Agoda – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 08 Nov 2024 14:35:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Agoda คาดปี 25 นักท่องเที่ยวเข้าไทยมากกว่า 39 ล้านคน ไทยขึ้นแท่นคนกลับมาซ้ำอันดับ 2 ของโลก https://positioningmag.com/1498123 Fri, 08 Nov 2024 09:57:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498123 หลังวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไป ธุรกิจต่างๆ กลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เริ่มกลับมาหายใจหายคอกันได้อีกครั้ง เนื่องจากผู้คนมีการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศกันมากขึ้น ข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า จำนวนสะสมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 27 ต.ค. 2567) มีมากกว่า 28 ล้านคน สามารถสร้างรายได้จากการใช้จ่ายจากต่างชาติได้แล้วกว่า 1,325,359 ล้านบาทแล้ว

โดยก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาสูงถึง 40 ล้านคนต่อปี กระทั่งตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่รัฐบาลประกาศปิดประเทศ (Lockdown) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยลดลงเหลือเพียง 6.7 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นการลดลงกว่า 83% 

หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น ทำให้ในครึ่งแรกของปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลับมาอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน หรือราว 5% ของช่วงก่อนโควิด-19 และมีการคาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยในปีหน้าจะมีประมาณ 39 ล้านคน ซึ่งเกือบจะเท่ากับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดเลยทีเดียว

4 ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า 39 ล้านคน

Agoda (อโกด้า) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว เผยว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวไทยมีการเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เป็นผลมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  • นโยบายผ่อนปรนการตรวจลงตราวีซ่าเข้าประเทศไทย (Visa Easing) ที่กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับการยกเว้น เห็นได้จากการที่ประเทศไทย มีการค้นหาที่พักในไทยจากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเพิ่มขึ้น 5%, จีนแผ่นดินใหญ่ 82%, ไต้หวัน 25%, และซาอุดีอาระเบีย 30% เป็นต้น
  • ศักยภาพในการรองรับการเดินทาง (Flight Capacity) ที่ Agoda คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น 6% ภายในปี 2025 โดยเป็นการเดินทางมาจากอินเดียเพิ่มขึ้น 16% จากฮ่องกง 13% และจากญี่ปุ่น 12% เป็นต้น
  • การขึ้นแท่นเป็นประเทศที่คนกลับมาเที่ยวซ้ำอันดับ 2 ของโลก (Repeat Visitors) รองจากประเทศญี่ปุ่น
  • จุดแข็งที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว (Unique Selling Points) ซึ่งประกอบไปด้วย Food ซึ่งไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับที่ 3 ของนักชิมในเอเชีย รองจากเกาหลีและไต้หวัน, Film โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยวางแผนไปเที่ยวชมสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์กันกว่า 6%, Fashion ที่เป็นการท่องเที่ยวแบบหรูหราในไทย ซึ่งมีการค้นหาโรงแรมห้าดาวในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 18% ในปี 2024, Fight เป็นการท่องเที่ยวแบบแอคทีฟผจญภัย อาทิ เดินป่า เรียนมวยไทย และอื่นๆ ที่ติดอันดับ 4 ในการสำรวจแนวโน้มการท่องเที่ยวในปี 2025 ของ Agoda และ Festival หรือกิจกรรมทางวัฒนธรรม อาทิ สงกรานต์ ลอยกระทง 

ทำให้เป้าหมายของประเทศที่ต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้มากกว่า 39 ล้านคนนั้นมีความเป็นไปได้นั่นเอง

นักท่องเที่ยวยุคใหม่ เน้นใช้ “เอเจนซี่” เพียงเจ้าเดียวในการจัดทริป

ทั้งนี้ Agoda เผยว่า พฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด อาทิ ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด กลุ่มนักท่องเที่ยวจะต้องการ “ความยืดหยุ่น” ในการท่องเที่ยวเป็นหลัก หรือกลุ่มที่เลือกท่องเที่ยวโดยเน้นเรื่อง “ราคา” ที่มักมีการเลือกราคาที่ดีที่สุดก่อนเสมอ 

แต่ในปัจจุบันพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยว จะเน้นในเรื่องของการใช้เอเจนซี่เพียงเจ้าเดียวในการดูแลทริปการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบิน ซึ่งจากเดิมที่นักท่องเที่ยวจะใช้เอเจนซี่หลายๆ เจ้าในการจัดท่องเที่ยวสักทริปหนึ่ง เป็นต้น

ยอดค้นหาที่พักเพิ่ม นักท่องเที่ยว “มาเลเซีย-จีน” มาไทยมากที่สุด

Agoda ยังเผยข้อมูลที่น่าสนใจ จากชุดข้อมูลที่จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงจากข้อมูลการค้นหาที่พักของ Agoda ในช่วงสิบเดือนแรก (มกราคม-ตุลาคมปี 2567) เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วว่า การท่องเที่ยวในขาเข้าประเทศ ที่พักในประเทศไทยมีการค้นหาโดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น 18% โดยเฉพาะเดือนตุลาคม ที่มีการค้นหาเพิ่มขึ้นกว่า 25% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากแนวโน้มในช่วงเทศกาลวันหยุด และนักเดินทาง 3 ประเทศที่เดินทางมาไทยมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 21%, เกาหลีใต้ 22%, และสิงคโปร์ 21% 

นอกจากนั้นยังพบว่า นักท่องเที่ยวจากอินเดีย, จีนแผ่นดินใหญ่, ไต้หวัน และซาอุดีอาระเบีย มีการค้นหาที่พักในไทยเพิ่มขึ้น 5%, 82%, 25% และ 30% ตามลำดับ เนื่องจากนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าเข้าประเทศไทย โดยมี 5 สถานที่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม และหาดใหญ่ นอกจากนั้นการท่องเที่ยวในเขตเมืองรองก็เป็นที่นิยมเช่นกัน โดยเบตง, อุดรธานี, เกาะหลีเป๊ะ, เชียงราย และ เกาะช้าง เป็น 5 อันดับเมืองรองของไทยที่นักท่องเที่ยวนิยมกลับมาเที่ยวซ้ำมากที่สุด

ซึ่งกิจกรรมในประเทศไทยที่นักเดินทางมีการจองเข้าร่วมสูงสุด ได้แก่ ล่องเรือดินเนอร์ในแม่น้ำเจ้าพระยา, การรับประทานบุฟเฟ่ต์บนตึกใบหยก, เที่ยวตลาดน้ำแบบไปเช้าเย็นกลับ, เรียนทำอาหารไทย และ เที่ยวชมปราสาทสัจธรรม

