ไวรัสสายพันธุ์เดลตา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 04 Aug 2021 13:09:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ไม่ฉีดวัคซีน งดให้บริการ” กระแสใหม่ “ร้านอาหาร-บาร์” ในสหรัฐฯ ผวาเดลตาระบาด https://positioningmag.com/1345260 Wed, 04 Aug 2021 13:02:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345260 หลังไวรัสกลายพันธุ์เดลตาระบาดหนักขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้ “ร้านอาหาร-บาร์” จำนวนมากทยอยออกกฎของร้าน หากลูกค้า “ไม่ฉีดวัคซีน งดให้บริการ” ก่อกระแสทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางร้านถึงกับได้รับคำข่มขู่จากกลุ่ม “ต่อต้านวัคซีน”

ข้อมูลจาก Worldometers ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงเดือนมิถุนายน 2021 มีไม่ถึง 20,000 คนต่อวัน กลับไต่ระดับขึ้นจนล่าสุดวันที่ 3 สิงหาคม 2021 ทะลุ 100,000 คนต่อวันไปแล้ว เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดหนักขึ้น

แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ทะยานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ธุรกิจ “ร้านอาหาร-บาร์” หลายแห่งในประเทศเริ่มตั้งการ์ดสูงไว้ก่อน ด้วยการออกกฎ “No Vax, No Service” หรือ “ไม่ฉีดวัคซีน งดให้บริการ”

โดยแต่ละร้านมีมาตรการหลักเหมือนกันคือตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้าน หากยังไม่ฉีดวัคซีนขอสงวนสิทธิ์งดให้บริการ ส่วนรายละเอียดอาจปลีกย่อยอาจแตกต่างกัน เช่น บางร้านอนุญาตให้ใช้ผลตรวจ COVID-19 เป็นลบเมื่อเร็วๆ นี้แทนได้ หรือจัดโซนด้านนอกร้านไว้สำหรับผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ตัวอย่างร้านที่ออกกฎนี้แล้วหรือเตรียมออกกฎเร็วๆ นี้ เช่น Union Square Hospitality Group เจ้าของเชนร้านเบอร์เกอร์ Shake Shack ซึ่งมีกว่า 230 สาขาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก กำลังจะออกกฎให้ลูกค้าต้องฉีดวัคซีนมาแล้ว โดยให้เหตุผลว่าต้องการปกป้องพนักงานและลูกค้า

Shake Shack ร้านเบอร์เกอร์เชนกว่า 230 สาขาในสหรัฐฯ เตรียมออกกฎให้ลูกค้าแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้าน เพื่อปกป้องพนักงานและลูกค้า

หรือกลุ่มผู้ประกอบการที่รวมตัวกันอย่าง SF Bar Owner Alliance มีบาร์ในซานฟรานซิสโกกว่า 300 ร้านเป็นสมาชิก ก็ออกนโยบายตรวจหลักฐานฉีดวัคซีนร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารที่ไม่ใช่เชนอีกจำนวนมากทยอยออกกฎตามๆ กันในหลายเมือง เช่น แอตแลนตา ซีแอตเทิล วอชิงตันดีซี ลอสแอนเจลิส บอสตัน โอ๊คแลนด์ ฯลฯ

“นี่เป็นสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลที่สุดที่ผมเคยเห็น” แดนนี่ เมเยอร์ ผู้นำบริษัท Union Square Hospitality Group กล่าว “ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์แต่ผมรู้วิธีอ่านดาต้า และสิ่งที่ผมเห็นคือ นี่เป็นวิกฤตของคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และผมรู้สึกว่าต้องร่วมรับผิดชอบอย่างแข็งขัน ในฐานะของผู้นำธุรกิจผมต้องดูแลทั้งพนักงานของร้านและลูกค้า และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำ”

 

มีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และมีกฎห้ามในบางรัฐ

กระแสตอบรับของลูกค้าและคนทั่วไปมีทั้งสองด้าน ยกตัวอย่างเช่น City Winery ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารสไตล์บาร์การแสดงสด มีทั้งหมด 12 สาขาใน 8 เมือง “ไมเคิล ดอร์ฟ” ซีอีโอของบริษัทนี้ระบุว่า เริ่มแรกร้านประกาศกฎ No Vax, No Service เฉพาะสาขาในนิวยอร์ก แต่หลังจากสำรวจความเห็นลูกค้าผ่านทางอีเมลแล้วพบว่า 75% ของกลุ่มลูกค้าเห็นด้วยกับมาตรการของร้าน ทำให้ตัดสินใจบังคับใช้มาตรการกับทุกสาขา

แต่ไม่ใช่ว่ามาตรการทำนองนี้ไม่มีแรงต้าน ยกตัวอย่างเช่น ร้าน Argosy ในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประกาศงดบริการคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ปรากฏว่าร้านได้รับคำขู่ทางออนไลน์จากกลุ่ม “ต่อต้านวัคซีน” (Anti-Vaxxers) และมีข้อโต้แย้งจากลูกค้าบางกลุ่มที่เห็นว่ามาตรการนี้เป็นการแบ่งแยกกีดกัน แต่เจ้าของร้านยังยืนยันมาตรการ เพราะต้องการปกป้องพนักงานของตนก่อน

