ยีนส์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 08 Apr 2024 00:55:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ส้มหล่นทั้งสวน! เมื่อศิลปินดัง “บียอนเซ่” ใช้ชื่อยีนส์ “Levi’s” ตั้งชื่อเพลง ส่งราคาหุ้นบริษัทพุ่ง 20% https://positioningmag.com/1469394 Sun, 07 Apr 2024 07:47:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469394 บุญพาวาสนาส่งเมื่ออยู่ๆ ศิลปินตัวแม่อย่าง “บียอนเซ่” เลือกใช้ชื่อแบรนด์ “Levi’s” มาตั้งชื่อเพลงและกล่าวถึงในเนื้อเพลงหลายท่อน ก่อกระแสความสนใจระลอกใหม่ให้กับยีนส์ดังยี่ห้อนี้ และทำให้ราคาหุ้นบริษัทพุ่ง 20% เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2024

เพลง “LEVII’S JEANS” ของบียอนเซ่กับโพสต์มาโลน ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2024 เป็นเพลงหนึ่งในอัลบัมใหม่ “Cowboy Carter” ของเธอ แม้ชื่อเพลงจะแอบเติมอักษร ‘I’ เพิ่มไปอีกตัว แต่ว่าเนื้อเพลงนี้สื่อถึงแบรนด์ “Levi’s” แน่นอน

หลังจากเพลงเริ่มเป็นกระแส ทางยีนส์ “Levi’s” ก็รีบรับลูกทันทีด้วยการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใน Instagram เป็นคำว่า “LEVII’S” เหมือนกับชื่อเพลงของบียอนเซ่

กางเกงยีนส์ Levi’s เป็นแบรนด์ที่เกาะกระแสพ่วงกับโลกดนตรีเสมอมา มียีนส์หลายรุ่นที่กลายเป็นรุ่นฮิตเพราะนักดนตรีเลือกสวมใส่ และทาง Levi’s เองก็อาศัยกระแสโลกดนตรีในการทำการตลาดมาตลอด

“หนึ่งในสิ่งที่สำคัญมากสำหรับแบรนด์ Levi’s คือเราลงทุนและเน้นหนักเพื่อให้แน่ใจว่าแบรนด์ Levi’s จะยังอยู่ในจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และฉันคิดว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ดียิ่งกว่าการได้ศิลปินอย่าง ‘บียอนเซ่’ ซึ่งเป็นผู้หล่อหลอมวัฒนธรรมยุคนี้ มาตั้งชื่อเพลงตามชื่อแบรนด์ของเรา” มิเชล แกสส์ ซีอีโอของ Levi Strauss กล่าว

บียอนเซ่ เป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกยุคนี้ เธอมีผู้ติดตามใน Instagram ถึง 320 ล้านคน และมีทรัพย์สินสุทธิกว่า 540 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามการรายงานของ Forbes นอกจากงานด้านดนตรีแล้ว เธอยังตั้งบริษัทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบรนด์ “Ivy Park” สร้างรายได้ต่อเนื่องจากความโด่งดังของเธอเองด้วย

Source

#Beyonce #บียอนเซ่ #Levis #ลีวายส์ #ยีนส์ #positioningmag

]]>
1469394
“แม็คยีนส์” ดึง “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ตั้งเป้าปี’67 โตดับเบิล ดิจิตต่อเนื่อง https://positioningmag.com/1434742 Tue, 20 Jun 2023 11:01:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434742
  • ผลประกอบการ “แม็คกรุ๊ป” 9 เดือนแรกรอบบัญชีปี 2566 ทำรายได้เติบโต 24% กำไรสุทธิโต 22% จากกลยุทธ์การปรับตัวมาตลอด 1 ปี และสภาวะตลาดดีขึ้น
  • ต้อนรับรอบบัญชีปี 2567 “แม็คยีนส์” เปิดตัว “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ตอกย้ำคอนเซ็ปต์แบรนด์ยีนส์ที่ใส่ได้หลากหลายไลฟ์สไตล์
  • ตั้งเป้าปี 2567 เติบโตต่อแบบดับเบิล ดิจิต ทุ่มงบการตลาดเป็น 100 ล้านบาท
  • “เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรอบบัญชีปี 2566 ช่วง 9 เดือนแรก (ก.ค. 2565 – มี.ค. 2566) ทำรายได้ไป 2,847 ล้านบาท เติบโต 24% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท เติบโต 22% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

    เจมส์คาดว่ารอบบัญชีปี 2566 บริษัทน่าจะทำรายได้แตะ 3,700 ล้านบาทได้ ซึ่งจะกลับไปเทียบเท่ากับรอบบัญชีปี 2562 ส่วนกำไรสุทธินั้นแค่เพียง 9 เดือนแรกสามารถทำได้สูงกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว

    สาเหตุที่ผลประกอบการแม็คกรุ๊ปปรับตัวดีขึ้นมาจากการปรับกลยุทธ์ภายในมาตั้งแต่ปี 2564-65 เช่น การปรับพอร์ตสินค้าให้เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มากกว่าสินค้ายีนส์ เสริมยอดขายต่อบิลได้สูงขึ้น, ปรับหน้าตาร้านค้าให้ดึงดูดลูกค้าได้ดีขึ้น, เพิ่มความแข็งแกร่งของระบบ CRM

    แม็คยีนส์
    (จากซ้าย) “เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน), “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” แบรนด์ แอมบาสเดอร์ แม็คยีนส์ และ “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

    รวมถึงตลาดที่ฟื้นตัวจากการปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของรอบปีบัญชีนี้ (ก.ค.- ก.ย. 2565) รายได้ของแม็คกรุ๊ปดีดตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างมาก

    ทั้งหมดทำให้วันนี้แม็คกรุ๊ปฟื้นจากช่วงโควิด-19 ซึ่งเคยเผชิญวิกฤตจากที่ศูนย์การค้าต้องปิดชั่วคราวเพื่อป้องกันโรคระบาด

     

    วางเป้าปี 2567 โต “ดับเบิล ดิจิต” ต่อเนื่อง

    เจมส์กล่าวต่อว่า กลยุทธ์รอบบัญชีปี 2567 ของ “แม็คยีนส์” หลายอย่างจะสานต่อจากที่ปรับตัวมาตลอดและจะชัดเจนยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์หลัก คือ