“ญี่ปุ่น” ยังครองแชมป์ ประเทศที่คนไทยชื่นชอบที่สุด

ด้านการท่องเที่ยวขาออกนอกประเทศ ญี่ปุ่น ยังครองแชมป์จุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุด โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 26% โดยมีเมืองใหญ่อย่าง โตเกียว ได้รับการค้นหามาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย โอซาก้า นอกจากนั้น 5 อันดับประเทศจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยม คือ ญี่ปุ่น, เวียดนาม, ฮ่องกง, จีน และ มาเลเซีย โดยเวียดนามได้ขยับจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 2 เนื่องจากเป็นประเทศที่มีราคาการใช้จ่ายที่ประหยัดอีกทั้งการสนับสนุนของรัฐบาลเวียดนามในด้านการท่องเที่ยว โดยเมืองดานังยังติดอันดับ 10 ของจุดหมายปลายทางเมืองที่คนไทยที่นิยม

ส่วนการท่องเที่ยวประเทศจีนของคนไทย พบว่ามีการค้นหาที่พักในจีนเพิ่มขึ้นมากถึง 206% ซึ่งอาจมาจากปัจจัยการยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าเข้าประเทศจีนและการฟื้นตัวจากโควิด ทำให้จีนขยับจากอันดับที่ 10 ขึ้นสู่อันดับที่ 4 สำหรับจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยนิยม และการค้นหาที่พักในนอร์เวย์ เพิ่มขึ้นถึง 49% ซึ่งอาจจะเกิดจากที่การบินไทยเปิดเส้นทางบินรายวันไปยังเมืองออสโลที่เพิ่มมากขึ้น 

กิจกรรมที่คนไทยนิยมทำมากที่สุดในต่างประเทศ 5 อันดับ ได้แก่ การเที่ยวยูนิเวอร์แซลสตูดิโอในประเทศสิงคโปร์, เที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ ในประเทศสิงคโปร์,เที่ยวดิสนีย์แลนด์ ในฮ่องกง, เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ประเทศสิงคโปร์ และเที่ยวโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น 

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศไทย ยังพบว่า คนไทยมีการค้นหาที่พักภายในประเทศเพิ่มขึ้น 8% โดยมี “กรุงเทพฯ” เป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ได้รับความินยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการค้นหาเพิ่มกว่า 20% จากคนไทย อีกทั้ง “ชลบุรี” ยังเป็นจังหวัดอับดับที่ 5 ที่มีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 11% ซึ่งกำลังจะขยับตามเชียงใหม่ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 4 เนื่องจากกระแส “หมูเด้ง” ที่ยังคงฟีเวอร์อยู่

]]>
1498123
ไปไหนดี? อโกด้าเปิดรายชื่อ 5 “เมืองรอง” มาแรงที่มีคนค้นหาเพิ่มขึ้นมากที่สุดปี 2566 https://positioningmag.com/1455582 Thu, 14 Dec 2023 04:56:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455582 “อโกด้า” เปิดรายชื่อ “เมืองรอง” 5 จังหวัดที่มีคนค้นหาเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2566 ได้แก่ นครนายก (+50%), อุบลราชธานี (+29%), สุพรรณบุรี (+24%), เพชรบูรณ์ (+23%) และ ตรัง (+20%)

เห็นได้ว่า “เมืองรอง” ทั้ง 5 จังหวัดกระจายตัวอยู่หลายภาคทั้งภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ มีความหลากหลายด้านแหล่งท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไป ไปดูกันว่าแต่ละจังหวัดมีเสน่ห์ดึงดูดอะไรบ้างที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากไปเยือน

1.นครนายก
เมืองรอง
เขาหล่น จ.นครนายก

สถานที่/กิจกรรมแนะนำ

  • เขาหล่น – มีสะพานไม้เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จุดปีนหน้าผา ควรไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมเพื่อชมทุ่งหญ้าสีทองในยามพระอาทิตย์ตก
  • อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ – ชมทัศนียภาพภูเขาเขียวขจี สายปั่นมาปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำได้
  • วัดเขาทุเรียน (วัดสีชมพู) – วัดมีเอกลักษณ์จากการทาสีชมพูทั่วทั้งวัด เหมาะไปชมความงาม
2.อุบลราชธานี
หาดหงส์ จ.อุบลราชธานี

สถานที่/กิจกรรมแนะนำ

  • สกายวอล์กเขื่อนสิรินธร – จุดชมวิวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว เป็นสะพานกระจกยาว 400 เมตร มองเห็นป่าไม้และฟาร์มโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ
  • หาดหงส์ – เนินทรายกลางแม่น้ำโขง มองเห็นโบก หาดทราย สันดอนทราย อย่างสวยงาม
  • วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว – ชมจิตรกรรมพื้นเรืองแสง และภาพต้นกัลปพฤกษ์วิจิตรงดงามด้านหลังอุโบสถ
  • สวนสัตว์อุบลราชธานี – สวนสัตว์แบบ Jungle Park ผสานส่วนแสดงสัตว์เข้ากับป่าไม้อย่างสมจริง เหมาะกับกลุ่มเด็กๆ

 

3.สุพรรณบุรี
เมืองรอง
ตลาดสามชุก จ.สุพรรณบุรี

สถานที่/กิจกรรมแนะนำ

  • ตลาดเก่าสามชุก – รับชมวิถีชีวิตของคนค้าขายริมแม่น้ำท่าจีนที่มีมายาวนานกว่าร้อยปี
  • อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง – พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยอากาศบริสุทธิ์

 

4.เพชรบูรณ์
สะพานห้วยตอง จ.เพชรบูรณ์

สถานที่/กิจกรรมแนะนำ

  • สะพานพ่อขุนผาเมือง (สะพานห้วยตอง) – ฐานสะพานสูงกว่า 50 เมตร และตัดโค้งผ่านหุบเขา ทำให้ได้ภาพความงามแปลกตา
  • น้ำตกศรีดิษฐ์ – น้ำตกที่สูงกว่า 30 เมตรและมีน้ำไหลตลอดทั้งปี พร้อมระบบนิเวศที่สมบูรณ์โดยรอบ
  • Amazing Dinosaur เขาค้อ – สร้างความตื่นตาให้นักสำรวจตัวน้อยด้วยการผจญภัยไปกับฝูงไดโนเสาร์ ป่าดึกดำบรรพ์ และเขาวงกต
  • อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ – แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุด ชมสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น

 

5.ตรัง
เมืองรอง
ตัวเมืองตรัง

สถานที่/กิจกรรมแนะนำ

  • เกาะกระดาน – ชายหาดที่ดีที่สุดในโลกปี 2023 จัดอันดับโดย World Beach Guide
  • ตัวเมืองตรัง – เมืองเก่าสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่คนท้องถิ่นยังคงอาศัยอยู่
  • ชิมอาหารเด็ด – หมูย่างเมืองตรัง และ เคาหยก คือสุดยอดอาหารท้องถิ่นที่นับเป็นเมนูประจำจังหวัด

