กีฬา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 May 2023 07:32:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 VBTV App สตรีมมิ่งดูวอลเลย์บอลหญิงสดได้จุใจ ไม่พลาดทุกแมชต์สำคัญ จัดเต็มทุกลีกระดับโลก https://positioningmag.com/1432154 Mon, 29 May 2023 10:00:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432154

สิ้นสุดการรอคอย สำหรับแฟนๆ วอลเลย์บอล ตอนนี้ VBTV App แอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งแห่งวงการวอลลเลย์บอลมาแล้ว สามารถดูสด ดูย้อนหลังได้ทุกแมชต์ เตรียมโหลดให้พร้อมรับ VNL2023 ที่จะเปลี่ยนการดูวอลเลย์บอลหญิงสดให้ฟินมากยิ่งขึ้น พร้อมโปรสุดปัง 139 บาท/เดือน จากปกติ 169 บาท

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่นิยมการเล่นกีฬา และเชียร์กีฬาไม่แพ้ชาติอื่นๆ ในโลก รวมไปถึงมีลีกการแข่งกีฬาระดับประเทศที่แข็งแรง และมีนักกีฬาที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย นอกจากจากฟุตบอลที่เป็นกีฬาอันดับหนึ่งแล้ว ยังมี “วอลเลย์บอล” ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

ร่วมเชียร์วอลเลย์บอลหญิงผ่าน VBTV App

วอลเลย์บอลขึ้นชื่อว่าเป็นกีฬายอดนิยมระดับโลกอยู่ที่อันดับ 4 มีแฟนๆ คอยเชียร์กีฬาลูกยางมากถึง 800 ล้านคนทั่วโลก จึงถือว่าเป็นกีฬาที่มีมูลค่ามากเลยทีเดียว ในประเทศไทยเองวอลเลย์บอลก็อยู่ที่ลิสต์อันดับต้นๆ ที่คนไทยยอดนิยม มีลีกการแข่งขันภายในประเทศ ในส่วนของนักกีฬามีชื่อเสียงมากมาย กวาดพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ดังๆ ได้หลายแบรนด์ ยิ่งไปกว่านั้นในทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติ ต้องเรียกว่าเป็นช่วงวอลเลย์บอลฟีเวอร์ได้จริงๆ

หนึ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ก็คือ Volleyball Women’s Nations League หรือ VNL วอลเลย์บอล เนชั่นส์ลีก เป็นโปรแกรมที่หลายคนรอคอย และคอยเชียร์ทีมนักตอบลูกยางสาวไทย แต่ที่ผ่านมาหลายคนต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ก็คือ หาชมถ่ายทอดสดไม่ได้ ไม่มีช่องทีวีถ่ายทอด หรือไม่มีเจ้าไหนซื้อสิทธิ์มาถ่ายทอดอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดคีย์เวิร์ด “ดูวอลเล่ย์บอลหญิงสด” ติดเทรนด์ของชาวไทยที่เสิร์จหาช่องทางการชมใน Google

ในปีนี้ชาวไทยสามารถดูวอลเลย์บอลหญิงสดได้แล้ว ผ่าน VBTV app โดยสามารถรับชมง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน ในแพ็คเกจราคาสุดพิเศษ โดย สมัครโปรรายเดือนแพ็กเกจพรีเมียมในราคาเพียง 139 บาท/เดือน (จากปกติ 169 บาท) เพียงแค่ใส่ Promo code : ‘THA30’ ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2023

ชัชชุอร โมกศรี นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย

ถ้าพูดให้เห็นภาพมากขึ้น  VBTV app อาจถือได้ว่าเป็นเน็ตฟลิกซ์แห่งวงการวอลเลย์บอลนั่นเอง เป็นแอปสตรีมมิ่งดูวอเล่ย์บอลสดที่สามารถดูได้ทั้งแบบสด และย้อนหลังได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึง ยังมี Highlights Match ที่ไม่สามารถหาชมได้ที่ไหน ที่สำคัญแฟนวอลเล่ย์บอลยังสามารถเข้าถึง Exclusive Contents ที่หาชมได้แค่ VBTV App เท่านั้น อีกด้วย และที่น่าจะถูกใจผู้ชมมากที่สุด น่าจะเป็นการที่ไม่มีโฆษณาขั้นให้เสียอารมณ์ แถมยังสามารถดูได้พร้อมกัน 2 จออีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบนมือถือ แท็ปเล็ต หรือจะสตรีมของจอทีวีดูแบบจอใจจุใจเลยก็ได้ โดยในแอปจะเป็นบรรยากาศการแข่งขัน ทำให้เพิ่มอรรถรสเหมือนดูแบบเกาะของสนามกันเลยทีเดียว

VBTV App มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันตลอดปี ถ่ายทอดสดมากกว่า 4,000 แมชต์ เรียกได้ว่าจุใจคอวอลเล่ย์บอลกันเลยทีเดียว รวมถึงคอนเทนต์สุด Exclusive ที่สามารถดูได้ที่ VBTV App เท่านั้น ซึ่ง VBTV App ไม่ได้มีแค่การถ่ายทอดสด และดูย้อนหลังการแข่งขันอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีเบื้องหลังการแข่งขัน รวมไปถึงคอนเทนต์อื่นๆ เช่น บทสัมภาษณ์นักวอลเลย์บอลที่หาอ่านไม่ได้ที่ไหนอีกด้วย

ในการซื้อแพ็คเกจพรีเมียมเพื่อรับชมสุดยอดคอนเทนต์ของวอลเลย์บอลนั้น แน่นอนว่าคนไทยจะได้รับชมวอลเล่ย์บอลหญิงสดแบบสะดวกสบายสุดๆ นอกจากนี้ยังมีลีกอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่

  • วอลเลย์บอลเนชันส์ลีก
  • การแข่งขันวอลเลย์บอลรอบคัดเลือกโอลิมปิก 2024
  • อิตาเลียนลีก : ซูเปอร์เลก้า A1 และ เลก้า วอลเลย์ เฟมมีนีเล A1
  • การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด Beach Pro Tour Elite16 และ Challenge
  • การแข่งขัน อินเดียน ไพรม์ วอลเลย์บอล ลีก
  • การแข่งขันวอลเลย์บอลระดับมหาวิทยาลัย Big Ten

รับชมวอลเลย์บอลหญิงสดผ่าน VBTV App

อย่างไรก็ดี ในตอนนี้การถ่ายทอดทุกการแข่งขันบน VBTV appมีการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเนื้อหาในการถ่ายทอดจะมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ในอนาคตประเทศไทยอาจจะมีการเพิ่มการบรรยายภาษาไทยก็เป็นได้

การมี VBTV app เข้ามา ทำให้คอวอลเลย์บอลอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ว่ามีช่องทางในการเชียร์กีฬาที่ชอบ นักกีฬาที่รัก ส่งแรงใจไปถึงขอบสนามผ่านช่องทางการรับชมที่แสนจะสะดวกสบาย ดูวอลเลย์บอลหญิงสดได้อย่างแฮปปี้

สำหรับใครที่สนใจ สามารถคลิกเพื่อสมัครแพคเก็จแอปดูวอลเล่ย์บอลได้เลย พิเศษสุดๆ หาก สมัครโปรรายเดือนแพ็กเกจพรีเมียมในราคาเพียง 139 บาท/เดือน (จากปกติ 169 บาท) เพียงแค่ใส่ Promo code : ‘THA30’ ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2023 หรือ สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่น IOS ได้ที่ VBTV app แล้ววันนี้

]]>
1432154
เปิดอินไซต์ ‘รายการกีฬา’ กับโอกาสในการใช้ทำ ‘การตลาด’ สำหรับแบรนด์ https://positioningmag.com/1414110 Tue, 27 Dec 2022 10:10:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414110 เพิ่งจบไปสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2022 และที่กำลังฟาดแข้งก็คือ AFF Mitsubishi Electric Cup อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 รายการต่างก็มีดราม่าเรื่องการซื้อลิขสิทธิ์ ที่ช่องทีวีมองว่าอาจจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้น ไปดูกันว่า รายการกีฬา ยังเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ที่จะทำตลาดอยู่ไหม

ฟุตบอล-วอลเลย์บอล 2 กีฬาขวัญใจคนไทย

จากการสำรวจของ Nielsen Sports Fan Insights 2022 ที่เป็นการศึกษาแฟนตัวยงของกีฬาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นโปรไฟล์ พฤติกรรม ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ การเสพสื่อ และอื่น ๆ กับกลุ่มตัวอย่างคนไทยอายุระหว่าง 16-69 ปี ทั่วประเทศ พบว่าประเทศไทยมีกลุ่มผู้ชมและแฟนคลับกีฬาที่หนาแน่นมาก และเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ เป็นโอกาสที่แบรนด์ต่าง ๆ จะเข้ามาทำการตลาดกับ Audience กลุ่มนี้

