job – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 18 Aug 2023 07:46:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บริษัทเทคโนโลยีปลดพนักงานมีจำนวนลดลงแล้ว แต่ยังไม่กลับมาจ้างงานมากเท่าเดิม แม้ AI จะกำลังบูมก็ตาม https://positioningmag.com/1441462 Fri, 18 Aug 2023 01:49:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441462 บทวิเคราะห์ของ Jefferies วาณิชธนกิจในสหรัฐอเมริกา ที่ได้อ้างอิงข้อมูลจากแพลตฟอร์มหางานในสหรัฐอเมริกา ชี้ว่า สถานการณ์ของบริษัทเทคโนโลยีที่ได้มีมาตรการปลดพนักงานจำนวนมาก จากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจนั้นล่าสุดมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แต่ตัวเลขตำแหน่งการจ้างงานกลับมายังไม่เท่าเดิม

บทวิเคราะห์จาก Jefferies ได้อ้างอิงข้อมูลจาก TrueUp ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับหางาน นั้นล่าสุดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีการปลดพนักงานจำนวน 14,700 ตำแหน่ง ขณะที่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 14,600 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าตัวเลขในการปลดพนักงานในเดือนสิงหาคมจะเหลือแค่ 5,600 ตำแหน่งเท่านั้น

สำหรับการปลดพนักงานในช่วงที่ผ่านมานั้นหลายบริษัทเทคโนโลยีได้ชี้ว่าสาเหตุสำคัญมาจากยอดขายบริษัทลดลง ต้นทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นจากสภาวะเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังรวมถึงจากความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลงจากความกังวลว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่สภาวะถดถอย

จำนวนการปลดพนักงานของบริษัทเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมานั้น บริษัทที่ปลดพนักงานจำนวนมากสุดคือ Accenture บริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีที่ 19,000 ราย รองลงมาคือ Amazon ที่ 18,000 ราย และ Google ที่ 12,000 ราย หรือแม้แต่ Meta รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือย่าง Vodafone ที่ปลดพนักงานไปมากถึง 11,000 ราย

ซึ่งการปลดพนักงานเหล่านี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้นมีจำนวนไม่น้อยกว่า 300,000 รายเลยทีเดียว

ข้อมูลจาก TrueUp

ขณะที่ตำแหน่งการจ้างงานนั้นข้อมูลล่าสุดในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 176,819 ตำแหน่ง กำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมซึ่งมีตำแหน่งงานเปิดราวๆ 163,014 ตำแหน่งเท่านั้น อย่างไรก็ดีตำแหน่งงานที่เปิดล่าสุดยังต่ำว่าจุดสูงสุดที่ตำแหน่งงานเปิดมากถึง 63% จากจุดสูงสุด

อย่างไรก็ดีตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครในเวลานี้กลับไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าจะมีเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของ ChatGPT ที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งต้องรีบพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว

Brent Thill นักวิเคราะห์ของ Jefferies ยังได้กล่าวว่าในบทวิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนแปลงของแรงงานที่มีทักษะต่ำกว่าจะถูกบีบจากการเข้ามาของ AI ยิ่งทำให้แรงงานเหล่านี้จะต้องเพิ่มหรือเสริมทักษะสำหรับโอกาสในการหางานใหม่หลังจากนี้

]]>
1441462
CEO ของ IBM เผย “บริษัทเตรียมชะลอการจ้างงานในตำแหน่งที่ AI สามารถทดแทนได้” https://positioningmag.com/1429348 Wed, 03 May 2023 02:03:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429348 ผู้บริหารสูงสุดของ IBM ได้กล่าวว่าบริษัทเตรียมชะลอการจ้างงานในตำแหน่งที่ AI และระบบอัตโนมัติ สามารถทดแทนได้ภายในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งงานบางตำแหน่งในสำนักงานที่มีความเสี่ยงมากที่สุด 

Arvind Krishna ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ IBM ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg โดยกล่าวว่าบริษัทเตรียมชะลอการจ้างงานในตำแหน่งที่ AI สามารถทดแทนได้ภายในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ คาดว่าตำแหน่งงานที่อาจได้รับผลกระทบในระยะใกล้นี้จะกระทบมากถึง 7,800 ตำแหน่ง

