หากนับระยะเวลาที่เกิดขึ้นของคำว่า “สยามสแควร์” เมื่อตุลาคม 2513 ตอนนี้ก็นับได้ว่าสถานที่แห่งนี้กำลังก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 35 อายุอานามเข้าวัยกลางคน แต่ความสุดจี๊ดของที่แห่งนี้ยังครองใจวัยรุ่นมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ "สยามสแควร์" ที่เป็นที่รู้จักกันมาจนทุกวันนี้ มาจากชื่อคอลัมน์ที่ “พอใจ ชัยเวฬ” เขียนซุบซิบเกี่ยวกับคนบันเทิง และผู้ที่มีชื่อเสียงรู้จักมักคุ้น เขียนเป็นคอลัมน์ "สยามสแควร์" ในหนังสือสูจิบัตรที่แจกฟรีให้ผู้มาดูภาพยนตร์แถบนั้น เพื่อประชาสัมพันธ์หนัง ก่อนที่จะถูกเรียกติดปากว่าที่นี่ว่า “สยาม” “สยาม” เป็นศูนย์กลางการค้าแบบร้านเล็กๆ แต่มีสไตล์ของตัวเองโดยเฉพาะด้านสินค้าแฟชั่น ที่มีอยู่อย่างหลากหลายตั้งแต่บนถึงล่าง ศูนย์การค้าสยามที่เราเห็นเป็นร้านเล็กๆ เริ่มที่ใต้ถุนโรงภาพยนตร์ก่อนที่จะขยายอาณาบริเวณ เมื่อก่อนกว่า 6 ปีที่แล้ว “ลาน The Center Point of Siam Square” ศูนย์กลางกิจกรรมสำหรับวัยรุ่นสังคมเมืองก็เกิดขึ้น หากมอง...
ดูเหมือนว่า event เปิดตัวสินค้าและบริการที่มี “วัยรุ่น” เป็นลูกค้าเป้าหมายยุคสมัยนี้ หากปราศจาก เบรกแดนซ์ B-boy ไม่มีมุม ดีเจสแครชแผ่น มีมุมของ Graffiti ศิลปะ “ฮิพ-ฮอพ” หรือ ถ้าให้เต็มรูปแบบต้องมี MC หรือนักร้องแนวแร็พเปอร์ ดูเหมือนว่างาน event นั้นอาจจะลดสีสัน หรือหลุดกระแสของวัยรุ่นลยก็ว่าได้ สินค้าและบริการใดที่ต้องการเจาะไปยังลูกค้า “วัยรุ่น” นอกจากตัวสินค้าและหีบห่อต้องโดนใจ กิจกรรม ความบันเทิง ที่สรรหาในงานกิจกรรมเปิดตัวหรือแถลงข่าว ต้องเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่น เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ ทุกกิจกรรมจึงต้องผ่านการทำการบ้านมาแล้วอย่างหนัก...
บันเทิง ดนตรี กีฬา และแฟชั่น เป็นสิ่งที่เติบโตไปพร้อมๆ กัน ในสังคมปัจจุบันศิลปินชื่อดังมากมายเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้ทำตามกันอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปัจจุบันสภาพสังคมในบ้านเราที่เปิดกว้างมากขึ้น พร้อมกับเด็กรุ่นใหม่มีความกล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออกมากขึ้น ทำให้วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ได้เป็นแค่วัยรุ่นแบบที่แต่งตัวไปตามกระแสแฟชั่นของแต่ละช่วงเท่านั้น แต่วัยรุ่นหลายคนนอกจากการแต่งกายมีทั้งผลงาน ทั้งความคิดที่ทำให้ตนเองเป็นที่ยอมรับในสังคม แน่นอนว่าเมื่อเด็กกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ กล้านำเสนอในสิ่งที่ตนเองคิด แฟชั่นการแต่งกายจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่จะถูกแยกออกไปตามแนว ไปตามความชอบของแต่ละกลุ่มกันไป หากจะนำสิ่งใดมาแบ่งแยกนั้น การแบ่งแยกตามแนวเพลงคงจะเห็นได้ชัดที่สุด เพราะศิลปินในแนวเพลงแต่ละแนวก็มีแนวในการแต่งตัวตามกันไป เมื่อศิลปินเหล่านั้นโด่งดัง ก็กลายเป็น idol สำหรับวัยรุ่น ดังนั้น เมื่อโลกของดนตรีมีความหลากหลาย แฟชั่นจึงหลากหลายตามไป ทุกวันนี้เราเห็นเด็กวัยรุ่นกล้าที่จะแต่งตัวมากขึ้น หลายคนที่เราเห็นดูแปลกตา จนเป็นที่มาของคำว่า “เด็กแนว” เด็กแนวที่ว่านี้ก็จะมีทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่รู้ตนเองอยู่จริงว่าตนเองชอบและต้องการทำสิ่งใดและจะแต่งตัวไปในแนวไหน แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ยังค้นหาตัวเองอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งไหน แต่ถูกกระแสแฟชั่นพัดพาไป หรือที่เราเรียกกลุ่มนี้ว่า “wanna...
