“ที่เว็บผู้จัดการเปิดให้แสดงความคิดเห็นได้ และอัพเดต 24 ชั่วโมง ก็มาจากความคิดของคุณสนธิ ที่เห็นศักยภาพของความเป็น interactive และ realtime ที่เหนือกว่าโทรทัศน์และวิทยุ” เว็บมาสเตอร์ของ manager.co.th “นิรันดร์ เยาวภา” ย้อนหลังให้ POSITIONING ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการเป็นเว็บข่าวที่แตกต่างจากเว็บข่าวในไทยรายอื่นๆ มีเรตติ้งเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเว็บข่าวไทย และเป็นเว็บไทยที่ถูกเรียกดูจากต่างประเทศ (โดยคนไทยในประเทศต่างๆ) สูงที่สุด นิรันดร์ย้อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญๆของ manager.co.th ตั้งแต่เริ่มตั้งมา เริ่มจากการเปลี่ยนหลักคิดพื้นฐานจากเดิมที่เว็บนั้นเป็นแค่หนังสือพิมพ์ฉบับดิจิตอล ปรับเว็บให้มาเป็นเว็บข่าวแยกตัวออกมาจากหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะ เช่นหากเดิมนักข่าวของผู้จัดการรายวันไปทำข่าวมา 10 โมงเช้าแล้วต้องส่งข่าวภายในบ่าย 3 โมงเพื่อลงหนังสือพิมพ์รุ่งขึ้น ก็กลายเป็นว่าต้องส่งก่อน 11 โมงเพื่อลงเว็บให้มีความเป็น real time และตอกย้ำจุดเด่นนี้ด้วยวงเล็บท้ายหัวข่าวว่านำข่าวขึ้นมาแล้วกี่ชั่วโมงนาที จากนั้นก็มาถึงสิ่งที่เป็น positioning...
นีลเส็นมีเดียรีเสิร์ช ได้ทำการสำรวจจำนวนผู้อ่าน “หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน” ล่าสุด พบว่า ตัวเลขก่อนหน้านี้ คือ ช่วงเดือนเมษายน 2548 มีจำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน จำนวน 82,000 คน ถึงวันนี้มียอดผู้อ่านเพิ่มขึ้นเป็น 154,000 คน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบลองมาเปรียบเทียบหนังสือพิมพ์ธุรกิจประเภทเดียวกัน 3 ฉบับ ระหว่าง ผู้จัดการรายวัน กรุงเทพธุรกิจ และโพสต์ทูเดย์ พบว่า ผู้จัดการรายวันมีอัตราการเติบโตของผู้อ่านสูงกว่าทั้งสอง โดยผู้อ่านกรุงเทพธุรกิจล่าสุดมีจำนวน 111,000 คน ลดลงจากเดิมที่มี 113,000 คน ...
“วิกฤตที่เกิดขึ้น เหมือนเหรียญอีกด้านหนึ่งมันสร้างโอกาสขึ้นมาด้วย แต่ก็ต้องแลกด้วยต้นทุนที่แพงแสนแพงประเมินค่ามิได้ นั่นคือความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งธุรกิจที่ต้องเสี่ยงหายไปจากสังคมไทย” จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ซีอีโอผู้จัดการ อธิบายถึงปรากฏการณ์เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร คำอธิบายที่ดูเหมือนจะยิ้มดีหรือไม่ควรยิ้มดี กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ซีอีโอผู้จัดการยอมรับว่า แบรนด์หรือความเป็น “ผู้จัดการ” นั้นมีฐานทางการตลาดที่ใหญ่ขึ้นแบบไม่ตั้งใจ ขยายใหญ่ถึงระดับรากหญ้า เป็นมาร์เก็ตติ้งตามสถานการณ์ที่เอาตัวตน เอาจิตวิญญาณเข้าแลก จิตตนาถ ยังมองอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นหลายคนเชื่อว่า นี่อาจเรียกว่าวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่ของธุรกิจผู้จัดการ ซึ่งกระทบอย่างรุนแรงทางด้านการดำเนินธุรกิจ แต่แก่นแท้นั้นของการต่อสู้ดังกล่าว คือการต่อสู้ทางเสรีภาพของสื่อ เมื่อถูกปิดกั้น จำเป็นที่เราต้องสู้ ลุกขึ้นเพื่อความชอบธรรม “ขอย้ำว่า เราไม่ทำธุรกิจ ไม่ใช่มาร์เก็ตติ้งที่ตั้งใจจะทำเพื่อธุรกิจ แต่เป็นมาร์เก็ตติ้งที่เกิดขึ้นเอง ตามสถานการณ์ของรัฐบาลที่ต้องปิดกั้นสื่อ และดูเหมือนยิ่งปิด ยิ่งเกิดกระแส ยิ่งทำให้บทบาทของสื่อผู้จัดการสูงขึ้นตามดีมานด์ของประชาชน”...