CEO ของ IBM ยังได้กล่าวว่าภายใน 5 ปีหลังจากนี้ พนักงานมากถึง 30% โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานด้านทรัพยากรบุคคล ไปจนถึงงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับลูกค้านั้นอาจกระทบกับพนักงานสูงถึง 26,000 ตำแหน่ง

ความสามารถแชทบอทระบบ AI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT ยังแสดงความสามารถในการช่วยทำงานในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านการเขียน ไปจนถึงการตรวจสอบการเขียนโปรแกรม ฯลฯ ทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงเรื่องตำแหน่งงานของมนุษย์ในอนาคตเช่นกัน

สอดคล้องกับคาดการณ์จาก World Economic Forum (WEF) ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากบริษัทชั้นนำกว่า 800 แห่งทั่วโลกพบว่าเมื่อบริษัทต่างๆ ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อาจทำให้ตำแหน่งงานทั่วโลกสั่นคลอนในอีก 5 ปีข้างหน้า

ปัจจุบัน IBM มีพนักงานจำนวนมากถึง 260,000 ราย ซึ่งมีทั้งตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไปจนถึงพนักงานด้านการขาย CEO ของ IBM ยังได้กล่าวว่าปัจจุบันการหาพนักงานใหม่นั้นถือเป็นเรื่องที่ง่ายลง เมื่อเทียบกับช่วง 1 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากบริษัทต่างๆ เริ่มมีการปลดพนักงานออกมาจากแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ

อย่างไรก็ดี CEO ของ IBM ยังได้กล่าวว่า จะมีการย้ายพนักงานระหว่างแผนกเกิดขึ้น นอกจากนี้งานในองค์กรบางอย่าง เช่น การประเมินองค์กรในเรื่องของกำลังคนรวมถึงประสิทธิภาพการทำงานของฝ่ายด้านทรัพยากรบุคคลนั้นอาจจะไม่ถูก AI แทนที่ในทศวรรษหน้า

]]>
1429348
จับชีพจร “ตลาดเเรงงานไทย” ตกงานมากสุดในรอบ 11 ปี ธุรกิจ “เจ๊ง” พุ่ง คนอายุน้อยไม่มีงานทำ https://positioningmag.com/1300013 Mon, 05 Oct 2020 10:55:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300013 วิกฤตเศรษฐกิจ COVID-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดแรงงาน นำไปสู่การ “ตกงาน” ของคนจำนวนมากในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ถึง 7.5 แสนคน คิดเป็นกว่า 1.95% ต่อกำลังแรงงานรวม ถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 11 ปี เเละยังมีแรงงานที่ต้องหยุดงานชั่วคราวจำนวนสูงถึง 2.5 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คนรุ่นใหม่เสี่ยงตกงานยาว รับค่าจ้างต่ำ ธุรกิจ “ทนไม่ไหว” ปิดกิจการพุ่ง

ตลาดเเรงงานไทย ทรุดซ้ำ “เเผลเก่า” 

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ออกบทวิเคราะห์ “ประเมิน 4 สัญญาณความอ่อนแอของตลาดแรงงานไทย หลังคลายล็อกดาวน์” ไว้อย่างน่าสนใจ

โดยมองว่า ตลาดแรงงานไทยมีความอ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่ก่อนวิกฤต จากจำนวนผู้มีงานทำและจำนวนชั่วโมงทำงานเฉลี่ย ที่มีแนวโน้มลดลงตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การใช้เทคโนโลยีทดแทนแรงงาน และการออกจากกำลังแรงงาน ตามแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สะท้อนว่ารายได้จากการทำงานของคนไทยในภาพรวม…ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

และเมื่อเข้าสู่ช่วงวิกฤต COVID-19 ที่เศรษฐกิจทรุดตัวลงรุนแรงในช่วงครึ่งแรกปี 2020 ตลาดแรงงานที่มีความอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งได้รับแรงกดดันเพิ่มมากขึ้น แม้ล่าสุดตลาดแรงงานจะเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นบ้างจากอัตราการว่างงานที่ลดลง แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังถือว่า “ซบเซา” กว่าในอดีตอยู่ค่อนข้างมาก สะท้อนจาก 4 สัญญาณความอ่อนแอที่น่าเป็นห่วง ได้แก่ 