ฟุตบอล เป็นกีฬาที่มีแฟนคลับจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีฐานแฟนมากกว่า 31.9 ล้านคน หรือ 62% ที่มีความสนใจ หรือดูฟุตบอล อันดับสองคือ วอลเลย์บอล มีฐานแฟน 28.84 ล้านคน (56%) ส่วนกีฬาที่มีจำนวนแฟน ๆ เยอะรองลงมาคือ แบดมินตัน และ มวยไทย สิ่งที่น่าสนใจคือ ฐานแฟนคลับฟุตบอลที่เป็นผู้หญิงเติบโตขึ้นมาก โดยมีฐานแฟนที่เป็น ผู้หญิง ถึง 42% สะท้อนให้เห็นว่ารายการกีฬาสามารถเข้าถึงคนได้ทุกเพศ และทุกวัย

เรตติ้งรายการกีฬาแซงละคร 2 ปีซ้อน

เทรนด์การดูรายการกีฬาในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องจริง แต่ที่น่าสนใจคือช่องทางการรับชม โดยจากการศึกษาพบว่านอกจากคนไทยถึง 70% ดูรายการกีฬาผ่าน Social Media ตามมาด้วย Free TV 69% และ OTT Platform 55%

ขณะที่ความนิยมของรายการกีฬายังแซงหน้า ละคร โดยเรตติ้งสูงสุดส่วนใหญ่เป็นรายการกีฬา โดยในปี 2021 รายการเรตติ้งอันดับ 1 คือ การถ่ายทอดสด ฟุตบอลเอ เอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ (ไทย+อินโดนีเซีย) และในปีนี้ 2022 การถ่ายทอดสด การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ 2022 (ไทย+โดมินิกัน) ทำเรตติ้งได้สูงสุดทั้งช่องทางทีวีและดิจิทัล (Cross-Platform Ratings) ได้รับเรตติ้ง 10.088 โดยรายการกีฬาไหนที่มีทีมไทยเข้าร่วมแข่งขันด้วยจะได้รับเรตติ้งดีเป็นพิเศษ

มองโอกาสการทำการตลาดกับแฟนกีฬา

จากการสำรวจของ Nielsen พบว่า 85% ของคนไทยเชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ / ผู้สนับสนุน (Sponsorship Marketing) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมกีฬา ในปี 2021 แบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลกมีการประกาศข้อตกลงการเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานกีฬาเพิ่มขึ้น 107% และจากการวิเคราะห์ผู้สนับสนุน 100 รายใน 7 ประเทศกว่า 20 อุตสาหกรรม พบว่าการเป็นสปอนเซอร์ด้านกีฬาทำให้ความตั้งใจในการซื้อสินค้าในหมู่แฟน ๆ เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 10%

แฟน ๆ ที่คลั่งไคล้กีฬามีกำลังซื้อสูง ตั้งใจหนุนสินค้าแบรนด์สปอนเซอร์ เป็นโอกาสทองที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเข้าไปทำการตลาดได้ ซึ่ง 69% ของคนไทยเห็นด้วยว่าการที่แบรนด์เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาสามารถดึงดูดความสนใจแบรนด์ได้เพิ่มขึ้น และ 61% จะซื้อและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์กีฬามากกว่าซื้อแบรนด์คู่แข่ง หากราคาและคุณภาพเท่ากัน

นอกจากนี้โฆษณาที่มีการใช้ธีมกีฬา พบว่าได้รับการตอบรับดี คนไทยมากกว่า 42% รู้สึกโดนใจกับโฆษณาธีมกีฬา และ การใช้นักกีฬามาเป็นตัวดึงความสนใจ จะได้รับการตอบรับดีในหมู่คน Gen Y และ Gen X จะเห็นว่าการทำการตลาดกับกีฬาเป็นเทรนด์ที่มาแรง และยังเป็นกระแสอยู่ตลอดเวลา แบรนด์เองต้องเตรียมรับมือเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ และเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นนั่นเอง

]]>
1414110
พร้อมเปิด Q3! “ท็อปกอล์ฟ” สนามไดรฟ์ผนวกความบันเทิง แม่เหล็กกิจกรรมแนวใหม่ย่านบางนา https://positioningmag.com/1377039 Thu, 10 Mar 2022 09:19:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377039 “ท็อปกอล์ฟ” อัปเดตความคืบหน้าการก่อสร้างสนามไดรฟ์กอล์ฟแนวใหม่ เปิดไตรมาส 3 ปีนี้ วางโมเดลธุรกิจและคอนเซ็ปต์สนามซ้อมพร้อมความบันเทิง เน้นการจัดกิจกรรม อีเวนต์ สังสรรค์กับเพื่อน-ครอบครัว เล็งลูกค้าองค์กรจัดทีมบิลดิ้ง ยังมั่นใจศักยภาพตลาดไทย พร้อมหาทำเลขยายเพิ่มอีก 1-2 สาขา

สนามไดรฟ์กอล์ฟ “ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้” อัปเดตความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบนพื้นที่ 29 ไร่ด้านหลังเมกา บางนา คาดเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เลื่อนจากกำหนดเดิมราว 2 เดือนเนื่องจากการก่อสร้างชะลอระหว่างปิดแคมป์คนงานปีก่อน

“แอนดรูว์ นาธาน” กรรมการผู้จัดการ ท็อปกอล์ฟ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “ทิม โบดา” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย สอดงผู้บริหารเป็นผู้ให้ข้อมูล โดยกล่าวถึงเชนสนามไดรฟ์กอล์ฟ “ท็อปกอล์ฟ” เป็นแบรนด์ที่เริ่มต้นในอังกฤษ แต่ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเปิดบริการกว่า 70 สาขาใน 7 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, UAE และ “ไทย” จะเป็นประเทศที่ 8 ที่เปิดให้บริการ ถือเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ท็อปกอล์ฟ
“ทิม โบดา” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย และ “แอนดรูว์ นาธาน” กรรมการผู้จัดการ ท็อปกอล์ฟ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คอนเซ็ปต์ของท็อปกอล์ฟจะเน้นกีฬาผนวกความบันเทิง เหมาะเป็นสถานที่สังสรรค์ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ออกแบบบรรยากาศสนุกสนาน มีร้านอาหารและบาร์

ไฮไลต์อีกส่วนอยู่ที่ “ลูกกอล์ฟ” ซึ่งติดชิพ RFID และในสนามมีเซ็นเซอร์ตรวจจับ ทำให้หน้าจอสามารถแสดงผล simulator วิถีของลูกและจุดตกได้ชัดเจน พร้อมกับมี “เกม” กอล์ฟเข้ามาเสริมระหว่างตี ช่วยให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์หรือเด็กๆ สนุกมากขึ้น

เหตุนี้ท็อปกอล์ฟจึงมีเป้าหมายดึงดูดลูกค้าทั้งนักกอล์ฟและที่ไม่ใช่นักกอล์ฟ โดยสถิติที่ผ่านมาท็อปกอล์ฟมีลูกค้า 51% ซึ่งไม่ได้เล่นกีฬานี้เป็นประจำ

ท็อปกอล์ฟ
สนามไดรฟ์กอล์ฟท็อปกอล์ฟ เปิดให้สื่อมวลชนเยี่ยมชมไซต์ระหว่างก่อสร้าง อนาคตบริเวณนี้จะเป็น Hitting Bay

สำหรับ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ จะก่อสร้างเป็นอาคาร 4 ชั้น ภายในมี Hitting Bay ทั้งหมด 102 เลน (กระจายในพื้นที่ 3 ชั้น) รองรับแขกได้ 8 ท่านต่อเลน และมีสปอร์ตบาร์พร้อมจอทีวีขนาดยักษ์ ร้านอาหาร รูฟท็อปบาร์ รวมถึงห้องประชุมความจุ 180 คน ทำให้สนามพร้อมจัดงานประชุมสังสรรค์องค์กร งานทีมบิลดิ้ง อีเวนต์ขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางได้

 

มั่นใจตลาด คนไทยรักการสังสรรค์

เหตุที่ท็อปกอล์ฟข้ามฟากโลกและเลือกเมืองไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคนี้ที่เปิดตัว “ทิม โบดา” กล่าวว่า เหตุผลหลักๆ คือ ‘core value’ ของท็อปกอล์ฟที่ตรงกับลักษณะของคนไทย สนามไดรฟ์กอล์ฟแบรนด์นี้ต้องการสร้าง “ความสนุก” และ “ความใส่ใจ” สอดคล้องกับคนไทยที่ชื่นชอบการสังสรรค์ รักความสนุกสนานจากการทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงมีความใส่ใจห่วงใยคนรอบข้าง