ประกาศของร้าน Argosy ในแอตแลนตา

ขณะเดียวกัน มีบางร้านอาหารที่ทำในทางกลับกันด้วย เช่น ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งที่ชายหาดฮันทิงตัน แคลิฟอร์เนีย ระบุว่า “กรุณาแสดงหลักฐานว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้าน”

นอกจากนี้ บางรัฐยังมีกฎหมาย “ห้ามแบนผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน” เช่น เท็กซัส ฟลอริดา ด้วย สะท้อนให้เห็นกระแสความคิดของคนที่ต่างกันในแต่ละพื้นที่

 

ในทางกฎหมาย ร้านอาหารทำได้หรือไม่?

นอกจากรัฐที่มีกฎหมายห้ามแบนอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปแล้วร้านอาหารสามารถออกกฎลักษณะนี้ได้หรือไม่?

สำนักข่าว MarketWatch รายงานข้อมูลจากทนายและบริษัทกฎหมายระบุว่า สหรัฐฯ อนุญาตให้บริษัทเอกชนตั้งกฎส่วนตัวได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขอนามัยเช่นนี้

ร้านอาหารมีการกำหนด Dress Code ในการเข้าใช้บริการ

ที่จริงแล้ว ลองนึกดูว่าร้านอาหารหลายประเภทมีกฎเฉพาะในเรื่องที่มีความสำคัญน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ เช่น ร้านอาหารแบบ Fine Dining หลายแห่งออกกฎให้ผู้ชายต้องสวมสูท ผู้หญิงต้องสวมชุดกระโปรง และห้ามสวมรองเท้าแตะเข้าร้าน หรือร้านอาหารริมหาดอาจจะมีกฎให้ทุกคนต้องสวมเสื้อและรองเท้าก่อนเข้าร้าน เป็นต้น

กลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน (Anti-Vaxxer) กำลังเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เพราะอาจจะทำให้สหรัฐฯ ไปไม่ถึงเป้าการมีภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการ กล่าวคือ ต้องมีผู้รับวัคซีนครบโดสสัดส่วน 70% ขึ้นไป The New York Times รายงานว่า ปัจจุบันตัวเลขผู้ฉีดวัคซีนครบโดสอยู่ที่ 49.7% และค่าเฉลี่ยความเร็วการฉีดขณะนี้อยู่ที่ 681,000 โดสต่อวัน ซึ่งต่ำลงมากเมื่อเทียบกับที่เคยทำได้สูงสุดกว่า 3 ล้านโดสต่อวันในช่วงเดือนเมษายน 2021

ไม่แน่ว่าการใช้ข้อบังคับทางสังคมของร้านอาหารต่างๆ ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตสะดวกน้อยลง อาจทำให้กลุ่มที่ยังลังเลต่อการฉีดวัคซีนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็ได้

Source: MarketWatch, Forbes, Insider

]]>
1345260
ป้องกันเดลตา! จีนเข้มงดต่ออายุ “พาสปอร์ต” ให้ประชาชน สกัดเดินทางเข้าออก https://positioningmag.com/1344706 Fri, 30 Jul 2021 16:17:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344706 รัฐบาลจีนเข้มงวดงดต่ออายุ “พาสปอร์ต” ให้กับประชาชน ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น ศึกษาต่อ ทำงาน เดินทางเพื่อธุรกิจ รวมถึงเข้มงวดการให้ “วีซ่า” ชาวต่างชาติที่ไม่อยู่ในประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตาไม่ให้ข้ามกำแพงเมืองจีนเข้ามาได้

จีนหยุดการอนุมัติและต่ออายุพาสปอร์ตสำหรับการเดินทางที่ไม่จำเป็นเพื่อสกัดไวรัสกลายพันธุ์เดลตา “Chen Jie” โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ ภายใต้กระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ยืนยันกับสำนักข่าวในประเทศจีนเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ก.ค. 2021 ว่าจีนจะยังคงปฏิเสธการขอพาสปอร์ตไปก่อนในปีนี้ และยังไม่มีกำหนดว่าจะผ่อนคลายนโยบายนี้เมื่อไหร่

Chen กล่าวว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องให้ความร่วมมือกับสภารัฐกิจของจีนในการควบคุมโรคระบาด โดยการลดความเสี่ยงการระบาดที่อาจเกิดจากจุดเข้าออกจากประเทศ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ๆ ของโรค COVID-19

อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้มีข้อยกเว้นเฉพาะบุคคลที่ต้องเดินทางไปทำงาน เรียนต่อต่างประเทศ หรือทำธุรกิจที่จำเป็น

