แอปหาคู่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 17 Jul 2023 05:14:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ทัศนคติใหม่ในการหา “คนคุย” ของคน Gen Z เลิกใช้กลยุทธ์ “เล่นตัว” ไม่ตอบแชต เน้นตรงๆ จริงใจ https://positioningmag.com/1437936 Mon, 17 Jul 2023 04:36:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437936 ผลการศึกษาจาก Tinder พบว่าทัศนคติการใช้แอปฯ หาคู่ของคน Gen Z นั้นเปลี่ยนไปจากยุคคน Gen Y คนรุ่นใหม่จะไม่นิยมใช้กลยุทธ์ “เล่นตัว” ไม่ตอบแชตเป็นสัปดาห์ เน้นการแสดงออกที่ตรงไปตรงมา จริงใจมากขึ้น

Tinder’s Future of Dating Report 2023 รายงานการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานแอปพลิเคชันหาคู่ของ Tinder มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวัฒนธรรมการหาคู่ผ่านแอปฯ ของคน Gen Z ในยุคนี้ โดยคน Gen Z บนแอปฯ Tinder จะอยู่ในช่วงวัย 18-25 ปี และคนวัยนี้ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของฐานผู้ใช้งานแอปฯ

Tinder พบว่า 75% ของคน Gen Z มองว่าตนเองกำลังท้าทายและเปลี่ยนแปลงมาตรฐานวัฒนธรรมในการคุยกับ “คนคุย” ของคนรุ่นก่อนหน้า โดยต้องการให้การหาคนคุยเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพจิตมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

ยกตัวอย่างพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ กลยุทธ์การ “เล่นตัว” หรือแสดงออกให้ดูกำกวมไว้ก่อน

กลยุทธ์เล่นตัวนี้คน Gen Y เคยใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นเรื่องที่ยอมรับได้กันทั่วไป โดยคน Gen Y แม้จะรู้สึกสนใจฝ่ายตรงข้าม แต่อาจจะแกล้งทำเป็นนิ่ง ไม่ตอบแชตหลายชั่วโมงหรือหลายวัน แต่คนรุ่นใหม่ Gen Z จะไม่ค่อยทำแบบนี้กันแล้ว โดย 77% ของคน Gen Z ถ้าสนใจก็จะตอบแชตเลยภายใน 30 นาที และ 40% ตอบเร็วภายใน 5 นาทีด้วยซ้ำ

Photo : Shutterstock

กรณีที่คุยๆ กันไปแล้วเริ่มไม่ถูกใจ คน Gen Y ก็มีจำนวนมากที่จะ “เท” อีกฝ่ายไปแบบเงียบๆ ไม่ตอบไปเสียเฉยๆ โดยไม่อธิบายอะไร ปรากฏว่า คน Gen Z ยุคใหม่มีแนวโน้มน้อยลง 32% ที่จะเทคนอื่นเงียบๆ แบบนี้เมื่อเทียบกับคน Gen Y

 

คน Gen Z ต้องการ “ความจริงใจ”

กุญแจหลักในวิธีคิดของ Gen Z คือ “ความจริงใจ” นั่นเอง คนยุคใหม่มองหาการแสดงออกตัวตนอย่างชัดเจน เป็นตัวเองในการคุยกัน และมีอีกหลายๆ คุณสมบัติที่คนรุ่นนี้ให้ความสำคัญในการหาคู่หรือ “คนคุย” เช่น

  • 78% ให้คุณค่ากับคนที่เคารพนับถือในตัวตนของอีกฝ่าย
  • 79% ให้คุณค่ากับคนที่ซื่อสัตย์
  • 61% มองหาคนที่มีใจเปิดกว้าง
  • 80% ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของตน และต้องการให้คนคุยอีกฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สำคัญเช่นกัน
  • 56% ให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาภายนอก (ถือว่าเป็นปัจจัยที่ยังสำคัญเสมอสำหรับคนทุกยุค)
Photo : Pixabay

Faye Iosotaluno ซีโอโอของ Tinder มองว่า อิทธิพลของคน Gen Z จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคมและปฏิวัติแง่มุมบางอย่างในชีวิต อย่างค่านิยมใหม่ในการหาคู่ก็เช่นกัน เชื่อว่าจะทำให้สังคมเปลี่ยนวิธีการออกเดตและการเลือกคู่

Paul Brunson ผู้เชี่ยวชาญด้านอินไซต์ความสัมพันธ์ประจำ Tinder Global คาดการณ์ว่า Gen Z จะเป็นเจนเนอเรชันที่ประสบความสำเร็จมากกว่าในชีวิตการแต่งงาน เพราะเป็นเจนที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกที่ดีต่อกันในความสัมพันธ์ และให้ค่าเรื่องการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างกัน

ในยุคดิจิทัลแบบนี้ Gen Z ยังริเริ่มการใช้ AI มาช่วยในการหาคู่ด้วย โดย 34% ของคนเจนนี้เปิดกว้างถ้าจะใช้ AI เป็นผู้ช่วยสร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจบนแอปฯ เห็นได้ว่าคนเจนใหม่กำลังจะทำให้วิธีการใช้แอปฯ หาคู่เปลี่ยนแปลงไปในไม่ช้า

Source

]]>
1437936
คิดไม่ออกบอก AI ! วิจัยพบผู้ชาย 1 ใน 5 ใช้ ChatGPT ช่วยต่อบทสนทนากับ ‘คนคุย’ ในแอปฯ หาคู่ https://positioningmag.com/1436090 Thu, 29 Jun 2023 07:20:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436090 AI กำลังจะรันทุกวงการแม้แต่ในวงการหา ‘คนคุย’ หลังมีงานวิจัยพบว่าผู้ชาย 1 ใน 5 คนบนแอปฯ หาคู่ใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT เป็นตัวช่วยบนแอปฯ ตั้งแต่การเขียนประวัติย่อที่น่าสนใจ ไปจนถึงคิดประโยคโต้ตอบโดนๆ

Attractiontruth ทำการสำรวจผู้ชาย 1,371 คน ครอบคลุมเพศวิถีที่หลากหลาย เพื่อหาคำตอบว่าผู้ชายมีการใช้ AI เพื่อช่วยให้การหา ‘คนคุย’ บนแอปพลิเคชันหาคู่ดีขึ้นและราบรื่นขึ้นบ้างหรือไม่ โดยแอปฯ ที่พวกเขาใช้เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ Tinder, Bumble และ Hinge

ผลปรากฏว่า ประมาณ 20% ของผู้ถูกสำรวจมีการใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT เป็นตัวช่วย โดยส่วนใหญ่คนที่ใช้งานเทคโนโลยีนี้จะอยู่ในวัย 25-35 ปี