อีกเหตุผลหนึ่งคือ เมืองไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักกอล์ฟในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว ทำให้มีฐานลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย เชื่อว่าการเปิดในไทยจะประสบความสำเร็จได้

บรรยากาศเน้นความสนุกสนาน ปาร์ตี้สังสรรค์

ขณะนี้เป้าหมายลูกค้าจะเน้นคนไทยเป็นหลัก รวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย (expat) ส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทำการตลาดต่อไปเมื่อไทยเปิดประเทศได้เต็มที่

ด้านปัจจัยเสี่ยงกรณี COVID-19 ที่ยังไม่หยุดการระบาด และเศรษฐกิจที่ซบเซา แอนดรูว์ นาธาน มองว่า บริษัทยังเชื่อมั่นโอกาสในเมืองไทย เพราะกีฬากอล์ฟกำลังได้รับความนิยมเป็นขาขึ้น และหากมองในแง่บวก สนามไดรฟ์แห่งนี้ออกแบบเป็นกึ่งกลางแจ้งกึ่งในร่ม ทำให้ผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดน่าจะสบายใจกว่าเมื่อมาทำกิจกรรมในท็อปกอล์ฟ

สปอร์ตบาร์ที่นี่จะติดตั้งจอใหญ่ สามารถชมได้จากทั้งชั้น 1 และชั้น 2

“เราเข้าใจเรื่องความไม่แน่นอนของสถานการณ์ แต่ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป และเห็นว่าคนไทยน่าจะต้องการความสนุกมากยิ่งกว่าที่เคยในช่วงนี้ด้วย” แอนดรูว์กล่าว “เรายังเชื่อว่าการทำธุรกิจนี้ขณะนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

 

มองหาเพิ่มอีก 1-2 โลเคชัน

ด้านการขยายตัวในภูมิภาคนี้ของท็อปกอล์ฟ เป็นลักษณะสัญญาแฟรนไชส์ที่มอบสิทธิ์ให้กับบริษัท TG SEA Development Pte., Ltd แอนดรูว์ระบุว่า ประเทศไทยเป็นสาขาแรกของบริษัทหลังรับลิขสิทธิ์ จากทั้งหมด 6 ประเทศที่ได้สัญญา ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

ในประเทศอื่นๆ นั้นยังอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่ และในไทยเองก็ไม่ได้วางแผนเปิดเพียงสาขาเดียว แต่ต้องการจะขยายเพิ่มอีก 1-2 สาขา ส่วนจะเป็นแห่งใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ผู้ที่สนใจสามารถรอติดตามการเปิดสนามได้เร็วๆ นี้ ทั้งนี้ “ทิม” แย้มราคาไดรฟ์กอล์ฟที่นี่แล้วว่า คาดว่าจะเริ่มต้นที่ 200 บาทต่อคนต่อชั่วโมง สำหรับช่วงเวลา non-peak hour และ 350 บาทต่อคนต่อชั่วโมง สำหรับช่วงเวลา peak hour โดยสนามจะเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงดึกทุกวัน ราคาดังกล่าวรวมยืมอุปกรณ์พื้นฐานฟรี แต่สามารถอัปเกรดเพิ่มอุปกรณ์ระดับพรีเมียมได้ (ชม virtual tour ของสนามได้ที่นี่)

]]>
1377039
“สยามกลการ” เปิด “สนามกอล์ฟ” แห่งที่ 5 ปักหมุดบางนา ใช้ KOL ดึงคนรุ่นใหม่ตีกอล์ฟ https://positioningmag.com/1365188 Thu, 02 Dec 2021 11:25:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365188 ยังรุกตลาดสนามกอล์ฟต่อเนื่อง! กลุ่ม “สยามกลการ” เตรียมเปิด สนามกอล์ฟ สยามคันทรีคลับ แบงคอก เป็นแห่งที่ 5 ในเครือ ออกแบบเหมาะกับกลุ่มตีกอล์ฟเพื่อการพักผ่อน (Leisure) ทำเลบางนา-ตราด กม.22 ใกล้กรุงเทพฯ เล็งเป้าหมายลูกค้าองค์กร ทำการตลาดคนรุ่นใหม่ด้วย KOL กระแสสนใจกีฬากอล์ฟเริ่มติดลมบน

“ประณัย พรประภา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยาม เอสเตท แอนด์ โค จำกัด ในกลุ่ม “สยามกลการ” นำทีมผู้บริหารเปิดตัว “สนามกอล์ฟ” แห่งที่ 5 ในเครือคือ “สยามคันทรีคลับ แบงคอก” เป็นแห่งแรกของเครือที่ตั้งอยู่เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หลังจากทั้ง 4 แห่งก่อนหน้านี้ตั้งอยู่ในพัทยา จ.ชลบุรี

สยามคันทรีคลับ แบงคอก ตั้งอยู่ที่ ถ.บางนา-ตราด กม.22 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีจากสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุม บนพื้นที่ทั้งหมด 519 ไร่ ใช้งบลงทุน 3,683 ล้านบาท (รวมมูลค่าที่ดิน) โดยจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการวันที่ 1 มกราคม 2565

สยามคันทรีคลับ สนามกอล์ฟ
สยามคันทรีคลับ แบงคอก หลุม 13 — สนามกอล์ฟที่นี่เป็นแห่งแรกในไทยที่ใช้หญ้าพันธุ์ Sena Zoysia ซึ่งทำให้ลูกกอล์ฟวิ่งมากกว่าปกติ

ก่อนหน้านี้ สยามคันทรีคลับมีสนามกอล์ฟทั้งหมด 4 แห่งในพัทยา แห่งแรกคือ “สยามคันทรีคลับ โอลด์ คอร์ส” ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 50 ปีก่อนและมีการรีโนเวตเสร็จเมื่อปี 2550

จากนั้นมีการเปิด “สยามคันทรีคลับ แพลนเทชั่น” ในปี 2551 เป็นสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมที่เน้นความท้าทายในการตีกอล์ฟ ทั้งนี้ ทั้งสนามโอลด์ คอร์ส และแพลนเทชั่น ได้รับเลือกเป็นสนามจัดแข่งขันกอล์ฟสตรีระดับโลก Honda LPGA Thailand ติดต่อกันระหว่างปี 2550-2564 ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้ “สยามคันทรีคลับ” เป็นสนามกอล์ฟที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศ

ต่อมาในปี 2557 สยามกลการเปิดสนามกอล์ฟแห่งที่ 3 คือ “สยามคันทรีคลับ วอเตอร์ไซด์” ออกแบบพื้นที่ริมขอบอ่างเก็บน้ำ ตีง่ายขึ้น และปี 2563 เปิดสนามกอล์ฟแห่งที่ 4 “สยามคันทรีคลับ โรลลิ่ง ฮิลส์” เป็นสนามกอล์ฟภูมิศาสตร์สูงๆ ต่ำๆ เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ให้แตกต่าง

 

ทำเลใหม่ใกล้กรุง เน้นก๊วนกอล์ฟเพื่อพักผ่อนสังสรรค์

สำหรับ “สยามคันทรีคลับ แบงคอก” ประณัยอธิบายจุดขายของสนาม เน้นการออกแบบประสบการณ์ทั้งหมดเหมาะสำหรับกลุ่มเล่นกอล์ฟเพื่อพักผ่อนและสังสรรค์ (Leisure) โดยผู้ออกแบบสนามคือ Toby Cobb – Design Associate หนึ่งในนักออกแบบสนามกอล์ฟ The Coore & Crenshaw

สยามคันทรีคลับ สนามกอล์ฟ
หลุม 18 ที่สยามคันทรีคลับ แบงคอก ไฮไลต์ขนาดกรีนกว้างถึง 700 ตารางเมตร

โจทย์ที่สยามกลการให้ไปคือการเพิ่มความท้าทายขึ้นบ้างจากสนามกอล์ฟทาร์เก็ตเดียวกันในย่านบางนา ‘ท้าทายในการตี แต่ลูกไม่หาย ใช้ลูกเดียวตลอดเกม’ คือคำนิยามของที่นี่

เมื่อคาแร็กเตอร์สนามเป็นเช่นนี้ จะทำให้ทั้งนักกอล์ฟมือสมัครเล่นและมือเก๋ามาออกรอบด้วยกันได้ จึงเหมาะกับการรับรองลูกค้าองค์กร กลุ่มนักธุรกิจมาสังสรรค์ รวมถึงกลุ่มนักกอล์ฟคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นตามกระแสกอล์ฟที่กำลังมาในช่วงนี้