    1.สร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอสินค้า – แผนต่อเนื่องจากเดิมที่แม็คยีนส์เริ่มกระจายพอร์ตมีสินค้าที่ไม่ใช่ยีนส์ (non-denim) ในร้านมากขึ้น หลังจากนี้จะต้องทำให้สินค้าทุกกลุ่มแข็งแรงในตัวเอง

    2.ลงทุนกับการสร้างแบรนด์ “แม็คยีนส์” – สร้างแบรนด์ให้ชัดเจนอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้เปิดตัว “อนันดา เอเวอริงแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์

    3.ยกระดับประสิทธิผลในช่องทางการขาย – ปรัชญาการบริหารหน้าร้าน “ของเต็ม ขายเก่ง ร้านสวย” จะถูกนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะงานบริการ จะมีการฝึกฝนพนักงานร้านให้ดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น

    4.เสริมประสบการณ์กับแบรนด์ตลอดเส้นทางการขาย – บริษัทจะหาทางสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดเส้นทางตั้งแต่การทำความรู้จักจนถึงการซื้อสินค้า

    แม็คยีนส์
    กลยุทธ์ปีบัญชี 2567

    ในแง่งบลงทุนปีหน้าเตรียมงบไว้ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดสาขาใหม่และรีโนเวตสาขาเดิม 50 ล้านบาท และการปรับระบบภายในและด้านไอทีอีก 50 ล้านบาท ส่วนงบด้านการตลาดก็จะปรับขึ้นอีกเป็น 100 ล้านบาท

    โดยเจมส์คาดว่ารอบปี 2567 บริษัทน่าจะยังโต “ดับเบิล ดิจิต” ได้ต่อเนื่องจากกลยุทธ์เหล่านี้

     

    “สร้างแบรนด์” ให้ชัดขึ้นผ่าน “อนันดา เอเวอริงแฮม”

    สำหรับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ปีนี้แม็คยีนส์ได้เลือก “อนันดา เอเวอริงแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์หลัก ถือเป็นคนแรกที่แบรนด์เลือกเพื่อโปรโมตให้กับแม็คยีนส์ทั้งหมดทุกคอลเล็กชัน จากในอดีตมักจะมีพรีเซ็นเตอร์ประจำคอลเล็กชันมากกว่า เช่น โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คอลเล็กชัน แม็ค ไบเกอร์ หรือ หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คอลเล็กชัน แม็ค กราฟฟิตี้ เพลย์

    เหตุที่เลือกอนันดาเพราะมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกับความเป็นแม็คยีนส์ ตามสโลแกน “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” อนันดามีกิจกรรมหลากหลายเหมือนกับการใส่ยีนส์ที่สามารถปรับแฟชันให้เข้ากับทุกกิจกรรมได้ และเป็นคนที่แต่งตัวในสไตล์เดนิมอยู่แล้ว

    ด้าน “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ครั้งนี้ มาพร้อมกับการเปิดนำยีนส์รุ่น “Mc3109” ในตำนานของแม็คยีนส์กลับมาอีกครั้ง

    โดยยีนส์ทรงขากระบอกเล็ก (Straight) ยอดฮิตตัวนี้ในคอลเล็กชันใหม่จะกลับมาถึง 5 เฉดสีให้เลือก และมีองค์ประกอบของวัสดุเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Material) เช่น กระดุมและรีเวทที่ใช้กรรมวิธีทำสีที่กำจัดมลพิษอันตราย ลดการปล่อยของเสีย ลดใช้สารเคมี, ผ้าเทปซิป ใช้วัสดุจากขวดพลาสติกและเศษผ้าที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมาทอขึ้นใหม่

    “Mc3109” คอลเล็กชันใหม่ มี 5 เฉดสีให้เลือก

    รอบปีบัญชี 2567 ของแม็คกรุ๊ป จะได้เห็นการออกคอลเล็กชันใหม่ที่ต่อเนื่องมากขึ้น และมีการนำยีนส์รุ่นยอดนิยมสับเปลี่ยนมาทำการตลาดตลอดปี โดยขณะนี้บริษัทเตรียมแผนการออกสินค้าใหม่และโปรโมตสินค้าครบตลอดทั้งปีไว้เรียบร้อยแล้ว

    ประพัฒน์ยังกล่าวถึงการปรับประสบการณ์ในร้านด้วยว่า ปีนี้จะได้เห็นการปรับบริการของพนักงานที่ชัดเจนขึ้น ถือเป็นงานที่ท้าทายมากทีเดียวเพราะ “แม็คยีนส์” ปัจจุบันมี 600 สาขาทั่วประเทศ และมีพนักงานถึง 1,600 คน

    ]]>
    1434742
    ยุคใหม่ “ลีวายส์” เตรียมขยายเพิ่มอีก 20 สาขา ครบรอบ 150 ปี “รุ่น 501” บุกวัยรุ่นผ่านดนตรี “ฮิปฮอป” https://positioningmag.com/1420367 Wed, 22 Feb 2023 15:40:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1420367 “ลีวายส์” ในไทยเปลี่ยนสู่ยุคใหม่หลังบริษัทแม่เข้ามาบริหารงานเอง ล้างไพ่ปิดสาขาเดิมทั้งหมดและระดมเปิดใหม่ครบ 130 สาขา ปี 2566 นี้จะขยายเพิ่มอีก 20 สาขา กลยุทธ์เน้นกลุ่มผู้หญิงและวัยรุ่นเริ่มเห็นภาพชัดขึ้น โดยปีนี้เป็นปีฉลองครบรอบ 150 ปียีนส์ “รุ่น 501” ในตำนาน แบรนด์จึงเตรียมบุกแนะนำตัวกับคนรุ่นใหม่ผ่านเทศกาลดนตรี “ฮิปฮอป” ระดับโลก

    ความเดิมตอนที่แล้วของ “ลีวายส์” (Levi’s) มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน เพราะเป็นปีที่แบรนด์หมดสัญญาที่แต่งตั้ง DKSH เป็นตัวแทนจำหน่ายมานานถึง 25 ปี และเริ่มเข้ามาบริหารเองโดยตรงตั้งแต่เดือนเมษายน 2565