เพลง indy ไม่ได้จำกัดที่แนวเพลงใดแนวเพลงหนึ่ง หากแต่หมายถึงการทำงาน การนำเสนอผลงานของตนเองออกไปอย่างอิสระ หากจะพูดถึงแผงเทปที่เปิดกว้างสำหรับคนทำเพลงรุ่นใหม่ๆ ให้ลองมาวางขายกัน ร้านน้อง ท่าพระจันทร์ และดีเจสยามคงเป็นร้านแผงเทปลำดับต้นๆ ที่กลุ่มคนทำเพลงอิสระทั้งหลายนึกถึง POSITIONING สะท้อนมุมมองของสองร้านชื่อดังที่อยู่คู่กับวงการเพลง สะท้อนความเฟื่องฟูของแนวเพลงที่หลากหลาย และพวกเขาคิดอย่างไรกับกระแส “เด็กแนว” ธนโชติ เพียรเสมา หรือที่รู้จักกันดีว่า “เปี๊ยก ดีเจสยาม” เชื่อว่า กระแสของเพลง indy ที่เติบโตขึ้นและดูจะแข็งแกร่งขึ้นกว่ายุค 10 ปีก่อนนั้น เป็นเพราะมีช่องทางที่สนับสนุนเด็กๆ ที่ทำงานเพลงกันอย่างอิสระมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทั้งร้านน้องและดีเจสยามทำตั้งแต่อดีตและปัจจุบันก็คือ การให้โอกาสการเปิดรับผลงานของเพลงอินดี้ที่ไม่มีสังกัดได้มาวางจำหน่ายในร้าน นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่คนทำเพลงที่มีโอกาสนำเสนอผลงานดีๆ ที่ตั้งใจทำออกมาแล้ว คนฟังเองก็จะมีตัวเลือกของแนวเพลงที่ฟังมากขึ้น การที่คลุกคลีและเห็นถึงโอกาส ทุกวันนี้ “ดีเจสยาม”...
จากเด็กอายุ 14 ปี ที่มีเพียงความชื่นชอบเพลง ฮิพ-ฮอพ โจ้ หรือ โจอี้ บอย ได้แปรความชอบ นำพาตัวเอง เข้าสู่การเป็นนักร้องเพลง “แร็พเปอร์” ค่ายเบเกอรี่มิวสิค โจอี้ บอย สร้างโอกาสครั้งใหม่ ด้วยการเข้าร่วมค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่ ผลสำเร็จจากงาน Thai Hop ก้านคอ คลับ ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้บริหารค่ายเพลง “ก้านคอคลับ” ผลิตศิลปินคอเดียวกันออกสู่ตลาด ส่งผลค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “แกรมมี่” ไม่ต้องหลุดกระแสนิยมของวัยรุ่น โจอี้ บอย กลายเป็นแบรนด์ที่สามารถดึงดูดผู้คน สินค้าและบริการ ...