คลับเฮาส์ สยามคันทรีคลับ แบงคอก เน้นห้องฟังก์ชันสามารถจัดประชุม อีเวนต์ได้

ไม่ใช่เฉพาะตัวสนาม การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกจะสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีห้องฟังก์ชันที่สามารถจัดเป็นห้องประชุม สัมมนา อีเวนต์ จัดการแข่งขัน รองรับได้ตั้งแต่ห้องย่อย 12 คน จนถึงทั้งบริเวณ 160 คน

รวมถึงมีการนำทีมเชฟจากเครือโรงแรมสยาม แอท สยามในกลุ่มสยามกลการ มาพัฒนาร้านอาหารในสยามคันทรีคลับ แบงคอก มีครบทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น และยุโรป เพราะต้องการให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีทุกด้านในการมาสังสรรค์ และดึงดูดลูกค้ากลุ่มที่ไม่ได้ออกรอบเข้ามาทานอาหารด้วย

ขณะนี้สยามคันทรีคลับ แบงคอกเปิดให้สมัครสมาชิกรายปีและราย 5 ปีแล้ว (ราคาช่วงโปรโมชัน แพ็กเกจบุคคล 120,000 บาทต่อปี) โดยประณัยเปิดเผยว่า มีสมาชิกสมัครเข้ามาแล้ว 200 ราย เกินกว่า 60% เป็น expat ชาวญี่ปุ่นในไทยที่บอกปากต่อปาก คาดว่าปีหน้าน่าจะมีสมาชิกแตะ 500 รายสำหรับสนามนี้ และตั้งเป้าต้อนรับนักกอล์ฟออกรอบ 30,000 คนในปี 2565

 

2565 ลุ้นลูกค้าบินมาตีกอล์ฟคึกคักขึ้น

เป็นธรรมดาของธุรกิจสนามกอล์ฟที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 กันถ้วนหน้า ประณัยระบุว่า ก่อนเกิดโรคระบาด กลุ่มสยามกลการมีนักกอล์ฟออกรอบปีละ 190,000 คน (รวมทุกสนาม) มีกลุ่มบินจากต่างประเทศเข้ามา เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สัดส่วนประมาณ 20-30% ส่วนที่เหลือเป็นคนไทยและ expat ในไทย 70-80%

เมื่อเกิดโรคระบาด กลุ่มต่างประเทศที่เคยบินเข้ามา ไม่สามารถมาได้ กลุ่มนี้จึงหายไปทั้งหมด และทำให้รายได้ 300 กว่าล้านบาทต่อสนาม ลดเหลือปีละ 200 กว่าล้านบาทต่อสนามในช่วงปี 2563-64

(จากซ้าย) สมชาย สืบบุญศรีพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม เอสเตท แอนด์ โค จำกัด, ประณัย พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยาม เอสเตท แอนด์ โค จำกัด และมาซายะ ฟุรุตะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกอล์ฟ กลุ่มสยามกลการ

สำหรับปี 2565 ยังคาดหวังว่ากลุ่มตลาดต่างประเทศจะกลับมาได้ราวไตรมาส 3 ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะเกิดข่าวไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนระบาด สยามคันทรีคลับมีลูกค้านักกอล์ฟทั้งจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จองเข้ามาออกรอบช่วงต้นปีหน้าแล้ว แต่เพราะข่าวในทางลบทำให้ลูกค้าขอเลื่อนออกไปก่อน

“จริงๆ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยกลัว COVID-19 เท่าไหร่ ถ้ามาได้เขาจะเข้ามาเลย แต่ประเทศเขายังปิดอยู่ตอนนี้” ประณัยกล่าว

กระแสคนหนุ่มสาวออกรอบ คนดังนำเทรนด์

ประณัยกล่าวด้วยว่า สยามคันทรีคลับ แบงคอกจะตอบไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น สอดคล้องกับกระแสขณะนี้คนวัย 15-40 ปีหันกลับมาสนใจกอล์ฟ จากช่วงหลายปีที่ผ่านมา กีฬากอล์ฟถูกมองว่าเป็นกีฬา ‘มรดก’ อายุเฉลี่ยคนตีกอล์ฟมักจะเป็นวัย 45 ปีขึ้นไป

สาเหตุเพราะการปิดประเทศ คนหนุ่มสาวไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ และกิจกรรมอื่นที่เคยนิยมก็ถูกระงับ ทำให้ต้องหากิจกรรมใหม่ๆ ที่จะไปสังสรรค์กันได้

ประกอบกับไทยเรามีนักกีฬาระดับโลก “โปรโม-โปรเม” โมรียา และ เอรียา จุฑานุกาล เป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ รวมถึงมีดารา-เซเลบเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในการเล่นกอล์ฟมากขึ้น เช่น แมทธิว ดีน, ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย กอล์ฟจึงเริ่มกลับมาฮิตอีกครั้ง

“เราจะทำการตลาดแบบใหม่กับสนามกอล์ฟ จะมีการใช้ KOL ลงคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย เช่น กลุ่มดาราคนดัง กลุ่มโปรกอล์ฟวัยไม่เกิน 30 ปี ทำให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่” ประณัยกล่าว “คิดว่าการตลาดแบบนี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในธุรกิจกอล์ฟ”

]]>
1365188
5 บทเรียนจากโลกแห่งการ “กีฬา” สำหรับ “ผู้นำธุรกิจ” https://positioningmag.com/1348029 Mon, 23 Aug 2021 08:22:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348029 โตเกียว โอลิมปิกเพิ่งจบลงไป พาราลิมปิก เกมส์กำลังจะเริ่มขึ้น มหกรรมกีฬาระดับโลกนี้ทำให้เราได้เห็นการแข่งขันของบรรดานักกีฬาที่เคี่ยวกรำตนเองมาอย่างหนัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามไม่ได้ให้บทเรียนเฉพาะกับนักกีฬาด้วยกันเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อมูลสนับสนุนในการทำธุรกิจด้วย

การไปสู่จุดสูงสุดของกีฬา ต้องการทั้งทาเลนต์ วินัย ความมั่นใจ การฝึกซ้อมที่ยอดเยี่ยม และโชคอีกนิดหน่อย หรือมองอีกมุมหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ก็คือปัจจัยเดียวกันที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องธุรกิจ จึงไม่น่าแปลกใจที่สาขาวิชาด้านธุรกิจของมหาวิทยาลัยมักจะเก็บดาต้าและแรงบันดาลใจจากในสนามกีฬา เพื่อนำมาปรับใช้กับการบริหารองค์กร

บทความจาก Kellogg Insight ได้รวบรวม 5 บทเรียนของการกีฬาที่ “ผู้นำธุรกิจ” ควรนำมาใช้ ดังนี้

 

1.ยิ่งเป็น “ดาวเด่น” ยิ่งได้โอกาส

ในวงการกีฬา ซูเปอร์สตาร์มักจะได้เป็นตัวเก็งของรายการ แต่ชื่อเสียงของซูเปอร์สตาร์กลายเป็นความสำเร็จจริงๆ มากน้อยแค่ไหน?

Breyden King ศาสตราจารย์ด้านการบริหารองค์กรที่ Kellogg ศึกษาดาต้าจากกีฬาเบสบอล และพบว่า พิชเชอร์ที่เป็นดาวเด่นมักจะได้เปรียบ โดยพิชเชอร์ที่เคยติดทีมออลสตาร์มาแล้ว 5 ครั้ง มีโอกาสสูงกว่าถึง 25% ที่อัมไพร์ (กรรมการ) จะขานลูกสไตรค์ เมื่อเทียบกับพิชเชอร์ที่ไม่เคยติดออลสตาร์เลย และจะได้เปรียบมากที่สุดเมื่อลูกนั้นหมิ่นเหม่ในเส้นขอบของสไตรค์โซน ซึ่งเป็นจุดที่การตัดสินใจของกรรมการมีความไม่แน่นอนสูงยิ่งขึ้น

อคติเอนเอียงไปทางบุคคลที่มีชื่อเสียงมากกว่านั้นเกิดขึ้นในจุดอื่นนอกสนามเบสบอลด้วย

“เมื่อคุณเป็นดาวเด่น ความสำเร็จของคุณจะถูกรับรู้ได้มากกว่า” King อธิบาย “นั่นหมายความว่า คนที่อยู่ในตำแหน่งเหนือกว่า มักจะต่อยอดความสำเร็จขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ง่ายกว่า” อคติเพราะการรับรู้ชื่อเสียงเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับองค์กรธุรกิจด้วย เช่น เมื่อเกิดคดีความแบ่งแยกกีดกันในการเลือกจ้างงาน บริษัทที่มีชื่อเสียงดีมักจะได้รับการยกประโยชน์ให้จำเลยไปก่อนมากกว่า