(1) อัตราการว่างงานของแรงงานในระบบประกันสังคมยังคงเพิ่มสูงขึ้น
(2) กลุ่มแรงงานอายุน้อย 15-24 ปี ยังมีปัญหาการว่างงานในระดับสูง
(3) จำนวนแรงงานที่ต้องหยุดงานชั่วคราวยังสูงกว่าในอดีตมาก
(4) สัดส่วนการทำงานต่ำระดับยังคงเพิ่มขึ้น

Photo by Lauren DeCicca/Getty Images

คนหันไป “ทำงานนอกระบบ-รายได้น้อยลง” มากขึ้น

ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2020 ที่เศรษฐกิจไทยอยู่ ณ จุดต่ำสุดและมีการล็อกดาวน์ในวงกว้าง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมากต้องหยุดชะงัก สถานการณ์ในตลาดแรงงานจึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในทันที

โดยมีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 7.5 แสนคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าถึงเกือบเท่าตัว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ว่างงานในทุกอุตสาหกรรม ส่งผลให้อัตราการว่างงานในภาพรวมเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.0% ต่อกำลังแรงงานรวม จากเพียง 1.0% ในไตรมาสก่อนหน้า ถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 11 ปี

ทั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลได้มีการคลายล็อกดาวน์ หลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงได้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทิศทางของอัตราการว่างงานในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งผ่านพ้นการล็อกดาวน์ไปแล้วกลับยังคงอยู่ในแนวโน้มถดถอย โดยอัตราการว่างงานในเดือนกรกฎาคม ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอยู่ที่ 2.2% ด้วยจำนวนผู้ว่างงานสูงถึง 8.3 แสนคน

อัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม 2020 ลดจากจุดสูงสุดเพียงเล็กน้อย และยังอยู่ในระดับสูง โดยอัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม ยังอยู่ที่ 1.9% ต่อกำลังแรงงานรวม จากจำนวนผู้ว่างงานที่ลดลงมาอยู่ที่ 7.2 แสนคน

อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานในเดือนสิงหาคม ยังถือเป็นอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับที่สูงหากเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต (ช่วงปี 2013-2019) ที่อยู่ที่เพียงราว 1.0% ต่อกำลังแรงงานรวม สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะปกติ

แรงงานในระบบประกันสังคม ปัญหาการว่างงานยังคงเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานตามระบบประกันสังคมในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 3.9% ต่อแรงงานประกันสังคมมาตรา 33 ทั้งหมด เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอัตราการว่างงานในไตรมาส 2 และเดือนกรกฎาคมปีนี้ที่อยู่ที่ 2.8% และ 3.7% ตามลำดับ

“การสวนทางกันของการว่างงานในระบบที่เพิ่มขึ้นกับการว่างงานภาพรวมที่ลดลงอาจกำลังบ่งชี้ว่า ลูกจ้างในระบบที่ตกงานมีการย้ายไปสู่การเป็นแรงงานนอกระบบมากขึ้น เช่น อาชีพอิสระ งานรับจ้าง หรือธุรกิจส่วนตัว ซึ่งอาจมีรายได้ที่น้อยกว่า ได้รับสวัสดิการที่ครอบคลุมน้อยกว่าหรือไม่มีเลย รวมไปถึงโอกาสในการเข้าถึงการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่น้อยกว่าแรงงานในระบบ” 

คนรุ่นใหม่…เสี่ยงตกงาน ยอมรับค่าจ้างต่ำ  

ความน่ากังวลหนึ่งที่สำคัญคือ การว่างงานของแรงงานอายุน้อย (อายุ 15-24 ปี) ของไทย อยู่ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มอายุอื่นมาโดยตลอด

ในวิกฤต COVID-19 ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยอัตราการว่างงานของกลุ่มแรงงานอายุน้อยได้เพิ่มขึ้นไปเป็น 8.6% ต่อกำลังแรงงานอายุน้อยทั้งหมดในไตรมาส 2 ปี 2020 และเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องไปที่ระดับ 9.8% ในเดือนกรกฎาคม สอดคล้องกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่าง สหรัฐฯ ที่การจ้างงานของแรงงานอายุน้อย ก็ได้รับผล
กระทบมากกว่าแรงงานกลุ่มอายุอื่น ๆ