    การเข้ามาทำเองของบริษัทแม่ ทำให้ลีวายส์มีการล้างไพ่ใหม่ทั้งหมด ปิดบริการสาขาเดิมทั่วประเทศ และเปิดสาขาใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ร้านที่ออกแบบใหม่ ซึ่งสาขาใหม่เหล่านี้อาจจะเปิดในศูนย์การค้าแห่งเดิมก็ได้ และอาจจะเปิดซ้ำในทำเลเดิมของศูนย์ฯ ถ้าบริษัทพิจารณาว่ายังเป็นจุดที่เหมาะสม

    “ซาเมียร์ กุล” ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย บริษัท ลีวาย สเตราส์ แอนด์ โค จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันลีวายส์มีสาขาทั้งหมด 130 สาขา แบ่งเป็น 101 สาขาแบบ Wholesale (สาขาแบบ shop in shop ในห้างสรรพสินค้า), 22 สาขาแบบ Mainline Store (สาขาในศูนย์การค้า) และ 7 สาขาแบบ Outlet ตามดิวตี้ฟรี

    ลีวายส์ Levi's
    “ซาเมียร์ กุล” ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย บริษัท ลีวาย สเตราส์ แอนด์ โค จำกัด ภายในร้านลีวายส์สาขาไอคอนสยาม

    ทั้งหมดตกแต่งในสไตล์ NextGen Indigo ที่เปิดรับลูกค้าทุกกลุ่มเพศและวัยมากขึ้น มีภาพตกแต่งที่ให้แรงบันดาลใจในการมิกซ์ แอนด์ แมตช์ และเปลี่ยนกลุ่มสินค้าให้หลากหลาย มีวางจำหน่ายเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ยีนส์ (non-denim) เช่น เสื้อยืด กางเกงชิโน หมวก กระเป๋า ฯลฯ

    สำหรับเป้าหมายปีนี้ ลีวายส์จะเปิดเพิ่มอีก 20 สาขา โดยทั้งหมดจะเป็นรูปแบบ Mainline Store ในศูนย์การค้า เพราะช่วงนี้แบรนด์ต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งร้านค้าขนาดใหญ่รูปแบบนี้ทำให้ลีวายส์ตกแต่งร้านได้เต็มที่ สะท้อนตัวตนได้มากกว่า shop in shop

     

    เดินหน้ากลยุทธ์ดึงลูกค้า “วัยรุ่น-ผู้หญิง” เพิ่มขึ้น

    จากกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ว่าจะต้องดึงลูกค้า “วัยรุ่น” อายุ 18-30 ปีมากขึ้น และกลุ่ม “ผู้หญิง” ให้มากกว่าเดิม ซาเมียร์อัปเดตว่าลีวายส์เดินหน้าไปได้ตามแผน

    โดยส่วนของลูกค้าวัยรุ่น ลีวายส์โหมทำตลาดผ่านออนไลน์และ KOL พร้อมกับเปิดการจำหน่ายออนไลน์ 4 แพลตฟอร์ม คือ Levi.co.th, Lazada, Shopee และ Central Online รวมถึงมีการจัดอีเวนต์ต่างๆ ที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น

    ลีวายส์ Levi's
    ตัวอย่างสินค้าเอาใจผู้หญิง มีกางเกงเอวสูง กางเกงยีนส์ขาด และกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ยีนส์

    ส่วนลูกค้ากลุ่มผู้หญิงนั้น ลีวายส์เพิ่มสินค้ากลุ่ม SilverTab มากขึ้น กลุ่มนี้เป็นสินค้าที่ไม่ใช่ยีนส์ทั้งชิ้น เพิ่มตัวเลือกให้ผู้หญิงแต่งกาย และกลุ่มยีนส์เริ่มมีแบบที่ถูกใจผู้หญิงสายแฟชั่นมากกว่า เช่น แบบเอวสูง, ยีนส์ขาด

    ในกลุ่มวัยรุ่นนั้นยังประเมินไม่ได้ว่ามีสัดส่วนลูกค้ามากแค่ไหน แต่กลุ่มผู้หญิงนั้นเริ่มเข้ามาแล้ว 13% ของยอดขาย สะท้อนว่าลีวายส์กำลังค่อยๆ ได้ลูกค้าใหม่ตามเป้าหมาย

     

    ครบรอบ 150 ปียีนส์ “รุ่น 501”

    ปีนี้จะเป็นปีที่ลีวายส์โหมการตลาดผ่านสินค้าเรือธงคือ “รุ่น 501” ยีนส์ในตำนานที่มีมานาน 150 ปี ในกลุ่มลูกค้าวัย 30 ปีขึ้นไปจะยังรู้จักและเข้าใจความ ‘เท่’ ของยีนส์รุ่นนี้ เพราะเป็นกางเกงที่คนดังสวมใส่

    แต่ในกลุ่มต่ำกว่า 30 ปี ปีนี้จะเป็นปีที่สื่อสารพลังของรุ่น 501 โดยยังใช้กลยุทธ์เดิมคือการเชื่อมโยงถึงลูกค้าด้วย “วัฒนธรรมดนตรี” แค่เพียงเปลี่ยนจากดนตรีร็อกที่เป็นกระแสหลักในอดีต มาเป็นดนตรีอย่าง “ฮิปฮอป” ที่ฮิตมากในยุคนี้

    ยีนส์รุ่น 501 รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 150 ปีของกางเกงยีนส์ในตำนาน

    ทำให้ปีนี้ลีวายส์เข้าไปเป็นสปอนเซอร์งาน “Rolling Loud Thailand 2023” เทศกาลดนตรีฮิปฮอป ที่จะจัดระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนนี้ที่เมืองพัทยา ถือเป็นเทศกาลดนตรีระดับโลกและจะมีการจัดแค่ 2 แห่งในเอเชียคือที่ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น

     

    ปีนี้เตรียมรับมือตลาดซบ อาจโตเพียง 1.5-2%

    ด้านภาพรวมตลาดของ “ลีวายส์” ปี 2565 ทั่วโลกมียอดขายเติบโต 11% (ไม่รวมแบรนด์อื่นๆ ในเครือบริษัท) และตลาดที่เติบโตดีคือกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกและละตินอเมริกา

    ส่วนคาดการณ์ตลาดปี 2566 ทั่วโลกของลีวายส์ บริษัทแม่คาดว่าจะโตเพียง 1.5-2% เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไม่อำนวย และยังมีความเสี่ยงจากค่าเงินผันผวน ไปจนถึงซัพพลายเชนที่ค่อนข้างขาดแคลนด้วย ทำให้ปีนี้น่าจะโตน้อยกว่าปีก่อนมาก

    อย่างไรก็ตาม ลีวายส์จะไม่ลงไปทำสงครามราคา เพราะเป็นแบรนด์ที่จับตลาดพรีเมียม ในทางตรงข้าม สำหรับลีวายส์ ประเทศไทยนั้นน่าจะมีการนำเข้าสินค้ากลุ่มรุ่นพิเศษเข้ามามากยิ่งขึ้น เพราะเห็นเทรนด์ตลาดกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ยีนส์และนักสะสมที่รออยู่

    ]]>
    1420367
    ก้าวใหญ่ “แม็คยีนส์” ที่ไม่ได้ขายแค่ยีนส์ ปรับโฉมร้าน 600 สาขา ชูจุดยืนแบรนด์แห่ง ‘Inclusivity’ https://positioningmag.com/1386778 Fri, 27 May 2022 06:47:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386778 หลังผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต ก้าวต่อไปของ “แม็คยีนส์” ต้องขยายการเติบโตให้ได้ในระยะยาว วางหมุดหมายใหม่ปรับแบรนด์ให้เป็น “Lifestyle Brand” โดยเริ่มจากการปรับช่องทางขายหน้าร้านกว่า 600 สาขา พร้อมกับปรับกลยุทธ์การตลาดระยะยาว สร้างภาพลักษณ์แบรนด์แม็คชูการโอบรับความแตกต่างหลากหลาย (Inclusivity) ใส่ได้ทุกรูปร่างและทุกวัย

    บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เจ้าของแบรนด์ “แม็คยีนส์” รายงานผลประกอบการรอบเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ทำรายได้ไป 738 ล้านบาท กำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เติบโตขึ้น 18.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

    สะท้อนให้เห็นว่าแม็คกรุ๊ปกำลังกลับมาเป็นขาขึ้นหลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 “เรากลับมาในระดับ 85-90% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแล้ว” เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแม็คกรุ๊ปคนใหม่ที่รับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Positioning

    เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

    ที่สำคัญคืออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทขึ้นมาอยู่ที่ 65% ในไตรมาสก่อน ดีขึ้นกว่าในอดีตที่อยู่ที่ 58% เจมส์ระบุว่า เป็นเพราะการปรับตัวของบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การตลาด ลดการทำโปรโมชันที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ  และการทำสงครามราคามีแต่จะทำให้ตลาดรวนทั้งหมด

    นอกจากการคิดใหม่เรื่องโปรโมชัน แม็คกรุ๊ปยังคิดใหม่อีกหลายเรื่องที่นำมาสู่อัตรากำไรที่ดีขึ้น และจะสร้างความมั่นคงระยะยาวให้บริษัทต่อไป

     

    Lifestyle Brand ที่ไม่ได้ขายแต่ยีนส์

    ภาพใหญ่ที่แม็คกรุ๊ปกำลังมุ่งไปคือการปรับตัวเองให้เป็น ‘Lifestyle Brand’ ไม่ใช่แค่ร้านขายยีนส์ และด้วยช่องทางขาย 80% ของแม็คอยู่ที่ “หน้าร้าน” ซึ่งมีกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ทำให้การปรับตัวจะเห็นชัดที่หน้าสาขา

    เจมส์กล่าวว่า แม็คกรุ๊ปจะลงทุนปรับโฉมหน้าร้านทั้งหมดให้ทันสมัยขึ้น สะท้อนความเป็นแบรนด์แม็ค จัดไฟให้สว่างสดใสดึงดูดลูกค้า

    หน้าร้าน Mc ที่ปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัย จัดไฟให้สว่างสดใส

    ที่สำคัญคือ สัดส่วนสินค้าขาย (product mix) ในร้านจะปรับให้เป็นยีนส์ 50% และสินค้าอื่นๆ 50% (จากเดิมเคยมียีนส์ถึง 80%)  รวมถึงแต่ละสาขาจะต้องมีการ ‘customization’ เลือกสินค้าขายให้เหมาะกับเป้าหมายของตนเองในพื้นที่

    เซลส์ขายหน้าร้านที่เป็นเหมือนด่านหน้าในการขายก็จะถูกเทรนใหม่ให้แนะนำลูกค้าจับคู่สินค้าแบบ ‘Total Look’ สนใจยีนส์พ่วงเสื้อยืด เสริมด้วยกระเป๋ากับเข็มขัด มากกว่าจะมุ่งขายเฉพาะยีนส์อย่างเดียว

    สินค้าผสมผสานสินค้าอื่นที่ไม่ใช่ยีนส์มากขึ้น เช่น เสื้อยืด ฮู้ดดี้ กระเป๋า ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อได้แบบ Total Look

    กลยุทธ์นี้เริ่มมีการปรับไปแล้วบางสาขาในกรุงเทพฯ และทำให้ช่วงเดือนที่ผ่านมาเห็นชัดว่าสาขาเหล่านี้มียอดขายต่อบิลเพิ่ม 10-20% ได้จริง ดังนั้น บริษัทจะเร่งการปรับโฉมให้เสร็จสิ้น 90% ของสาขาทั้งหมดภายในสิ้นปี 2565

    เจมส์ยังแย้มให้ฟังด้วยว่า เมื่อเป็น Lifestyle Brand ก็จะได้เห็นสินค้าใหม่มากขึ้น ทั้งในแง่ดีไซน์ใหม่ที่เหมาะกับคนหลากสไตล์ และสินค้าที่ไม่ใช่หมวดเสื้อผ้าด้วย

     

    กระจายหน้าร้าน “Mc Outlet” เข้าปั๊ม ปตท.

    กลยุทธ์อีกส่วนเกี่ยวกับหน้าสาขา คือการตั้งสาขาแบบ Mc Outlet ในปั๊ม ปตท. โดยแม็คเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR)

    แม็คยีนส์ Mc Outlet
    หน้าร้าน Mc Outlet กระจายตามปั๊มน้ำมัน ปตท.

