลง -30% YoY แต่ในระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 13% QoQ สะท้อนทิศทางที่ดีสำหรับตลาดเช่า
  • ประเภทอสังหาฯ ที่มีดีมานด์เช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ คอนโดฯ , บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ตามลำดับ
  • ข้อมูลจากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Report เปิดเผยข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง ไตรมาส 2/2566 โดยศึกษาทั้งตลาดซื้อและตลาดเช่าในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

    ตลาด “ซื้อบ้าน” นั้นยังซบเซา โดยพบว่าความต้องการซื้อบ้านลดลงถึง -32% YoY และลดลง -4% QoQ โดยประเภทอสังหาฯ ที่ความต้องการซื้อยังซบเซามากที่สุดคือ “คอนโดมิเนียม” เพราะผู้บริโภคยังอยู่ในเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอย

    วิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) มองว่าตลาดซื้อยังซบเซาเพราะหนี้ครัวเรือนสูง อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งทำให้การเข้าถึงการซื้อบ้านยากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้านกังวลเกี่ยวกับภาระผ่อนชำระ

    ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็เป็นอีกปัจจัยระยะสั้นที่ทำให้ผู้บริโภคลดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีรัฐบาลใหม่และนโยบายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน

    ซื้อบ้าน

    จากปัจจัยลบและความต้องการซื้อที่ลดลง ทำให้ดัชนี “ราคาบ้าน” ไม่กระเตื้องเท่าใดนัก โดยปรับขึ้นเพียง 1% QoQ และลดลง -6% YoY รวมถึงถ้าเทียบกับก่อนเกิดโรคระบาด ราคาบ้านยังต่ำกว่า -10% เทียบกับไตรมาส 2/2562

     

    “บ้านเช่า” สวนทาง ตลาดฟื้นกลับมาคึกคัก

    แม้ผู้ซื้อมีความต้องการซื้อลดลง แต่ตลาด “บ้านเช่า” โตสวนทาง ถึงแม้เทียบกับปีก่อนแล้วดีมานด์เช่าลดลง -30% YoY แต่ระยะสั้นเห็นการปรับตัวดีขึ้น ดีมานด์เพิ่ม 13% QoQ

    ประเภทอสังหาฯ ที่ต้องการเช่าสวนทางกับตลาดซื้อเช่นกัน เพราะ “คอนโดมิเนียม” มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นสูงสุด ตามด้วยบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์

    บ้านเช่า

    ความต้องการมากขึ้นส่งผลให้ “ค่าเช่าบ้าน” ปรับเพิ่มขึ้นได้ แบ่งเป็นกลุ่มคอนโดฯ ราคาเช่าเพิ่ม 3% QoQ ส่วนบ้านแนวราบ (บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์) ปรับเพิ่ม 8% QoQ

    อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับก่อนเกิดโรคระบาดแล้ว กลุ่มบ้านแนวราบถือว่าทำราคาได้แข็งแกร่งกว่ามาก โดยทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ปรับราคาเช่าขึ้นถึง 51% เทียบกับปี 2562 แต่กลุ่มคอนโดฯ รวมถึงหอพัก-อะพาร์ตเมนต์ ต่างปรับลดราคา -9% เทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด สะท้อนให้เห็นว่าที่พักในเมืองแม้ความต้องการจะสูงขึ้น แต่ก็ต้องแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดสูงมากเพื่อดึงดูดผู้บริโภค

    วิทยาเสริมในส่วนตลาดบ้านเช่าว่า ความต้องการเพิ่มขึ้นเพราะเกิด Generation Rent คนรุ่นใหม่เน้นเช่าบ้านมากกว่าเพราะมีความยืดหยุ่นกว่าในการย้ายที่อยู่ และไม่พร้อมที่จะมีภาระการเงินผูกพันในระยะยาว

     

    “คันนายาว” ราคาบ้านพุ่งสูงสุด “ทุ่งครุ” ค่าเช่าปรับขึ้นสูงสุด

    ด้านทำเลร้อนแรงสำหรับไตรมาส 2/2566 ทั้งในกลุ่ม “ซื้อบ้าน” และ “บ้านเช่า” มีดังนี้

     

    ซื้อบ้าน : ทำเลที่ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบไตรมาส

    ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก ซึ่งมีที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก และตั้งอยู่ใกล้เส้นทางที่รถไฟฟ้าพาดผ่าน ได้แก่