วิธีการใช้ AI ช่วยจะเริ่มตั้งแต่การเขียนประวัติย่อ (bio) ให้น่าดึงดูดใจ ไปจนถึงการเขียนข้อความต่อบทสนทนากับคนคุยในแบบที่เป็นตัวเอง น่าสนใจ และสอดคล้องกับบุคลิกของคนคุยที่แมตช์ด้วย

ในกลุ่มผู้ชายที่ใช้ AI พบว่า 37% ในกลุ่มนี้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อคุยกับอีกฝ่าย และ 24% บอกว่าตัวเองรู้สึกได้พัฒนาทักษะการ ‘คุย’ บนแอปฯ หาคู่

Photo : Shutterstock

ยกตัวอย่างจาก “Am” ชายคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยบนแอปฯ เขาป้อนคำสั่งให้ ChatGPT ทำการ “เขียนประวัติย่อ (bio) เพื่อใช้ในแอปฯ หาคู่ Bumble ที่อ่านแล้วดูขำๆ แต่ก็จริงจัง” โดยชายคนนี้ให้ข้อมูลกับ AI เพิ่มเติมไปว่าเขาเป็นคนอิตาเลียนและต้องการให้ bio “มีอะไรที่เกี่ยวกับพาสต้าหรืออาหารอิตาเลียน” และต้องการมุ่งเป้าหาคนคุยที่ “เป็นคนชอบการเต้นรำ เป็นคนที่อยากออกไปเดตจริงๆ มากกว่าแชตคุยกันไปเรื่อยไม่รู้จบ และสนใจจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน”

แชตบอตอย่าง ChatGPT สามารถสร้าง bio ให้ได้ตามสั่ง แถมใส่อีโมจิธงชาติอิตาลีและไวน์แดงมาให้ด้วย “ปัดขวาถ้าคุณพร้อมจะแบ่งปันเสียงหัวเราะ สูตรอาหาร และท่าเต้นไปด้วยกัน” เป็นตัวอย่างประโยคหนึ่งที่ AI คิดมาให้

Am บอกว่าหลังจากเขาเปลี่ยน bio เป็นเวอร์ชันที่ AI คิดมาให้ ทำให้เขาได้รับข้อความจากคนคุยที่ทักมาเล่นมุกเกี่ยวข้องกับความเป็นคนอิตาเลียนของเขาโดยตรง

Photo : Pixabay

ผู้ชายคนอื่นๆ ในการสำรวจครั้งนี้บอกว่า พวกเขาใช้ AI ช่วยคิดบทสนทนาด้วย โดยเฉพาะประโยคเปิดบทสนทนาที่ดีขึ้น ทำให้พวกเขา “ได้รับการตอบกลับจากคู่แมตช์เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” และทำให้การสนทนาน่าสนใจขึ้นด้วย

แล้วฝั่งที่ได้รับข้อความจาก AI เหล่านี้รู้สึกอย่างไร? การสำรวจไม่ได้วัดผลอย่างชัดเจน แต่บอกว่าฝ่ายรับข้อความมีทั้งที่รู้สึกเป็นบวกกับการอ่านข้อความ AI ถ้าเป็นข้อความที่ให้เกียรติและให้ความจริงใจ และมีกลุ่มที่รู้สึกไม่ดีกับข้อความ AI เหมือนกัน เพราะเห็นว่าเป็นประโยคที่ ‘น่าขนลุก’ หรือ ‘ไม่มีความเป็นมนุษย์’

นอกจากผู้ใช้หัวใสเหล่านี้จะทดลองใช้ AI กับการหาคู่ด้วยตนเองแล้ว บริษัทผู้พัฒนาแอปฯ หาคู่เองก็กำลังหาทางใช้ AI ให้เป็นประโยชน์เหมือนกัน ย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา OkCupid เริ่มหาไอเดียด้วย AI ว่าควรจะเพิ่มคำถามคัดสรรเพื่อจับคู่เดตอย่างไรให้โดนกว่าเดิม เป็นที่มาของการเพิ่มคำถามใหม่ๆ ในการสร้างโปรไฟล์ เช่น “คุณมองว่าตัวเองเป็นคน Introvert หรือ Extrovert มากกว่า?”

หลังจากนั้นไม่กี่เดือน Bernard Kim ซีอีโอของ Tinder ก็เริ่มเกริ่นว่าบริษัทกำลังสร้างฟีเจอร์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยจะเป็นฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้ “ค้นหาไอเดียออกเดตดีๆ” และไอเดียในการต่อบทสนทนาบนแอปฯ ได้ดีขึ้นเพื่อลดโอกาส ‘โดนเท’

น่าสนใจว่าการใช้ AI เข้ามาช่วยในแอปฯ หาคู่จะทำให้คนเราได้พบความรักที่ตามหาได้ง่ายขึ้นหรือไม่

Source

]]>
1436090
ดาต้าจากแอปฯ หาคู่: “ผู้หญิง” มีแนวโน้มจะตั้งค่าสเปกละเอียดมากกว่าผู้ชาย https://positioningmag.com/1426879 Sat, 08 Apr 2023 06:41:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426879
  • ดาต้าจากแอปฯ หาคู่ The League แสดงให้เห็นว่า “ผู้หญิง” ตั้งค่าตัวกรอง (filter) สเปกละเอียดกว่าผู้ชาย
  • อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คนกลุ่มหนึ่งจะตั้งค่าสเปกให้ดู “เปิดกว้าง” แต่สุดท้ายคนเราจะมี “อคติ” ชอบหรือไม่ชอบสเปกในแบบเดียวกับคนที่ “เลือกมาก” อยู่ดี
  • ดาต้าที่กำลังจะได้อ่านเหล่านี้ มาจากการเก็บข้อมูลผู้ใช้ 80,000 คนในแอปพลิเคชัน The League ซึ่งเป็นแอปฯ หาคู่ในสหรัฐฯ ที่เน้นเป้าหมายลูกค้ากลุ่มที่มีการศึกษาและหน้าที่การงานดี เน้นการหาคู่เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวมากกว่าหาคู่นอนชั่วคราว (ด้วยราคาแพ็กเกจเริ่มต้นเดือนละเกือบ 2,300 บาท) และมีค่าเฉลี่ยอายุผู้ใช้อยู่ที่ 28 ปี โดยการสำรวจเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2023

