แม้ฟรีทีวียังคงเป็นที่นิยมชมของผู้ชมส่วนใหญ่ แต่แนวโน้มของผู้ชมรุ่นใหม่ที่เริ่มหันหลังให้ทีวี หรือดูทีวีขณะที่เข้าออนไลน์ไปด้วยนั้น ทำให้นักการตลาดและนักวางแผนการใช้สื่อต้องคิดใหม่ “วิทวัส ชัยปาณี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟจูซ จี วัน จำกัด บอกว่า ปัจจุบันผู้บริโภคดูรายการที่ตัวเองสนใจในแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น ภาพของการนั่งดูทีวีพร้อมกันทั้งครอบครัวน้อยลง แนวโน้มหนึ่งที่น่าสนใจคือคนไม่ดูรายการแบบเรียลไทม์ หรือดูตามผังรายการที่กำหนด ยังไม่ดูไม่เป็นไร และไม่ต้องอัดไว้ก็ได้ เพราะสามารถดูทางยูทูบได้ สินค้าแบรนด์จึงต้องตามกลุ่มเป้าหมายของตัวเองให้ทัน ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แน่นอนว่าสินค้ากลุ่มแมส ฟรีทีวียังคงสำคัญในการสร้างการรับรู้ แต่ขณะเดียวกันหลายคนแม้จะยังดูทีวีอยู่ แต่ก็มีอุปกรณ์ในมืออื่นที่ดึงความสนใจด้วย อย่างเช่นการดูไปด้วยเข้าเฟซบุ๊กไปด้วย ทำให้นักโฆษณาต้องคิดหนักมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชมสนใจ ถ้าทำแบบเล่าเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยๆ จะไม่ได้ผลอีกต่อไป สปอตโฆษณาที่น่าจะได้ผลในยุคนี้ คือการเรียกร้องความสนใจในทันที ไม่ใช่แค่ 3 วินาทีที่เคยคิดกัน...
กลุ่มบริษัทที่มีความพร้อมในการเป็นเครือข่ายรับส่งรายการทีวีถึงผู้ชมทุกกลุ่ม ทุกเซ็กเมนต์ที่ต้องจับตาอีกกลุ่มคือ บริษัทในเครือบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรืออินทัช ที่มีบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) เข้ามาวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้ให้บริการทีวีดาวเทียมมานานกว่า 10 ปีแล้ว ในนามบริษัทดีทีวี ก้าวใหม่ของไทยคม ถูกวางตัวจากบริษัทแม่ให้สร้างบริการที่ครบวงจรด้านทีวี หรือมีมากกว่าทีวีดาวเทียม แม้ว่าทีวีดาวเทียมจะเป็นธุรกิจที่กระตุ้นให้อุตสาหกรรมทีวีดาวเทียมแข่งขันกันคึกคักก็ตาม การทำให้คนดูทีวีดาวเทียมมากๆ ทำให้มีผู้ประกอบการมากขึ้น และมีการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมมากขึ้น อันเป็นการตอบโจทย์การสร้างรายได้ให้กับธุรกิจหลักของไทยคม คือการเป็นให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม ทั้งนี้ไทยคมเตรียมยิงดาวเทียมไทยคมดวงที่ 6 ที่ในกลางปี 2556 ซึ่งจะทำให้วงการทีวีดาวเทียมคึกคักมากขึ้น เพราะมีช่องสัญญาณมากขึ้น ทำให้เกิดทีวีดาวเทียมมากขึ้น และระบบภาพความละเอียดสูง หรือ HD มากขึ้น จากปัจจุบันแม้จะมีผู้ต้องการให้บริการทีวีดาวเทียมมากขึ้น แต่ช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 5...