    • เขตคันนายาว เพิ่มขึ้น 15% QoQ ทำเลที่มีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่ อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567
    • เขตบางคอแหลม เพิ่มขึ้น 8% QoQ เป็นแหล่งงานย่านพระราม 3 ใกล้กับสาทร-สีลม
    • เขตสะพานสูง เพิ่มขึ้น 7% QoQ พื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ อีกหนึ่งทำเลบ้านแนวราบใกล้เมืองและใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะโครงการหรูย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม
    • เขตบางเขน เพิ่มขึ้น 7% QoQ พื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และใกล้สนามบินดอนเมือง
    • เขตบึงกุ่ม เพิ่มขึ้น 6% QoQ พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกที่อยู่ใกล้แหล่งงาน เป็นทำเลที่มีที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นจำนวนมาก
    ซื้อบ้าน
    โครงการ SMYTH’s Ramintra บ้านหรูราคา 120 ล้านบาท พัฒนาโดย บมจ.สิงห์ เอสเตท ทำเลในบริเวณใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเขียว และสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นทำเลที่ทำราคาสูงขึ้นได้ในกรุงเทพฯ
    บ้านเช่า :  ทำเลที่มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบไตรมาส

    ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก และพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ รวมทั้งอยู่ในทำเลแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบันและอนาคต ได้แก่

    • เขตทุ่งครุ ค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด 24% QoQ โดยเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกที่ใกล้แหล่งงานและสถานศึกษา ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงต่อขยาย เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ที่กำลังก่อสร้าง
    • เขตทวีวัฒนา เพิ่มขึ้น 21% QoQ พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกที่เป็นทำเลที่อยู่อาศัยแนวราบ เดินทางได้สะดวก อยู่ใกล้ทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และ ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ที่มีแผนก่อสร้างในอนาคต
    • เขตลาดพร้าว เพิ่มขึ้น 16% QoQ พื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจใกล้ใจกลางเมืองและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีความเป็นย่านพาณิชย์แหล่งช้อปปิ้ง มีรถไฟฟ้า 2 สายผ่าน ทั้งสายสีน้ำเงิน และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง
    • เขตหนองแขม เพิ่มขึ้น 13% QoQ พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอก แม้เป็นทำเลชานเมืองแต่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงท่าพระ-หลักสอง และมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่
    • เขตบางเขน เพิ่มขึ้น 10% QoQ พื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ อีกหนึ่งทำเลใกล้เมือง ใกล้สถานศึกษาชื่อดังและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย หมอชิต-คูคต ผ่านทำเล และใกล้สนามบินดอนเมือง
    บ้านเช่า
    แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน-ประชาอุทิศ บ้านเดี่ยวราคาเริ่ม 18 ล้านบาท พัฒนาโดย บมจ.บริทาเนีย
    ]]>
    1442153
    “ฟลอเรนซ์” เมืองในอิตาลี เตรียมแบนการปล่อยเช่าบ้านผ่าน Airbnb เพื่อให้คนท้องถิ่นมีที่อยู่อาศัย https://positioningmag.com/1432913 Fri, 02 Jun 2023 06:14:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432913 เมืองประวัติศาสตร์อย่าง “ฟลอเรนซ์” ในประเทศอิตาลี กำลังวางแผนเตรียม “แบน” การปล่อยเช่าบ้านระยะสั้นผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Airbnb หวังให้คนท้องถิ่นกลับมาเข้าถึงที่อยู่อาศัยอีกครั้ง

    ดาริโอ นาร์เดลลา นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของอิตาลี เปิดเผยว่าเมืองนี้กำลังจะมีกฎหมายท้องถิ่นฉบับใหม่ซึ่งเข้มงวดกว่าร่างกฎหมายระดับประเทศที่กำลังพิจารณากันอยู่

    โดยกฎหมายใหม่ของฟลอเรนซ์จะเป็นไปตามแนวคิด “ปกป้องศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์” ผ่านการ “แบน” ไม่ให้มีการปล่อยเช่าบ้านระยะสั้น และจะส่งเสริมการปล่อยเช่าบ้านระยะยาวด้วยการลดภาษีการปล่อยเช่าลักษณะนี้

    ฟลอเรนซ์มีปัญหาที่คล้ายกับประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป ด้วยปัจจัยรุมเร้าหลายประการ ด้วยสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาดแคลนซัพพลาย แต่มีดีมานด์จากการเช่าระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยวเข้ามา ขณะที่ฐานรายได้ประชากรท้องถิ่นไม่สูงพอ แถมยังเผชิญวิกฤตเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มประชากรที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มนักเรียนนักศึกษาคือกลุ่มคนที่หาที่อยู่อาศัยได้ยากยิ่ง