“หากการเดินทางไม่ได้มีวัตถุประสงค์ฉุกเฉิน เราขอให้ผู้ยื่นขอพาสปอร์ตยกเลิกหรือชะลอแผนการเดินทางออกจากจีน เรายังร้องขอให้เจ้าหน้าที่ยืดหยุ่นและอนุมัติพาสปอร์ตให้กับคนที่จำเป็นต้องไปเรียนต่อหรือทำงาน หากได้รับการยืนยันถึงความจำเป็นแล้ว เราจะดำเนินการอนุมัติให้ในเวลาอันเหมาะสม” Chen กล่าว พร้อมเสริมว่าบุคคลที่จะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานเกี่ยวกับการควบคุมไวรัสโคโรนา หรือบุคลากรที่ต้องเดินทางไปทำงานเพื่อช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพการผลิตหลังผ่านพ้นโรคระบาด กลุ่มคนเหล่านี้จะได้รับอนุมัติเร็วกว่า

6 เดือนแรกของปี 2021 จีนมีพาหนะเข้าออกชายแดน 7.5 ล้านครั้ง มีคนเข้าออก 67 ล้านคน โดยเจ้าหน้าที่อนุมัติเอกสารการเดินทางให้ชาวจีนมากกว่า 1.22 ล้านราย และให้กับชาวฮ่องกง-มาเก๊ามากกว่า 3 ล้านราย

ชีวิตปกติในจีน : ภาพจากวันที่ 3 พ.ค. 2021 ช่วงเทศกาลวันหยุดวันแรงงาน ผู้คนหลั่งไหลไปท่องเที่ยวที่เมืองซีอาน โดยไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยแล้ว (Photo : Shutterstock)

Chen กล่าวว่า ปีนี้มีพาสปอร์ตใหม่ได้รับการอนุมัติไป 335,000 ราย สำหรับบุคคลที่จะไปเรียนต่อ ทำงาน หรือทำธุรกิจเท่านั้น ด้านวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ มีการอนุมัติไป 380,000 รายเฉพาะที่อาศัยอยู่ในจีน จีนยังพบชาวต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมายไปแล้ว 85,000 คนด้วย

ทั้งนี้ สำนักข่าว South China Morning Post รายงานจากมุมของประชากรที่สะท้อนให้เห็นว่าการได้พาสปอร์ตหรือต่ออายุพาสปอร์ตในจีนยากลำบากมาก ชาวปักกิ่งรายหนึ่งยื่นขอต่ออายุพาสปอร์ตเพื่อจะร่วมเที่ยวบินเหมาลำไปสอบนักวิเคราะห์การเงิน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ถือว่าเป็น “เหตุผลพิเศษ” ที่จะให้ต่ออายุ

ด้านชาวต่างชาติที่จะเข้าประเทศก็ลำบากเช่นกัน เพราะอนุญาตเฉพาะการเดินทางเพื่อทำธุรกิจ และต้องตรวจหาโรค COVID-19 หลายครั้ง และต้องกักตัว 14-21 วันเมื่อไปถึง

กระนั้นก็ตาม การได้วีซ่ามาตั้งแต่แรกก็ยากมาก อ้างอิงจาก Martin Mueller ประธาน สภาหอการค้าสวิสในประเทศจีน พบข้อร้องเรียนจำนวนมากจากบริษัทสวิสที่ไม่สามารถขอวีซ่าให้คนของบริษัทเข้าประเทศจีนได้ ทำให้บริษัทขาดแคลนวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญในตำแหน่งต่างๆ และ Mueller มองว่าการตั้งกำแพงไม่ให้ต่างชาติเข้าประเทศเช่นนี้จะส่งผลต่อชื่อเสียงของจีนในระดับสากล

Nicholas Thomas ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงด้านสุขภาพและผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ City University of Hong Kong ระบุว่าการควบคุมการอพยพของคน สอดคล้องกับรูปแบบการควบคุมโรคระบาดที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้านี้ของหลายประเทศ ช่วยหลีกเลี่ยงการระบาดของไวรัสเดลตาได้จริง ด้วยการลดการติดต่อกันระหว่างประชากรภายในกับสังคมที่ติดเชื้อภายนอก

“การจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของจีนช่วยลดโอกาสที่ชาวจีนจะติดเชื้อเดลตาในต่างประเทศ และลดความเป็นไปได้ที่บุคคลเหล่านั้นจะสร้างการระบาดในชุมชนเมื่อพวกเขากลับมา” Thomas กล่าว

ไวรัสเดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลกอย่างรวดเร็ว โดยไวรัสสายพันธุ์นี้ทำให้ร่างกายผู้ติดเชื้อป่วยได้รวดเร็วกว่า จากการขยายจำนวนได้เร็วกว่าเดิม 1,260 เท่าเทียบกับสายพันธุ์ต้นกำเนิดที่เป็นพันธุ์หลักเมื่อปีก่อน อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยในจีน ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ Virological.org เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม

Source

]]>
1344706
“ฟิลิปปินส์” ห้ามผู้เดินทางจาก “ไทย-มาเลเซีย” เข้าประเทศชั่วคราว ผวาเดลตาระบาด https://positioningmag.com/1343975 Fri, 23 Jul 2021 14:20:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343975 ฟิลิปปินส์งดรับชาวต่างชาติที่เดินทางจาก “ไทย” และ “มาเลเซีย” เข้าประเทศเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 25 – 31 ก.ค. เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา

แฮร์รี โรก โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แถลงวันที่ 23 ก.ค. ว่า มาตรการจำกัดการเดินทางดังกล่าว “มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อ COVID-19 ตัวกลายพันธุ์ต่างๆ แพร่กระจายในชุมชนของฟิลิปปินส์มากไปกว่านี้”

ก่อนหน้านี้ ฟิลิปปินส์ได้ประกาศงดรับผู้เดินทางจาก 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงอินเดีย และอินโดนีเซีย เพื่อป้องกันและลดการแพร่กระจายของเชื้อสายพันธุ์เดลตา

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ยังได้บังคับใช้มาตรการควบคุมโรคขั้นสูงในเขตเมโทรมะนิลาซึ่งประกอบด้วย 16 เมืองที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 13 ล้านคน และอีก 4 จังหวัดใกล้เคียง ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. นี้

มาตรการที่ฟิลิปปินส์จะนำมาใช้มีตั้งแต่การปิดสนามกีฬา, สถานที่จัดการประชุม, แหล่งท่องเที่ยวในร่ม และสถานที่ออกกำลังกาย, ลดเวลาเปิดให้บริการของร้านอาหารทุกประเภท และห้ามเยาวชนที่อายุระหว่าง 5-17 ปี ออกจากที่พักอาศัย

ฟิลิปปินส์พบผู้ป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาแล้วทั้งสิ้น 47 คน อยู่ระหว่างการรักษา 8 คน และเสียชีวิต 3 คน

เวลานี้ฟิลิปปินส์มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 1.53 ล้านคน และผู้เสียชีวิตเกือบ 27,000 คน ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย

Source

]]>
1343975
ดีใจได้วันเดียว! “อังกฤษ” เคาะไม่ฉีดวัคซีนห้ามเข้า “สถานบันเทิง” เริ่มสิ้นเดือนกันยา https://positioningmag.com/1343421 Wed, 21 Jul 2021 10:05:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343421 อังกฤษประกาศลูกค้าเข้า “สถานบันเทิง” และงานอีเวนต์รวมคนขนาดใหญ่ใดๆ ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เริ่มสิ้นเดือนกันยายนนี้ กฎใหม่นี้ออกมาในเวลาเพียงวันเดียวหลังจากอังกฤษอนุญาตเปิดธุรกิจสถานบันเทิงเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน ผู้ประกอบการโอดรัฐทำร้ายธุรกิจฮอสพิทาลิตี้อีกครั้ง

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ประกาศให้ “สถานบันเทิง” และ อีเวนต์ที่มีการรวมคนจำนวนมากะอนุญาตให้เข้าเฉพาะผู้ที่รับวัคซีนครบโดสแล้วเท่านั้น เริ่มตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนนี้

ธุรกิจสถานบันเทิงของอังกฤษเพิ่งกลับมาเปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 19 ก.ค. 2021 หลังจากถูกสั่งปิดยาวนานถึง 16 เดือนเนื่องจาก COVID-19 ระบาด ทั้งนี้ สถานบันเทิงในพื้นที่สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือยังคงไม่อนุญาตให้เปิดบริการขณะนี้

นายกฯ จอห์นสันกังวลถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังสุ่มเสี่ยงในปัจจุบัน ทำให้ต้องออกนโยบายใหม่มาบังคับใช้กับสถานบันเทิงประเภท ‘ไนต์คลับ’ ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นคลัสเตอร์การระบาด

“ผมไม่อยากจะสั่งปิดไนต์คลับอีกครั้งเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่อื่น แต่นั่นหมายความว่าไนต์คลับจะต้องมีความรับผิดชอบทางสังคมด้วย” จอห์นสันกล่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2021 ก่อนประกาศกฎหมายในวันต่อมา

“ดังที่กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน เราขอสงวนสิทธิ์ในการบังคับใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีน เมื่อใดก็ตามที่เราเห็นว่าจำเป็น เพื่อลดการแพร่ระบาด”

ส่วนสาเหตุที่ยืดเวลาบังคับใช้ออกไปถึงสิ้นเดือนกันยายนเพราะขณะนี้หนุ่มสาววัย 18-30 ปีของอังกฤษมีถึง 35% ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโดสแรกเลย แต่รัฐบาลคาดว่าจนถึงสิ้นเดือนกันยายน หนุ่มสาววัยนี้น่าจะได้วัคซีนครบ 2 โดสแล้วเป็นส่วนใหญ่

การแพร่ระบาดรอบใหม่ที่เกิดจากไนต์คลับมีตัวอย่างแล้วที่เนเธอร์แลนด์ หลังจากเปิดธุรกิจนี้ไม่นาน การติดเชื้อกลับทะยานขึ้นอีกครั้งจนรัฐบาลต้องสั่งปิดสถานบันเทิงอีก เนื่องจากรัฐพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากมาจากการติดเชื้อในไนต์คลับและปาร์ตี้