คำกล่าวที่ว่า “สถานการณ์สร้างคน” น่าจะอธิบายเส้นทางชีวิตผู้ประกาศข่าวสาว สโรชา พรอุดมศักดิ์ ซึ่งเริ่มต้นอ่านข่าวภาคภาษาอังกฤษที่ News Line ช่อง 11 ก่อนจะย้ายไปฝึกฝนกระบวนการทำข่าว และผู้ประกาศข่าวมืออาชีพกับ สิทธิชัย หยุ่น สถานีข่าว Nation Channel หรือ UBC 8 ของค่ายเนชั่น ต่อมาเธอก้าวเข้าทำงานใน Channel News Asia ประเทศสิงคโปร์ในตำแหน่ง ผู้ประกาศข่าวภาคภาษาอังกฤษที่สำนักงานประเทศสิงโปร์ แม้ว่าการเข้าทำงานในสังกัด Media Corp News จะทำให้เธอมีโอกาสก้าวไปเป็น ผู้ประกาศข่าวระดับโลกในเวที CNN ซึ่งเป็นเส้นทางที่ ผู้สื่อข่าวใฝ่ฝัน หากแต่เธอกลับเลือก ความสุขในใช้ชีวิตกับครอบครัวในไทย...
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลานี้ไม่มีสื่อมวลชน หรือพิธีกรรายการโทรทัศน์คนไหนในเมืองไทย ที่จะโด่งดังได้เท่ากับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” อีกต่อไปแล้ว เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลสั่งถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ออกจากผังรายการของช่อง 9 ก็ยิ่งทำให้เมืองไทยรายสัปดาห์ ที่มี “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นพิธีกร กลายเป็นของหายาก ด้วยเนื้อหาที่เน้นการตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทำให้รายการนี้มีแฟนประจำติดตามดูอย่างเหนียวแน่น และยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นทวีคูณ ยิ่งรัฐบาลพยายาม “ปิดกั้น” ด้วยวิธีต่างๆ มากเพียงใด ก็ยิ่งสร้างแรงกระตุ้นให้มีผู้มาเข้าชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร จนตัวเลขหลักแสนคนในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง เพราะนับจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และพฤษภาทมิฬ...
“สังคมไทยมักจะมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนถูกทำร้าย และเมื่อสื่อรายการทางทีวีถูกปิดกั้น ถูกถอดรายการคนทั่วไปจึงรู้สึกเห็นใจ คุณสนธิ (ลิ้มทองกุล) มากขึ้น สังเกตหลายๆ คนเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หนีจากเครือข่าย AIS มากขึ้น เพราะรู้สึกมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ และไม่พอใจที่สื่อถูกทำร้าย รวมทั้งสนใจรายการ หรือสิ่งที่นำเสนอในรายการด้วย” ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ รองบรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน อธิบายถึงเหตุผลประชาชนทั่วไปให้ความสนใจรายการเมือไทยรายสัปดาห์สัญจร เขามองว่า ถ้าย้อนกลับไปประมาณ 4 ปีที่แล้ว พวกฮาร์ดคอร์ด้านการเมืองชอบวิพากษ์วิจารณ์การเมือง เพราะไม่ชอบรัฐบาลมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อรัฐบาลทักษิณเข้ามาเป็นคณะรัฐบาลบริหารประเทศ แต่ไม่มีเวทีและโอกาสในการแสดงความคิดเห็น หรือแสดงความคิดเห็นไปก็ไม่ค่อยมีคนฟัง เพราะช่วงนั้นกระแสรัฐบาลแรง แต่ช่วงหลังรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” โดย สนธิ (ลิ้มทองกุล) ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลรุนแรงขึ้น จนเกิดกระแสความนิยมมากขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเนื้อหาในรายการได้พลาดพิงถึง...