    สำหรับร่างกฎหมายระดับชาติของอิตาลีที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเช่าระยะสั้น ตามที่สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานพบว่า กฎหมายจะบังคับให้เจ้าของที่พักอาศัยที่ปล่อยเช่าระยะสั้นแก่นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนเพื่อรับรหัสประจำตัว เป็นการจัดระเบียบให้ภาครัฐดูแลและติดตามการปล่อยเช่าได้ดีขึ้น โดยใครที่ฝ่าฝืนกฎข้อนี้จะต้องถูกปรับครั้งละ 5,000 ยูโร

    นอกจากนี้ กฎหมายจะเปิดช่องให้เมืองท่องเที่ยวต่างๆ สามารถกำหนดจำนวนคืนเข้าพักขั้นต่ำต่อครั้งได้เองด้วย

    Airbnb ยังไม่มีความเห็นตอบโต้โดยตรง แต่มีแถลงการณ์ที่ระบุว่าบริษัทต้องการจะเห็นกฎหมายที่ชัดเจนและเรียบง่ายในอิตาลี

    ไม่ใช่แค่ฟลอเรนซ์เท่านั้นที่เริ่มกีดกันการเช่าระยะสั้น ก่อนหน้านี้ “นิวยอร์ก” ก็ออกกฎหมายฉบับหนึ่งออกมา โดยบังคับให้เจ้าของที่พักระยะสั้นต้องลงทะเบียนกับภาครัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบก่อนว่าที่พักอาศัยถูกต้องตามระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่

    รวมถึงยังกำหนดให้เจ้าของที่พักต้องแจ้งผังห้องและรายชื่อผู้พักอาศัยทั้งหมดด้วย และทางแพลตฟอร์มกลาง เช่น Airbnb จะต้องร่วมรับผิดชอบตรวจสอบว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง มิฉะนั้นจะมีโทษปรับครั้งละ 1,500 เหรียญสหรัฐ

    กฎหมายนี้อนุมัติผ่านไปเมื่อเดือนมกราคม 2023 และจะเริ่มบังคับใช้จริงเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ระหว่างนี้มีการต่อต้านทั้งจาก Airbnb เองและกลุ่มผู้ปล่อยเช่าที่พักผ่าน Airbnb ซึ่งระบุว่า กฎหมายนี้ “เหมือนเป็นการแบนไปโดยปริยาย” เพราะทำตามได้ยากมาก ตัวอย่างเช่น การขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปล่อยเช่าระยะสั้น ปัจจุบันมีเจ้าของที่ผ่านการตรวจสอบแค่ 9 ราย จากผู้ปล่อยเช่ากับ Airbnb ในนิวยอร์ก 38,500 ราย

    นับเป็นปีที่ท้าทายของ Airbnb ในเมืองหลายเมืองที่เคยปล่อยเช่าได้อย่างเสรี จะเริ่มมีกฎระเบียบเข้าควบคุมมากขึ้นแล้ว

    ที่มา: Reuters, New York Post

    ]]>
    1432913
    เช็กดีมานด์ “เช่าบ้าน/คอนโด” ทำเลไหนมีความต้องการเพิ่มสูงสุด รอบ 4 เดือนแรก 2565 https://positioningmag.com/1387200 Tue, 31 May 2022 08:58:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387200 1387200 จับชีพจร “คอนโดฯ” กำลังจะพ้นจุดต่ำสุด ขณะที่ “บ้านเช่า” เมืองท่องเที่ยวกลับมาบูม! https://positioningmag.com/1385991 Thu, 19 May 2022 11:44:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1385991 รายงานสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ จาก “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้” สำรวจรอบ 4 เดือนแรกปี 2565 พบว่า ตลาด “คอนโดฯ” กำลังจะพ้นจุดต่ำสุด ห้ามเลือดราคาที่ตกต่ำลงมาตลอดช่วงโควิด-19 ได้แล้ว ขณะที่ตลาดน่าสนใจอยู่ที่ “บ้านเช่า” ในเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ กลับมาบูม ดีมานด์พุ่งจากกระแสนักท่องเที่ยว คนทำงานทางไกล (Work from Anywhere)

    กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ สำรวจรอบ 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ปี 2565 ภาพรวมตลาดประเทศไทย พบว่า ดีมานด์ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 3/64 โดยไตรมาสล่าสุดมีดีมานด์เพิ่มขึ้น +30% YoY แต่ซัพพลายก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยไตรมาสล่าสุดซัพพลายปรับเพิ่ม +15% YoY ทำให้ราคาโดยภาพรวมก็ยังคงลดลง -7% YoY