จากเครือข่ายเคเบิลทีวีท้องถิ่นที่ตอบโจทย์รสนิยมของผู้ชมในแต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด ด้วยคุณภาพตามราคา ภาพนี้กำลังเปลี่ยน ...กลายเป็นเครือข่ายเคเบิลทีวีที่ทันสมัย อินเตอร์แอคทีฟ ออนดีมานด์ มีพลังพอที่จะดึงเม็ดเงินโฆษณามากขึ้น จากการเข้ามาของกลุ่มทุนที่ลงทุนด้วยเม็ดเงินหลายหมื่นล้าน ด้วยความมั่นใจว่าโลกใหม่ธุรกิจทีวีมาถึงแล้ว ชื่อของบริษัทเคเบิลไทยโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช เป็นที่รู้จักเฉพาะในวงการเคเบิลทีวีท้องถิ่นมาหลายปีเพราะเป็นบริษัทตัวแทนของสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ในการต่อรองกับเอเยนซี่โฆษณา และซื้อรายการมาให้สมาชิกออกอากาศ ทำธุรกิจแบบเงียบๆ ไม่หวือหวา และขาดทุน แต่เมื่อ “วิชัย ทองแตง” อดีตทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีซุกหุ้น และนักลงทุนเจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและกรุงเทพ จับมือมากับทายาทของ นสพ.ไทยรัฐ ประกาศซื้อหุ้นในซีทีเอช พร้อมลงทุน 25,000 ล้านบาท ในการวางเครือข่ายส่งสัญญาณทีวี ทำให้ซีทีเอชกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในสปอตไลต์ทันที...
ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคกลุ่มแมสในการรับชมทีวีที่ต่างจากเดิม โดยมีเทคโนโลยีที่เป็นจุดเริ่มทำให้ผู้ชมเรียนรู้ว่ามีทางเลือกมากกว่าฟรีทีวี จากเสาอากาศที่ให้ภาพไม่ชัด คือ “ทีวีดาวเทียม” จนถึงทีวีทางสายเคเบิล และบนมือถือ ที่ไม่เพียงภาพคมชัด แต่ยังมาพร้อมกับจำนวนช่องนับร้อยรายการ ที่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตในโมเดล Multi Channel เพื่อมนุษย์ที่อยู่บน Multi Screen และที่สำคัญคือธุรกิจที่แข่งขันกันรุนแรง โดยมีบิ๊กเพลเยอร์อย่างจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แข่งกับทรูวิชั่นส์ ทั้ง 2 รายพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่อาจยอมกันได้จากกรณี “จอดำ” บนทีวีสมาชิก “ทรูวิชั่นส์” อดดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2012 และทั้งสองไม่หยุดแค่คอนเทนต์อย่างฟุตบอลยูโร แต่ยังมีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่หยุดแข่งแค่อุปกรณ์อย่างจานและกล่องดาวเทียม แต่ยังพยายามไปทุกช่องทางที่คนรุ่นใหม่ดูทีวี ปัจจุบันผู้ชมทีวียุคใหม่ที่ยังนิยมชมรายการหน้าจอทีวี ตามโปรแกรมที่ออนแอร์ นับรวมได้ประมาณ...
พฤติกรรมคนดูทีวีที่เปลี่ยนไป ยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่อย่าง “หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เดินในจังหวะชีวิตใหม่กับการก้าวเป็นผู้ให้บริการช่องทางออกอากาศรายการทีวี เป็นการลงทุนที่มากและตั้งความหวังไว้สูงที่สุดในการลงทุนของเขาในปีนี้ โปรเจกต์ UniTV ที่ “หนุ่ย” บอกว่าไม่ใช่ IPTV แต่คือการเชื่อมต่อกับคลาวด์คอมพิวติ้ง ส่งสัญญาณตรงถึงผู้ชมผ่านไฮสปีดอินเทอร์เน็ตที่ให้คุณภาพภาพสูง คมชัด คือความบันเทิงที่ “หนุ่ย” บอกว่าเขาจับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมดูรายการทีวีที่ชอบ หรือดูรายการอะไร เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ได้ต้องการนั่งรอเวลาเพื่อดูรายการที่ชอบเหมือนเดิม หลายคนเข้าสู่พฤติกรรมดูรายการรีรันจากยูทูบ หรือเว็บไซต์ที่นำรายการเหล่านั้นมาให้บริการ แต่จุดอ่อนคือการดูผ่านพีซี ผ่านยูทูบนั้น ผู้ชมได้ภาพคุณภาพต่ำ และเจ้าของรายการเองก็ไม่มีโอกาสทำเงินมากขึ้นจากรายการรีรันเหล่านั้น แม้ว่าจะมีผู้ชมหลายล้านวิวก็ตาม นี่คือโอกาสการสร้างโมเดลธุรกิจที่รายการรีรันเหล่านั้น เป็นการเปลี่ยนวิวเป็นเงิน...