หลังจากที่เรียกว่า “ข่าว” ในโทรทัศน์ ตีพิมพ์ใน “ผู้จัดการรายวัน” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็มีนักจัดรายการของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งและสถานีวิทยุอีกสองแห่ง ติดต่อให้ผมช่วยไปพูดอะไรเกี่ยวกับ “ข่าว” ในยุคนี้ในรายการของตน หลังจากนั้น มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งก็ขอให้ผมไปร่วมการอภิปรายในหัวข้อทำนองเดียวกันอีก นี่คือตัวอย่างที่แสดงว่า อะไรที่เราเรียกๆ กันแบบผ่านๆ ว่า “ข่าว” ในสมัยนี้ ดูจะมีความซับซ้อนไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ไม่ใช่เป็นอะไรที่ใครๆ ก็สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ทว่าความที่ไม่ค่อยชอบเดินทางไปที่ไหนๆ อีกทั้งไม่ค่อยชอบพูดโทรศัพท์กับใครนานๆ โดยไม่จำเป็น ผมจึงปฏิเสธความตั้งใจดีของท่านเหล่านั้นไปด้วยความเกรงใจ แต่ก็สัญญาว่าว่างๆ จะนำโจทย์ในทำนองที่ท่านได้ช่วยตั้งกันขึ้นนั้นมาเขียนในที่นี้ ในวันนี้ เราจะพยายามทำความเข้าใจว่า ทั้งๆ ที่เปี่ยมไปด้วย “คุณค่าด้านข่าว” (newsworthiness)...
ปรากฏการณ์ฟีเวอร์ “ เมืองไทยรายสัปดาห์ ” ที่นับวันยิ่งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากมองในมิติโปรดักส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว Key of success กุญแจแห่งความสำเร็จ สามารถอธิบายภาพในมิติทางการตลาด ที่นักวิชาการเปรียบเทียบว่า คล้ายกับกระแสชาเขียว ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ฮอตที่สุดในเวลานี้แต่ยังอยู่บนการตลาดความเสี่ยง (risky marketing) • ชาเขียวฟีเวอร์ ชลิต ลิมปนะเวช อาจารย์ภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิเคราะห์ ปรากฏการณ์รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ในมิติทางการตลาด เปรียบเมืองไทยรายสัปดาห์เป็น product ที่คล้ายกับปรากฎการณ์ของ “ชาเขียวฟีเวอร์” เนื่องจากรายการนี้ ซึ่งมี “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นผู้จัดรายการร่วมกับพิธีกรหญิง “สโรชา พรอุดมศักดิ์”ในระยะแรกเป็นรายการธรรมดาที่เชียร์รัฐบาลและยังไม่มีความขัดแย้งกับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี...
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ หน้า 2 (วันวันจันทร์ 28 พฤศจิกายน 2548) ได้นำเสนอรายงานวิเคราะห์ระบุว่า ปรากฏการณ์ “สนธิฟีเวอร์” ทุกช่วงวันศุกร์นั้น สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรต่อสถานการณ์ร้อนทางการเมือง” ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลประชากรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,438 ตัวอย่าง โดยโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2548 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจดังนี้ ตัวอย่างประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 64.0 ติดตามข่าวสารการเมืองเป็นบางวัน ร้อยละ 31.2 ติดตามทุกวัน และร้อยละ 4.8 ไม่ได้ติดตามเลย...
กลายเป็นกรณีศึกษา ที่แวดวงวิชาการจากสถาบันการศึกษาให้ความสนใจ หลังเกิดกระแสวิพากษ์ “รายการเมืองไทยรายสัปดาห์” เมื่อครั้งถูกปลดออกจากผังช่อง 9 ทำให้สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ของ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หยิบประเด็นรายการนี้มาศึกษาอย่างจริงจัง โดยสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการเมืองต่อประเด็นต่างๆ หลากหลายแง่มุมอย่างน่าสนใจ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ได้จัดทำโครงการสำรวจภาคสนาม ขึ้นเมื่อวันที่ 12-16 พฤศจิกายน ในเชิงสำรวจ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานคร ใช้เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างสำหรับวิธีการวิจัย ใช้การสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม และการสัมภาษณ์เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล การสำรวจ มุงเน้นประเด็นหลัก เรื่อง การนำเสนอข่าวสารทางการเมืองและความคิดเห็นต่อรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานคร”โดยมีจำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 1,282 ตัวอย่าง คนกรุงเกือบ 1 ใน...