    อย่างไรก็ตาม ถ้าดูแยกย่อยตามประเภทสินค้าแล้ว จะพบว่า “บ้านเดี่ยว” เป็นกลุ่มสินค้าที่มาแรงกว่าตลาด โดยมีดีมานด์สูงมาก และทำให้ราคาปรับขึ้นได้ +8% YoY (ยิ่งในตลาดกรุงเทพฯ บ้านเดี่ยวขึ้นราคาถึง +19% YoY) ส่วนสินค้า “ทาวน์เฮาส์” ก็ขึ้นราคาได้เล็กน้อย +2% YoY

    สินค้าที่ถือว่าตลาดซึมเซาลงไปนั้นคือ “คอนโดฯ” โดยราคาตกลง -6% YoY อย่างไรก็ตาม หากดูจากเส้นกราฟจะเห็นว่าราคาคอนโดฯ ที่ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 4/62 เริ่มเข้าสู่ระดับทรงตัวแล้ว

    กมลภัทรเชื่อว่า ตลาดคอนโดฯ น่าจะถึงจุดต่ำสุด เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของวิกฤต และน่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นราคาได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากดีมานด์ที่น่าจะกลับเพิ่มขึ้นแล้ว รวมถึงยังเกิดจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างและพลังงานที่จะบีบให้ผู้ประกอบการจำต้องขึ้นราคา ดังนั้น ผู้ต้องการซื้อคอนโดฯ ควรจะเร่งการตัดสินใจภายในไตรมาส 2 นี้ ก่อนที่ราคาจะทยอยปรับขึ้น

     

    “บ้านเช่า” เมืองท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก

    ไฮไลต์อีกส่วนที่น่าสนใจคือตลาด “บ้านเช่า” และ “คอนโดฯ ให้เช่า” ในหัวเมืองจังหวัดท่องเที่ยว โดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้เสนอข้อมูล 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต, พัทยา และเชียงใหม่ ภาพรวมพบว่า ดีมานด์การเช่าอสังหาฯ กลับมาพุ่งสูงทุกจังหวัด แต่ด้วยซัพพลายที่เข้าสู่ตลาดมากเช่นกัน ทำให้ราคาอาจจะยังปรับขึ้นไม่ได้ ดังนี้

    • ภูเก็ต – ดีมานด์ +234% YoY ซัพพลาย +21% YoY ราคาเช่า -12% YoY
    • พัทยา – ดีมานด์ +138% YoY ซัพพลาย +233% YoY ราคาเช่า -27% YoY
    • เชียงใหม่ – ดีมานด์ +51% YoY ซัพพลาย +26% YoY ราคาเช่า +0% YoY
    (Photo : Shutterstock)

    กมลภัทรมองว่า ตลาดเช่าเหล่านี้กลับมาเติบโตด้วยกระแสการท่องเที่ยวไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโลกยุคหลังโควิด-19 มีหลายบริษัทที่อนุญาตให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ทำให้ทั้งชาวต่างชาติจำนวนมากเลือกมาอาศัยพร้อมท่องเที่ยวในประเทศที่ค่าครองชีพต่ำลง และได้บรรยากาศในการพักผ่อน

    โดยสรุปภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยครึ่งปีหลัง 2565 ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ประเมินว่าจะเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ เนื่องจากไทยยังมีปัจจัยลบหลายด้านรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ยังซบเซา อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนค่าก่อสร้างสูง ต้องจับตาในช่วงครึ่งปีหลังว่า เมื่อไทยปรับเปลี่ยนให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น จะส่งผลให้การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจผลักดันประเทศได้มากแค่ไหน

    ]]>
    1385991
    รู้จัก “RentSpree” สตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ไปบุกธุรกิจ “เช่าบ้าน” ในอเมริกา! https://positioningmag.com/1372866 Fri, 04 Feb 2022 09:46:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372866 RentSpree (เรนท์สพรี) มีผู้ก่อตั้งส่วนใหญ่เป็นคนไทยและมีบุคลากรส่วนใหญ่ที่เมืองไทย แต่ไปให้บริการในสหรัฐฯ โดยเป็นแพลตฟอร์มเพื่อแก้ปัญหาการ “เช่าบ้าน” ช่วยให้ขั้นตอนการหาบ้านเช่าง่ายขึ้น ปัจจุบันระดมทุนไปถึงรอบ Series A สำเร็จ พร้อมเป้าหมายไปสู่ “ยูนิคอร์น” ภายในปี 2567

    ชื่อของ RentSpree อาจไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก เพราะบริการของแพลตฟอร์มไม่ได้เปิดตลาดในไทย แต่ไปเปิดที่สหรัฐอเมริกา แม้ว่าผู้ก่อตั้งเกือบทั้งหมดจะเป็นคนไทย และปัจจุบันมีบุคลากรส่วนใหญ่อยู่ในไทยนี่เอง