“แรงงานอายุน้อย ส่วนใหญ่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานและการว่างงาน จะทำให้เกิดการขาดช่วงของการสร้างทักษะและสั่งสมประสบการณ์จากการทำงาน เสียเปรียบในการแข่งขันหางานกับกลุ่มแรงงานอายุมากกว่าที่มีประสบการณ์การทำงานที่มากกว่า ซึ่งอาจยอมลดค่าจ้างของตนเองเพื่อให้ได้งานโดยเร็ว” 

กลับไปทำงานไม่ได้… ยอด “หยุดงานชั่วคราว” ยังพุ่ง 

จำนวนผู้ที่ยังมีงานทำแต่ต้องหยุดงานชั่วคราว (furloughed workers) ที่มีจำนวนถึง 2.5 ล้านคนในช่วงล็อกดาวน์ลดลงบ้างแต่ยังสูงกว่าระดับปกติ ในไตรมาส 2 ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดแรงงานได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจ มาตรการล็อกดาวน์ และการหยุดชะงักของกิจกรรมการผลิต ทำให้หลายกิจการมีการพักงานลูกจ้าง

“คนทำงานอิสระจำนวนมากไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ ส่งผลให้จำนวนผู้ที่ยังมีงานทำแต่ต้องหยุดงานชั่วคราว (furloughed workers) จึงเพิ่มขึ้นไปอยู่สูงถึง 2.5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 82.4% ระบุว่าไม่ได้รับค่าจ้าง”

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ หลายกิจการได้กลับมาดำเนินการตามปกติ ส่งผลให้จำนวน furloughed workers ก็ลดลงไปอยู่ที่ 7.5 และ 4.4 แสนคน ในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม ตามลำดับ

Photo : Shutterstock

แต่จำนวน furloughed workers ในช่วง 2 เดือนล่าสุดก็ยังถือว่าอยู่สูงกว่าหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวนอยู่ที่เพียงราว 1-1.5 แสนคนเท่านั้น ส่วนหนึ่งคาดว่ามีสาเหตุมาจากการที่หลายกิจการยังไม่สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้เท่าศักยภาพในอดีต จึงยังไม่สามารถดูดซับแรงงานที่ต้องหยุดงานในช่วงล็อกดาวน์ได้หมด

การเพิ่มขึ้นของจำนวน furloughed workers นับเป็นอีกความน่ากังวลของตลาดแรงงานไทย เพราะบางส่วนอาจกลายเป็นคนตกงานได้ในท้ายที่สุด หากกิจการขาดสภาพคล่องจนต้องลดคนหรือปิดกิจการ

ช่วงโมงการทำงานลด – รายได้ลด

แนวโน้มของสัดส่วนการทำงานต่ำระดับที่มากขึ้นจากช่วงล็อกดาวน์ ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ในไตรมาส 2 งานเต็มเวลา (งานที่ทำตั้งแต่ 35 ถึงไม่เกิน 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) และงานล่วงเวลา (งานที่ใช้เวลาทำมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไปหรืองานโอที) มีจำนวนลดลงรวมกันสูงถึง 4.8 ล้านคน

ขณะที่จำนวนงานต่ำระดับ (งานที่ทำเกิน 0 ถึงไม่เกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) รวมถึงจำนวนการหยุดงานชั่วคราวกลับเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 4.1 ล้านคนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม งานเต็มเวลาและล่วงเวลาก็ยังคงลดลง ขณะที่งานต่ำระดับยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉลี่ยงานเต็มเวลาและล่วงเวลาลดลงประมาณ 2.1 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่งานต่ำระดับเพิ่มขึ้นถึง 1.9 ล้านคน

แนวโน้มดังกล่าวนี้ เป็นอีกหนึ่งเครื่องชี้ที่สะท้อนถึงกำลังในการจ้างงานของภาคเอกชนที่ถดถอยลง จึงไม่สามารถจ้างงานเต็มเวลาและล่วงเวลาในจำนวนที่มากเท่าในช่วงก่อนหน้าได้  รวมถึงอาจเป็นผลของการ “ออกนอกระบบ” ของแรงงานที่เคยทำงานประจำที่มีชั่วโมงทำงานสูงกว่า ไปสู่งานอิสระที่มักมีชั่วโมงการทำงานน้อยกว่า ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวนี้สะท้อนว่ารายได้ของแรงงานมีแนวโน้มลดลง และยังไม่ฟื้นตัว

