Tag: Exclusive

ใน 5 ปีแรกยังมีเพียง 2 สาขา แต่เมื่อมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และอุปกรณ์เลเซอร์ไม่ใช่ความต่าง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงต้องเร่งเพิ่มสาขาอย่างชนิดที่”นพ.ธนวิศว์” ไม่ทันตั้งตัว จาก 2 เป็น 11 สาขาทั่วประเทศ และในปีนี้จะเพิ่มอีกเป็น 18 สาขา ด้วยเหตุผลเพราะมีทางเลือก 2 ทางเท่านั้น คือขยายสาขา เพื่อหาลูกค้าเพิ่ม...

นับเป็นอีกคลินิกความงามหนึ่งที่โด่งดังขึ้นมาได้จากชื่อเสียงของแพทย์ผู้รักษา “รมย์รวินท์” เป็นธุรกิจของขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิณ จากประกบการณ์การทำธุรกิจส่วนตัวด้านบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางมานานกว่า 20 ปี ก้าวเข้าสู่ธุรกิจคลินิกความงามด้วยใจรัก ร่วมกับ พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล ซึ่งเธอเคยใช้บริการจนกลายเป็นคนไข้ประจำของหมอฐานิสรมาแล้วก่อนหน้านี้ ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิณ กรรมการผู้จัดการ...

ท่ามกลางคลินิกความงามที่แบรนด์และจำนวนสาขาเริ่มเข้ายึดพื้นที่ชุมชนสำคัญๆ รวมทั้งครองพื้นที่เกือบหนึ่งชั้นในห้างสรรพสินค้า ยังมีช่องว่างทางการตลาดเหลือพอให้กับการรักษาผิวหนังและดูแลความงามของโรงพยาบาล โดยเฉพาะสถานรักษาพยาบาลที่มีขนาดกลางขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ต่างยกระดับจากแค่แผนกหนึ่ง ตั้งศูนย์ความงามเพิ่มเติมขึ้นมา ที่ดูแลคนไข้ทั้งการรักษาโรค และทรีตเมนต์ความงาม พญ.ศิเรมอร ทองสิมา หรือ คุณหมอกระตา แพทย์ประจำศูนย์ Aesthetics by Nakornthon ซึ่งเป็นศูนย์รวมศาสตร์แห่งความงามเพื่อสุขภาพผิวของโรงพยาบาลนครธน ที่เพิ่งรีโนเวตใหม่ในช่วงต้นปี 2553 บอกว่า การปรับตัวของโรงพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันมีคนไข้ที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณและความงามมากขึ้นเรื่อยๆ และมีคนไข้ที่มาพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเรื่องความงามอย่างเดียวสัดส่วนเพิ่มขึ้น 70%...

ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนก็ล้วนมีศูนย์ความงาม เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ที่อาจต้องการปรึกษาแพทย์ในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งลงทุนจัดตั้งศูนย์ความงามขึ้นมาเอง หรือเปิดพื้นที่ให้กับคลินิกภายนอกเข้ามาดำเนินการและรับผิดชอบในส่วนนี้แทน อย่างเช่น บำรุงราษฎร์ ที่เคยดึงคลินิกของแพทย์หญิงโมนา หลังจากที่คลินิกความงามทั้งหลายต่างทุ่มงบการตลาดสร้างกระแสคลั่งความงามให้เกิด แต่หากย้อนกลับไปจริงๆแล้ว โรงพยาบาลเป็นส่วนสำคัญในการจุดประกายเรื่องความงาม โดยเริ่มจากโรงพยาบาลยันฮีเป็นแห่งแรก ที่นำบริการรักษาด้านความสวย ความงาม มาเป็นจุดขายหลักเป็นรายแรก เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เฉพาะอย่างยิ่งการทำศัลยกรรมที่ทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลเป็นที่รู้จักในเรื่องความงาม อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ความงามไม่ได้มาจากศัลยกรรมเพียงอย่างเดียว แต่มีนวัตกรรมอื่นๆมาช่วยอีกมากมาย ยันฮีกลับประสบปัญหาพอควร และพยายามขยายชื่อเสียงการรักษาโรคทั่วไปเข้ามาทดแทน แต่ในปัจจุบัน...