    ปูพื้นวิธีการใช้งานแอปฯ The League เริ่มต้นจากผู้ใช้จะต้องตั้งค่าตัวกรอง (filter) สเปกคู่แบบที่คนชอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านอายุ ความสูง และเชื้อชาติ จากนั้นแอปฯ จะทยอยส่งคู่ที่ผ่านการคัดกรองมาให้เลือกผ่านหน้าตาและโปรไฟล์ หากทั้งสองฝั่งต่างกดไลก์กันและกัน คู่แมตช์จึงจะเริ่มคุยแชตกันได้ (เป็นขั้นตอนการใช้งานที่คล้ายคลึงกับแอปฯ หาคู่ส่วนใหญ่)

    จากขั้นตอนการตั้งค่าตัวกรองสเปก แอปฯ จึงพบดาต้าที่น่าสนใจคือ “ผู้หญิง” มีค่าเฉลี่ยการกรองตัวเลือกในเบื้องต้นออกไปถึง 70% ขณะที่ “ผู้ชาย” จะกรองตัวเลือกเบื้องต้นออกไปเพียง 55%

    สาเหตุที่ต่างกันค่อนข้างมาก เป็นเพราะ “ผู้หญิง” มีสเปกที่ชัดเจนมากเรื่อง “ส่วนสูง” และ “อายุ” ของผู้ชาย วัดได้จากสถิติเหล่านี้

    • 40% ของผู้หญิงจะคัดผู้ชายที่เตี้ยกว่า 152 ซม.ออกทันที และผู้หญิง 20% จะคัดผู้ชายที่เตี้ยกว่า 163 ซม.ออกทันที
    • 65% ของผู้หญิงจะคัดผู้ชายวัยไม่เกิน 24 ปีออกทันที และมากกว่า 40% ของผู้หญิงจะคัดผู้ชายวัยไม่เกิน 34 ปีออกทันที

    มาดูฝั่งผู้ชายกันบ้าง “ผู้ชาย” ดูจะเป็นเพศที่เปิดกว้างกว่าในการตั้งค่าตัวกรองในรอบแรก ดูจากสถิติ ดังนี้

    • 40% ของผู้ชายจะคัดผู้หญิงที่สูงกว่า 175 ซม.ออกทันที
    • 65% ของผู้ชายจะคัดผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไปออกทันที

    ถ้าคิดตามทฤษฎีแล้ว ผู้หญิงที่คัดเลือกคู่ในรอบแรกอย่างละเอียดกว่า ก็น่าจะกดไลก์คนที่ผ่านเข้ารอบในอัตราสูง แต่ปรากฏว่าความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงก็มีอัตรากดไลก์คนที่ผ่านเข้ารอบแรกมาที่ 10% เท่าๆ กัน และคนที่ตั้งค่าตัวกรองรอบแรกแบบละเอียดสุดๆ กลับมีแนวโน้มที่จะกดไลก์ในรอบต่อไปต่ำกว่าคนที่ตั้งค่าตัวกรองแบบกว้างๆ ด้วยซ้ำ ซึ่งน่าจะสะท้อนให้เห็นว่า คนที่ “เลือกมาก” ก็จะเลือกมากในทุกๆ รอบนั่นเอง

     

    เหมือนจะเปิดกว้าง แต่ใช้อคติแบบเดียวกัน

    เรื่องที่น่าสนใจต่อมาคือ ในกลุ่มคนที่ตั้งตัวกรองให้เปิดกว้าง เช่น ผู้หญิงที่อนุญาตให้ผู้ชายที่เตี้ยกว่า 163 ซม. ผ่านรอบแรกมาได้ แต่สุดท้ายแล้วผู้ชายเหล่านี้ก็ไม่ค่อยได้ไลก์อยู่ดี โดยผู้ชายเตี้ยกว่า 163 ซม. มีสถิติได้รับการกดไลก์แค่ 13% เทียบกับผู้ชายที่สูงกว่านี้ มีโอกาสได้ไลก์สูงกว่าเป็นเท่าตัว

    อีกตัวอย่างหนึ่งคือเรื่องเชื้อชาติ โดยผู้ชายที่เปิดกว้างให้ผู้หญิงผิวดำผ่านเข้ารอบแรกมาได้ มีโอกาสกดไลก์หญิงผิวดำเพียง 24% เทียบกับค่าเฉลี่ยการกดไลก์หญิงเชื้อชาติอื่นจะอยู่ที่ 37%

    สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า แม้จะทำเหมือนเปิดกว้างในรอบแรก แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือกจริงๆ คนกลุ่มนี้ก็มักจะเลือกสเปกคู่เดตแบบเดียวกับคนที่เลือกมากมาตั้งแต่แรก

    ดาต้าจาก The League ยังทำให้เห็นได้ชัดว่า ส่วนผสมของวัย เชื้อชาติ และส่วนสูง แบบไหนที่เพศตรงข้ามมักจะ “เลือก” หรือ “ไม่เลือก” กดไลก์ ดังนี้

    1.ผู้หญิงที่ถูกเลือกมากที่สุด 3 กลุ่ม ได้แก่

    • ผู้หญิงวัย 25-29 ปี สูง 165-168 ซม. เชื้อชาติใดก็ได้
    • ผู้หญิงวัย 25-29 ปี สูง 160-163 ซม. เชื้อชาติใดก็ได้
    • ผู้หญิงวัย 25-29 ปี สูง 155-158 ซม. เชื้อชาติใดก็ได้

    2.ผู้หญิงที่ถูกเลือกน้อยที่สุด 3 กลุ่ม ได้แก่

    • ผู้หญิงวัย 50-54 ปี สูง 160-163 ซม. ผิวดำ
    • ผู้หญิงวัย 45-49 ปี สูง 165-168 ซม. ผิวดำ
    • ผู้หญิงวัย 45-49 ปี สูง 155-158 ซม. ผิวดำ

    3.ผู้ชายที่ถูกเลือกมากที่สุด 3 กลุ่ม ได้แก่

    • ผู้ชายวัย 35-39 ปี สูง 185 ซม.ขึ้นไป ผิวขาว
    • ผู้ชายวัย 30-34 ปี สูง 180-183 ซม. ผิวขาว
    • ผู้ชายวัย 30-34 ปี สูง 185 ซม.ขึ้นไป ผิวขาว

    4.ผู้ชายที่ถูกเลือกน้อยที่สุด 3 กลุ่ม ได้แก่

    • ผู้ชายวัย 40-44 ปี สูง 160-163 ซม. เอเชียน
    • ผู้ชายวัย 35-39 ปี สูง 160-163 ซม. อินเดียน
    • ผู้ชายวัย 30-34 ปี สูง 160-163 ซม. ฮิสปานิค

    ค่อนข้างจะชัดเจนว่าสิ่งที่ผู้ชายแคร์มากที่สุดในการเลือกคู่เดตก็คือ “อายุ” โดยผู้หญิงวัย 25-29 ปีนั้นมีโอกาสมากที่สุด ส่วนผู้หญิงก็มักจะเลือกผู้ชาย “ขาวสูง” เป็นหลัก