สำนักข่าว BBC รายงานเสียงจากผู้ประกอบการสถานบันเทิงในอังกฤษว่าเป็นไปในเชิงลบ เพราะการสั่งปิดยาวนานถึง 16 เดือน ทุกคนต่างมีความหวังว่าหลังจากนี้จะเร่งฟื้นฟูกิจการ แต่ ‘วันแห่งอิสรภาพ’ ของไนต์คลับเกิดขึ้นเพียง 17 ชั่วโมง จากนั้นข่าวการใช้ “วัคซีนพาสปอร์ต” เพื่อเข้าไนต์คลับก็ทำให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำแผนปรับตัวอีกครั้ง

ความกังวลของผู้ประกอบการคือความยากลำบากที่จะปฏิบัติจริง เพราะต้องตรวจวัคซีนพาสปอร์ตทุกคน และต้องยอมปฏิเสธลูกค้าที่ต้องการเข้าคลับแต่ยังฉีดวัคซีนมาไม่ครบ

นอกจากนี้ ยังกังวลว่ากำแพงการเข้าถึงตรงนี้อาจจะทำให้ลูกค้าหันไปเข้าผับและบาร์แทน เพราะธุรกิจกลุ่มนั้นไม่ถูกบังคับเรื่องวัคซีน และเป็นไปได้ว่าลูกค้าจะหันไปจัดปาร์ตี้ส่วนตัวในบ้านกันเอง ซึ่งไม่ต้องถูกบังคับใช้กฎหมายใดๆ

source

]]>
1343421
Goldman Sachs ลดเป้าจีดีพีไทย เหลือ 1.4% ‘สายพันธุ์เดลตา’ ทำอ่วมทั้งอาเซียน เเถมฉีดวัคซีนช้า https://positioningmag.com/1342841 Fri, 16 Jul 2021 14:02:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342841 Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ ปรับลดคาดการณ์จีดีพีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงไทย หลังเจอวิกฤตโรคระบาดครั้งใหม่ จากสายพันธุ์เดลตายอดติดพุ่งเเต่ฉีดวัคซีนได้ช้า

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ทำให้ยอดผู้ป่วยในอินโดนีเซียมาเลเซียและไทย พุ่งทำสถิติสูงสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นำไปสู่การยกระดับมาตรการล็อกดาวน์เเละข้อจำกัดต่างๆ ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

เเนวโน้มที่ฟิลิปปินส์จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ในปีนี้ไม่น่าเป็นไปได้มากขึ้น

ไวรัสกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่เรื่อยๆ เเละกระจายได้อย่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด มีผล
กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงครึ่งหลังของปี ‘มากกว่าที่เคยประเมินไว้

โดย Goldman Sachs  ปรับลดจีดีพีเศรษฐกิจไทยในปี 2021 ลงสู่ระดับ 1.4% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% พร้อมกับปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินโดนีเซีย เป็น 3.4% จากระดับ 5%, มาเลเซียลงสู่ระดับ 4.9% จากระดับ 6.2% , ฟิลิปปินส์ลงสู่ระดับ 4.4% จากระดับ 5.8% เเละเศรษฐกิจสิงคโปร์ลงสู่ระดับ 6.8% จากเดิม 7.1%

ในอาเซียน จะมีเพียงสิงคโปร์และมาเลเซียเท่านั้น ที่จะสามารถผ่อนคลายมาตรการและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ในปีนี้ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เหลือ รวมถึงไทย ต้องรอถึงครึ่งแรกของปี 2022”

Photo : Shutterstock

โครงสร้างเศรษฐกิจของเเต่ละประเทศ เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยงกับการฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจของสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่อิงกับการค้าระหว่างประเทศ จะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลากการค้าโลกมากกว่า ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่า นอกจากนี้ มาเลเซียยังจะได้ประโยชน์เเละทำกำไรจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

ขณะที่เศรษฐกิจไทยและอินโดนีเซียนั้น พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงมีความเสี่ยงมากกว่าทั้งในด้านข้อจำกัดการเดินทางเเละการติดเชื้ออีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการขยายตัวของการค้าโลกน้อยกว่า

ยอดติดพุ่ง เเต่ฉีดวัคซีนล่าช้า

Goldman Sachs ตั้งข้อสังเกตว่า เเม้การระบาดในอาเซียนจะพุ่งสูงไม่หยุด เเต่สัดส่วนการฉีดวัคซีนให้กับประชากรในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก ยกเว้นเพียงสิงคโปร์

โดยสิงคโปร์ สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชากรครบโดส (2 เข็ม) ไปแล้วกว่า 41% นับหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก

ส่วนมาเลเซีย กระจายวัคซีนให้ประชาชนครบโดสไปเพียง 12.4% ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่ 5.7% ในขณะที่ฟิลิปปินส์และไทย ยังมีอัตรการการฉีดวัคซีนครบโดสไม่ถึง 5% ของประชากรทั้งหมด