    จากการเปลี่ยนกลยุทธ์ราคา สินค้าที่ราคาถูกกว่าจะถูกนำมาจำหน่ายผ่าน Mc Outlet และสาขากลุ่มนี้จะกระจายตามปั๊มน้ำมันซึ่งค่าเช่าพื้นที่ต่ำกว่าในศูนย์การค้า ขณะที่ปั๊ม ปตท. มีความต้องการให้สถานีน้ำมันเป็นเหมือนคอมมูนิตี้ มอลล์สำหรับท้องถิ่นและคนเดินทาง ทำให้โอกาสการขายเสื้อผ้าเกิดขึ้นได้

    “ปรากฏว่ามันเวิร์กมาก เพราะเราเลือกปั๊มในเส้นทางท่องเที่ยว คนกำลังไปเที่ยวจะอยู่ในมู้ดที่อยากจับจ่าย อยากซื้ออะไรหน่อย เช่น ระหว่างทางไปหัวหินก็หาซื้อเสื้อสวยๆ ใส่” เจมส์กล่าว นอกจากนี้ การมีสาขานอกห้างมากขึ้นยังช่วยปิดความเสี่ยงอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วง COVID-19 ได้ด้วย

    ภายในร้าน Mc Outlet

    ปัจจุบันแม็คกรุ๊ปตั้งเป้าเปิด Mc Outlet ทั้งหมด 70 สาขา แบ่งเป็นการรีโนเวตจากหน้าร้านรูปแบบเดิม 55 สาขา และเปิดใหม่ 15 สาขา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน

    เจมส์กล่าวว่า ระยะยาวต้องการจะเปิด Mc Outlet เพิ่มขึ้นจนครบ 140-150 สาขาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ โดยจะจัดสมดุลสัดส่วนร้าน Mc Outlet ไว้ 20% อีก 80% เป็นแบบ Full Shop ปกติ เพื่อไม่ให้ลูกค้ามุ่งไปที่ร้าน Outlet เท่านั้น

     

    ชูจุดยืน เป็นแบรนด์แห่ง ‘Inclusivity’

    อีกประเด็นใหญ่ที่แม็คกรุ๊ปจะเปลี่ยนคือการสื่อสารการตลาด เจมส์ต้องการให้แม็คสร้างการตลาดแบบ ‘Big Picture’ มากกว่าการโฆษณาที่ออกมาเพื่อโปรโมตแต่ละคอลเล็กชันแล้วจบไป ไม่ปะติดปะต่อ

    แล้วอะไรจะเป็นภาพใหญ่ของแบรนด์แม็คยีนส์? เมื่อไปดู ‘มรดก’ ที่สั่งสมมาของแม็ค จะเห็นภาพที่ชัดอย่างหนึ่งว่า สินค้าแม็คยีนส์จะเน้นโอบรับทุกรูปร่าง มียีนส์สารพัดแบบ ใส่ได้ทุกคน และเมื่อศึกษาเทรนด์ในตลาดโลก จะพบว่า ‘Inclusivity’ หรือการโอบรับความแตกต่างหลากหลาย เป็นจุดยืนที่เหมาะกับแบรนด์และเข้ากับคนไทยมากที่สุด

    เราเคยสื่อสารเรื่องคุณสมบัติการใช้งานมาเยอะ แต่ต่อไปนี้เราต้องเน้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกให้มากขึ้น ต้องแสดงให้เห็นว่าบริษัทเรามีจุดยืนอะไร ซึ่งเราเลือกเน้นเรื่อง Inclusivity รูปร่างแตกต่าง วัยแตกต่าง แต่ใส่แม็คได้เหมือนกัน

    “เราเคยสื่อสารเรื่องคุณสมบัติการใช้งานมาเยอะ แต่ต่อไปนี้เราต้องเน้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกให้มากขึ้น ต้องแสดงให้เห็นว่าบริษัทเรามีจุดยืนอะไร ซึ่งเราเลือกเน้นเรื่อง Inclusivity รูปร่างแตกต่าง วัยแตกต่าง แต่ใส่แม็คได้เหมือนกัน” เจมส์กล่าว

    แม็คยีนส์ Inclusivity

    แม็คกรุ๊ปเริ่มประเดิมแคมเปญนี้ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ผ่านโฆษณา “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” ชูเรื่องความรักในรูปร่างของตน (Body Positivity) แต่นั่นเป็นเพียงก้าวแรก เพราะการจะตอกย้ำจุดยืนแบรนด์ต้องใช้เวลา และเชื่อว่าจุดยืนที่ชัดเจนจะทำให้แบรนด์เจาะกลุ่ม “คนรุ่นใหม่” ได้มากขึ้นด้วย จากยุคก่อนตลาดหลักจะอยู่ในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป

    แม็คยีนส์
    คอลเล็กชันเส้นใยกัญชงของแม็ค

    นอกจาก Inclusivity แล้ว แม็คยังจะเริ่มสื่อสาร งานด้านความยั่งยืน (Sustainability) เน้นการทำจริงอย่างจริงใจไม่ใช่แค่การ ‘tick the box’ หรือทำเพื่อให้มีในรายงานประจำปี โดยที่ผ่านมาบริษัทเริ่มพัฒนาคอลเล็กชันที่ช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมไปแล้วหลายคอลเล็กชัน เช่น ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยกัญชง ซึ่งประหยัดน้ำในการปลูกมากกว่าฝ้าย, นวัตกรรมย้อมผ้าโดยไม่ใช้น้ำ, ผ้าที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล เป็นต้น

    การวางภาพลักษณ์แบรนด์ภาพใหญ่ยังจะช่วยส่งเสริมเรื่องการเป็น Lifestyle Brand เช่นกัน เมื่อลูกค้ารู้จักและรักในแบรนด์ “Mc” ไม่ใช่แค่ตัวกางเกงยีนส์ การจะดึงลูกค้าให้สนใจสวมใส่สินค้าอื่นๆ ของแบรนด์ก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น และผลสุดท้ายส่งให้บริษัททำรายได้ดีขึ้นตามเป้าหมาย