บทเรียนสำหรับผู้นำธุรกิจในเรื่องนี้คือ ประโยชน์ที่จับต้องได้ชัดเจนในการหมั่นสร้างชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยมของบริษัท

ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องเตือนใจสำหรับการบริหารคนในองค์กรด้วยว่า ผู้นำได้ให้ความยุติธรรมกับพนักงานอย่างเท่าเทียมหรือไม่ เพราะคนในองค์กรที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าหรือไม่ใช่ดาวเด่น มักจะต้องใช้ความพยายามสูงกว่ามากในการทำงาน

 

2. “ความประทับใจแรก” สำคัญกับทั้งกลุ่ม

เมื่อพูดถึงเรื่องชื่อเสียง ความประทับใจแรกมีบทบาทสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่เฉพาะบุคคลคนเดียวที่ได้ประโยชน์ งานวิจัยพบว่าทั้งกลุ่มจะได้ประโยชน์ร่วมไปด้วย

Rime Toure-Tillery ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการตลาด และทีมวิจัยของเธอ ให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยอ่านบทความเกี่ยวกับนักยิมนาสติก 7 คนในทีมเดียวกันที่จะแข่งขันบนฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์ โดยผู้เข้าร่วมจะได้อ่านข้อมูลว่า Emma นักยิมนาสติกคนหนึ่งในทีมนี้มีความสามารถยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ และทั้ง 7 คนจะออกทำการแข่งขันเรียงลำดับแบบสุ่ม

นักวิจัยพบความแตกต่างของการเรียงลำดับสองแบบ แบบที่ 1 เมื่อเรียงลำดับให้ Emma ออกแข่งขันเป็นคนแรก ผู้เข้าร่วมมักจะคาดการณ์ว่านักยิมนาสติกที่เหลือจะทำคะแนนได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับแบบที่ 2 เมื่อให้ Emma ออกแข่งขันเป็นคนที่ 4 หรือว่าคนสุดท้ายของกลุ่ม นักยิมนาสติกคนอื่นๆ จะถูกคาดการณ์ว่าได้คะแนนต่ำกว่าแบบแรก

“การให้เครื่องหมายว่าบางสิ่งหรือบางคนเป็น ‘อันดับ 1’ จะมีผลกระทบไม่เพียงแต่กับคนคนนั้น แต่จะมีผลกับการตัดสินของคุณต่อคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนนั้นด้วย” Toure-Tillery กล่าว “แค่บอกว่าบางสิ่งเป็น ‘ที่หนึ่ง’ จะทำให้เกิดความแตกต่างใหญ่หลวง”

สำหรับธุรกิจ การสำนึกรู้ถึงเรื่อง “ลำดับที่หนึ่ง” จะช่วยการดำเนินธุรกิจได้ชัดเจน โดยคุณควรทำให้แน่ใจว่าอะไรก็ตามที่คุณเรียกว่าเป็น “ลำดับที่หนึ่ง” คือจุดที่ดีที่สุดด้วย เช่น แคชเชียร์หมายเลข 1 ควรจะใช้พนักงานที่ดีที่สุดประจำแท่น หรือเมนูที่อยู่ในรายการแรก ก็ควรจะเป็นเมนูที่อร่อยที่สุดของร้าน เพราะเมื่อลูกค้าสัมผัสความประทับใจแรก รู้สึกดีกับสิ่งที่มาเป็นลำดับแรกแล้ว มักจะสร้างความคาดหวังในทางบวกกับสินค้าหรือบริการอื่นๆ ที่จะติดตามมา

 

3.อย่าประเมินคุณค่า “ผู้ชำนาญเฉพาะทาง” ต่ำเกินไป

Steve Kerr ไอคอนแห่งวงการบาสเกตบอล มีเส้นทางอาชีพอันโชติช่วงจากความแพรวพราวของฝีมือ ‘ยิง 3 แต้ม’ แต่ก่อนหน้านั้นหลายปี Kerr เคยถูกมองข้ามมาก่อน เพราะความเร็วและความสูงในการกระโดดของเขาสู้คนอื่นไม่ได้

เป็นไปได้อย่างไร? ผู้ชำนาญเรื่องเฉพาะทางแบบ Kerr นั้นแม้ว่าจะเก่งกาจเป็นพิเศษในบางเรื่อง แต่มักจะถูกตัดสินด้วยมาตรฐานเดียวกันกับคนทั่วไป ซึ่งทำให้เขาเสียเปรียบ

Keith Murninghan ศาสตราจารย์ด้านการบริหารจัดการองค์กรที่ Kellogg ร่วมกับทีมวิจัย ศึกษาดาต้าความสามารถในการแข่งขันและเงินเดือนของนักกีฬาบาสเกตบอล NBA มากกว่า 300 คน และพบว่า กลุ่มนักกีฬาที่เก่งเรื่องยิง 3 แต้ม ไม่ได้รับเงินเดือนจากการประเมินฝีมือยิง 3 แต้มของพวกเขา แต่ถูกประเมินจากความสามารถชู้ต 2 แต้มเหมือนกับคนอื่นๆ ทั้งที่การชู้ต 3 แต้มได้แม่นยำคือความสามารถหลักที่ช่วยทีมได้

ส่วนหนึ่งของปัญหานี้ Murninghan กล่าวว่า เพราะมนุษย์มีแนวโน้มที่จะเปรียบเทียบคนคนหนึ่งกับคนอื่นเสมอ “คุณอยากจะมีทีมนักกีฬาที่เก่งกาจ 5 คน หรือทีมที่มีมือชู้ต 3 แต้มแต่กระโดดไม่ค่อยเก่งและเชื่องช้า 1 คน กับนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม 4 คนล่ะ ถ้าเปรียบเทียบกันตัวต่อตัวระหว่างนักกีฬาเก่งกาจ 5 คนนั้นกับมือชู้ต 3 แต้มคนนี้ คนอื่นๆ ก็คงเก่งกว่า แต่เมื่อเล่นเป็นทีม ทีมจะทำได้ดีกว่าเมื่อมีนักกีฬาคนหนึ่งที่สามารถทำสิ่งพิเศษได้”

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับที่ทำงานเช่นกัน มีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ศึกษาโฆษณารับสมัครงานในเว็บ Monster และ Careerbuilder และพบว่า แม้แต่ตำแหน่งงานที่ระบุว่าต้องการ “ผู้ชำนาญการ” ด้านใดด้านหนึ่ง แต่ก็ยังระบุว่าต้องการผู้สมัครที่มีทักษะรอบด้านอีกหลายอย่าง แถมยิ่งบริษัทใหญ่เท่าใดก็ยิ่งมีอาการแบบนี้มากเท่านั้น ทั้งที่ควรจะเป็นองค์กรที่สามารถใช้ประโยชน์จากผู้ชำนาญเฉพาะทางเหล่านี้ได้ดีกว่า

 

4.“ทาเลนต์” จำเป็นกับทีม แต่ต้องมี “ทีมเวิร์ก” ด้วย

บางครั้ง แม้แต่ทีมที่เต็มไปด้วยดาวดังก็ยังแพ้ให้กับไก่รองบ่อนได้ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นภูมิปัญญายอดนิยมที่รู้กัน คือ ทั้งการมีทาเลนต์และการทำงานเป็นทีมได้คือเส้นทางสู่ความสำเร็จ แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครไขออกว่าปัจจัยไหนสำคัญในสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน

Brian Uzzi และ Noshir Contractor ศาสตราจารย์ด้านการบริหารจัดการองค์กรที่ Kellogg ศึกษาดาต้าทั้งความสามารถส่วนบุคคลและความสำเร็จของทีมที่พวกเขาอยู่ โดยเก็บข้อมูลทั้งจากกีฬาบาสเกตบอล NBA เบสบอล MLB ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และคริกเก็ตอินเดียนพรีเมียร์ลีก จนถึงนักกีฬาอีสปอร์ตเกม Defense of the Ancients 2 โดยใช้โมเดลบนคอมพิวเตอร์ประมวลผลเพื่อทำนายว่าใครจะชนะ

และผลจากการประเมินพบว่า การมี “ทาเลนต์” เก่งๆ ในทีมมักจะทำให้ทีมมีแนวโน้มได้ชัยชนะมากกว่า แต่ว่าทีมนั้นจะต้องมี “ทีมเวิร์ก” ด้วย

Uzzi สรุปผลว่า การมีทาเลนต์ระดับท็อปอย่างเดียวไม่ช่วยให้ทีมมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจ จะเห็นได้ว่าบางครั้งบริษัทมีปัญหาเมื่อ “เฟ้นหาแต่ทาเลนต์มาร่วมงาน แต่สุดยอดทาเลนต์นั้นทำงานร่วมกับทีมไม่ได้”

 

5.จะใช้ “ดาต้า” เพื่อตัดสินใจอย่างไร?