 

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

]]>
1455582
‘Agoda’ เผย “ท่องเที่ยวไทย’ โตแซง 2019 แต่ ‘เวียดนาม’ กำลังเป็นคู่แข่งสำคัญ “แย่งนักท่องเที่ยว” https://positioningmag.com/1434288 Thu, 15 Jun 2023 09:53:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434288 อย่างที่หลายคนรู้ว่าเศรษฐกิจประเทศไทยนั้น การท่องเที่ยว ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สร้างการเติบโต โดย อโกด้า (Agoda) แพลตฟอร์มผู้ให้บริการจองห้องพักทางออนไลน์ ได้เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวไทยถือว่า ฟื้นตัวกว่าปี 2019 ไปแล้ว แต่ก็มี เวียดนาม ที่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์

ออมรี มอร์เกนสเติร์น (Omri Morgenshtern) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า เปิดเผยว่า จากข้อมูลของแพลตฟอร์มพบว่า การท่องเที่ยวของไทย ในช่วง 5 เดือนแรกในปี 2023 นั้น ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยไทยถือเป็นปลายทาง อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานคร ยังคงเป็นเมืองปลายทางที่มีการเดินทางมามากที่สุด

โดยประเทศที่มาท่องเที่ยวไทยมากที่สุด คือ เกาหลีใต้ และ อินเดีย ส่วนการมาของนักท่องเที่ยว จีน คิดเป็นประมาณ 50% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมา 100% ภายในสิ้นปีนี้ 

“ไทยถือว่าฟื้นตัวได้เร็วกว่าหลาย ๆ ประเทศ เพราะไม่มีข้อจำกัดในการเดินทาง รวมถึงจำนวนไฟลท์บินที่มีจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าไทยเปิดกว้างในด้านการท่องเที่ยวมาก”

ยังเทียบญี่ปุ่นยาก

ญี่ปุ่นยังถือเป็นหมุดหมายอันดับ 1 ของนานาประเทศทั่วโลกแบบ ทิ้งห่าง โดย ออมรี อธิบายว่า เนื่องจากญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง ที่สำคัญ ญี่ปุ่นมี เหตุผลให้ไปท่องเที่ยวมาก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ, สวนสนุก, แหล่งช้อปปิ้ง สามารถเที่ยวได้ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงสามารถเดินทางไปในเชิงธุรกิจ ดังนั้น การที่ไทยจะแซงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในระยะเวลาอันสั้นได้ยาก

สิ่งที่ไทยมี ทะเลสวย อากาศอบอุ่น และ เหมาะกับการมาปาร์ตี้สังสรรค์ แต่ไทยยังจำเป็นต้อง ลงทุนเพิ่ม เพื่อให้นักท่องเท่ียวมีเหตุผลที่จะเดินทางมา ไม่ใช่แค่พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเดิม เช่น การมีสวนสนุกใหญ่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

ในส่วนของ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือเชิงวัฒนธรรมนั้นต้องยอมรับว่า ม่ได้มีดีมานด์มากเท่าการท่องเที่ยวในสวนสนุก ที่ไม่เยอะเท่ากับสถานที่ท่องเที่ยวในสวนสนุก นอกจากนี้ คู่แข่งในภูมิภาคก็มีจำนวนมากที่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ขณะที่ภาพลักษณ์ของไทยเองก็มีความทันสมัย ดังนั้น อาจไม่ได้น่าดึงดูดเท่ากับประเทศที่กำลังพัฒนา อาทิ เมียนมา อย่างไรก็ตาม ไทยเองก็ต้องทำการตลาดเพื่อดันเมืองรองนั้น ๆ ว่ามีอะไรดี ไม่ใช่แค่ว่าราคาถูก

ภาพจาก Shutterstock

เวียดนามมาแรงจ่อแซงไทย

เวียดนาม ถือเป็นประเทศที่ในภาคการท่องเที่ยวมีความคล้ายคลึงกับไทย แต่เมื่อเทียบกันแล้วยังถือว่าห่างกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวเวียดนามเติบโตก้าวกระโดด โดยในปัจจุบัน เวียดนามเป็นหมุดหมายอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวเกาหลี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ใกล้ และไฟลท์บินก็เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 15 ไฟลท์

นอกจากนี้ เกาหลีก็เข้าไปลงทุนในเวียดนามมานาน ทำให้มีความคุ้นเคยมากกว่าไทย ดังนั้น ไทยเองก็ต้องลงทุนเพิ่มเติม เช่น เรื่องวีซ่าที่ทำให้ง่ายสะดวก และสายการบินก็ต้องเปิดเส้นทางการบินเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ออมรี มองว่า ไทยมีศักยภาพที่จะเป็น ฮับด้านเทคโนโลยี จึงอยากให้ไทยพัฒนาในส่วนนี้ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุน นักธุรกิจทั่วโลกเดินทางมาพบปะ แชร์ไอเดีย และเจรจาด้านธุรกิจ ซึ่งถ้าทำได้ก็จะยิ่งดึงดูดการเดินทาง

“ความเห็นส่วนตัว ผมมอยากให้ไทยเป็นฮับของเทคโนโลยี ตอนนี้สิงคโปร์มีภาพด้านนี้มากกว่า เเต่ผมเชื่อว่าเรามีประสิทธิภาพที่จะเป็นฮับด้านเทคโนโลยีของภูมิภาคได้ เพราะปัจจุบันไทยถือเป็นศูนย์กลางของอโกด้า พนักงานส่วนใหญ่ก็อยู่ไทย ศูนย์กลางเทคโนโลยีก็อยู่ไทย และพนักงานเกือบครึ่งของเราที่เป็นชาวต่างชาติก็ชอบไทยมาก”

Photo : Shutterstock

อโกด้าฟื้นเกิน 100%

สำหรับยอดการใช้งานของอโกด้าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเติบโตกว่าปี 2019 แล้ว โดยยอดค้นหาเพิ่มขึ้น 60% ยอดค้นหาท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น 49% อย่างไรก็ตาม ยอดการค้นหาข้อมูลการเที่ยวต่างประเทศของคนไทยยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะต้องยอมรับว่ามีเรื่องของ ราคา เข้ามาเป็นปัจจัย อย่างค่าตั๋วเครื่องบินก็ถือว่าสูงขึ้น เนื่องจากจำนวนไฟลท์ไม่เพียงพอ

ดังนั้น เรื่องของ ราคา จะเป็น 1 ใน 3 ด้านที่อโกด้าเน้นมากในปัจจุบันและอนาคต โดยพยายามจะทำราคาให้ดีที่สุด มีฟีเจอร์อย่าง Price Freeze ช่วยให้ผู้จองสามารถล็อกราคาที่พักที่กำลังดู อีก 2 ด้านจะเป็นการพัฒนา เทคโนโลยี โดยล่าสุดเริ่มนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้ และสุดท้ายคือ Localization