เมื่อ “hip-hop” ถูกนำไปถอดรหัส ให้เป็นเครื่องมือทางการตลาดของ “ค่ายเพลงใหญ่” จนเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ แฟชั่นเสื้อผ้าเมืองนอกยกทัพ “ฮิพ-ฮอพ” เข้ามาละลายทรัพย์วัยรุ่นอย่าง Von Dutch, FUBU หรือแม้แต่ Adidas ก็ออกคอลเลกชั่นใหม่เอาใจฮิพ-ฮอพ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าศึกษา เดิมทีฮิพ-ฮอพเป็นดนตรีของคนผิวดำ เริ่มต้นเมื่อกลางยุคปี 70 ในนิวยอร์ก ด้วยวิวัฒนาการทางดนตรีจากดนตรีป็อปและซาวน์ในยุคหนึ่ง พัฒนาไปสู่รูปแบบ non-melodic lyrics คือเนื้อร้องที่ไม่ถูกกำกับโดยเมโลดี้ จึงเน้นความสำคัญไปที่รูปแบบของจังหวะ (beat) โดยมีเพอร์คัสชั่นเป็นเครื่องดนตรี ด้วยลักษณะของจังหวะจะโคนผสมผสานไปกับเทคนิควิธีการด้นเนื้อร้องที่ใช้ภาษาเฉพาะกลุ่ม ทำให้เริ่มแพร่ความนิยมจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของคนผิวสีในช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะเผยแพร่ออกมา แต่ปัจจุบัน ด้วยรูปแบบการผสมผสานดนตรีที่มีความละเอียดลออมากขึ้น มีกลิ่นอายทางดนตรีอีกรสชาติ เห็นได้ว่า...
ค่ายเพลงนี้ ก่อตัวขึ้นจากกลุ่มหนุ่มสาวที่รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ตในเว็บที่เปิดให้ส่งเพลงขึ้นเผยแพร่ ชื่อ “Monotone” สมาชิกยุคก่อตั้งทุกคนร่วมกันตั้งขึ้นให้เป็นเกียรติแก่ “โทนี่” แกนหลัก ส่วนชื่อบริษัทและสตูดิโอของพวกเขากลับใช้ชื่อ “Be Quiet” มาจากการที่ออฟฟิศมักจะเอะอะไปด้วยเสียงเฮฮา ภายในสำนักงานเล็กๆ ย่านสุขุมวิท 23 ของบริษัท Be Quiet ประกอบด้วยห้องบันทึกเสียงหลัก 1 ห้อง กับเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ เช่นกีตาร์ ภายนอกตามซอกทางเดินเป็นโต๊ะทำงานไม่กี่ตัวกับหนังสือการ์ตูนวางกระจายอยู่ คล้ายชมรมนักศึกษาในมหาวิทยาลัย สมาชิก Monotone Group หลายคนช่วยกันบอกเล่าเรื่องราวและความคิดเห็นกับทีมงาน POSITIONING อย่างเป็นกันเองเคล้าด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อวงโคจรซ้อนผ่านกัน… สมาชิก Monotone เปรียบเทียบการพบกันของพวกเขาว่าเสมือนแต่ละคนเป็นดาวที่มีโคจรผ่านกันแล้วดึงดูดกันเข้ามาเรื่อยๆ จนเป็นกลุ่มใหญ่ นอกจากเพื่อความสนุกแล้วก็เพื่อแปลงการทำเพลงจากงานอดิเรกให้เป็นงานหลักขึ้นมา สมาชิก Monotone ไล่เรียงถึงช่องทางที่พวกเขาใช้เผยแพร่ผลงาน...