    “เอกบุตร สิริศุภางค์” COO และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เรนท์สพรี จำกัด อธิบายถึงแพลตฟอร์มนี้ก่อนว่า เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อผู้ที่ต้องการเช่าบ้านกับผู้ให้เช่า/นายหน้า โดยกุญแจสำคัญของแพลตฟอร์มคือมาแก้จุดบอดของการ “เช่าบ้าน” ในสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องส่งเอกสารจำนวนมาก และมีขั้นตอนหนึ่งต่างจากในไทยนั่นคือการ “ตรวจสอบประวัติ” (screening) ผู้ขอเช่าบ้าน

    “เอกบุตร สิริศุภางค์” COO และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เรนท์สพรี จำกัด

    หากเป็นขั้นตอนเช่าดั้งเดิม ผู้เช่าบ้านต้องส่งเอกสารให้เจ้าของบ้านหรือนายหน้าแยกกันแต่ละหลัง ทำให้ต้องทำเอกสารซ้ำๆ และในขั้นตอนตรวจสอบประวัติ ผู้เช่าบ้านต้องออกค่าใช้จ่ายเองประมาณ 30 เหรียญสหรัฐ (เกือบ 1,000 บาท) เพื่อให้นายหน้าหรือเจ้าของบ้านนำไปเดินเรื่องตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เครดิตสกอร์ด้านการเงิน และตรวจว่ามีประวัติถูกฟ้องขับไล่จากบ้านเช่าหรือไม่

    การหาบ้านเช่าในสหรัฐฯ จึงเป็นเรื่องยุ่งยาก และมีโอกาสได้บ้านแค่ 33% แปลว่าผู้เช่าบ้านจะต้องทำเอกสารและเสียเงินซ้ำหลายครั้งกว่าจะได้เช่าบ้านสักหลัง ฝั่งนายหน้าเองก็ไม่ค่อยชื่นชอบลูกค้าหาบ้านเช่า เพราะค่าคอมมิชชั่นต่ำกว่าลูกค้าซื้อบ้าน แม้จะต้องทำเอกสารมากไม่ต่างกัน

    จุดนี้เอง ทำให้ RentSpree ลุกขึ้นมาเป็นตัวกลางในการแก้ความยุ่งยากทั้งหมด โดยการเป็น ตัวกลางเก็บข้อมูลเอกสารลูกค้าที่หาเช่าบ้าน พร้อมกับตรวจสอบประวัติให้ด้วย นายหน้าไม่ต้องเป็นผู้ดูแลเอกสารและไม่ต้องวิ่งไปตรวจสอบประวัติ ส่วนลูกค้าก็ไม่ต้องส่งเอกสารซ้ำๆ และแพลตฟอร์มยังปกปิดเอกสารสำคัญบางส่วนไว้ให้ด้วย ทำให้ข้อมูลลูกค้าปลอดภัยมากกว่า

    เอกบุตรกล่าวว่า หลังจากแพลตฟอร์มก่อตั้งเมื่อปี 2559 ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าแล้ว 750,000 ราย (แบ่งเป็นกลุ่มเจ้าของบ้าน/นายหน้า 130,000 ราย และผู้เช่าบ้าน 620,000 ราย) ให้บริการทั่วทุกรัฐในสหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐหลักที่มีลูกค้ามากที่สุดคือ แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดา และเท็กซัส

    ปี 2564 บริษัททำรายได้ไป 300 ล้านบาท และระดมทุนรอบล่าสุดรอบ Series A ได้รับเงินลงทุนสะสมแล้ว 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 250 ล้านบาท) ซึ่งทำให้ทีมจะขยายออกไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

     

    ตั้งโดยคนไทย ฝ่าฟันจนสำเร็จในสหรัฐฯ

    ด้านเส้นทางการก่อตั้งบริษัท เกิดจากเอกบุตรไปเรียนต่อ MBA ในสหรัฐฯ และมีไอเดียก่อตั้งธุรกิจนี้ขึ้น จึงรวบรวมทีมผู้ร่วมก่อตั้ง (เป็นคนไทย 6 คน และต่างชาติ 1 คน) ตั้งสตาร์ทอัพขึ้นเมื่อปี 2016 เปลี่ยนห้องนั่งเล่นเป็นที่ทำงาน พร้อมระดมทุนขั้นแรกจากเพื่อนและครอบครัวได้มาทั้งหมด 150,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.95 ล้านบาท)

    ในช่วง 3-4 ปีแรก เอกบุตรยอมรับว่าธุรกิจยังไม่สำเร็จ และไม่สามารถระดมทุนได้เลย เข้าร่วมแข่งขันสตาร์ทอัพก็ไม่ชนะในเวทีใดๆ ทำให้จนถึงปี 2562 บริษัทต้องกลับมาปรับโมเดลธุรกิจใหม่