    ]]>
    1386778
    บริษัทแม่ “ลีวายส์” เข้าบริหารธุรกิจในไทยเอง 100% เคาะฝุ่น “ยีนส์” ในตำนานให้โดนใจ Gen Z https://positioningmag.com/1380443 Tue, 05 Apr 2022 09:03:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380443 กลยุทธ์ใหม่ของแบรนด์ยีนส์เก่าแก่อย่าง “ลีวายส์” (Levi’s) คือการหารายได้จากตลาดโลกให้มากขึ้น และการจะทำเช่นนั้นได้ แต่ละตลาดต้องเข้าใจถึงแบรนดิ้ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ Gen Z ที่อาจจะ รู้จัก’ ยีนส์ลีวายส์แต่แบรนด์ยังไม่ได้ ‘เข้าไปนั่งในใจ’ ทำให้บริษัทแม่ออกนโยบายเข้าไปบริหารและทำการตลาดด้วยตนเอง แทนการใช้ตัวแทนจำหน่ายอย่างที่เคยเป็นมา

    สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น ลีวายส์ (Levi’s) มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ DKSH ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายมานานถึง 25 ปี แต่ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อตลาดเปลี่ยนไป การแข่งขันเข้มข้นขึ้น มนต์เสน่ห์ของแบรนด์ที่อยู่มานาน 169 ปีเองก็ต้องได้รับการตอกย้ำต่อเนื่อง ทำให้บริษัทแม่เลือกเข้ามาลุยบริหารธุรกิจและการตลาดเอง 100% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565

    “ซาเมียร์ กุล” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ลีวาย สเตราส์ แอนด์ โค ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย ฉายภาพระดับโลกก่อนว่า ลีวายส์มีร้านค้าทั้งหมด 3,100 แห่ง ใน 110 ประเทศทั่วโลก และกลยุทธ์บริษัทตั้งแต่ปี 2559 ต้องการสร้างแหล่งรายได้ให้หลากหลายขึ้น ทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์ที่กระจายสู่เสื้อผ้า-เครื่องประดับที่ไม่ใช่กางเกงยีนส์ ผลิตภัณฑ์ของผู้หญิง รวมถึงกระจายหารายได้จากตลาดต่างประเทศสูงขึ้น

    ลีวายส์
    การกระจายแหล่งรายได้ของบริษัท ลีวายส์ฯ เห็นได้ว่าจากปี 2559 จนถึงปี 2564 มีการปรับเปลี่ยนได้ตามเป้า

    นั่นทำให้หลายๆ ประเทศ “ลีวายส์” จะเข้าไปบริหารธุรกิจด้วยตนเอง เพราะเห็นความสำคัญในการสร้างแบรนด์อย่างใกล้ชิดกับท้องถิ่นนั้นๆ

    ตั้งแต่ปี 2562 ลีวายส์เริ่มบริหารธุรกิจเองในประเทศเขตละตินอเมริกา จนล่าสุด ปีนี้ 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นการบริหารเองจากบริษัทแม่ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ที่ยังใช้ตัวแทนจำหน่าย เช่น เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา เกาะกวม)

     

    สร้างแบรนด์ให้ครองใจ “Gen Z” และ “ผู้หญิง”

    โจทย์สำคัญที่เกิดขึ้นในระดับโลกรวมถึงในไทยของลีวายส์คือ ด้วยความที่แบรนด์เก่าแก่เป็นตำนาน คนวัย 30+ จะเข้าใจความเก๋และเท่ของแบรนด์ แต่คนรุ่นใหม่จะเริ่มต่อไม่ติด ทำให้ลีวายส์ต้องปรับแบรนด์ให้สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น โดยวางเป้าหมายหลักเป็นคนวัย 18-30 ปี โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งเป็นเทรนด์เซตเตอร์ เป็นคนที่ตามแฟชั่นมากที่สุด

    รวมถึงแบรนด์ที่เคยมี ‘ความเป็นชาย’ ค่อนข้างสูง ในระยะหลังแบรนด์ต้องการกระจายสินค้าไปในกลุ่มผู้หญิงมากขึ้น เพราะผู้หญิงเป็นผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ชอบอัปเดตเทรนด์ ช้อปปิ้งบ่อยกว่า

    ลีวายส์
    คอลเลกชันคอลแลปกับ The Simpsons สร้างภาพลักษณ์สนุกสนานมากขึ้น

    โดยรวมแล้วลีวายส์จึงมีการปรับคาแร็กเตอร์ให้ “สนุกสนาน” และมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นสักหน่อย ยกตัวอย่างคอลเลกชันที่คอลแลปกับ The Simpsons ซึ่งจะมีความขี้เล่น น่ารัก มากขึ้น หรือการสื่อสารแบรนด์ที่เริ่มจับกับวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่ เช่น แรปเปอร์ สเก็ตบอร์ด ไม่ต้องยึดโยงกับดนตรีร็อกเท่านั้น

     

    ปรับหน้าร้านใหม่ customize เสื้อผ้าได้!

    หน้าร้านของ “ลีวายส์” ก็จะมีการปรับเช่นกัน โดยสาขาทั้งหมดของไทยจะทยอยปรับเป็นฟอร์แมตใหม่ในชื่อ “NextGen Indigo Store” ซึ่งสื่อสารถึงแบรนด์ได้ดีขึ้น จัดแสดงสินค้าตามพอร์ตที่บริษัทแม่ต้องการให้ลูกค้าได้เห็นมากกว่าเดิม โดยในไทยมีการปรับไปแล้ว 8 สาขา เช่น สาขาสยามพารากอน, สาขาเอ็มโพเรียม, สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว, สาขาเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่

    ีลีวายส์
    ตัวอย่างหน้าสาขาเอ็มโพเรียม เป็นสาขาแบบ Shop in Shop ที่ปรับใหม่ของลีวายส์

    ที่สำคัญคือจะมีหน้าร้านพิเศษ Levi’s Tailor Shop ที่สามารถ customize ตกแต่งเสื้อผ้าได้ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว สาขานี้ลูกค้าสามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อตกแต่งยีนส์ของตัวเอง จะเป็นการใช้แบบแนะนำของทางร้าน หรือจะออกแบบเองก็ได้