 

ที่มา : CNBC

]]>
1342841
เคราะห์ซ้ำ! มาเลเซียปิด 1 จุดฉีดวัคซีนหลังจนท.ติดเชื้ออื้อ ผู้ป่วยใหม่ทะลุ 11,000 รายต่อวัน https://positioningmag.com/1342145 Tue, 13 Jul 2021 11:19:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342145 ข่าวร้ายมาในวันเดียวกันสำหรับ “มาเลเซีย” โดยต้อปิดจุดฉีดวัคซีน 1 แห่งหลังพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ 204 ราย ผู้รับการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 9-12 ก.ค.ได้รับคำแนะนำให้กักตัวเอง ทั้งนี้ มาเลเซียยังคงอยู่ในวิกฤตระบาดระลอก 3 โดยวันนี้ (13 ก.ค. 2021) มีผู้ติดเชื้อ 11,079 ราย สูงสุดตั้งแต่เกิดการระบาด

สำนักข่าว Reuters เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์วิกฤตในมาเลเซีย พบจุดฉีดวัคซีน 1 แห่ง บริเวณนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ 25 กม. มีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครติดเชื้อโรค COVID-19 ทั้งหมด 204 ราย จากเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 453 ราย ทำให้ต้องปิดจุดฉีดวัคซีนแห่งนี้ทันทีเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และต้องเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ยกชุด

สำหรับผู้รับการฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 9-12 ก.ค. 2021 ทางการให้คำแนะนำว่าควรกักตัวเองอยู่ในบ้าน 10 วัน โดยปกติจุดฉีดวัคซีนแห่งนี้สามารถรองรับได้ 3,000 โดสต่อวัน ดังนั้น คาดว่าอาจมีประชาชนประมาณ 12,000 คนที่ได้รับผลกระทบ

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นแบบวิกฤตซ้อนวิกฤต เพราะมาเลเซียยังคงต่อสู้กับการระบาดระลอก 3 อันหนักหน่วง โดยวันนี้ (13 ก.ค. 2021) มาเลเซียแถลงพบผู้ติดเชื้อ 11,079 ราย ถือเป็นยอดสูงสุดตั้งแต่เกิดการระบาด และจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันมากกว่าหมื่นคนเป็นครั้งแรก

มาเลเซียเผชิญการระบาดระลอก 2 มาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2021 ตัวเลขผู้ติดเชื้อขึ้นไปพีคสุดในวันที่ 29 พ.ค. 2021 จำนวน 9,020 คน ก่อนจะลดลงเป็นลำดับถึงช่วงปลายเดือนมิถุนายน ตัวเลขผู้ติดเชื้อลงมาที่ระดับ 5 พันกว่าคนต่อวัน และกลับพุ่งสูงขึ้นไปอีกครั้งเป็นระลอกที่ 3 จนปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 85 คนต่อวันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลจะมีคำสั่งล็อกดาวน์ยาวนานมาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2021

มาเลเซียยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนมากที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มอาเซียน โดยมีประชากรรับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส คิดเป็น 25% ของประชากรทั้งหมด 32 ล้านคน และรับครบ 2 โดสแล้ว 11% ของประชากร วัคซีนที่มาเลเซียใช้ ประกอบด้วย Sinovac, Pfizer-BioNTech และ AstraZeneca

Reuters รายงานด้วยว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้เกือบทุกประเทศในเขตนี้อยู่ในภาวะวิกฤต ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่ถึงขีดจำกัดของการรับมือ ถึงขนาดที่หลุมฝังศพ 4 ใน 5 แห่งกรุงจาการ์ตา เกือบจะเต็มหมดเรียบร้อยแล้ว

ประเทศที่ยังรอดพ้นวิกฤตมาได้คือ สิงคโปร์ ซึ่งยังไม่มีการระบาดใหม่ ข้อมูลจาก Our World in Data พบว่าสิงคโปร์ฉีดวัคซีนให้ประชากรแบบครบ 2 โดสแล้ว 40% ของประชากรทั้งหมด

]]>
1342145
WHO เตือน เลี่ยงฉีด ‘วัคซีนผสมสูตร’ จับคู่ต่างชนิด เพราะเสี่ยงอันตราย ยังไม่มีข้อมูลมากพอ https://positioningmag.com/1341968 Tue, 13 Jul 2021 05:37:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341968 WHO เตือน ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เเบบผสมสูตรหรือจับคู่วัคซีนต่างชนิด ที่กำลังเป็นกระเเสในหลายประเทศ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย เเละยังไม่มีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพที่เพียงพอ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยช่วยบริจาควัคซีน

Soumya Swaminathan หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การฉีดเเบบผสมสูตรจับคู่ฉีดวัคซีนจากผู้ผลิตหลายรายให้กับประชาชน ซึ่งหลายประเทศกำลังจะดำเนินการอยู่นั้น ถือเป็น ‘dangerous trend’ เพราะตอนนี้มีข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรอยู่น้อยมากไม่ทราบถึงผลข้างเคียงที่เเน่ชัดเเละอาจเกิดผลกระทบในการฉีดวัคซีนครั้งต่อๆ ไป