    เมื่อกลับมาทบทวนอีกครั้งทำให้เห็นว่า แผนการตลาดช่วงแรกที่เน้นโปรโมตแบบ B2C เน้นตรงไปที่ลูกค้าหาเช่าบ้านนั้นไม่ตรงจุด เพราะต้อง ‘burn’ เงินมหาศาลเพื่อจะดึงลูกค้าได้จำนวนมากๆ และไม่ยั่งยืน

    สุดท้ายจึงปรับโมเดลใหม่ เข้าหาพาร์ทเนอร์บริษัทนายหน้าเพื่อแนะนำ RentSpree ในฐานะ “เครื่องมือ” ที่นายหน้าสามารถใช้ลดความยุ่งยากด้านเอกสารและการสอบประวัติ โดยการทำรายได้ของแพลตฟอร์มจะมาจาก “30 เหรียญสหรัฐ” ที่ลูกค้าเช่าบ้านต้องจ่ายอยู่แล้ว ไม่ตัดส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นกับนายหน้า ทำให้นายหน้ายินดีที่จะแนะนำลูกค้าเช่าบ้านให้เข้ามาใช้งาน กลายเป็นโมเดล B2B2C ที่ประสบความสำเร็จ

    ในปีต่อมาบริษัทจึงเริ่มระดมทุนรอบ Seed Stage สำเร็จ และตามมาด้วยรอบ Series A เมื่อปี 2564 ส่งให้บริษัทขยายจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปให้บริการได้ทั่วประเทศ และมีส่วนแบ่งตลาด 6% จากจำนวนนายหน้าที่มีในสหรัฐฯ

    เอกบุตรระบุว่า ปัจจุบันบริษัทแบ่งทีมเป็นทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดูแลระบบหลังบ้าน ไอที อยู่ในไทย 85 คน และมีทีมพัฒนาธุรกิจ ดูแลการตลาด อยู่ที่สหรัฐฯ 40 คน รวมทั้งหมด 125 คน พร้อมขยายทีมต่อเนื่องรองรับการเติบโตทั้งในไทยและสหรัฐฯ

     

    เป้าหมายขยายให้ครบลูปการ “เช่าบ้าน”

    เมื่อลงหลักปักฐานได้แล้ว เอกบุตรกล่าวว่าทีมมีเป้าหมายต่อไปจะขยายการบริการด้านการเช่าบ้านให้ครบลูป โดยเห็นจุดบอดอื่นๆ อีกในการเช่าบ้านที่บริษัทจะพัฒนาต่อบนแพลตฟอร์ม เช่น

    • การค้นหาบ้านเช่า RentSpree จะเป็นแหล่งรวมลิสติ้งบ้านเช่าจากทุกเว็บไซต์ไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากที่จะต้องเปิดหาทุกเว็บไซต์
    • การชำระเงิน ปกติแล้วลูกค้าเช่าบ้านต้องโอนเงินค่าเช่าให้เจ้าของบ้านทุกเดือน ถ้าชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มนี้ สามารถตั้งหักบัตรเครดิตรายเดือนได้เลย ไม่มีลืมจ่าย ไม่ต้องทวงค่าเช่า
    • การติดต่อระหว่างผู้เช่าและเจ้าของบ้าน ต้องการแจ้งซ่อม ร้องเรียน หรือมีข้อสงสัยสอบถาม สามารถพูดคุยในแพลตฟอร์มนี้ได้โดยตรง

    ในมูลค่าตลาดบ้านเช่า 63,000 ล้านเหรียญสหรัฐของอเมริกา (ประมาณ 2.08 ล้านล้านบาท) เอกบุตรกล่าวว่าผู้ให้เช่ามีทั้งรูปแบบบริษัทขนาดใหญ่ และผู้ให้เช่ารายย่อยที่อาจจะมีสินทรัพย์ในมือเพียง 2-3 รายการ กลุ่มรายย่อยนี้เองที่จะเป็นเป้าหมาย เนื่องจากเจ้าของบ้านแบบนี้ไม่ได้มีซอฟต์แวร์ของตนเอง และ RentSpree จะเข้าไปตอบโจทย์

    เจนเนอเรชันใหม่ๆ เริ่มเลือกที่จะเช่าบ้านก่อนซื้อบ้าน อาจเช่าบ้านอยู่ 10-15 ปีกว่าจะตัดสินใจซื้อ เพราะคนรุ่นใหม่ย้ายงานบ่อยขึ้น ทำให้การเช่าบ้านตอบโจทย์กว่า และราคาบ้านก็แพงขึ้น ทำให้ต้องเก็บเงินดาวน์นานกว่าจะซื้อได้สักหลัง — “เอกบุตร สิริศุภางค์” COO บริษัท เรนท์สพรี จำกัด