ก่อนยุคอินดี้บูมครั้งแรกในปี 2537 ค่ายเพลงไทยสากลโดยรวม เน้นแนวกลางๆ ฟังง่ายๆ เหตุผลหนึ่งคือต้นทุนการผลิตเพลงสมัยนั้นสูงมาก ค่าเช่าห้องบันทึกเสียงและอุปกรณ์ราคาแพง การผลิตเพลงจึงเป็นของค่ายเพลงใหญ่ ซึ่งมีการกำหนดแนวเพลง ให้กับศิลปินนักร้อง เมื่อเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ก้าวหน้า ต้นทุนการผลิตเพลงถูกลง จึงเป็นโอกาสให้กับค่ายเพลงใหม่ๆ ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนเล็ก ที่มีความรักเสียงเพลง แต่ไม่มีเงินทุน สามารถคิด และสร้างสรรค์งานเพลง แตกต่างกับกระแสหลักมากขึ้น กลายเป็นทางเลือกใหม่ ด้วยความเบื่อหน่ายในเพลงกระแสหลักที่สะสมไว้มานาน ความนิยมของผู้ฟังจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ศิลปินนักร้องผู้มีความรู้ความสามารถทางดนตรีใน “แนว” ที่ตนถนัด จึงเริ่มมีสิทธิมีเสียงขึ้นมา พัฒนาไปจนถึงการเป็นเจ้าของค่ายเพลงเล็กๆ รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของค่ายเพลงอินดี้ ที่โลดแล่นอยู่กับคลื่นลมเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น เขาเริ่มต้นด้วยการก่อตั้งและเป็นมือเบสวง “Crub” ออกอัลบั้มชุด “View” ในปี...
“ผมเป็นพวกเดินสายกลาง เดินตามคำสอนพระพุทธเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์” ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ป๋าเต็ด เป็นชื่อที่วัยรุ่นแทบทุกคนรู้จัก และเขาเป็นส่วนหนึ่งตัวการสำคัญ หากมีการกล่าวอ้างถึงพฤติกรรมวัยรุ่นไม่ว่าในแง่มุมใด โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับเพลง ด้วยแนวคิดแบบ “อินดี้” ของเขา สร้างจุดยืนที่แตกต่าง และเป็นแกนนำสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขึ้นกับสิ่งใหม่ๆ พร้อมๆ กับการดำเนินชีวิตของวัยรุ่นยุคใหม่ในปัจจุบัน ปัจจุบันตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทคลิคเรดิโอ ผู้บริหารคลื่นโดนอย่าง Fat Radio 104.5 นอกจากนั้นเขาเป็นหุ้นส่วนโรงหนังของตัวเองที่ชื่อ “House Rama” มีนิตยสารรายเดือนที่เพิ่งเปิดไปอย่าง “DDT” แล้วยังมีเป็นโปรดิวเซอร์ ในโครงการยักษ์เล็กสำหรับดันผู้กำกับหนังหน้าใหม่ ทุกอย่างที่เขาทำเพราะเนื่องมาจากทางสายกลางที่เขาว่า คำว่า “ป๋าดัน” จึงเป็นสิ่งที่ใครๆ เอาไว้ก็เรียกเขาในวงการ “แนวคิดที่ผมมีมาตลอดการทำงานคือการสร้างบาลานซ์ และสร้างสมดุล ...
จากคำพูดในวงเล็กๆ คำว่า “เด็กแนว” ก็กลายมาเป็นคำยอดฮิตติดตลาดที่ใช้สะท้อนบุคลิกบางอย่างของวัยรุ่น ที่มีสไตล์การแต่งตัวเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ เด็กแนว ไม่ใช่คำพูดลอยๆ อีกต่อไป แต่กำลังเป็นกระแสหลัก ที่ถูกนำไปใช้ในการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้า หรือบริการ ผูกโยงเข้ากับ - พฤติกรรมรักความอิสระ เลือกได้ตามใจ ต้องยอมรับว่า ที่มาของกระแสเด็กแนว มาจากองค์ประกอบหลายส่วน นิตยสาร แฟชั่น ภาพยนตร์ และเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเกิดของค่ายเพลง “อินดี้” การแตกแขนงของธุรกิจเพลงไทยที่เคยเต็มไปด้วย “เพลงตลาด” ไปสู่ความหลากหลายแนว และผลิตโดยศิลปิน สะท้อนความเป็นตัวตนศิลปินโดยอิสระจากนายทุน...