เมื่อชีวิตของคนรุ่นใหม่คือการอยู่ในโลกออนไลน์เกือบตลอดเวลา ทำให้คนรุ่นนี้กลายเป็นผู้บริโภคที่ไม่ได้นั่งนิ่งอยู่หน้าทีวีอย่างเดียว แต่จะอยู่บนอินเทอร์เน็ตมากกว่า นี่คือโอกาสของคอนเทนต์ที่อยากเข้าถึงคนรุ่นใหม่ และคือการกลับมาอีกครั้งของ IPTVและธุรกิจที่มาต่อยอดจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผ่านกล่องแปลงสัญญาณ “สุทธิพงศ์ วิริยะบุศย์” รองประธานกรรมการบริหาร (อาวุโส) สายปฏิบัติการ บริษัท วี.อาร์.เอ็ม.วอยซ์พลัส จำกัด ผู้ให้บริการIPTV (Internet Protocol television) ภายใต้แบรนด์ Vooz TV คือหนึ่งในผู้เล่นของธุรกิจนี้ที่ผันตัวเองจากธุรกิจให้บริการ IPTV ในโรงแรมมานานกว่า 10 ปี จนเมื่อปี 2554 เริ่มขยายธุรกิจสู่ผู้บริโภคทั่วไป เพราะเห็นว่าธุรกิจ IPTV สำหรับผู้ชมทั่วไปเริ่มมีโอกาสดีขึ้น โดยเฉพาะไฮสปีดอินเทอร์เน็ตได้เข้าถึงบ้านผู้ชมจำนวนมากและความเร็วมากพอ ที่โมเดลของ Vooz TV ขออย่างต่ำแค่...
พฤติกรรมที่ชอบทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกันนั้น ตอกย้ำได้จากผลสำรวจของนีลเส่น ที่พบว่าชาวออนไลน์ดูทีวีไปด้วยสูงมาก คือ 72% และฟังวิทยุไปด้วย 43% หรือหมายถึงการออนไลน์ของประชากรในโลกอินเทอร์เน็ต ส่วนหนึ่งใช้เวลากับการดูรายการทีวีต่างๆ ด้วย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีอุปกรณ์ที่ใช้ประจำตัวคือสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก พีซี แท็บเล็ต โดยจะดูทีวี ดูคลิปต่างๆ ผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ที่เชื่อมต่อสายอินเทอร์เน็ต ผ่าน Wi-Fi หรือผ่าน 3G ส่วนทีวีอาจดูบ้างไม่ดูบ้าง กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่อยู่ในกรุงเทพ ฯ และในตัวเมือง ไม่มีไพรม์ไทม์สำหรับคนกลุ่มนี้อีกต่อไป เพราะทุกเวลามีความสำคัญ พวกเขาอาจทำงานหลัง 2 ทุ่ม แต่กลางวันระหว่างทำงาน เขาอาจดูละครรีรัน หารายการทีวีที่คนพูดถึงมาดู...