การจับคู่ผสมวัคซีนต่างชนิดเข้าด้วยกัน เป็นกระแสนิยมที่ค่อนข้างอันตราย เรายังไม่มีข้อมูลหลักฐานใด ๆ ที่จะมาสนับสนุนเรื่องนี้

พร้อมมองว่า อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในหลายประเทศ หากประชาชนเริ่มตัดสินใจเองว่าจะฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สอง สาม สี่ ได้เมื่อไหร่และจะใช้วัคซีนของผู้ผลิตรายใด

ข้อมูลการผสมวัคซีนยังมีจำกัด บางทีมันอาจจะเป็นอาจเป็นวิธีที่ดีมากก็ได้ แต่ตอนนี้ เรามีเพียงข้อมูลการผสมด้วยสูตร เข็มที่ 1 AstraZeneca และตามด้วย Pfizer เท่านั้น

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน หรือ NACI ของแคนาดา อนุญาตให้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มแรกและเข็มสองต่างชนิดกันได้ เเต่ยืนยันว่า ควรเป็นวัคซีนชนิดเดียวกัน’ เเละยังจำกัดอยู่แค่เพียงวัคซีน 3 ยี่ห้อเท่านั้นคือ Pfizer, Moderna และ AstraZeneca

ขณะที่ วานนี้ (12 ..) คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของไทย มีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนต่างชนิดกันได้โดยประชาชนผู้ได้รับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 1 ให้ฉีดเข็มที่ 2 เป็น AstraZeneca โดยฉีดเว้นระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่าไทยจะเป็นประเทศเเรกในโลกที่ใช้วัคซีนโควิด ผสมสูตร Sinovac+AstraZeneca” 

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม เเม้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบทั้ง 2 เข็มเเล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดทั่วโลก ทางองค์การอนามัยโลก จึงยังคงกระตุ้นให้ผู้คนสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

สิ่งสำคัญในเวลานี้ คือต้องให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต

ด้าน Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ระบุว่า ยังคงมีความไม่เท่าเทียมในการ
กระจายวัคซีนในประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน 

โดยเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวย ร่วมบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศยากจน เพื่อกระจายวัคซีนเข็มเเรกให้มากที่สุด แทนที่จะเดินหน้าทำการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือ Booster Shot เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าแนวคิดนั้นสิ่งจำเป็นในเวลานี้หรือไม่

สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 จากทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน เเละยอดผู้เสียชีวิตก็กลับมาเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้ง หลังลดลงตลอด 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุหลักๆ มาจากการเเพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดหนักในพื้นที่มากกว่าร้อยประเทศทั่วโลก

 

 

ที่มา : Reuters , CNBC , Global News 

 

]]>
1341968
ไฟเซอร์ กำลังพัฒนาวัคซีน ‘เข็ม 3’ สู้สายพันธุ์ ‘เดลตา’ โดยเฉพาะ เตรียมขออนุมัติใช้ในสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1341530 Fri, 09 Jul 2021 07:31:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341530 ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลกอย่างไฟเซอร์’ (Pfizer) กำลังพัฒนาวีคซีนป้องกันโควิดเข็มที่ 3’ หรือ Booster Shot กระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับ ‘สายพันธุ์เดลตาโดยเฉพาะ เตรียมขออนุมัติใช้งานกับทางการสหรัฐฯ ภายในเดือนหน้า

เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา (Delta) หรือ B.1.617.2 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย ตอนนี้กำลังแพร่ระบาดหนักในกว่า 98 ประเทศ รวมถึงไทย

ก่อนหน้านี้ไฟเซอร์’ ได้ร่วมมือกับ ‘ไบโอเอ็นเทค’ ของเยอรมนี พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยหนักได้ประมาณ 95% เเต่ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอล เปิดเผยเมื่อ 5 .. ว่าประสิทธิภาพการป้องกันของวัคซีนไฟเซอร์นั้นลดลงมาเหลือเพียง 64% เมื่อเจอเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา

Mikael Dolsten หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์ อ้างอิงข้อมูลหลักฐานจากทางการอิสราเอล ระบุว่า ผู้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็มเเล้วนานเกิน 6 เดือน ยังมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

โดยยืนยันว่า เเม้การฉีด ‘Booster Shot’ ด้วยวัคซีนสูตรเดิมนั้น จะยังสามารถต้านทานโควิดทุกสายพันธุ์ที่รู้จักในตอนนี้ เเละมีการป้องกันสูงกว่าการฉีด 2 เข็ม ราว 5-10 เท่า เเต่ทางบริษัทกำลังพัฒนาวัคซีน Booster Shot สูตรใหม่เพื่อจัดการสายพันธุ์เดลตา