    ฝั่งการขายและการตลาดออนไลน์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะลีวายส์ได้เปิดเว็บไซต์แบรนด์เวอร์ชันภาษาไทยให้ลูกค้าซื้อสินค้าง่ายขึ้น และปรับโฉมช่องทางโซเชียลมีเดียในไทยใหม่หมด โดยทุกช่องทางทั้ง Line OA, Instagram และ Facebook จะใช้ชื่อเดียวกันที่ @Levis_TH

    รวมถึงจะมีการ localize แบรนด์เด่นชัดขึ้นเพราะแบรนด์จะเริ่มทำงานคอลแลปร่วมกับศิลปินไทย สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับผู้บริโภคด้วย

    ลีวาย
    Levi’s Tailor Shop เปิดประสบการณ์ให้ผู้บริโภค customize ยีนส์ในแบบของตัวเอง

     

    สิ่งที่ไม่เปลี่ยน “ดนตรี” ยังเป็นส่วนสำคัญ

    ขณะที่คาแร็กเตอร์จะปรับไปบ้าง แต่สิ่งสำคัญไม่เปลี่ยนของลีวายส์คือ “ดนตรี” บริษัทจะยังใช้มิวสิก มาร์เก็ตติ้งต่อเนื่อง และในไทยจะมีอีเวนต์ที่สอดคล้องกับแคมเปญระดับโลกเกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น งาน 501 Day เพื่อฉลองยีนส์เดนิม 501 ตำนานของแบรนด์ จัดขึ้นทุกวันที่ 20 พฤษภาคมของทุกปี

    หรืองาน The Levi’s Music Project ก็จะมีในไทยเช่นกัน แคมเปญนี้จะเป็นเทศกาลดนตรีที่ส่งเสริมศิลปินคนรุ่นใหม่ในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งในไทยก็จะได้เห็นเป็นครั้งแรก

    ทางลีวายส์ยังเสริมด้วยว่า ตลาดไทยสำคัญมากกับบริษัท เพราะคนไทยส่วนใหญ่รู้จักแบรนด์อยู่แล้ว กลุ่มเป้าหมายอย่าง Gen Y และ Gen Z มีกำลังซื้อ รวมถึงคนไทยมีความ ‘ล้ำ’ ในด้านแฟชั่นเทียบชั้นกับเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ทำให้คนไทยคือจุดตั้งต้นที่ดีของ “ลีวายส์” ในการปั้นตลาดยีนส์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ]]>
    1380443
    ไม่หยุดแค่ยีนส์ ‘Levi’s’ ซื้อแบรนด์ ‘Beyond Yoga’ รุกตลาดชุดออกกำลังกาย https://positioningmag.com/1345544 Fri, 06 Aug 2021 05:55:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345544 หากพูดถึงเสื้อผ้า ‘ยีนส์’ แบรนด์แรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น ‘ลีวายส์’ (Levi’s) ที่ถือกำเนิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1853 แต่ในยุคนี้ ลีวายส์ก็ได้ขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ โดยล่าสุด Levi Strauss & Co. ได้ตกลงซื้อแบรนด์เครื่องแต่งกายโยคะ Beyond Yoga เพื่อเข้าสู่พื้นที่การแข่งขันในตลาด activewear หรือชุดสำหรับออกกำลังกาย

    แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงมูลค่าดีลดังกล่าว แต่คาดว่าจะจบลงในไตรมาส 4 ปีนี้ และการเข้าซื้อแบรนด์ Beyond Yoga จะช่วยเสริมรายได้ให้บริษัททันที โดยคาดว่าในปีงบประมาณหน้า บริษัทจะมีรายได้สุทธิรวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์ โดยข้อตกลงดังกล่าวควรช่วยให้ลีวายส์ขยายตลาดกลุ่มผู้หญิง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของยอดขายในปัจจุบัน ขณะที่เป้าหมายคือทำให้สัดส่วนกลุ่มผู้หญิงเติบโตถึง 50%

    “เราดูการเข้าซื้อกิจการมาระยะหนึ่งแล้ว และตลาดชุดออกกำลังกายก็น่าสนใจมาก เราเห็นศักยภาพการเติบโตมหาศาล และมันจะทำให้เราเป็นบริษัทในกลุ่มเสื้อผ้าที่มีการเติบโตสูงและมีกำไรสูง” Chip Bergh ซีอีโอของ Levi กล่าว

    ฮาร์มิต ซิงห์ ซีเอฟโอของลีวายส์ให้ความเห็นว่า Beyond Yoga มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในขณะที่มีผลกำไรเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และหลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ Beyond Yoga จะดำเนินงานแบบแยกส่วนภายในธุรกิจของตน ผู้ร่วมก่อตั้ง Michelle Wahler จะยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Beyond Yoga ต่อไป ทั้งนี้ ลีวายส์วางแผนที่จะขยายแบรนด์ Beyond Yoga นอกสหรัฐอเมริกาและเปิดหน้าร้านเพิ่มเติม

    การเข้าซื้อกิจการของลีวายส์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้ว่า ภาคการค้าปลีกมีการแข่งขันดุเดือดอยู่แล้วกำลังเติบโตอย่างร้อนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ตั้งแต่ Kohl’s ไปจนถึง Target แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเสื้อผ้า activewear ที่ผ่านมา Big-box chains Dick’s Sporting Goods, Kohl’s และ Target ได้เปิดตัวชุดออกกำลังกายของตัวเองโดยแข่งขันกับแบนเนอร์ของ Nike, Under Armour และ Athleta ของ Gap เป็นต้น

    เสื้อผ้าจากแบรนด์ Beyond Yoga

    จากผลการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลต่อเทรนด์แฟชั่น โดยเฉพาะเสื้อผ้ากีฬาที่หลายคนยังเลือกใส่แม้การระบาดจะลดลง เนื่องจากความสบายใยการสวมใส่ เช่น กางเกงที่ยืดหยุ่นได้และรองเท้าผ้าใบ โดยสามารถใส่ได้ทั้งเพื่อออกกำลังกายและออกไปซื้อของนอกบ้าน

    “ในขณะที่บางคนเริ่มกลับไปที่สำนักงาน แต่คุณไม่เห็นชุดสูทอีกต่อไป คุณเห็นผู้คนเข้าไปในสำนักงานด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เป็นทางการมากขึ้น แม้แต่ผลิตภัณฑ์ประเภทกีฬา และเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกอย่างแท้จริง”