“เรามองว่าการท่องเที่ยวตอนนี้มันไม่ได้เติบโตเพราะอั้นแล้วจะลดลง เราเชื่อว่าจะคงที่ไปเรื่อย ๆ เช่น ฝั่งยุโรปและอเมริกาที่เปิดการท่องเที่ยวก่อนหลาย ๆ ประเทศ แต่ก็ยังไม่ตกลงเท่าไหร่ในปัจจุบัน โดยเราอยากให้คนเข้าถึงการท่องเที่ยวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราเลยพยายามทำราคาให้ดีที่สุดเปลี่ยนแท็กไลน์เป็น ให้เห็นโลกในราคาที่ต่ำลง เพราะถ้ามาจองกับเราแล้วถูกลงอีก 1-2% แล้วทำให้คนเที่ยวได้ก็โอเคเเล้ว”

]]>
1434288
“ไทย” ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ประเทศที่คน “มาเลย์-สิงคโปร์-เกาหลี” อยากมาเที่ยวมากที่สุด https://positioningmag.com/1383553 Sat, 30 Apr 2022 05:42:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383553 Agoda สำรวจการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อมาพักผ่อนในเดือนพฤษภาคม 2565 พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ค้นหาการมาเที่ยว “ไทย” เป็นอันดับ 1 สะท้อนแรงดึงดูดของไทยหลังจากผ่อนคลายขั้นตอนการเข้าเมือง ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ตั้งแต่ 1 พ.ค. นี้

การสำรวจการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิกโดย Agoda พบว่า “ไทย” เป็นจุดหมายอันดับ 1 ที่คนหลายประเทศค้นหามากที่สุด ดังนี้

  • มาเลเซีย – 1) ไทย  2) สิงคโปร์ 3) อังกฤษ
  • สิงคโปร์ – 1) ไทย 2) สิงคโปร์ 3) อินโดนีเซีย
  • เกาหลีใต้ – 1) ไทย 2) สหรัฐอเมริกา 3) เวียดนาม
  • ฟิลิปปินส์ – 1) สิงคโปร์ 2) สหรัฐอเมริกา 3) ไทย
  • อินโดนีเซีย – 1) สิงคโปร์ 2) สหรัฐอเมริกา 3) มาเลเซีย

จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมในแถบนี้ มีเพียงชาวอินโดนีเซียที่ประเทศไทยไม่สามารถเข้าไปอยู่ใน 3 อันดับแรกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้

หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต วันที่ 16 พ.ย. 2564

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในไทยแล้ว การผ่อนคลายวิธีการเข้าเมืองให้ง่ายขึ้นของไทยน่าจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามามากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 ประเทศไทยจะลดขั้นตอนสำหรับผู้เดินทางเข้าเมืองที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เพียงลงทะเบียนข้อมูลใน Thailand Pass และเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR เมื่อเดินทางมาถึง มีเพียงข้อแนะนำให้ตรวจ ATK เท่านั้น

 

คนไทยอยากไป “สิงคโปร์” มากที่สุด

สำหรับนักท่องเที่ยวไทย หากไม่นับการท่องเที่ยวในประเทศที่ยังครองใจมากที่สุดในระยะนี้ การเดินทางต่างประเทศ 5 อันดับแรกที่คนไทยต้องการไปมากที่สุด ได้แก่

  1. สิงคโปร์
  2. เกาหลีใต้
  3. ญี่ปุ่น
  4. สหรัฐอเมริกา
  5. อังกฤษ
“เกาหลีใต้” กำลังมาแรงในหมู่คนไทยที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศ

ที่น่าสนใจคือประเทศเกาหลีใต้ซึ่งการสำรวจเมื่อเดือนเมษายนยังอยู่ในอันดับ 6 แต่ล่าสุดพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 หลังจากผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มค้นหาและวางแผนการท่องเที่ยวกันทันที

 

“ทะเล” บูมสุดขีด

ช่วงเดือนพฤษภาคม “ทะเล” ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยม โดยสองอันดับแรกคือพัทยาและหัวหิน ยังคงครองใจคนไทยสูงสุดเมื่อคิดจะไปท่องเที่ยว โดย 10 อันดับแรกเมืองที่คนไทยค้นหามากที่สุด ได้แก่

  1. พัทยา
  2. หัวหิน
  3. ภูเก็ต
  4. กรุงเทพฯ
  5. เขาใหญ่
  6. เชียงใหม่
  7. กระบี่
  8. กาญจนบุรี
  9. ชลบุรี
  10. เกาะช้าง
]]>
1383553
Shopee Hotel มาแล้ว! จองที่พัก Agoda และ Booking.com ได้บนช้อปปี้ https://positioningmag.com/1360580 Fri, 05 Nov 2021 16:07:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360580 ช้อปปี้ จับมือ อโกด้า และ Booking.com เปิดตัว Shopee Hotel จองโรงแรมได้ง่ายๆ บนช้อปปี้! พร้อมพบกับดีลสุดพิเศษ รับเงินคืนสูงสุด 300 Coins เมื่อจองที่พัก หรือส่วนลดสูงสุด 60% สำหรับโรงแรมและที่พักที่ร่วมรายการ

เมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ช้อปปี้ จึงร่วมมือกับ อโกด้า (Agoda) และ Booking.com เปิดตัว Shopee Hotel ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานช้อปปี้สามารถเข้าถึง ค้นหา และจองที่พักที่มีให้เลือกสรรอย่างมากมายและหลากหลายตามความต้องการ จากอโกด้า และ Booking.com กว่าล้านแห่งทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท บ้านพัก หรืออพาร์ตเมนต์ โดย Shopee Hotel จะทำการเปิดตัวใน 7 ตลาด ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

การเปิดตัว Shopee Hotel ในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อรองรับความต้องการของการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่เริ่มมีท่าทีว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบกับการวางแผนการเดินทางของคนไทยในช่วงสิ้นปีที่กำลังจะถึงนี้

จากข้อมูลการค้นหาของอโกด้า ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีการค้นหาที่พักภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาถึง 57% และผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวในต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นถึง 37% ซึ่ง Shopee Hotel จึงช่วยตอบโจทย์พร้อมส่งมอบความคุ้มค่า และข้อเสนอสุดพิเศษในการเดินทางให้กับผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้โรงแรมพันธมิตร

Photo : Shutterstock

และผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลากหลายแห่งเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด, ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวว่า