ทุกวันนี้ ผู้นำที่เก่งที่สุดต่างใช้ดาต้าทำงาน ส่วนใหญ่ก็เพื่อจะตัดสินใจครั้งสำคัญ

Daryl Morey ผู้จัดการทีมบาสเกตบอล Houston Rockets ซึ่งใช้ดาต้าบริหารทีม กล่าวว่า “คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เผชิญอยู่เป็นเทรนด์ของจริงหรือแค่ฉาบฉวย? คู่ต่อสู้คนหนึ่งฟอร์มดีมากช่วงครึ่งแรก เขาฟอร์มดีเพราะยิงได้ดีจริงๆ และเราต้องเปลี่ยนมาไล่บล็อกเขาหรือยัง หรือเราก็ทำเกมได้ดีอยู่แล้วตามแผน แค่เราไม่มีโชคในช่วงครึ่งแรกก็เท่านั้น และเราควรจะทำตามแผนเดิมต่อไปไหม?” Morey มองว่าคำตอบอยู่ในดาต้า

การเช็กข้อมูลเหล่านี้จะง่ายขึ้นเมื่อผลออกมาเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้หรือเชื่อมั่นว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าดาต้าไม่ตรงกับความเชื่อเดิมจะทำอย่างไร? ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาเรื่อง “2 for 1” ซึ่งหมายถึงการค้นพบกลยุทธ์ในช่วงท้ายควอเตอร์เมื่อเวลาเหลือน้อย หากเร่งทำแต้มให้เร็ว 2 ครั้ง มีโอกาสได้แต้มมากกว่าหาทางชู้ตครั้งเดียวแบบเน้นๆ

“ในอดีต โค้ชมักจะต้องการชู้ตครั้งเดียวเน้นๆ มากกว่า” Morey กล่าว แต่เขาเคยนำดาต้ากลยุทธ์ที่ว่านี้ไปคุยกับ Jeff Van Gundy หัวหน้าโค้ชของ Houston Rockets ตอนแรก Van Gundy รู้สึกคลางแคลงใจ แต่สุดท้ายก็เห็นด้วยกับ Morey

แล้วเขากระตุ้นให้ผู้เล่นทำแบบนี้ทุกครั้งหรือไม่? Morey บอกว่าไม่ใช่ เพราะว่าความแตกต่างของโอกาสแพ้หรือชนะไม่ได้แตกต่างกันอย่างมากขนาดนั้น

แปลว่าอะไร? เรื่องราวของ 2 for 1 จาก Morey บอกให้เรารู้ว่า คุณไม่ต้องใช้ดาต้าชี้ทิศการตัดสินใจตลอดเวลา แต่คุณควรจะคอยมองหาช่องตลอดเวลาว่าจะใช้ดาต้าตัดสินใจได้ไหม

Source

]]>
1348029
เจาะอินไซต์การรับชม ‘กีฬา’ และ ‘อีสปอร์ต’ ที่แบรนด์ต้องรู้ก่อนจะลงเงินโฆษณา https://positioningmag.com/1338835 Thu, 24 Jun 2021 11:28:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1338835 หากพูดถึงเรื่อง กีฬา และ กีฬาอีสปอร์ต เชื่อว่าเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่คนไทยหลายคนให้ความสนใจ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่มาคู่กันก็คือ สปอนเซอร์ แต่หลายแบรนด์อาจจะยังไม่แน่ใจว่าในส่วนของรายการกีฬานั้นมีผู้ชมมากน้อยแค่ไหน เป็นใคร และจะได้อะไรกลับมา ดังนั้น นีลเส็น ประเทศไทย จึงได้ออกมาเปิดเผยถึงอินไซต์ว่าภาพรวมเป็นอย่างไรบ้าง

ประชากรไทย 43 ล้านคนชมกีฬา

จากผลสำรวจในช่วง 12 เดือน ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ชมชาวไทย 84% หรือกว่า 43 ล้านคน กลับมารับชมกีฬา และมากกว่า 20 ล้านคน รับชมกีฬาในสนามแข่ง โดยคนไทย 19 ล้านคน เล่นกีฬา

แพลตฟอร์มในการรับชมกีฬา 5 อันดับ ได้แก่

  • ฟรีทีวี (74%)
  • โซเชียลมีเดีย (69%)
  • สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม (46%)
  • OTT แพลตฟอร์ม (44%)
  • เพย์ทีวี (37%)

คนดูโหยหารายการกีฬา

แม้ว่าช่วงการระบาดของ COVID-19 จะทำให้ไม่สามารถจัดแข่งขันกกีฬาได้ ซึ่งส่งผลกระทบให้ไม่มีรายการกีฬาถ่ายทอดสด จากยอดการรับชมเดือนละ 40-45 ล้านคนกลายเป็นศูนย์ในช่วงเดือนเมษายน 2020 แต่พอช่วงที่มีการผ่อนปรน มีการจัดแข่งขันกีฬาสดคนก็กลับมาชมกีฬาเหมือนเดิม อย่างที่ผ่านมา รายการ วอลเลย์บอลหญิงเนชั่นลีก 2021 สามารถทำเรตติ้งได้ 5.3%

ส่งผลให้โฆษณาสามารถเข้าถึงคนดูได้มากขึ้น อาทิ มิตซูบิชิ สามารถเข้าถึงคนดูได้ 3.9 ล้านคน จากการแข่งขัน AFC U23 Championship Thailand 2020, Coca-Cola เข้าถึงคนดู 1.8 ล้านคนจากรายการ Thai Fight, Leo Soda เข้าถึงคน 1.1 ล้านคน จากรายการ Toyota Thai League และ Nescafe เข้าถึคนดู 5 ล้านคน จากรายการวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นลีก 2021 สำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลยูโร 2020 มียอดผู้ชมสะสม 8.1 ล้านคนในช่วง 12 วันที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารายการกีฬาที่สำคัญยังสามารถดึงดูดคนได้อยู่

คนดูกีฬามักมีรายได้สูงกว่า

ผู้ชมกีฬาส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ สูง เมื่อเทียบกับผู้ชมทั่วไป โดยประเภทรายการกีฬาที่คนไทยสนใจมากสุดคือ

  • ฟุตบอล (61%) ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากกว่าคนไทยทั่วไป ส่วนใหญ่อาศัยในกรุงเทพฯ และเขตเทศบาลต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
  • วอลเลย์บอล (53%) มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนใหญ่อาศัยในกรุงเทพฯ และเขตเทศบาลต่างจังหวัด กำลังซื้อระดับปานกลาง
  • แบตมินตัน (42%) ผู้ชมส่วนใหญ่รายได้ปานกลางถึงสูง อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก
  • มวยไทย (41%) จับกลุ่มรายได้น้อย ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด

 

โซเชียลช่องทางหลักติดตามข่าว

โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางอันดับ 1 (80%) ตามด้วยทีวี (78%) แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่ง (75%) Social Messaging (63%) และ เว็บไซต์ต่าง ๆ (60%) ทั้งนี้ ช่องทางการติดตามโซเชียล 5 อันดับ ดังนี้

  • Facebook 93%
  • YouTube 92%
  • Instagram 66%
  • Twitter 61%
  • TikTok 55%

สำหรับรายการแข่งขันที่คนไทยให้ความสนใจ ได้แก่ FIFA Would Cup 61%, Asian Game 55%, Sea Game 54% และ Asian Volleyball Cup 53%

ส่วนการแข่งขันที่จัดเป็นฤดูการที่คนไทยสนใจ ได้แก่ Premier League 55%, UEFA Champions League 49%, UEFA Europa League 44% และ Toyota Thai League 43%

ในส่วนของกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดแข่งในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้พบว่า คนไทยให้ความสนใจเพียง 43% แม้ว่าจะรู้จักเกือบ 100% อย่างไรก็ตาม หากวัดตามจำนวนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 60,000 บาทพบว่าพวกเขาให้ความสนใจ 53% สูงกว่าค่าเฉลี่ย

สปอนเซอร์มีภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับแฟนกีฬา

  • 65% ของผู้ชมเห็นด้วยว่าแบรนด์ผู้สนับสนุนกีฬาได้รับความสนใจจากผู้ชมมากขึ้น
  • 63% รู้สึกจดจำชื่อแบรนด์ได้
  • 60% รู้สึกว่าแบรนด์มีความรับผิดชอบต่อสังคม
  • 55% จะเลือกใช้แบรนด์สปอนเซอร์มากกว่าแบรนด์คู่แข่ง

ที่น่าสนใจคือ สำหรับแฟนกีฬาจะให้ความสำคัญกับสปอนเซอร์มากกว่าผู้ชมทั่วไป โดยจะมีความภักดีต่อแบรนด์มากกว่า รักแบรนด์มากกว่า