โลกใหม่ของธุรกิจแห่งความบันเทิงเกิดขึ้นแล้ว คำว่า “อย่าพลาด” หรือ “อย่าเปลี่ยนช่องไปไหน” และ “ไพรม์ไทม์” หมดความหมาย เพราะผู้บริโภคพันธุ์ใหม่จะเลือกดูรายการทีวีในแบบที่เรียกว่าต้องได้ดูเมื่อไหร่ ที่ไหน ผ่านจอใดก็ได้ ในรูปแบบชีวิตที่เรียกกันว่า Multi screen ปรากฏการณ์การดูรายการทีวีของผู้บริโภคปัจจุบัน เป็นภาพคนละม้วนกับ 5 ปีที่แล้ว ที่ไม่ใช่แค่ฟรีทีวี เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียมเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ผู้คนเท่านั้น แต่อินเทอร์เน็ตทีวีกำลังเร่งตัวเข้าสู่วิถีชีวิตของผู้บริโภคอย่างเต็มตัว แม้กลุ่มนี้ยังไม่ใช่จำนวนมหาศาล แต่ก็เป็น Niche ที่มีกำลังซื้อ พัฒนาการของเทคโนโลยีการดูทีวี ได้ผ่านการชมที่ผู้ชมต้องติดเสาอากาศ อย่างที่เรียกกันว่าเสาก้างปลา ที่ชีวิตคนคุ้นเคยอยู่แค่ฟรีทีวีอย่างช่อง 3, 5, 7, 9 จนมาสู่ยุคจานดาวเทียม และสายเคเบิลเมื่อ 20 ปีที่แล้ว...
อย่างที่รู้กันทั่วโลกว่าเป้าหมายของซัมซุงได้ก้าวข้ามคู่แข่งมาแล้วหลายแบรนด์ ถ้าเปรียบกับการเล่นเกมก็ทำคะแนนมาจนระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทั้งการชนะโนเกีย เอชทีซี แบล็คเบอร์รี่ เหลือแค่ยังไม่ชนะ “ไอโฟน” ในระดับไฮเอนด์ สำหรับ “ไอโฟน” หากเทียบกับจำนวนยอดขายแล้ว ไอโฟนสู้ซัมซุงทั้งหมดไม่ได้ เพราะซัมซุงขายสินค้าแบบเก็บทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ระดับไม่เกิน 5 พันบาท ถึงแพงเกิน 2 หมื่นบาท จนมีส่วนแบ่งตลาดโลกในแง่จำนวนยอดขายเครื่องสูงกว่า โดยในไตรมาส 1 ปี 2012 ซัมซุงมีส่วนแบ่ง 29.1% ส่วนไอโฟนมี 24.2% แต่หากวัดเฉพาะสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ ระดับ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ยอดขายในตระกูล “กาแล็คซี่ เอส” ของซัมซุงยังไม่เทียบเท่าไอโฟน ...
ทุกทวีต ทุกโพสต์ ในโซเชี่ยลมีเดีย เกี่ยวกับซัมซุง “กาแล็คซี่ เอส 3” อีเวนต์เปิดตัวอลังการใน 3 จุดทั่วโลก ทุกภาพ ทุกคำพูดในหนังโฆษณาชุดเดียวกันที่ออนแอร์ทั่วโลก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ที่ซัมซุงวางเพื่อให้ไฮเอนด์มาซื้อสมาร์ทโฟน “กาแล็คซี่ เอส 3 ” เท่านั้น แต่คือการแบรนดิ้ง ให้ “ซัมซุง” ชนเต็มๆ กับ “ไอโฟน” ของแอปเปิล โดยหวังว่าเสียงที่ตะโกนออกไปครั้งนี้สาวกไอโฟนจะเริ่มสนใจ ช่วงเวลาการเปิดตัว “กาแล็คซี่ เอส 3” (Galaxy S 3) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2012 สามารถดึงความสนใจนักการตลาดได้ใน 2 จุด...