“ช้อปปี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวระดับโลกอย่าง อโกด้า และ Booking.com เพื่อเปิดตัว Shopee Hotel ที่จะมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานของเราในการเลือกผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวอันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์สุดยิ่งใหญ่แห่งปีอย่าง Shopee 11.11 Big Sale โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเปิดตัว Shopee Hotel ในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้ฟื้นตัวและกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยการส่งเสริมและโปรโมตแนวคิดการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน ผ่านความร่วมมือกับโรงแรมและผู้ประกอบการพันธมิตร สุดท้ายนี้ช้อปปี้ขอเชิญชวนทุกท่านได้เปิดประสบการณ์และสนุกไปกับการท่องเที่ยวอีกครั้งอย่างปลอดภัย ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า และสิทธิพิเศษอีกมากมายเมื่อจองที่พักผ่าน Shopee Hotel”

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวของ Shopee Hotel ในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์สุดยิ่งใหญ่ที่ทุกคนรอคอย Shopee 11.11 Big Sale ช้อปปี้ได้เตรียมแคมเปญพิเศษในระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษและดีลสุดคุ้มเมื่อชำระเงินผ่าน ShopeePay อาทิ สิทธิ์ในการรับเงินคืนสูงสุด 300 Shopee Coins เมื่อจองโรงแรมบนแอปช้อปปี้ และส่วนลดสูงสุดถึง 60% ระหว่างวันที่ 1-15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เมื่อจองโรงแรมที่ร่วมรายการ เช่น จามส์เฮาส์, โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน, หรรษา สมุย, เดอะแคมป์สเตอร์ กาญจนบุรี และอีกมากมาย

]]>
1360580
คนไทยมองบวก ‘พร้อมเที่ยว’ ในประเทศ เน้นสถานที่ใหม่ หนุนธุรกิจท้องถิ่น ชอบเเพ็กเกจรวม https://positioningmag.com/1358033 Sun, 24 Oct 2021 12:34:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358033 ส่องเทรนด์การท่องเที่ยวหลังโควิด คนไทย ‘มองบวก’ พร้อมออกเดินทางเที่ยวในประเทศ กว่า 1 ใน 3 มีแผนออกเที่ยวภายใน 2 เดือนแรกหลังปลดล็อก เน้นตามหาสถานที่ใหม่ๆ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ชอบเเพ็กเกจรวมหลายกิจกรรมสุดคุ้ม 

Agoda (อโกด้า) แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เปิดเผยถึงผลการสำรวจในหัวข้อ เทรนด์การท่องเที่ยวเมื่อการเดินทางกลับมาอีกครั้ง ปี 2021

โดยทำการสำรวจใน 4 ประเทศคือ กลุ่มคนไทย 2,072 คน ระหว่าง 26-30 สิงหาคม 2564 คน ประเทศฟิลิปปินส์ 1,102 คน ระหว่าง 10-14 มิถุนายน 2564 คนมาเลเซีย 1,107 คน ระหว่าง 20-24 พฤษภาคม 2564 และเวียดนาม 1,103 คน ระหว่าง 15-19 กรกฎาคม 2564 ในรูปแบบออนไลน์

คนไทยพร้อมเที่ยว 

ผลสำรวจ ระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่ (20%) พร้อมที่จะไปท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้ง เมื่อข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวถูกยกเลิก และเมื่อปลอดภัยที่จะเดินทาง รองลงมา คือ คนมาเลเซีย (12%) คนฟิลิปปินส์ (8%) และคนเวียดนาม (5%)

“คนไทยเพศชาย (50%) มีแนวโน้มที่จะท่องเที่ยวภายในประเทศภายใน 6 เดือนข้างหน้า มากกว่าคนไทยเพศหญิง (45%) เล็กน้อย” 

โดยผู้ตอบแบบสำรวจเพศชาย (22%) มีความคิดอยากออกเดินทางทันทีเมื่อข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวถูกยกเลิก มากกว่าผู้ตอบแบบสำรวจเพศหญิง (19%)

Gen X อยากเที่ยวมากสุด 

ภายในกรอบระยะเวลาเดียวกัน พบว่า คนไทย Gen X (1965-1980) มีความอยากท่องเที่ยวมากที่สุด 51% ตามมาด้วย millennial หรือ Gen Y (1981-1996) มีสัดส่วน 49%, baby boomer (1946-1964) สัดส่วน 47% และ Gen Z (1997-2009) สัดส่วน 41%

คนไทยส่วนใหญ่ มองว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นไปในแง่ดี โดย 3 ใน 5 คาดหวังว่าจะสามารถท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ซึ่ง 38% ของคนกลุ่มนี้คาดหวังว่าจะท่องเที่ยวแบบไม่มีข้อจำกัดได้

ส่วนอีก 23% คาดหวังว่าจะท่องเที่ยวได้ แต่คงยังมีข้อจำกัด หรือต้องท่องเที่ยวผ่านแทรเวลบับเบิล (travel bubble) หรือแทรเวลคอริดอร์ (travel corridor) เท่านั้น

Happy female traveling on boat, Krabi Thailand

ตามหาสถานที่ใหม่ ๆ เช่าโรงเเรมท้องถิ่น 

ด้านพฤติกรรมนั้นพบว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 คนไทยไปท่องเที่ยวสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากขึ้น โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ บอกว่า การไปเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ รองลงมาคือ การไปเที่ยวสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแทนสถานที่ท่องเที่ยวหลัก และการไปเที่ยวสถานที่ที่เคยไปแล้ว โดยมองในมุมใหม่

นอกจากประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ แล้ว ยังมองเรื่องการสนับสนุนโรงแรมอิสระ รวมถึงธุรกิจในท้องถิ่น และการจองแพ็กเกจท่องเที่ยวพิเศษ ที่มีอาหารและเครื่องดื่ม โปรโมชันสปา หรือการอัพเกรดห้องพักรวมอยู่ด้วย

ผลการสำรวจดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านประเภทของสถานที่ท่องเที่ยวด้วย โดยอาการเบื่อบ้าน รวมถึงการต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้คนไทยหันไปสนใจการไปท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ป่าไม้/ภูเขาและชนบท มากกว่าการไปท่องเที่ยวในเมือง/ชานเมือง

 

]]>
1358033
“เมืองรอง” มาแรง! อโกด้าเปิดสถิติคนไทยเที่ยวในประเทศต้องการสถานที่ “แปลกใหม่” สูงขึ้น https://positioningmag.com/1299995 Mon, 05 Oct 2020 10:12:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299995
  • อโกด้า เปิดพฤติกรรมการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย มีแนวโน้มจองโรงแรม “หรูขึ้น” หลังงบท่องเที่ยวเหลือเพราะออกเที่ยวต่างประเทศไม่ได้
  • กลุ่มจังหวัด “เมืองรอง” มีโอกาสสูงขึ้น เพราะคนไทยต้องการสถานที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อน ยกตัวอย่างที่มาแรง เช่น เกาะกูด จันทบุรี นครศรีธรรมราช ฯลฯ
  • “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้ผลในการผลักดันธุรกิจท่องเที่ยว โดยมีการจองมากกว่า 1 ล้านคืนแล้วในแคมเปญนี้ แต่ถ้าหากยังไม่มีวัคซีนรักษาโรค COVID-19 และนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้าประเทศได้ตามปกติ เชื่อว่าการท่องเที่ยวไทยจะยังไม่ฟื้นเต็มที่
  • “จอห์น บราวน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า ประเทศไทย เปิดข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยและพฤติกรรมท่องเที่ยวของคนไทยหลังผ่านสถานการณ์ COVID-19 จอห์นมองว่า อโกด้ารวมถึงทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน และสถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/63