“ปีต้องเรียกว่า ปีกระต่ายดุ จะแรงกว่าปีเสือ เหตุการณ์วุ่นวายจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 53 จะพีคเป็นช่วงๆ ให้ระวังมีนาคมถึงเมษา 54 ใครจัดอีเวนต์ใหญ่ควรงด โกลาหลอีกรอบเดือนพฤษภาคม ให้ระวังปลายปี 54 ต่อเนื่องปี 2555 ถือเป็นช่วงเวลาของประวัติศาตร์การเปลี่ยนแปลงหน้าใหม่ของประเทศไทย” เป็นภาพรวมคำทำนาย ดวงเมืองของอาจารย์ทศพร ศรีตุลา หรืออาจารย์ช้าง หมอดูหนุ่มชื่อดังแห่งยุค 2010 บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ...

ราศีเมษ ราศีเกรดเอ เรียนจบ ได้งาน ได้แต่ง ในปี 2554 ราศีที่จัดอยู่ในเกรดเอ เป็นราศีที่โชคดีที่สุดจะประกอบด้วย ราศีเมษ (ผู้เกิดวันที่ 15 เมษายน – 14 พฤษภาคม) จะได้ประโยชน์จากการย้ายของดาวพฤหัสฯ มากที่สุด โดยจะเห็นเด่นชัดที่สุดในปลายเดือนเมษายนเป็นต้นไป ชีวิตของคนเกิดราศีเมษจะก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่ง เช่นนักเรียนก็จะเรียนจบ เมื่อเรียนจบก็จะได้งานดีๆ ทำ คนที่มีความรักอยู่จะได้แต่งงาน...

เป็น “หมอดู” หนุ่มมาแรงแห่งนี้ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และคอมพิวเตอร์ โปรแกรมมิ่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มศึกษาในวิชาโหราศาตร์ตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นได้ต่อยอดเพิ่มเติมอีก 2 สาขา คือ 1.โหราศาสตร์ภาคพยากรณ์ (ศาสตร์การทำนายทั่วไป) 2.โหราศาสตร์ภาคคำนวณ (การเคลื่อนที่ของดวงดาว) อีกทั้งยังได้ศึกษาต่อเกี่ยวศาสตร์ฮวงจุ้ยทั้งในและต่างประเทศ อาจารย์ช้างมีผลงานมากมาย...

โหรภิญโญ เตือนจับตาต้นปี “4 ม.ค.54” เป็นต้นไป เค้าลางความวุ่นวายจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงพฤษภาคม ปีนี้มีอุปราคาเกิดขึ้นถึง 6 ครั้ง ให้ระวังปัญหาไฟไหม้ครั้งใหญ่ การวางเพลิง การก่อกวน คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ภัยสงคราม โรคระบาดใหม่ และการสูญเสียบุคคลสำคัญในระดับสูง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน แล้ง-ท่วม หนักกว่าปี 2553 เกิดสุริยุปราคา 6 ครั้ง...

“แผ่นดินยังไม่สิ้นหวัง ฟ้ายังปรานี (ถ้ายังมีนายกฯ คนเดิม) เศรษฐกิจพูนเพิ่ม ภัยพิบัติซ้ำเติมปลายปี” คำกล่าวเริ่มต้นของอาจารย์กรหริศ บัวสรวง ผู้อำนวยการสถาบันสอนการพยากรณ์ชั้นสูงและโหรผู้ทำนายดวงเมืองได้แม่นยำที่สุดคนหนึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา บอกถึงดวงชะตาของเมืองไทยผ่านโหราศาสตร์ไทยที่อาศัยการวิเคราะห์การโคจรของดวงดาว ว่า หลังจากที่คนไทยทั้งประเทศต้องทนทุกข์จากอุทกภัย วาตภัยเมื่อปลายปี 2553 อย่างหนักหน่วง โดยให้จับตาการทำมุมของดวงดาวต่างๆ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป ในช่วงนี้อาจจะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หลังจากวันที่ 9 เดือนพฤษภาคม 2554 ดวงเมืองจะส่งผลดีต่อประชาชนทั้งประเทศ เนื่องจากดาวพฤหัสบดีกับดาวอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวคู่มิตรโคจรเข้ามาในเรือนของดาวอังคารซึ่งเป็นคู่สมพงษ์...

“ตั้งแต่ 4 พฤษภาคม ไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2554 ช่วงนี้ ประเทศไทยจะมีข่าวดีหลายด้านทั้งภาคเศรษฐกิจและการเมือง ตลาดหุ้น ตลาดทุนจะเฟื่องฟู โครงการใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแสงและเงา เช่น ธุรกิจสื่อสาร เคเบิลทีวี บันเทิง โครงการ 3G จะผ่านฉลุย” คำทำนายของอาจารย์ สุพิชชา พืชนุกูล หรือ อาจารย์น้อย นักโหราศาสตร์ไทยอีกรายหนึ่ง...