    Source

    ]]>
    1426879
    พรีเมียมไปอีก! Tinder ซุ่มปั้นฟีเจอร์ใหม่ ‘Tinder Vault’ หวังเก็บค่าสมาชิกเดือนละ 17,000 บาท! https://positioningmag.com/1426307 Tue, 04 Apr 2023 12:57:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426307 Tinder กำลังซุ่มปั้นฟีเจอร์ใหม่ที่พรีเมียมยิ่งกว่าเดิมในชื่อ ‘Tinder Vault’ โดยคาดว่าจะเก็บค่าสมาชิกเดือนละ 500 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,000 บาท) เพื่อรับสิทธิพิเศษ เช่น ได้เห็นโปรไฟล์คนในระดับเดียวกัน หรือ บริการกงเซียจให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

    แอปพลิเคชันหาคู่ Tinder กำลังปั้นฟีเจอร์ใหม่ในราคาสุดแพงเพื่อดึงดูดกลุ่มคนมีฐานะโดยเฉพาะ สำนักข่าว The Fast Company รายงานข้อมูลจาก Mark Van Ryswyk ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ระบุว่าบริษัทกำลังทดลองระบบชื่อ Tinder Vault เป็นฟีเจอร์ใหม่ราคาสมาชิกเดือนละ 500 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,000 บาท) หรือปีละ 5,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 170,000 บาท) เพื่อที่จะมีสิทธิพิเศษยิ่งกว่าเดิม

    ประเด็นสำคัญอย่างแรกคือผู้สมัคร Tinder Vault จะได้เห็นโปรไฟล์ของคนที่สมัครฟีเจอร์เดียวกัน (ทำให้มีโอกาสได้เจอคนฐานะใกล้เคียงกัน) อย่างที่สองคือ ได้สถานะ “priority pass” โปรไฟล์จะถูกดันไปให้คนอื่นเห็นมากกว่าผู้ใช้ในระดับอื่นๆ สุดท้ายคือ จะได้รับสิทธิ “บริการกงเซียจส่วนตัว” พร้อมตอบสนอง 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เน้นให้เคล็ดลับการจีบและสานสัมพันธ์

    อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ก็ยังเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น บริษัทยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนชื่อฟีเจอร์ เปลี่ยนราคา หรือสิทธิต่างๆ ที่จะมากับฟีเจอร์นี้

    ก่อนหน้านี้ Tinder มีฟีเจอร์ที่แพงที่สุดคือผู้ใช้ระดับ “Platinum” เก็บค่าสมาชิกเดือนละ 30 เหรียญสหรัฐ (ในไทยราคาเดือนละ 369 บาท) ซึ่งปลดล็อกสิทธิพิเศษต่างๆ จากทุกระดับไม่ว่าจะ Plus หรือ Gold เช่น กด Like ได้ไม่อั้น, ระบบ Passport ไปปัดหาคู่ได้ทุกที่บนโลก, ดูได้ว่าใครกด Like ตัวเอง และมีสิทธิพิเศษเฉพาะระดับ Platinum เช่น ส่งข้อความไปก่อนจะ Match ได้, ดูว่าตัวเองกด Like ใครไปในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

    การปรับเพิ่มฟีเจอร์ที่แพงสุดๆ ใน Tinder ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเจ้าของแอปฯ อย่าง Match Group นั้นมีแอปฯ หาคู่ในมืออีกเพียบ เช่น OkCupid, Hinge และปีที่แล้วก็เพิ่งจะซื้อแอปฯ ชื่อ The League เข้ามา โดยแอปฯ นี้เก็บค่าสมาชิกสูงมาก เพราะวางตัวเองเป็นแอปฯ สำหรับคนระดับบนที่พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

    ขณะที่ Tinder เองเพิ่งจะเผชิญความเปลี่ยนแปลงในองค์กรเมื่อปีก่อน เพราะซีอีโอคนก่อนคือ Renate Nyborg ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้น Tinder พยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนตัวเอง ไม่ให้มีภาพลักษณ์เป็นแอปฯ หาคู่แบบ “สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน”

    เมื่อปี 2022 บริษัท Match Group รายงานรายได้รวมของบริษัทลดลง 2% จากปีก่อนหน้า Bernard Kim ซีอีโอของบริษัท ระบุว่า ปี 2023 นี้บริษัทจะเริ่มทำ “แคมเปญการตลาดสุดปัง” สำหรับแอปฯ หาคู่ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก และแย้มมาแล้วว่าจะมีการออก “ฟีเจอร์สมาชิกระดับพรีเมียม” เพื่อที่จะหาทางทำรายได้ได้กว้างกว่าเดิม

    Source

    ]]>
    1426307
    ผู้ก่อตั้ง Grindr เริ่มพัฒนาแอปฯ ใหม่ หวังแก้ปัญหาที่เคยมีในแอปฯ หาคู่เดตชาวเกย์ https://positioningmag.com/1406393 Wed, 02 Nov 2022 13:43:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1406393 Motto แอปฯ ใหม่จาก Joel Simkhai ผู้ก่อตั้งแอปฯ Grindr ต้องการสร้างสังคมใหม่ในการหาคู่เดตออนไลน์ ลดพฤติกรรม ‘เป็นพิษ’ ที่คุ้นเคยกันในแอปฯ ชาวเกย์ แต่ฟังก์ชันใหม่ๆ ที่จะมีในแอปฯ อาจนำมาซึ่งคำถามว่า แอปฯ จะประสบความสำเร็จเป็นวงกว้างได้จริงหรือ?

    Joel Simkhai ก่อตั้งแอปพลิเคชัน Grindr ขึ้นเมื่อปี 2009 และกลายเป็นแอปฯ ที่เปลี่ยนวิธีการหาคู่เดตของกลุ่ม LGBTQ+ ไปโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้นเขาขายแอปฯ Grindr ให้บริษัทเทคจีน Kunlun Tech ไปเมื่อปี 2016

    “(Grindr) ยังคงเป็นหนทางให้ผู้คนได้มาเจอกัน และแอปฯ ก็มีผู้ใช้งานจำนวนมากแล้ว ดังนั้นก็ถือว่ามีประสิทธิภาพในการใช้งาน” Simkhai กล่าวกับสำนักข่าว Fast Company “ปัญหาคือแอปฯ ไม่ค่อยได้พัฒนาไปมากกว่านั้นตั้งแต่เปิดตัวมา”

    เมื่อ Simkhai เปิดตัวแอปฯ ใหม่คือ “Motto” แอปฯ นี้จึงมีฟีเจอร์ที่จะแก้ปัญหาที่เคยมีใน Grindr หรือสารพัดแอปฯ เดตชาวเกย์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกัน

    “การมีคำขวัญ (motto) หมายถึงคุณมีหลักการที่ยึดถือบางอย่าง” Simkhai อธิบายถึงชื่อแอปฯ “และเรายึดถือหลักคิดที่ว่า คนเราสมควรจะได้สร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ”

    Motto มีการวางขั้นตอนยืนยันตัวตนที่เข้มข้นมาก เพราะผู้ใช้ทุกคนจะต้องอัปโหลดรูปภาพเซลฟี่โดยทำท่าทางที่กำหนดให้อย่างชัดเจน เช่น ชูมือขึ้น เพื่อจะลดการมีบัญชีสแปมในแพลตฟอร์ม แอปฯ นี้ยังบังคับให้ภาพโปรไฟล์ต้องมีภาพส่วนศีรษะให้เห็นหน้ากันชัดๆ ด้วย ดังที่แอปฯ ใส่สโลแกนไว้บน App Store ว่า “พอกันทีกับภาพถอดเสื้อที่ไม่มีหน้าให้ดู”

    “คุณน่าจะเคยได้ข้อความจากคนที่ไม่รู้ว่าตกลงหน้าตาแบบไหนอยู่บ่อยๆ และนั่นเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก” Simkhai กล่าว

    แค่ฟีเจอร์บังคับให้มีรูปที่เห็นหน้าค่าตากันยังไม่พอ Motto ยังมีระบบจำกัดจำนวนคนที่จะขึ้นมาให้เราเลือกในแต่ละวันด้วย โดยปัจจุบันตั้งค่าไว้ที่ 10 คนต่อวัน คัดเลือกมาจากคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงผสมกับคนที่มีวงสังคมใกล้เคียงกัน ตัวเลขจำนวนคนต่อวันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่เหตุที่ Simkhai กำหนดเรื่องพวกนี้ก็เพราะต้องการให้คนเลิกปัดหน้าจออย่างไม่รู้จบ

     

    ยอมเข้าถึงผู้ใช้น้อยลง ให้การใช้งานคุณภาพสูงขึ้น

    “ไอเดียของแอปฯ นี้ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นแอปฯ ของคนที่มีตัวตนจริง ผ่านการยืนยันตัว และทำให้คุณใช้เวลาน้อยลงในการปัดหาคนที่ใช่ หยุดการงมเข็มในมหาสมุทร” Simkhai กล่าว

    ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่สูงค่ามาก แต่ว่าในภาคปฏิบัติและเชิงธุรกิจ อาจจะมีคำถามติดตามมา

    เพราะปกติแล้วแอปฯ เดตออนไลน์มักจะทำเงินได้จากการขายข้อมูลให้กับธุรกิจโฆษณา ทำให้แอปฯ ส่วนใหญ่จะอยากให้ผู้ใช้อยู่ในแอปฯ นานๆ ปัดจอกันไปเรื่อยๆ แต่กลายเป็นว่า Motto จะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น

    เรื่องนี้ Simkhai กล่าวว่า Motto อาจจะให้ใช้ฟรีอยู่ขณะนี้ แต่ในอนาคต ณ จุดๆ หนึ่งก็จะต้องมีระบบสมัครสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการเป็นแอปฯ ปิดที่ต้องสมัครเข้าใช้ หรืออาจจะเป็นระบบฟรีเมียม มีฟังก์ชันบางอย่างที่จ่ายเงินซื้อได้ เช่น บูสต์โปรไฟล์ของตัวเองให้คนอื่นเห็นมากกว่าปกติ

    Joel Simkhai

    ด้านการขยายฐานผู้ใช้งาน Simkhai ก็รู้ดีว่า Motto จะไม่สามารถมีฐานใหญ่ได้เท่ากับ Grindr ด้วยข้อจำกัดที่บังคับภายในแอปฯ อย่างการบังคับให้มีรูปหน้าตาตนเองบนโปรไฟล์ จะทำให้ LGBTQ+ หลายคนไม่พร้อมที่จะใช้แอปฯ เพราะหลายคนก็ยังไม่บอกให้สังคมรู้ ต้องการปิดบังตนเอง

    “ผมเข้าใจว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถโพสต์รูปเปิดเผยตนเองได้บนแอปฯ แบบนี้ ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน” Simkhai กล่าว “น่าเสียดายที่ขณะนี้เราอาจจะยัง ‘ไม่ใช่’ สำหรับคนกลุ่มดังกล่าว”

    Simkhai อธิบายว่าแอปฯ พร้อมเปิดรับทุกคนที่ต้องการสานสัมพันธ์ออนไลน์ในรูปแบบใหม่ และการสร้างฟังก์ชันเหล่านี้ก็เพื่อลดสแปม บอท และนักต้มตุ๋น

    สำหรับ Grindr นั้นปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำเฉลี่ยเดือนละ 11 ล้านคน ใน 190 ประเทศทั่วโลก และถูกประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นแอปฯ ที่ยังคงประสบความสำเร็จในแง่จำนวนผู้ใช้ แม้จะผ่าน “ดราม่า” มามากมายหลังซื้อขายเปลี่ยนมือ เช่น เมื่อสังคมพบว่า Scott Chen อดีตประธานบริษัท Grindr ที่มาจาก Kunlun Tech เคยเขียนโพสต์บน Facebook ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเพศเดียวกัน แม้กระทั่ง George Arison ซีอีโอคนปัจจุบัน Grindr ก็เคยถูกวิจารณ์เพราะไปสนับสนุนนักการเมืองที่มีประวัติเหยียด LGBTQ+

    เรื่องราวดราม่าเหล่านี้ทำให้ Simkhai บอกว่าเขาจะระมัดระวังมากขึ้นเมื่อมาบริหาร Motto ทีมงานใหม่ทุกคนจะต้องเชื่อในวิสัยทัศน์ของแอปฯ และเคารพต่อคอมมูนิตี้ของกลุ่มเควียร์

    “แอปฯ นี้จะใส่ใจในการคัดสรรมากกว่า มีความตั้งใจกว่า” เขากล่าวถึง Motto เมื่อเทียบกับ Grindr “เราหวังว่าจะเป็นแอปฯ ที่มีคุณภาพ และเป็นแอปฯ ที่คุณจะใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม”

    Source

    ]]>
    1406393
    CEO หญิงคนแรกของ ‘Tinder’ ประกาศ ‘ลาออก’ หลังทำงานได้ไม่ถึงปี https://positioningmag.com/1395186 Thu, 04 Aug 2022 11:16:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395186 ผู้บริหารระดับสูงหญิงคนแรกของ ทินเดอร์ (Tinder) ต้องลาออกทั้งที่ทำงานได้ไม่ถึงปี และถือเป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหญิงคนที่สองที่จะลาออกจากบริษัทแม่ Match Groupนเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