    ในประเทศไทย อย่างที่ทราบกันดีว่าต้องหันมาพึ่งท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก เพราะประเทศไทยยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามปกติ แม้จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวรูปแบบวีซ่าระยะยาวแล้ว แต่ก็น่าจะยังเป็นสัดส่วนที่น้อย เปรียบเทียบกับช่วงก่อน COVID-19 ที่การจองห้องพักในไทยกับอโกด้า 50% เป็นคนไทย และ 50% เป็นชาวต่างชาติ ขณะนี้การจองของชาวต่างชาติมีน้อยมาก ทำให้สัดส่วนเป็นคนไทย 90% และต่างชาติ 10%

    ด้านกลุ่มพาร์ตเนอร์โรงแรมของบริษัท 53,000 แห่งทั่วประเทศ ยังไม่พบการถอนการลงทะเบียนกับอโกด้า แต่มีบางส่วนที่ปิดชั่วคราวในเดือนเมษายน และกำลังทยอยกลับมาเปิดให้บริการ

     

    จองที่พักหรูขึ้นเพราะงบเหลือ

    เมื่อคนไทยคือลูกค้าหลัก ทำให้การทำความเข้าใจพฤติกรรมท่องเที่ยวของคนไทยสำคัญมาก จอห์นเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้คนไทยเลือกที่พักด้วยปัจจัย 3 ประการคือ

    1) ที่พักมีความสะอาด ปลอดภัยจากโรคระบาด COVID-19
    2) ยืดหยุ่นในการจอง สามารถยกเลิกหรือเลื่อนได้ เนื่องจากลูกค้ายังกังวลว่าอาจเกิดการระบาดซ้ำก่อนที่จะถึงกำหนดทริปท่องเที่ยวของตน
    3) ราคาถูกกว่าปกติ เป็นประเด็นสำคัญมากในเวลานี้ที่เศรษฐกิจค่อนข้างซบเซา

    คนไทยนิยมจองห้องพักในโรงแรมระดับหรูขึ้นกว่าเดิม ชดเชยที่ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะต้องการโปรโมชันราคาคุ้มค่า แต่คนไทยที่ออกท่องเที่ยวก็มีพฤติกรรมใช้จ่ายมากกว่าที่เคยโดยมักจะเลือกที่พักที่มีระดับสูงขึ้น เช่น เคยเลือกโรงแรม 3 ดาวขยับมาเป็น 4 ดาว ซึ่งอโกด้าวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะคนไทยไม่สามารถออกเที่ยวต่างประเทศได้ ทำให้ “งบเหลือ” และนำเงินมาใช้จ่ายกับที่พักที่ดีขึ้น

     

    คนไทยนิยมเที่ยวเมืองรองสูงขึ้น

    ด้านจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยที่มีการจองเข้าพักระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน-31 ธันวาคม 2563 (เก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563) 10 อันดับแรก ได้แก่

    1) กรุงเทพมหานคร
    2) พัทยา
    3) เชียงใหม่
    4) หัวหิน/ชะอำ
    5) ภูเก็ต
    6) เขาใหญ่
    7) ชลบุรี
    8) กาญจนบุรี
    9) กระบี่
    10) ระยอง

    บริเวณโดยรอบวัดเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช
    “ไอ้ไข่วัดเจดีย์” กลายเป็นจุดดึงดูดใหม่จนนครศรีธรรมราชขึ้นแท่นเมืองรองมาแรงวันนี้ (photo : mgronline.com)

    อย่างไรก็ตาม จอห์นระบุว่ามีบางเมืองที่อยู่ในกลุ่ม “เมืองรอง” ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น “เกาะกูด” ที่เข้าไปติด Top 10 จุดหมายปลายทางที่คนไทยค้นหามากที่สุดในอโกด้า นอกจากนี้จะมีจังหวัดที่มาแรง เช่น นครศรีธรรมราช จันทบุรี นครนายก ขอนแก่น อุดรธานี

    “คาดว่าเป็นเพราะคนไทยที่ไปต่างประเทศไม่ได้จะเริ่มมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศแทน” จอห์นกล่าว “ดังนั้นอโกด้ากำลังพยายามหาพาร์ตเนอร์โรงแรมเพิ่มในจุดที่เห็นว่าลูกค้าค้นหามากขึ้น และโชคดีที่อโกด้ามีพาร์ตเนอร์ในพื้นที่เมืองรองอยู่บ้างแล้ว ทำให้ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้”

     

    “เราเที่ยวด้วยกัน” ช่วยพยุง แต่ถ้าไร้ต่างชาติก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่

    ขณะที่ดีมานด์การท่องเที่ยวคนไทยยังมีอยู่ แต่ก็ต้องได้รับการกระตุ้นด้วย ซึ่งจอห์นให้ความเห็นว่าแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” ของภาครัฐสามารถกระตุ้นดีมานด์ได้สำเร็จ จนถึงปัจจุบันมีการจองผ่านแคมเปญนี้ไปแล้วมากกว่า 1 ล้านคืน โดย “อโกด้า” เป็นหนึ่งในพาร์ตเนอร์หลักในการใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของการใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันที่จองผ่านอโกด้า

    ทั้งนี้ อโกด้าไม่มีการเก็บค่าคอมมิชชันกับโรงแรมเมื่อลูกค้าจองผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (ปกติจะมีการเก็บค่าคอมมิชชัน 10-15%) และงานนี้เป็นงานอาสาพัฒนาแพลตฟอร์มให้รัฐบาลโดยไม่รับเงินสนับสนุน ด้วยแนวคิดของพนักงานอโกด้าที่นำเสนอทีมผู้บริหารเองว่า บริษัทควรเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ บริษัทจึงตัดสินใจส่งทีมโปรแกรมเมอร์ราว 12 คนช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มฟรี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แคมเปญเปิดตัวได้เร็ว

    จอห์น บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า ประเทศไทย

    อย่างไรก็ตาม แม้เราเที่ยวด้วยกันจะได้ผล และคนไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 แต่จอห์นกล่าวว่า ยังไม่สามารถครอบคลุมส่วนที่หายไปเพราะขาดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