แฟนอีสปอร์ตเป็นวัยรุ่นรายได้สูง

จากการสำรวจแฟนกีฬาอีสปอร์ตในพื้นที่กรุงเทพมหานครพบว่า 65% เป็นเพศชาย เป็นกลุ่มนักศึกษาหรือ Fist Jobber อายุเฉลี่ยประมาณ 27 ปี มีรายได้สูงกว่าเฉลี่ยคนกรุงที่ 45,000 บาท โดยเฉลี่ยมักจะใช้เวลา 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการ เล่นเกม และใช้เวลา 5 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ยในการ รับชมการแข่งขันอีสปอร์ต ดย  79% ดูเพราะชื่นชอบ 74% ดูเป็นงานอดิเรก และ 61% ดูเพื่อพัฒนาทักษะการเล่นเกม

 

โทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับใช้เล่นเกมและรับชมการแข่งขันมากถึง 88% ส่วนการเล่นเกมบน พีซี คิดเป็น 54% และมีเพียง 45% ที่ใช้เกม คอนโซล ส่วนแพลตฟอร์มที่ชาวอีสปอร์ตไทยใช้รับชมการแข่งขันอีสปอร์ต ได้แก่

  • YouTube 77%
  • Twitch 48%
  • Facebook 16%
  • mixer 12%
  • Garena 11%

ทั้งนี้ 71% ของแฟนอีสปอร์ตมองว่าสปอนเซอร์ช่วยทำให้ประสบการณ์ดีขึ้น 69% รู้สึกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มคอมมูนิตี้อีสปอร์ต และ 55% รู้สึกว่าแบรนด์ที่ได้รับการแนะนำจากนักกีฬาหรือสตรีมเมอร์ให้ความรู้สึกว่ามีความจริงใจ

สรุป คนดูกีฬามีอำนาจการซื้อสูงกว่า โดยทีวียังคงเป็นช่องทางหลักในการรับชม แต่โซเชียลมีความสำคัญในการติดตามข่าวสาร ส่วนแบรนด์สปอนเซอร์จะได้รับผลบวกจากการสนับสนุนแน่นอน และแม้การแข่งขันกีฬาจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ผู้ชมกีฬาไม่เคยหายไปไหน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจอาจยังไม่ฟื้นจากพิษ COVID-19 แต่หากไม่ลงโฆษณาอาจทำให้แบรนด์ไม่ได้สื่อสาร ทำให้ถูกลืมและถูกคู่แข่งแทรกขึ้นมาได้ ดังนั้น ต้องวางแผนอย่างรัดกุมและเฉียบขาดมากขึ้น

]]>
1338835
อินไซต์ ‘บอลยูโร 2020’ ไม่คึกคัก คนไทยใช้จ่ายลด เงินสะพัดต่ำสุดรอบ 10 ปี ความเชื่อมั่นฟื้นช้า https://positioningmag.com/1338309 Tue, 22 Jun 2021 12:15:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1338309 บอลยูโร 2020ไม่คึกคัก เจอพิษโควิดซัด คนไทยใช้จ่ายลด เงินสะพัดต่ำสุดในรอบ 10 ปี กว่า 50% ติดตามน้อยถึงไม่สนใจ

จากผลสำรวจของ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถึงพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในช่วงมหกรรมฟุตบอลยูโร ปี 2020” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15-18 มิถุนายน 2564 พบว่า

ประชาชนส่วนใหญ่ใช้จ่ายน้อยลงทั้งในส่วนของการใช้จ่ายในระบบและนอกระบบ ผลกระทบหลักๆ มาจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้เงินสะพัดโดยรวมในช่วงการเเข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ลดลงถึง 20.3% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี มูลค่าอยู่ที่ 62,440 ล้านบาท โดยเลือกใช้จ่าย 5 อันดับสูงสุดได้เเก่

  • ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม 98.1 %
  • ซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ /อุปกรณ์รับสัญญาณ 64%
  • ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า 60.5%
  • ซื้ออุปกรณ์กีฬา 38.9 %
  • เล่นการพนัน 27.5%

เเยกเป็นเงินสะพัดในระบบอย่างการซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การดูฟุตบอล และอาหารจัดเลี้ยง อยู่ที่ราว 15,200 ล้านบาท ลดลง 15.1%

ส่วนเงินสะพัดนอกระบบ จากการพนันฟุตบอล อยู่ที่ราว 45,800 ล้านบาท ลดลง 22.3% มีเป้าหมายเพื่อต้องการเงินรางวัล มากกว่าแฟชั่นหรือความสนุกสนาน ส่วนใหญ่เลือกเล่นผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด ตามด้วยคนรู้จักแนะนำ

มีการใช้เงินในแต่ละนัดเฉลี่ย 1,000-5,000 บาท โดยที่มาของเงินมาจากเงินออมและรายได้ปกติ

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงฟุตบอลยูโร จะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งหากดูการขยายตัวเฉพาะไตรมาส 3 จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม 0.3% ส่วนการขยายตัวทั้งปีของเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2-2.5%  

จากการสำรวจ ยังพบว่า ประชาชน 50% ติดตามน้อยถึงไม่สนใจ เเละอีก 50% ติดตามเหมือนเดิมและสนใจมากขึ้น

ด้านการติดตามนั้น จะเป็นจากญาติหรือเพื่อน 53.5% โทรทัศน์ 49.8% ตามมาด้วยสื่อโซเชียล 47% เว็บไซต์ 41% หนังสือพิมพ์เเละนิตยสาร 8.3% วิทยุ 1.8% ส่วนใหญ่ติดตามรอบแรกและรอบชิง

โดยทีมที่คนไทยเชียร์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้เเก่ อังกฤษ โปรตุเกส ฝรั่งเศส อิตาลี เบลเยียม

ส่วนทีมที่คาดจะได้คว้าแชมป์ยูโร 2020 คือ ฝรั่งเศส โปรตุเกส อิตาลี เยอรมัน และเบลเยียม เเละคาดว่าคู่ชิงอันดับแรกคือ อิตาลีฝรั่งเศส อันดับ 2 คือ เบลเยียมฝรั่งเศส อันดับ 3 คือ อิตาลีโปรตุเกส

ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มองว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่มียอดการติดเชื้อ และสายพันธุ์เดลต้ายังกระจายอยู่ จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า และมีผลต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค 

หากรัฐกระจายวัคซีนได้ดีขึ้น อาจจะทำให้ผู้บริโภคมีความหวังเเละกลับมากล้าใช้จ่ายอีกครั้ง

ส่วนมาตรการภาครัฐที่เยียวยาประชาชน อย่าง โครงการคนละครึ่งที่ให้วงเงินคนละ 3,000 บาท ยังน้อยไปที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ก็ยังค่อนข้างอืด

โดยหากเปิดประเทศได้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1 ล้านคน เม็ดเงินสะพัดราว 5-6 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มได้ประมาณ 0.2-0.3% ซึ่งหากโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้ผลดีเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้

 

]]>
1338309
Adidas รุกเเผนปั้นยอดขายออนไลน์ ‘เพิ่ม 2 เท่า’ ในปี 2025 ออกสินค้ารักษ์โลก ลุยตลาดจีน https://positioningmag.com/1323016 Thu, 11 Mar 2021 09:47:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323016 จับเทรนด์อีคอมเมิร์ซเฟื่องฟู ‘Adidas’ แบรนด์เสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาชื่อดังจากเยอรมนี ทุ่มพันล้านยูโรปั้นยอดขายออนไลน์เพิ่ม 2 เท่าภายในปี 2025 จับตลาดวัยรุ่น-เเฟชั่น-ผู้หญิง เร่งเจาะตลาดจีน พร้อมออกสินค้ารักษ์โลกคำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น โดยเป็นหนึ่งในเเผนธุรกิจ 5 ปี ที่จะเพิ่มผลกำไรให้ทันคู่เเข่งอย่าง Nike

Adidas วางเป้าทำยอดขายทางออนไลน์ให้ได้ถึง 9 พันล้านยูโรต่อปี (ราว 3.2 เเสนล้านบาท) ให้ได้ภายในปี 2025 หลังมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 12-14% จากที่เคยทำได้ในปี 2019 ที่ 11.3% โดยสามารถทำรายได้ 5.55 พันล้านยูโร (ราว 2 เเสนล้านบาท) ในไตรมาสที่ 4/2020 ที่ผ่านมา 

บริษัท ประเมินว่า ในปีนี้จะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังสาขาทั่วโลกมากกว่า 95% ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มวัยรุ่นที่มีรายได้ปานกลางถึงระดับสูง

คาดว่ายอดขายปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากถึง 30% โดยเฉพาะในประเทศจีน เอเชีย และลาตินอเมริกา