    หลังจากที่มูลค่าตลาดของบริษัทแม่ Match Group เจ้าของแพลตฟอร์มหาคู่อย่าง Tinder, Hinge และ Match.com ร่วงลงกว่า 1 ใน 5 หรือราว 20% เนื่องจากจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังโดยเฉพาะจาก Tinder ส่งผลให้ Renate Nyborg ซีอีโอหญิงคนแรก ต้อง ลาออก ทั้งที่ทำงานไม่ถึงปี

    Bernard Kim ซีอีโอ Match Group ระบุว่า เขาจะดูแล Tinder ไปก่อน โดยมี Faye Iosotaluno เป็นซีโอโอที่จะรายงานตรงกับเขา ในระหว่างที่บริษัทมองหาคนใหม่เพื่อมาแทนที่ Renate Nyborg โดย Renate Nyborg ได้รับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในปลายเดือนกันยายน 2021 โดยงานต่อจาก Jim Lanzone ผู้บริหารด้านสื่อที่ทำงานมาประมาณหนึ่งปี

    “ยอมรับว่า Tinder ยังบกพร่องในการดำเนินการผลิตภัณฑ์ที่จะดึงดูดผู้ใช้ใหม่ และดึงดูดผู้คนให้ใช้จ่าย โดยจากนี้เราจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อกระตุ้นฐานผู้ใช้ของเรา และผมจะดูแล Tinder จนกว่ากระบวนการค้นหา CEO คนใหม่เสร็จสิ้น” Bernard Kim หัวหน้าผู้บริหารของ Match Group กล่าว

    อย่างไรก็ตาม แผนที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ใน Tinder ไม่ว่าจะเป็น Tinder Coins สกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง, เมตาเวิร์ส กำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาว่าจะไปต่อหรือไม่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างใหม่ เนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่เป็นไปตามที่คาด

    Kim กล่าวว่า แม้ทั่วโลกจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเข้าสู่วิถีชีวิตที่ปกติมากขึ้น แต่ความตั้งใจของผู้บริโภคที่จะลองใช้ผลิตภัณฑ์หาคู่ออนไลน์เป็นครั้งแรกกลับยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด

    ทั้งนี้ Match Group มีรายได้รวม 795 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ระหว่าง 800-810 ล้านดอลลาร์ ขณะที่สัดส่วนรายได้จากฝั่งของ Tinder กลับติดลบ จากที่อดีตเคยเติบโตดีมาตลอด อย่างไรก็ตาม Match Group เชื่อว่า Tinder ยังสามารถเติบโตได้ทั้งในส่วนของผู้ใช้และรายได้ โดยบริษัทจะพยายามแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ และหลากหลายเพื่อกระตุ้นการเติบโตนั้น

    Source

    ]]>
    1395186
    รู้จัก “Laft” แอปฯ หาคู่แบบวิดีโอ ไม่ต้องกลัวไม่ตรงปกอีกต่อไป! https://positioningmag.com/1372879 Sun, 06 Feb 2022 14:12:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372879 เปิดประสบการณ์ “หาคนรู้ใจ” รูปแบบใหม่ผ่านวิดีโอ ทำความรู้จัก Laft (ลาฟท์) หรือ Love after First Talk  แอปพลิเคชันหาคู่รายแรกของไทยที่อัดฟีเจอร์วิดีโอ การหาคู่รักผ่านวิดีโอจะช่วยให้เห็นตัวตนมากกว่ารูปภาพ แถมยังไม่ต้องกลัวไม่ตรงอีกด้วย

    ที่ผ่านมาเราคงได้เคยเห็นแอปพลิเคชันหาคู่ในรูปแบบเดิมๆ ที่ลงรูปภาพ พร้อมคำบรรยาตัวตนเล็กน้อย ถ้าใครถูกใจก็แชทคุยกันต่อ ในรูปแบบนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย บางคนอาจจะไม่ได้ใช้รูปตัวเอง หรือใช้รูปเก่า รูปไม่อัปเดต บางคนอาจจะเกิดอาการไม่ตรงปกก็เป็นได้

    Laft จึงเป็นแอปฯ หาคู่แนวใหม่ มีฟีเจอร์หลักคือวิดีโอคอนเทนต์ ทักทายด้วยวิดีโอ ทำให้ได้เห็นตัวตน บุคลิก การพูดคุยได้ในแบบเคลื่อนไหว

    ผู้ใช้งาน Laft นั้นจะต้องลงทะเบียนเพื่อแนะนำตัวผ่านทั้งรูปภาพ และวิดีโอตั้งแต่เริ่มเข้าใช้งาน เพื่อให้ทุกคนได้สนุกไปกับการแนะนำของผู้คนในคอมมูนิตี้นี้ตั้งแต่แรก เมื่อสปาร์คกับใครก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Like หรือแอบชอบ เพื่อเป็นการหยั่งเชิงทักทายด้วยการส่งข้อความทักทายสั้นๆ หรือจะตอบกลับสตอรี่ที่แสดงอยู่บน Laft ก็ได้ โดยวิดีโอ สตอรี่ ที่ลงไว้นั้นจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง

    นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถกําหนดหมวดหมู่ (Category) คอนเทนต์ของวิดีโอที่สร้างขึ้น ซึ่งจะใช้แสดงในหน้าสํารวจ (Explore) โดยการใส่เพลง (Music) คำบรรยาย (Caption) หัวข้อ (Topic) รวมถึงแฮชแท็ก (Hashtag) ตามไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบของตัวเองได้ และในทางกลับกันก็สามารถเลือกได้ว่าสนใจอยากหาคู่ในหมวดหมู่ไหนตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการได้ด้วยเช่นกัน

     

    เมื่อมีใครมากดไลค์สตอรี่ และสตอรี่อีกฝ่ายก็โดนใจเรา ก็สามารถกดไลค์เพื่อเป็นการ Match หรือจับคู่ ซึ่งถ้าอีกฝ่ายกดไลค์อยู่แล้ว ก็เริ่มต้นไฟสปาร์คครั้งนี้ด้วยการส่งข้อความเพื่อพูดคุยสนทนา เริ่มต้นเรียนรู้กันได้เลยทันที ไม่มีปัญหาว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร เพราะเห็นตัวตนและไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่ายมาบ้างแล้วจากวิดีโอคอนเทนต์ที่ลงไว้

    สุพิชญา สูรพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง แอปพลิเคชัน Laft กล่าวว่า