    นอกจากนี้ เมื่อแพลตฟอร์มสามารถทำกิจกรรมเกี่ยวกับการเช่าบ้านได้ครบลูปแล้ว จุดเด่นจะไม่ได้มีแค่การส่งเอกสารและตรวจสอบประวัติ ทำให้ขยายไปประเทศอื่นๆ ต่อได้ เช่น แคนาดา ยุโรป เอเชีย โดยประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในจุดหมายที่วางไว้ว่าจะเข้ามาทำตลาดราวปี 2568

     

    หวังขึ้นแท่น “ยูนิคอร์น” ใน 2 ปี

    เป้าหมายการเติบโตของ RentSpree ในปี 2565 ต้องการจะทำรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 600 ล้านบาท ขณะที่เป้าระยะยาว ต้องการจะระดมทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าปี 2567 ต้องการระดมทุนสะสมแตะ 85.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้บริษัทขึ้นแท่นเป็น “ยูนิคอร์น” ตัวใหม่ของเมืองไทย และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่สหรัฐอเมริกา

    ด้านการขยายตัวของบริษัท มองว่าจะทยอยเข้าไปบริการในประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น แคนาดา สหภาพยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมาย คาดว่าจะเริ่มทำตลาดในปี 2568

    “เทรนด์ตลาดเช่าบ้านในสหรัฐฯ เติบโตปีละ 3-5% และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นอีก เนื่องจากเจนเนอเรชันใหม่ๆ เริ่มเลือกที่จะเช่าบ้านก่อนซื้อบ้าน อาจเช่าบ้านอยู่ 10-15 ปีกว่าจะตัดสินใจซื้อ” เอกบุตรกล่าวถึงเทรนด์ตลาดเช่าบ้าน “เพราะคนรุ่นใหม่ย้ายงานบ่อยขึ้น ทำให้การเช่าบ้านตอบโจทย์กว่า และราคาบ้านก็แพงขึ้น ทำให้ต้องเก็บเงินดาวน์นานกว่าจะซื้อได้สักหลัง เทรนด์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ที่สหรัฐฯ แต่ในไทยก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วเช่นกัน”

    ]]>
    1372866
    “ราคาอสังหาฯ” อาจลดลงอีก รอลุ้นฟื้นตัว Q2/65 ดีมานด์ “บ้านเดี่ยว” ทั้งซื้อและเช่ายังมาแรง https://positioningmag.com/1365680 Tue, 07 Dec 2021 13:04:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365680 “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้” ประเมินสถานการณ์ “อสังหาฯ” กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ราคายังลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ซัพพลายพุ่งสูง คาดราคายังลงต่อจนถึงสิ้นปี ลุ้นฟื้นตัวไตรมาส 2 ปีหน้า อย่างไรก็ตาม โปรดักส์ที่ยังชนะในตลาดคือ “บ้านเดี่ยว” ทั้งดีมานด์ซื้อและเช่ามาแรง

    “กมลภัทร แสวงกิจ” ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ รายงานสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ จากผลสำรวจของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พบว่า “ราคาอสังหาฯ” กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ดัชนีราคาลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 178 จุด ในช่วงไตรมาส 3/64 โดยคิดเป็นราคาที่ลดลง -14% เทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 หรือลดลง -11% YoY

    ราคาอสังหาฯ

    อย่างไรก็ตาม หากแยกตามประเภทอสังหาฯ จะพบว่า “คอนโดมิเนียม” คือประเภทสินค้าที่ราคาลดลงมาก โดยลดลง -13% เทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 หรือลดลง -11% YoY

    รองลงมาคือ “ทาวน์เฮาส์” ที่ราคาลดลงเล็กน้อย -2% เทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 หรือลดลง -1% YoY

    สินค้ากลุ่มเดียวที่โตดีสวนตลาดคือ “บ้านเดี่ยว” ราคาเพิ่มขึ้นถึง +10% เทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 และโตขึ้น +6% YoY

    ซัพพลายของตลาดโดยรวมยังเพิ่มขึ้น +19% YoY แต่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของซัพพลายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่มีดีมานด์ ส่วนคอนโดฯ ยังมีซัพพลายทรงตัวเท่ากับไตรมาส 2/64 เนื่องจากดีเวลอปเปอร์ชะลอการเปิดตัวใหม่ และเร่งระบายสต๊อกออกไปได้พอสมควร