อนาคตตลาดแรงงานไทย – ธุรกิจแห่ปิดกิจการ 

ปัญหาการว่างงานจะยังคงอยู่ในระดับสูงและ “ฟื้นตัวได้ไม่เร็ว” จากแนวโน้มการปิดกิจการของภาคธุรกิจที่ยังเร่งตัว ในช่วงวันที่ มกราคม – 28 สิงหาคม 2020 มีจำนวนธุรกิจที่แจ้งเลิกกิจการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารวมทั้งสิ้นราว 1.4 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 9.1จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ถึงแม้จะมีการคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปแล้ว การปิดกิจการก็ยังเพิ่มในอัตราที่เร่งขึ้น

โดยในช่วงเดือนมิถุนายนกรกฎาคม การปิดกิจการขยายตัวที่ 29.2%YOY และในช่วง 28 วันแรกของเดือนสิงหาคม ก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราเร่งที่ 34.5%YOY

คาดว่าเป็นผลมาจากการขาดรายได้ของกิจการขณะที่สภาพคล่องมีไม่เพียงพอ กิจการที่ปิดตัวลงนี้จะส่งผลทำให้แรงงานในกิจการนั้น ๆ ต้องว่างงานลง ขณะที่กำลังการดูดซับแรงงาน (จ้างงาน) ของภาคธุรกิจมีลดน้อยลงตามภาวะเศรษฐกิจที่มีส่วนทำให้การเปิดกิจการของภาคธุรกิจก็ลดน้อยลงตามไปด้วย โดยในช่วงวันที่ มกราคม – 28 สิงหาคม 2020 จำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ลดลง -12.5%YOY

สอดคล้องกับข้อมูลประกาศรับสมัครงานบนเว็บไซต์ Jobsdb.com ที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 27 ก.ย.-3 ต.ค.) จำนวนประกาศรับสมัครงานเฉลี่ยยังต่ำกว่าช่วงสัปดาห์ก่อนมีมาตรการปิดเมือง (วันที่ 21-27 มี.ค.) ถึง -20.8%

โดยต่ำกว่าในทุกอุตสาหกรรมและระดับเงินเดือน สะท้อนให้เห็นว่าภาวะการจ้างงานยังคงซบเซาเป็นวงกว้าง แม้ว่ามาตรการล็อกดาวน์จะถูกผ่อนคลายลงมากแล้วก็ตาม

คาดว่าในระยะข้างหน้ารายได้ภาคธุรกิจยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่พึ่งพารายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องรอความชัดเจนในด้านการพัฒนาวัคซีน และการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้แนวโน้มการเปิด-ปิดกิจการจะยังคงซบเซา และกระทบต่อการจ้างงานในระยะถัดไป

EIC มองว่า ความล่าช้าในการฟื้นตัวของตลาดแรงงานนี้จะส่งผลให้รายได้ครัวเรือนฟื้นตัวช้า กระทบกับความสามารถในการชำระหนี้ และยังอาจส่งผลให้ศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาวลดลง นโยบายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการในระยะสั้นเพื่อประคับประคองการจ้างงาน และนโยบายเชิงโครงสร้างเพื่อจัดสรรแรงงานที่จะมีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนอุตสาหกรรม (relocate) เป็นจำนวนมาก รวมถึงพัฒนาทักษะแรงงานให้มีผลิตภาพ (productivity) สูง และสอดคล้องกับความต้องการภาคธุรกิจในอนาคต

“ตลาดแรงงานไทยยังอยู่ในภาวะซบเซา การประคับประคองตลาดแรงงานเป็นสิ่งจำเป็น โดยการเพิ่มทักษะและปรับทักษะ (upskill and reskill) ของแรงงานเป็นอีกเรื่องสำคัญที่ต้องทำควบคู่ เพื่อยกระดับแรงงานไทยในระยะยาว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้”

 

 