    “เพราะเราต้องการฉีกประสบการณ์เดิมๆ ของแอปฯ หาคู่ ให้ทุกคนได้สัมผัสถึงตัวตนและไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่ายได้มากขึ้น เชื่อว่าการใช้วิดีโอคอนเทนต์เข้ามาจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเราทุกคนต่างคุ้นเคยกับการถ่ายวิดีโอไลฟ์สไตล์ หรือโมเมนต์แต่ละช่วงของแต่ละวัน ผ่านช่องทางสตอรี่ หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ หลากหลายช่องทาง แอปฯ Laft จึงรวมพฤติกรรมการใช้งานนี้เข้าด้วยกัน เพราะนอกจากจะได้เห็นตัวตนแล้ว ยังทำให้เกิดบทสนทนาที่ต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน เรียนรู้กันได้มากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะนัดเดตกัน”

    “เราเรียนรู้มาแล้วจาก Laft Beta version ว่า วิดีโอสามารถทำให้เริ่มบทสนทนาได้เร็วขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทั้งสองฝ่าย Match กัน ทุกคนจะได้สนุกกับการแชร์สตอรี่ในแต่ละช่วงเวลาของวัน แถมยังอาจจะได้เจอคนรู้ใจผ่านแอปฯ Laft ของเราอีกด้วย”

    เรียกว่าแอปฯ Laft อาจจะเข้ามาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น เปลี่ยนสไตล์แอปฯ หาคู่ในรูปแบบเดิมๆ สามารถลงไลฟ์สไตล์ได้เต็มที่ เพื่อได้เจอคนรู้ใจง่ายขึ้น

    ]]>
    1372879
    7 ที่สุดของคน “Gen Z” ชาวไทยบน Tinder ปี 2021 ถึงล็อกดาวน์ก็ยังปัดขวากันได้! https://positioningmag.com/1368413 Thu, 23 Dec 2021 04:51:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1368413 ผ่านไปอีกหนึ่งปีท่ามกลางการล็อกดาวน์ แต่การหาคู่เดทบน Tinder ยังไม่ลดความร้อนแรงโดยเฉพาะในหมู่คน Gen Z โดยแพลตฟอร์มได้สรุปข้อมูลในรอบปี 2021 มาให้เราชมกันว่าปีนี้คนไทยนิยมทำอะไรกันบ้าง

    Tinder เผยผลสำรวจ Year in Swipe จากการเก็บข้อมูลประวัติส่วนตัวบน Tinder ของผู้ใช้งานชาวไทยวัย Gen Z ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 – 30 พฤศจิกายน 2564 พบ 7 ที่สุดที่น่าสนใจดังนี้

    1. ที่สุดของฟีเจอร์ Passport : กรุงโซล

    ฟีเจอร์ Passport ที่ทำให้ผู้ใช้ปักหมุดหาคู่ที่เมืองอื่นได้ ปีนี้แชมป์ก็ยังเป็นของ “กรุงโซล” ประเทศเกาหลีใต้ ตามด้วย “ลอนดอน” ประเทศอังกฤษ “นิวยอร์ก” ประเทศสหรัฐฯ “โตเกียว” ประเทศญี่ปุ่น และ “ลอสแอนเจลิส” ประเทศสหรัฐฯ

    แต่ถ้านับเฉพาะภายในประเทศไทย เมืองที่มีคนปักหมุดไปหาคู่แมตช์มากที่สุดคือ “กรุงเทพฯ” ตามด้วย “เชียงใหม่” “ขอนแก่น” “ปทุมธานี” และ “หาดใหญ่ จ.สงขลา”

    2. ที่สุดของเมืองที่ชื่นชอบการเดทแบบวิดีโอคอล : โคราช+ขอนแก่น

    เนื่องจากการล็อกดาวน์ ทำให้การไปเดทกันแบบเจอตัวอาจจะยุ่งยาก ฟีเจอร์ “วิดีโอคอล” ภายในแอปฯ Tinder จึงตอบโจทย์มากขึ้นในการทำความรู้จักเบื้องต้น โดยสถิติทั่วโลกมีคนใช้งานวิดีโอคอลในแอปฯ เพิ่มขึ้น 52%

    ส่วนในไทย Gen Z ก็นิยมการเดทออนไลน์แบบนี้มากขึ้น มี 2 เมืองที่ใช้งานฟีเจอร์นี้มากที่สุดคือ นครราชสีมา และ ขอนแก่น

    3. ที่สุดของกิจกรรมเดทแรก : กางเต็นท์

    น่าสนใจว่ากิจกรรมเดทแรกของคน Gen Z ต้องการทำกิจกรรมที่แปลกใหม่และทำให้ได้รู้จักกันจริงๆ Tinder พบว่าคำว่า “กางเต็นท์” ถูกใช้มากขึ้น 3.2 เท่า ในหน้าโปรไฟล์ และทำให้สถานที่เดทอย่างภูเขาและทะเลได้รับความนิยมสูง อย่างไรก็ตาม การเดทแบบอื่น เช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็ยังได้รับความนิยมเหมือนกัน

    กางเต็นท์
    กิจกรรมกางเต็นท์ แคมปิ้ง คือที่สุดของการเดทยุคนี้ (Photo : chulmin1700 / Pixabay)
    4. ที่สุดของเช็คลิสต์ก่อนออกเดท : ฉีดวัคซีนหรือยัง?

    ปี 2564 เป็นปีที่มีเช็คลิสต์ใหม่ก่อนออกเดทเกิดขึ้น นั่นคือการแชร์ข้อมูลว่าตนเอง “ฉีดวัคซีนแล้ว” บนหน้าประวัติส่วนตัว โดยมีข้อมูลระบุเรื่องนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27 เท่า เนื่องจากคนเข้าถึงวัคซีนกันมากขึ้น และการแชร์ข้อมูลเรื่องนี้จะทำให้คู่เดทรู้สึกปลอดภัย

    5. ที่สุดของข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างความประทับใจ : หมูกระทะ

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คำว่า “หมูกระทะ” กลายเป็นคำยอดฮิตของ Gen Z บนหน้าโปรไฟล์ โดยคำนี้มีการใช้เพิ่มขึ้น 2 เท่า เพราะเป็นการแสดงข้อมูลความชอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยสร้างความประทับใจ ทำให้คู่แมตช์เห็นว่ามีความชอบตรงกัน นอกจากนี้คำว่า “บุฟเฟต์” ก็เพิ่มขึ้นถึง 25%

    หมูกระทะ
    (Photo : Shutterstock)
    6. ที่สุดของเพลงบน Tinder : STAY ของ The Kid LAROI & Justin Bieber

    เพลง เป็นอีกหนึ่งช่องทางแสดงความรู้สึกของคนบน Tinder โดยปีนี้เพลงฮิตมาแรงที่อยู่บนหน้าโปรไฟล์ชาวไทยคือ STAY ของ The Kid LAROI & Justin Bieber รองลงมาเป็นเพลง good4u ของ Olivia Rodrigo ตามด้วย Kiss Me More ของ Doja Cat, SZA

    7. ที่สุดของอิโมจิ :  👀

    อิโมจิรูปลูกตาสองข้างด้านบนนี้ กลายเป็นอิโมจิแห่งปีบนแอปฯ ทั่วโลกมีการใช้เพิ่ม 40% เป็นการแสดงออกถึงความสงสัยผสมกับความรู้สึกมองโลกในแง่ดี

    แล้วปีนี้การปัดขวาของคุณบน Tinder เป็นอย่างไรบ้าง?