    หลังจากมีข่าว ส่งผลให้หุ้นลีวายส์เพิ่มขึ้นราว 1% ขณะที่หุ้นลีวายส์เพิ่มขึ้น 37% ทุกปี มูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 11.1 พันล้านดอลลาร์

    Source

    ]]>
    1345544
    Levi’s เพิ่มคาดการณ์รายได้ครึ่งปีแรก โต 25% กระจายวัคซีนเร็ว กระตุ้นคนมาช้อปปิ้งที่ร้าน https://positioningmag.com/1327604 Fri, 09 Apr 2021 17:31:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327604 Levi Strauss & Co เเบรนด์ยีนส์รายใหญ่ของโลก ปรับคาดการณ์รายได้ในช่วงครึ่งปีเเรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 25% จากก่อนหน้านี้ตั้งเป้าไว้ที่ 20% หลังการกระจายวัคซีนเร็วกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ เเละยุโรป

    Chip Bergh ซีอีโอของ Levi เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของโครงการฉีดวัคซีนทั่วโลก เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทปรับคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นเพราะผู้บริโภคเริ่มมั่นใจที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยอีกครั้ง

    โดยอัตราของลูกค้าที่เข้ามาซื้อของในร้านตามสาขาต่างๆ ในหลายประเทศ เริ่มกลับมาอยู่ในระดับปกติขณะเดียวกันยอดขายสินค้าทางออนไลน์ ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ประเมินว่าธุรกิจของ Levi จะเติบโตได้

    เช่นเดียวกับเเบรนด์เครื่องเเต่งกายเจ้าอื่นอย่าง Nike และ Kohl’s Corp ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจำนวนลูกค้าที่เข้าชมสินค้าภายในร้านกลับมาอยู่ในระดับปกติ เเม้ว่ายอดขายทางออนไลน์จะพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดก็ตาม

    ด้านผลประกอบการของ Levi ในไตรมาส 1/2021 มีรายได้อยู่ที่ 1.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    โดยสาเหตุที่รายได้ลดลงนั้น หลักๆ มาจากผลมาจากการปิดสาขาชั่วคราวในยุโรป ที่มีการเเพร่ระบาดของ COVID-19 หลายระลอก ส่วนรายได้ที่มาจากทางออนไลน์นั้นเพิ่มขึ้นถึง 41%

     

    ที่มา : Reuters , CNBC

    ]]>
    1327604
    Levi’s สหรัฐฯ ออกเเคมเปญลดมลพิษ “ซื้อคืนยีนส์เก่า” นำเสื้อผ้ามือสอง “ขายต่อ” ออนไลน์ https://positioningmag.com/1300473 Wed, 07 Oct 2020 14:49:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300473 เเบรนด์ยีนส์ยักษ์ใหญ่อย่าง Levi’s ออกแคมเปญใหม่ เสนอให้ลูกค้านำยีนส์ตัวเก่ามาเเลกบัตรของขวัญมูลค่า 5-35 ดอลลาร์ ตามสาขาในสหรัฐฯ จากนั้นจะนำเสื้อผ้ามือสองไปทำความสะอาดเเละขายต่อบนร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเปิดใหม่อย่าง Levi’s SecondHand

    โดยยีนส์เก่าที่ลูกค้านำมาเเลกบัตรของขวัญนั้น จะถูกประเมินราคาตามอายุ สภาพการใช้งานเเละราคาขายปลีกเดิมของสินค้านั้นๆ เบื้องต้นจะอยู่ในเรท 5-35 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 150-1,000 บาท)

    Levi’s SecondHand เป็นโครงการล่าสุดของเเบรนด์เสื้อผ้าที่พยายามจะเจาะตลาด Circular Economy เศรษฐกิจเเบบหมุนเวียน ที่กำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้

    ปัจจุบันทั่วโลกมีการผลิตเสื้อผ้า เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2000 – 2014 โดยมีการผลิตสินค้ามากกว่า 1 แสนล้านตัวใน 1 ปี เเต่ทว่าเสื้อผ้าใหม่ที่ขายไปนั้น กลับถูกสวมใส่น้อยครั้งลงกว่าเดิม โดยเฉลี่ยแล้วเสื้อผ้าหนึ่งตัวมีการสวมใส่น้อยลงถึง 36% ทำให้เสื้อผ้าเก่ากลายเป็นขยะเเละถูกนำไปฝังกลบมากขึ้นเเละเป็นมลพิษต่อโลก

    ตามรายงานปี 2018 ของ UNECE ระบุว่า อุตสาหกรรมแฟชั่น มีส่วนในการปล่อยคาร์บอนประมาณ 10% ของโลกและ 20% ของน้ำเสียทั่วโลก

    Jennifer Sey หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Levi’s สหรัฐฯ บอกว่าการนำเสื้อผ้ามือสองมาทำความสะอาดเเละซ่อมเเซมจะใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเเละไม่มีการสีย้อมเพิ่มด้วย พร้อมจูงใจลูกค้าว่า หากซื้อกางเกงยีนส์มือสองผ่าน Levi’s SecondHand จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80% เเละลดขยะไป 700 กรัม เมื่อเทียบกับการผลิตยีนส์ตัวใหม่

    ปัจจุบันสินค้าบนเว็บไซต์ Levi’s SecondHand จะป้ายกำกับว่าเป็นสินค้ามือสองที่ผ่านการใช้แล้ว มีราคาตั้งแต่
    30 -150 ดอลลาร์สหรัฐ

    ไม่ใช่เเค่ Levi’s เท่านั้นที่เปิดโครงการซื้อคืนเเต่ยังมีเเบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ อย่าง Patagonia ที่เปิดตัวโครงการซื้อคืนมาตั้งเเต่ปี 2017 เเละเเบรนด์ The North Face ก็ทำแคมเปญในเเบบเดียวกันตามมา

    เทรนด์ของ Resale Market กำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ไปเป็น 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามการวิจัยของ ThredUp และ GlobalData Retail

     

    ที่มา : hypebeast , business insider, fastcompany 

    ]]>
    1300473