]]>
1300013
จากกันเเบบมีเยื่อใย! บริษัทเทคฯ เปิดเว็บรวมโปรไฟล์พนักงานที่ถูกปลด ช่วยหางานใหม่ https://positioningmag.com/1280270 Sat, 23 May 2020 10:53:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1280270 เหล่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ต่างหนีไม่พ้นผลกระทบจาก COVID-19 เช่นเดียวกับภาคธุรกิจทั่วโลก เเม้จะพยายามปรับเปลี่ยนธุรกิจเเละลดต้นทุน เเต่ก็ไม่อาจต้านได้ต้อง “ปลดพนักงาน” ออก เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป

Agoda ยักษ์ใหญ่ด้านการจองที่พักเพิ่งปลดพนักงานไปกว่า 1,500 คน ใน 30 ประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของพนักงานทั้งหมดโดยซีอีโอของบริษัทออกมาบอกว่า เเม้ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเเต่ต้องเตรียมพร้อมในระยะยาว จึงจำเป็นต้องปรับขนาดทีมเพื่อให้เข้ากับการท่องเที่ยวในอนาคต

ก่อนหน้านี้ สตาร์ทอัพดาวรุ่งอย่าง Airbnb สั่งปลดพนักงาน 25% หรือ 1,900 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 7,500 คน ที่มีอยู่ทั่วโลก พร้อมปรับลดขนาดบริษัทให้เล็กลง เลิกทำธุรกิจที่ไม่จำเป็นเเละกลับมาโฟกัสเเต่เรื่องที่พักเหมือนช่วงเริ่มต้นธุรกิจใหม่ โดยระบุว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่บอบช้ำที่สุด ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกต้องหยุดชะงัก

ขณะเดียวกัน Uber บริการเรียกรถขนส่งสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันรายใหญ่ เตรียมปลดพนักงานไปถึง 2 รอบในช่วง 2 สัปดาห์รวมกว่า 6,700 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 จากจำนวนพนักงานทั่วโลก 28,600 คน ซึ่งเเม้ตอนนี้ธุรกิจส่วนเดลิเวอรี่กำลังได้รับความนิยมเเต่ก็ไม่อาจทดเเทนรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทที่มาจากส่วน Ride Hailing ได้

นอกจากนี้ยังมีบริษัทเล็กใหญ่อีกมากที่ต้องปลดพนักงาน โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักอย่างธุรกิจท่องเที่ยว โรงเเรมการบินเเละร้านอาหาร

ล่าสุดทั้ง Agoda , Airbnb , Uber มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในมาตรการช่วยเหลือพนักงานที่ถูกปลด นอกเหนือจากการจ่ายชดเชย การคุ้มครองด้านสุขภาพและช่วยเหลือด้านวีซ่าสำหรับพนักงานต่างชาติเเล้ว ยังมีการเปิดเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลโปรไฟล์ของพนักงานที่ถูกปลด เพื่อช่วยเหลือพนักงานเหล่านี้ให้หางานใหม่ได้ง่ายขึ้น เป็นโครงการให้พนักงานเดิมเข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ

โดยจะมีการรวมตำเเหน่ง โปรไฟล์ ทักษะเเละประสบการณ์ พร้อมข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญเช่น สามารถย้ายที่อยู่ได้ด้วยหรือไม่ มาไว้ในนายจ้างบริษัทอื่นๆ ได้สรรหาตามความเหมาะสม ซึ่งบริษัทที่สนใจสามารถสามารถติดต่อระหว่างบุคคลได้โดยตรง รวมถึงสามารถส่งงานพิเศษผ่านทางแบบเเพลตฟอร์มได้ด้วย

Uber : uber.com/talent

Photo : Uber

 

Airbnb : airbnb.com/d/talent

Photo : Airbnb

Agoda: Agoda Talent Directory

Photo : Agoda

 

นับเป็นอีกหนึ่งมาตรการช่วยเหลือพนักงานให้มีโอกาสได้งานใหม่เร็วยิ่งขึ้น หลายบริษัทที่จำเป็นต้องปลดพนักงานในช่วงนี้อาจนำไปประยุกต์ใช้ได้ อย่างน้อยก็เป็นการช่วยเหลือกันในสถานการณ์ยากลำบาก เพราะการหางานใหม่ในช่วงนี้ไม่ง่ายนัก ขอให้กำลังใจกับทุกคนให้ผ่านวิกฤต COVID-19 นี้ไปให้ได้ 🙂

]]>
1280270