    Tinder

    อ่านเพิ่มเติม

    ]]>
    1368413
    “Tinder” เตรียมเปิดฟีเจอร์ “รับรองตัวตนจริง” คัดกรองผู้ใช้งาน-อาชญากรทางเพศ https://positioningmag.com/1347371 Tue, 17 Aug 2021 09:42:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1347371 Tinder เตรียมเปิดฟีเจอร์ใหม่ “ID Verification” หรือการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้งานว่ามีตัวตนจริง ตรงตามเอกสารที่ใช้ระบุตัวตนได้ โดยจะเริ่มใช้งานทั่วโลกภายในไตรมาสต่อไป

    ฟีเจอร์ใหม่ “ID Verification” หรือ “รับรองตัวตนจริง” ที่ Tinder จะนำมาใช้ทั่วโลกนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นระบบสมัครใจ ยกเว้นในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นระบุให้การใช้งานแอปฯ หาคู่ต้องยืนยันอายุจริงก่อน เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ Tinder ทดลองฟีเจอร์นี้เป็นประเทศแรกตั้งแต่ปี 2019 หลังจากญี่ปุ่นบังคับให้ผู้ใช้งานต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป

    วิธีใช้งาน เมื่อยืนยันตัวตนตามเอกสารที่ระบุตัวตนได้เรียบร้อยแล้ว จะมี ‘badge’ พิเศษขึ้นในโปรไฟล์เพื่อรับรองว่ามีตัวตนจริง เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ Tinder มี badge สำหรับคนที่ยืนยันแล้วว่าใช้รูปจริง

    การเปิดให้ยืนยันตัวตนจริงของผู้ใช้งาน Tinder มองว่าจะทำให้สังคมในแพลตฟอร์มมีความปลอดภัยมากขึ้น ผู้ใช้สบายใจขึ้นเมื่อทำความรู้จักกับใครสักคน

    Photo : Shutterstock

    “เรารู้ว่าในหลายส่วนของโลกและในกลุ่มของผู้ที่ถูกกีดกันทางสังคม อาจมีเหตุผลไม่สามารถหรือไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ การสร้างทางออกที่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริงด้วยยืนยันตัวตนด้วย ID Verification จึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย และเป็นโปรเจกต์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพวกเราต้องการความเห็นจากสมาชิกรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญในการช่วยพัฒนาเรื่องดังกล่าว”เทรซี่ เบรเดนท์ รองประธานบริหารฝ่าย Safety and Social Advocacy ของ Match Group บริษัทเจ้าของแอปฯ Tinder กล่าว

    นอกจากนี้ ในภูมิภาคที่ Tinder สามารถเข้าถึงประวัติอาชญากรรมได้ บริษัทจะนำดาต้ามาใช้ร่วมกับการยืนยันตัวตน ตามระเบียบของแพลตฟอร์มที่ไม่อนุญาตให้ผู้มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง กระทำผิดทางเพศ หรือใช้ความรุนแรง เข้ามาใช้แอปฯ Tinder โดยปัจจุบันแพลตฟอร์มมีการตรวจเช็กผ่านข้อมูลบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับแอปฯ อยู่แล้ว

    ที่มา: Tinder, TechCrunch

    ]]>
    1347371
    คนไทยใช้ Tinder ปักหมุดไป “โซล เกาหลีใต้” มากสุด ส่วน “อินเดีย” ปักหมุดมาไทย https://positioningmag.com/1328494 Tue, 20 Apr 2021 14:51:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328494 Tinder เปิดอินไซต์ คนไทย Gen Z ปัดขวากันรัวๆ ใช้ฟีเจอร์ Passport ได้ฟรีเพื่อเสิร์ชโลเคชั่น ปักหมุด พูดคุยกับเพื่อนใหม่ และหาคู่แมตช์ได้ทั่วโลก คนไทยนิยมปักหมุดไปหาโอปป้าที่เกาหลีใต้ ส่วนคนอินเดียนิยมปักหมุดมาไทยมากที่สุด

    Tinder ได้เก็บข้อมูลการใช้งานของสมาชิกอายุระหว่าง 18-25 ปีที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 เป็นพฤติกรรมของผู้ใช้ว่านิยมหาคู่ที่จังหวัดอะไร เมืองอะไรมากที่สุด

    10 เมืองในไทยที่มีคนปักหมุดเพื่อหาคู่แมตช์มากที่สุด

    1. เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ
    2. ขอนแก่น – กรุงเทพฯ
    3. ปทุมธานี – กรุงเทพฯ
    4. หาดใหญ่ – กรุงเทพฯ
    5. นครราชสีมา – กรุงเทพฯ
    6. นครปฐม – กรุงเทพฯ
    7. พัทยา – กรุงเทพฯ
    8. อุดรธานี – กรุงเทพฯ
    9. ชลบุรี – กรุงเทพฯ
    10. อุบลราชธานี – กรุงเทพฯ
    Photo : Shutterstock

    10 เมืองทั่วโลกที่คนไทยปักหมุดหาคู่แมตช์มากที่สุด

    1. โซล เกาหลีใต้
    2. ลอนดอน สหราชอาณาจักร
    3. นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    4. โตเกียว ญี่ปุ่น
    5. ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
    6. ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
    7. ไทเป ไต้หวัน
    8. สิงคโปร์
    9. ปารีส ฝรั่งเศส
    10. เซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
    Photo : Shutterstock

    10 เมืองทั่วโลกที่ปักหมุดมายังประเทศไทยมากที่สุด

    1. เดลี อินเดีย
    2. สิงคโปร์
    3. เกซอน ฟิลิปปินส์
    4. อิสตันบูล ตุรกี
    5. ลอนดอน สหราชอาณาจักร
    6. จาการ์ตา อินโดนีเซีย
    7. กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
    8. มุมไบ อินเดีย
    9. โฮจิมินห์ เวียดนาม
    10. ปารีส ฝรั่งเศส
    ]]>
    1328494