    เนื่องจากพฤติกรรมการเที่ยวต่างกัน ขณะที่ชาวต่างชาติมักจะพักผ่อนนาน 1-2 สัปดาห์ต่อทริป แต่คนไทยมักจะจองห้องพักเพียง 1-2 คืนต่อทริป ทำให้นักท่องเที่ยวหนึ่งคนมีกำลังซื้อต่ำกว่าในการเที่ยวหนึ่งครั้ง

    “มองว่าต้องมีวัคซีนเท่านั้น จึงจะทำให้การท่องเที่ยวไทยกลับไปเป็นปกติเท่ากับปี 2562” จอห์นกล่าวถึงอนาคตระยะยาวของธุรกิจนี้

    สำหรับบริษัทอโกด้าเอง ได้ผ่านจุดที่ยากที่สุดคือกระบวนการ “ลดต้นทุน” ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเลย์ออฟพนักงานบางส่วน ลดเงินเดือนผู้บริหาร ลดงบการตลาด งดกิจกรรมของพนักงาน ลดพื้นที่เช่าออฟฟิศ ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะเดินต่อได้ โดยจอห์นมองว่าถ้ายังไม่มีวัคซีนใน 1-2 ปีนี้ บริษัทก็อยู่ในจุดที่อยู่ตัวพอจะดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ

    ]]>
    1299995
    จากกันเเบบมีเยื่อใย! บริษัทเทคฯ เปิดเว็บรวมโปรไฟล์พนักงานที่ถูกปลด ช่วยหางานใหม่ https://positioningmag.com/1280270 Sat, 23 May 2020 10:53:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1280270 เหล่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ต่างหนีไม่พ้นผลกระทบจาก COVID-19 เช่นเดียวกับภาคธุรกิจทั่วโลก เเม้จะพยายามปรับเปลี่ยนธุรกิจเเละลดต้นทุน เเต่ก็ไม่อาจต้านได้ต้อง “ปลดพนักงาน” ออก เพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป

    Agoda ยักษ์ใหญ่ด้านการจองที่พักเพิ่งปลดพนักงานไปกว่า 1,500 คน ใน 30 ประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของพนักงานทั้งหมดโดยซีอีโอของบริษัทออกมาบอกว่า เเม้ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเเต่ต้องเตรียมพร้อมในระยะยาว จึงจำเป็นต้องปรับขนาดทีมเพื่อให้เข้ากับการท่องเที่ยวในอนาคต

    ก่อนหน้านี้ สตาร์ทอัพดาวรุ่งอย่าง Airbnb สั่งปลดพนักงาน 25% หรือ 1,900 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 7,500 คน ที่มีอยู่ทั่วโลก พร้อมปรับลดขนาดบริษัทให้เล็กลง เลิกทำธุรกิจที่ไม่จำเป็นเเละกลับมาโฟกัสเเต่เรื่องที่พักเหมือนช่วงเริ่มต้นธุรกิจใหม่ โดยระบุว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่บอบช้ำที่สุด ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกต้องหยุดชะงัก

    ขณะเดียวกัน Uber บริการเรียกรถขนส่งสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันรายใหญ่ เตรียมปลดพนักงานไปถึง 2 รอบในช่วง 2 สัปดาห์รวมกว่า 6,700 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 จากจำนวนพนักงานทั่วโลก 28,600 คน ซึ่งเเม้ตอนนี้ธุรกิจส่วนเดลิเวอรี่กำลังได้รับความนิยมเเต่ก็ไม่อาจทดเเทนรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทที่มาจากส่วน Ride Hailing ได้

    นอกจากนี้ยังมีบริษัทเล็กใหญ่อีกมากที่ต้องปลดพนักงาน โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักอย่างธุรกิจท่องเที่ยว โรงเเรมการบินเเละร้านอาหาร

    ล่าสุดทั้ง Agoda , Airbnb , Uber มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในมาตรการช่วยเหลือพนักงานที่ถูกปลด นอกเหนือจากการจ่ายชดเชย การคุ้มครองด้านสุขภาพและช่วยเหลือด้านวีซ่าสำหรับพนักงานต่างชาติเเล้ว ยังมีการเปิดเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลโปรไฟล์ของพนักงานที่ถูกปลด เพื่อช่วยเหลือพนักงานเหล่านี้ให้หางานใหม่ได้ง่ายขึ้น เป็นโครงการให้พนักงานเดิมเข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ

    โดยจะมีการรวมตำเเหน่ง โปรไฟล์ ทักษะเเละประสบการณ์ พร้อมข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญเช่น สามารถย้ายที่อยู่ได้ด้วยหรือไม่ มาไว้ในนายจ้างบริษัทอื่นๆ ได้สรรหาตามความเหมาะสม ซึ่งบริษัทที่สนใจสามารถสามารถติดต่อระหว่างบุคคลได้โดยตรง รวมถึงสามารถส่งงานพิเศษผ่านทางแบบเเพลตฟอร์มได้ด้วย

    Uber : uber.com/talent

    Photo : Uber

     

    Airbnb : airbnb.com/d/talent

    Photo : Airbnb

    Agoda: Agoda Talent Directory

    Photo : Agoda

     

    นับเป็นอีกหนึ่งมาตรการช่วยเหลือพนักงานให้มีโอกาสได้งานใหม่เร็วยิ่งขึ้น หลายบริษัทที่จำเป็นต้องปลดพนักงานในช่วงนี้อาจนำไปประยุกต์ใช้ได้ อย่างน้อยก็เป็นการช่วยเหลือกันในสถานการณ์ยากลำบาก เพราะการหางานใหม่ในช่วงนี้ไม่ง่ายนัก ขอให้กำลังใจกับทุกคนให้ผ่านวิกฤต COVID-19 นี้ไปให้ได้ 🙂

    ]]>
    1280270
    Booking เเชมป์จองโรงแรมในไทย ปี 2019 จับตานักท่องเที่ยว “อินเดีย” มาไทยมากขึ้น https://positioningmag.com/1264425 Fri, 14 Feb 2020 12:38:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1264425 เปิด 12 เเพลตฟอร์มจองโรงเเรมสุดฮิตของคนชอบเที่ยว Booking.com ครองเเชมป์ในไทยในปี 2019 ท่ามกลางการเเข่งขันเดือดทั้งการจองตรงและผู้นำในตลาด จับตา Goibibo คนอินเดียเที่ยวไทยมากขึ้น

    SiteMinder เผยผลสำรวจจากรายได้เว็บไซต์การจองที่พัก บ่งชี้ว่ามูลค่าตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียและจีนนับเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

    “ในปี 2019 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 40.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 188% จาก 10 ปีที่ผ่านมา การเติบโตนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสอย่างมหาศาลให้กับผู้ประกอบกิจการโรงแรมในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามคือการติดตามพฤติกรรมการจองที่พักที่เปลี่ยนแปลงไป และมีความเข้าใจปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการเลือกจองห้องพัก” แบรด ไฮนส์ รองประธานกรรมการบริษัท SiteMinder ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าว