    กมลภัทรมองว่า ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ เป็นไปได้ที่ราคาอสังหาฯ อาจยังปรับลดลงอีก เพราะเป็นช่วงระบายสต๊อกก่อนจบสิ้นปี และอาจจะยังคงราคาต่ำไปจนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า ส่วนไตรมาส 2/2565 อาจมีลุ้นได้เห็นการปรับขึ้นของราคาอสังหาฯ หลังผ่านจุดต่ำสุด เพราะเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น การระบายสต๊อกอสังหาฯ ทำไปมากแล้ว ทำให้ปีหน้าผู้ประกอบการจะกลับมาเปิดคอนโดฯ ใหม่และปรับราคาขึ้น

     

    “บ้านเดี่ยว” ยังคงเป็นผู้ชนะในทุกมุม

    เมื่อต้นปี 2564 นี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้รายงานว่าเทรนด์ “บ้านเดี่ยว” กำลังมาแรง และช่วงท้ายปีนี้ก็ยังคงแรงต่อเนื่อง ดังที่เห็นจากราคายังคบปรับขึ้นได้

    (ที่มา: ดีดีพร็อพเพอร์ตี้)

    ฝั่งดีมานด์ก็เช่นกัน โดยวัดจากการค้นหาในเว็บไซต์ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พบว่าไตรมาส 3/64 มีผู้ค้นหา “ซื้อบ้านเดี่ยว” เพิ่มขึ้น 69% YoY และมีผู้ค้นหา “เช่าบ้านเดี่ยว” เพิ่มขึ้น 59% YoY

    “คนเช่ากลุ่มนี้ (บ้านเดี่ยว) มักจะเป็น ชาวต่างชาติที่อยู่ในไทย มีศักยภาพในการจ่ายสูง เป็นระดับผู้บริหารที่อยู่อาศัยกันทั้งครอบครัว จึงต้องการบ้านเดี่ยวที่มีความสะดวก สะอาด” กมลภัทรกล่าว “อีกกลุ่มจะเป็น ผู้เช่าคนไทยที่อาจจะเคยเช่าคอนโดฯ หรูในเมือง แต่เมื่อตอนนี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน จึงหันมาเลือกบ้านเดี่ยวที่ห่างเมืองหน่อยแต่ยังเข้าเมืองได้สะดวก ทำให้โยกค่าเช่าคอนโดฯ หรูมาเป็นการเช่าบ้านแทน”

    ส่วนเทรนด์การลงทุนของนักลงทุนปล่อยเช่า เห็นว่ามีการลงทุนบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น แต่อาจจะไม่หวือหวาอย่างที่คิด เพราะบ้านเดี่ยวนั้นต้องลงทุนสูงต่อหนึ่งยูนิต และมีค่าบำรุงรักษาสูง รวมถึงทำเลอาจจะเดินทางไปดูแลยากกว่า กลยุทธ์การหาผู้เช่าก็แตกต่าง จึงไม่ใช่นักลงทุนทุกคนจะเปลี่ยนมาลงทุนบ้านแทนคอนโดฯ

     

    ดีมานด์ตลาดกลางและตลาดบนยังเติบโต

    สำหรับกลุ่มราคาอสังหาฯ ที่มีดีมานด์ ในตลาดซื้อขาดพบประเด็นที่น่าสนใจคือ การค้นหาอสังหาฯ ราคามากกว่า 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 54% YoY รองลงมาเป็นกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% YoY สะท้อนให้เห็นว่าตลาดบนมีความต้องการสูงมาก และตลาดกลางก็ยังมีดีมานด์ที่ดี

    (ที่มา: ดีดีพร็อพเพอร์ตี้)

    ส่วนอสังหาฯ สำหรับเช่า พบว่าค่าเช่า 20,000-30,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุด 54% YoY สอดคล้องกับตลาดบ้านเดี่ยวให้เช่าที่ดีมานด์สูง รองลงมาคือกลุ่มค่าเช่าไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน เติบโต 50% YoY

    ประเด็นความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาฯ ปีนี้จนถึงปี 2565 ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการประกาศ ผ่อนคลายมาตรการ LTV ทำให้อสังหาฯ ราคามากกว่า 10 ล้านบาท และผู้กู้บ้านสัญญาที่ 2-3 สามารถกู้ได้เต็ม 100% แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี

    อย่างไรก็ตาม ต้องรอลุ้นว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จดจำนองหรือไม่ และจะยอมให้ครอบคลุมถึงมูลค่าอสังหาฯ 3 ล้านบาท “แรก” กรณีที่ราคาเกินกว่า 3 ล้านบาทหรือไม่

    ส่วนปัจจัยบวกที่ต้องจับตาปีหน้า คือการเปิดใช้ครั้งแรกของรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง สำโรง-ลาดพร้าว ที่น่าจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดในทำเลนั้นได้มาก

    ]]>
    1365680