จากค้นพบเหล่านี้ สอดคล้องกับการวิเคราะห์การทดลองเฟส 3 ของบริษัท นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงพูดและเชื่อมาตลอดว่ามีความเป็นไปได้ที่จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3 ภายใน 6-12 เดือนหลังจากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว

โดยหากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแล ทางไฟเซอร์ไบโอเอ็น เทคจะเริ่มทดลองทางคลินิกให้เร็วที่สุดภายในเดือน ส..นี้ เพื่อเตรียมขออนุมัติใช้งานต่อทางคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์บางคน ยังตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการฉีด Booster Shot

Eric Topol ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ระดับโมเลกุลและผู้อำนวยการสถาบัน Scripps Research Translational ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มองว่าการลดลงของภูมิคุ้มกัน จะส่งผลให้เกิดการเพิกเฉยต่อส่วนประกอบอื่นๆ ที่สำคัญในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงเซลล์หน่วยความจำ B ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ เมื่อต้องเผชิญกับไวรัส โดยเขาเน้นว่าเรื่องนี้จะต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันให้ได้

ทั้งนี้ ไฟเซอร์คาดการณ์ยอดขายวัคซีนของบริษัทในปีนี้ทะลุ 2.6 หมื่นล้านเหรียญ เเละกำลังมองหาวิธีที่จะเพิ่มการผลิต โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 3 พันล้านโดสภายในปีนี้ และ 4 พันล้านโดสในปีหน้า

จากข้อมูลของ IQVIA Holdings ระบุว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก และวัคซีนเข็มต่อไปเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อาจมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.57 เเสนล้านเหรียญในปี 2025

 

ที่มา : CNBC , CNA , Reuters 

]]>
1341530
WHO เตือน COVID-19 สายพันธุ์เดลตา เตรียมระบาดหนักครอง “ยุโรป” ส.ค. นี้ https://positioningmag.com/1340604 Sun, 04 Jul 2021 14:47:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340604 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการพบปะคนต่างครัวเรือน การเดินทาง การรวมตัวกัน และการผ่อนปรนข้อจำกัดทางสังคม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์

“เมื่อสัปดาห์ก่อน ยอดผู้ป่วยโรค COVID-19 เพิ่มขึ้น 10% ขณะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิภาคยุโรปที่ยังมีประชาชนไม่ได้รับวัคซีนอีกหลายล้านคน แม้ประเทศสมาชิกจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” คลูเกอแถลงข่าวทางออนไลน์ที่กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก

“เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา อาจระบาดแซงหน้าสายพันธุ์อัลฟาอย่างรวดเร็วผ่านการแพร่ระบาดซ้ำๆ หลายครั้ง และทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแล้ว”

คลูเกอคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา จะเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดในภูมิภาคยุโรปภายในเดือนสิงหาคม พร้อมเตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ยอดการฉีดวัคซีนที่ลดต่ำ และการที่ประชาชนต่างครัวเรือนพบปะกันมากขึ้น จะทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและยอดการเสียชีวิตพุ่งสูงอีกระลอกก่อนฤดูใบไม้ร่วง

คลูเกอเรียกร้องประชาชนในภูมิภาค “มีระเบียบวินัยกันต่อไป” และฉีดวัคซีนเมื่อมีโอกาส เพื่อยับยั้งยอดผู้ป่วยที่คาดว่าจะพุ่งสูง

Photo : Shutterstock

“วัคซีนมีประสิทธิภาพต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่คุณต้องฉีด 2 โดส ไม่ใช่แค่โดสเดียว ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ยิ่งเราฉีดวัคซีนช้า ยิ่งมีเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์เกิดขึ้นเพิ่ม”

คลูเกอแสดงความเสียใจต่อความแตกต่างที่ชัดเจนด้านความเท่าเทียมทางวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวย และยากจนในยุโรป พร้อมระบุว่าอัตราความครอบคลุมทางวัคซีนของภูมิภาคอยู่ที่ 24% เท่านั้น และนั่นเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้ ทั้งยังห่างไกลจากคำแนะนำให้อัตราครอบคลุมอยู่ที่ 80% ของประชากรวัยผู้ใหญ่”

“การระบาดใหญ่จะไม่สิ้นสุดลงด้วยตัวเลขแบบนี้ และหากมีพลเมืองหรือผู้ออกนโยบายคนใดคิดว่ามันจะจบลงได้ พวกเขาคิดผิด”

หลายฝ่ายกังวลว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด เนื่องจากมีผู้ชมจำนวนหนึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสหลังเดินทางกลับประเทศ ซึ่งคลูเกอกล่าวย้ำให้ทุกคนระมัดระวังตัว และเรียกร้องผู้ชมทุกคนสวมหน้ากากอนามัย “โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ร่มและอยู่ท่ามกลางผู้คน”

“เรายังเผชิญความเสี่ยงสูง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้านี้จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและพฤติกรรมของเราในระดับบุคคล ชุมชน และรัฐบาล ทั้งในปัจจุบันและหลายสัปดาห์ข้างหน้านี้ ความสามัคคีจะต้องได้ผลคุ้มค่า”

]]>
1340604