เเม้ธุรกิจเสื้อผ้าเเละอุปกรณ์กีฬา จะได้รับผลกระทบหนักจากการปิดสาขาชั่วคราว ตามมาตรการล็อกดาวน์สกัด COVID-19 ในหลายประเทศ เเต่ก็สามารถทำยอดขายทางออนไลน์ได้ถล่มทลาย เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจสุขภาพ มีการออกกำลังกายหรือเล่นโยคะที่บ้านกันมากขึ้น

ด้านรายใหญ่อีกเจ้าอย่าง Nike แบรนด์ชุดกีฬาที่ครองตลาดมากที่สุดในโลก ก็มีเเผนจะปรับตัวสู่ “ขายออนไลน์” เเบบเต็มสูบ ให้กลายเป็นทิศทางของเเบรนด์ หลังยอดขายไปได้สวย

John Donahoe ซีอีโอของ Nike บอกว่า “เราต่างรู้ดีว่าดิจิทัลเป็น New Normal ในยุคนี้ และพฤติกรรมผู้บริโภคจะไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกเเล้ว” 

โดย Adidas มีเเผนจะทุ่มเงินทุนมากกว่า 1 พันล้านยูโร (ราว 3.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ในปี 2525 พร้อมสร้างเเพลตฟอร์มเเละระบบต่างๆ ที่เอื้อให้มีคำสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ดีเเละรวดเร็วขึ้น

(Photo by Sean Gallup/Getty Images)

Kasper Rorsted ซีอีโอของ Adidas ระบุว่า ภายในปี 2025 อีคอมเมิร์ซจะมีสัดส่วนมากกว่า 40% ของยอดขายทั้งหมดในอุตสาหกรรม โดยออนไลน์จะเติบโตเร็วกว่าออฟไลน์ถึงสามเท่าซึ่งตอนนี้ Adidas มีสมาชิกมากกว่า 150 ล้านคนเข้าสู่ระบบออนไลน์ของบริษัทแล้ว

เช่นเดียวกับคู่เเข่งอย่าง Puma และ Nike เเบรนด์ Adidas จะให้ความสำคัญกับตลาดผู้หญิง มากขึ้น โดยเฉพาะในสินค้าหมวดเเฟชั่น

นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์กว่า 9 ใน 10 เป็นผลิตภัณฑ์มีความยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลและย่อยสลายได้ นำร่องด้วยการใช้หนังสัตว์เทียมจากเห็ดในรองเท้ารุ่นฮิตอย่าง Stan Smith ที่จะเปิดตัวในปีนี้

ซีอีโอ Adidas บอกว่าผู้บริโภคมากกว่า 70% เห็นว่าความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

ด้วยการที่จีนเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด ณ ตอนนี้ Adidas จึงเตรียมเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น โดยจะแยกธุรกิจออกมาจากทวีปเอเชีย รวมถึงการรวมธุรกิจของรัสเซียเข้ากับธุรกิจของทวีปยุโรป โดยเตรียมเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกาในปีนี้ด้วย

นอกจากนี้ Adidas มีแผนที่จะขายกิจการ ‘Reebok’ ภายในปีนี้ เนื่องจากไม่สามารถทำรายได้ถึงเป้าหมายตลอดช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไป โดย Adidas เข้าเข้าซื้อ Reebok แบรนด์เสื้อผ้าฟิตเนสของสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อ 15 ปีก่อน เพื่อหวังจะเข้ามาช่วยเเข่งขันกับคู่เเข่ง Nike ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ของสหรัฐฯเช่นกัน

 

ที่มา : Reuters (1) (2) , Yahoo

 

]]>
1323016
ประธาน IOC ยืนยัน จัด “โตเกียว โอลิมปิก” ปี 2021 เเน่นอน ไม่ว่าสถานการณ์โลกตอนนั้นจะเป็นเช่นไร https://positioningmag.com/1301231 Mon, 12 Oct 2020 17:55:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301231 ประธาน IOC ยืนยันว่า การเเข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิกจะมีการจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ปี 2021 อย่างเเน่นอน ไม่ว่าตอนนั้นสถานการณ์ COVID-19 จะเป็นเช่นไร

Thomas Bach ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) กล่าวว่า คำถามที่อยู่ในใจใครหลายคนตอนนี้ คือ นักกีฬาทุกคนจะสามารถทำตามความฝันในการเข้าร่วมเเข่งโอลิมปิกในอีก 10 เดือนข้างหน้านี้ได้หรือไม่ โดยพวกเรากำลังพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ร่วมกับพันธมิตรทั้งหลายเเละสหายชาวญี่ปุ่น เพื่อให้เเน่ใจว่าโตเกียวโอลิมปิก จะยังคงดำเนินไปได้ด้วยความปลอดภัยเเละเหมาะสมกับสถานการณ์โลกหลังการเเพร่ระบาดของ COVID-19

โตเกียว ยังคงเป็นเมืองที่มีการเตรียมความพร้อมเพื่อการจัดแข่งกีฬาไว้อย่างดีที่สุด โดยเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด”

ประธาน IOC กล่าวอีกว่า ทีมผู้จัดกำลังโฟกัสไปที่การพัฒนาเครื่องมือ เพื่อรับมือกับไวรัสโคโรนาในทุกสถานการณ์ ซึ่งจะพัฒนาวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสและคิดค้นวัคซีนให้ได้ในเร็ววันนี้

 “เรากำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดแข่งกีฬาโอลิมปิกอย่างปลอดภัย ไม่ว่าสถานการณ์โลกในช่วงฤดูร้อนปีหน้าจะเป็นเช่นไรก็ตาม” 

กำหนดการล่าสุดของโตเกียว โอลิมปิก จะเริ่มขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม 2021 ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเเละทีมผู้จัดงานกำลังปวดหัวกับการเตรียมงานใหม่ เพราะจะต้องปรับค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ตั้งแต่สนามแข่งไปจนถึงการขนส่ง ท่ามกลางงบประมาณที่บานปลายไปมากแล้ว

โดยกำลังหาวิธีที่จะลดความอลังการในการเเข่งขันลง ซึ่งในพิธีเปิดอาจจะต้องมีความกระชับ มีการจำกัดจำนวนผู้ชม เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก

ข้อจำกัดของการจัดงานครั้งนี้ คือต้องคำนึงถึงต้นทุนเเละความปลอดภัยในการจัดแข่งขันโอลิมปิกที่ถูกเลื่อนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

Source

]]>
1301231
‘Under Armour’ ประเดิม Q1 ขาดทุน 589 ล้านเหรียญ เตรียมเลย์ออฟพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย https://positioningmag.com/1277982 Mon, 11 May 2020 13:34:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1277982 เรียกได้ว่าเจ็บกันถ้วนหน้า เพราะก่อนหน้านี้ ‘Adidas’ เผยไตรมาสแรกกำไรหายกว่า 90% และคาดว่าไตรมาส 2 หายอีก 40% ล่าสุด ‘Under Armour’ แบรนด์กีฬาได้เปิดเผยผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกว่ารายได้ลดลง 23%

‘Under Armour’ รายงานผลการดำเนินการไตรมาสแรกของปี โดยทำรายได้ 930.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 23% จาก 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขาดทุนสุทธิ 589.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของไวรัส COVID-19 เนื่องจากร้านค้าถูกปิด

เมื่อแยกตามพื้นที่พบว่าในอเมริกาเหนือซึ่งเป็นภูมิภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและมีสัดส่วนประมาณ 65% ของยอดขายทั้งหมดรายรับลดลง 28% เหลือ 609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดขายระหว่างประเทศลดลง 12% เหลือ 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้จากการขายส่งลดลง 28% เหลือ 592 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และเมื่อแบ่งตามประเภทสินค้าพบว่า ยอดขายเสื้อผ้าลดลง 23% เหลือ 598 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายรับจากรองเท้าลดลง 28% เหลือ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายรับอุปกรณ์เสริมลดลง 17% เหลือ 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่าหุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 54% ในปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 325 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ อาทิ การเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว โดยเฉพาะพนักงานขายเพื่อช่วยให้บริษัทสามารถฝ่าวิกฤตได้

“ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ในอเมริกาเหนือและการปิดร้านค้าปลีกทำให้เรามีรายได้ลดลงอย่างมากในทุกตลาด” Patrik Frisk ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวในแถลงการณ์

ปัจจุบัน มีผู้ค้าปลีกบางราย เช่น Macy และ Gap เริ่มที่จะกลับมาเปิดร้านในบางสาขา เช่นเดียวกับ Under Armour ที่กำลังรอดูจังหวะเพื่อเปิดให้บริการแบบจำกัดการเข้าใช้

Source

]]>
1277982