    โดยสุดยอด 12 แพลตฟอร์มจองโรงแรมในประเทศไทยประจำปี 2019 เมื่อประเมินจากรายได้รวมที่สร้างให้กับลูกค้าธุรกิจโรงแรมของ SiteMinder ได้แก่

    1.Booking.com
    2.Agoda
    3.Expedia Group
    4.เว็บไซต์โรงแรม (การจองตรง)
    5.Hotelbeds
    6.Trip.com
    7.Traveloka
    8.Goibibo
    9.Fusion Holidays
    10.Global Distribution System
    11.Flight Centre Travel Group
    12.Destinations of the World จาก WebBeds

    จาก 12 อันดับช่องทางการจองยอดนิยม รายชื่อที่น่าจับตามองที่สุดคือ Goibibo ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดถึงยอดการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยปัจจุบันอินเดียถือเป็น 1 ใน 5 ตลาดหลักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเลยทีเดียว

    โดย 14 จาก 20 จุดหมายปลายทางยอดนิยม ชี้ให้เห็นว่าการจองตรงผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม มีการไต่อันดับขึ้นจากปีที่แล้วหรือยังสามารถคงระดับอยู่ใน 5 อันดับแรกไว้ได้ และเฉพาะ Agoda ที่มีสำนักงานใหญ่ในเอเชียเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโตที่ดี เช่นเดียวกับช่องทางการจองตรง ซึ่งมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในแถบภูมิภาคยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา (EMEA)

    นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในตลาดการท่องเที่ยวโลก ดังนี้

    • การเปิดตัวของ Airbnb ในตลาด 6 แห่งภายในยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือและใต้
    • การขยายสู่ตลาดยุโรปเพิ่มขึ้นในประเทศอิตาลีของ Trip.com เพิ่มเติมจากฝรั่งเศส ถือเป็นบริษัทสัญชาติจีนแห่งแรก ที่ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มของตนในประเทศฝั่งตะวันตกเป็นผลสำเร็จเมื่อปี 2018
    • แบรนด์ต่างๆภายใต้ WebBeds อย่าง JacTravel, totalstay, Destinations of the World และ Sunhotels มีชื่อติดอันดับสุดยอด 12 แพลตฟอร์มจองโรงแรมที่จัดขึ้นในรอบครึ่งปีของ 2018
    • การปรากฏชื่ออีกครั้งของ Flight Centre Travel Group ซึ่งติดสุดยอด 12 อันดับของประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่ห่างหายไปถึง 4 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์การกระจายธุรกิจและการเข้าซื้อกิจการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรวมการจัดการการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังปรากฏชื่อเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้อีกด้วย
    • การเปิดตัวของ Lastminute.com ในตลาดทวีปยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกาถึง 2 แห่ง
      แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้บริโภคที่ตัดสินใจแบบไม่วางแผนล่วงหน้า

    เจมส์ บิชอป ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพันธมิตรของ SiteMinder กล่าวว่า การจองตรงผ่านระบบออนไลน์ยังคงมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับโรงแรมทั่วโลก เห็นได้จากการที่เว็บไซต์ของโรงแรมยังคงอยู่ใน 4 อันดับแรกของช่องทางการจองในตลาดหลัก และในบางตลาดยังกระโดดขึ้นมาในอันดับที่สูงขึ้นด้วย เป็นผลมาจากการที่โรงแรมผลักดันให้คนติดต่อเข้ามาจองห้องพักผ่านของทางหลักของตนเองมากขึ้น ผ่านการโปรโมทและการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ รวมถึงการลงทุนเพิ่มในเมตาเสิร์ช (Metasearch)

    นอกจากนี้เรายังเห็นผู้ให้บริการทางเทคโนโลยีมีส่วนในการส่งเสริมด้วยการสร้างบริการเสริมร่วมกับช่องทางการจองตรง ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนด้านการตลาดในรูปแบบดิจิทัลให้กับโรงแรมด้วย

     

    ]]>
    1264425
    กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา ติดโผเมืองยอดนิยมฉลองเคาท์ดาวน์มากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก https://positioningmag.com/1257307 Mon, 16 Dec 2019 15:49:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1257307 Agoda เปิดรายชื่อเมืองยอดนิยมสำหรับเฉลิมฉลองวันสิ้นปี โดย 3 อันดับแรกได้แก่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในทวีปยุโรป และลาสเวกัส สหรัฐอเมริกาในทวีปอเมริกาเหนือ

    สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในปีนี้กรุงโตเกียวยังคงครองแชมป์อันดับ 1 เมืองยอดนิยมสำหรับการฉลองวันสิ้นปี โดยมีกรุงไทเปตามมาในอันดับ 2 และกรุงเทพมหานครในอันดับ 3

    ความน่าสนใจก็คือในประเทศไทยมี 3 เมืองที่ติดอันดับด้วยกัน ไม่ใช่เพียงกรุงเทพฯ เท่านั้นที่ครองใจเหล่านักเดินทาง เพราะเชียงใหม่ติดอันดับ 7 และพัทยาติดอันดับ 10 เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับเฉลิมฉลองวันสิ้นปีด้วย ทำให้ประเทศไทยมีเมืองที่ติดอันดับมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ก็เปิดตัวด้วยการไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 6

    ในทวีปยุโรป เมืองหลวงอย่าง กรุงปารีส และกรุงลอนดอน ยังคงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยต่างก็รั้งตำแหน่งเดิมเหมือนในปีที่ผ่านมา ส่วนกรุงโรมแซงหน้าบาร์เซโลน่าขึ้นมาเป็นอันดับ 3 และมิลาน เมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของการแสดงแสงสีเสียงและพลุเฉลิมฉลองในคืนข้ามปี ก็ทำสถิติไต่อันดับสูงสุดมาอยู่ที่อันดับ 7 ขึ้นมาถึง 3 อันดับจากปีที่แล้วที่เคยอยู่ในอันดับ 10

    ทางฝั่งอเมริกาเหนือ เมืองแห่งแสงสีอย่าง ลาสเวกัส แซงหน้ามหานครนิวยอร์กขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ส่วนลอสแองเจลิสรั้งอันดับ 3 ไว้เหมือนในปีที่แล้ว และปีนี้ก็เป็นปีแรกที่ โฮโนลูลู เมืองในหมู่เกาะฮาวายติดอันดับ 4 ของเมืองยอดนิยมสำหรับเฉลิมฉลองวันสิ้นปี โดยเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องชายหาดสวยงาม ปาร์ตี้สุดมันส์ และวัฒนธรรมอันโดดเด่น

    ]]>
    1257307