Monday, December 22, 2025
Home Blog Page 6674
นวัตกรรมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆไม่เคยจางหายภายใต้ชื่อ Sony คราวนี้เผยโฉมอุปกรณ์ล้ำสมัยรูปทรงแปลกท้าสายตาทุกคู่ที่ผ่านไปมาพร้อมๆ กันหลายแห่งตามเมืองใหญ่ทั่วญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยยืนต่อแถวรอสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่จาก Personal 3D Viewer โฮมเธียเตอร์ 3 มิติแบบพกพาเครื่องแรกของโลก ภาพ 3 มิติเคลื่อนที่ทะลุจอ Organic EL* ออกมาปรากฎอยู่เบื้องหน้ากับระบบเสียงสมบูรณ์แบบด้วย Sony Technology สามารถกลบความวุ่นวายภายนอกเมื่อเสี้ยวนาทีก่อนให้เลือนหายไปแทบจะทันทีเมื่อสวม HMZ น้ำหนักเบาเข้าพอดีกับศีรษะ ไม่เพียงเฉพาะกับภาพยนต์เรื่องโปรดหรือบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตเท่านั้นแต่ยังเชื่อมโยงกับเกม 3 มิติรวมถึงความบันเทิงอื่นในเครือข่ายของ Sony ไว้ทั้งหมดซึ่งนับจากนี้ไปแม้จะไม่มีบ้านใหญ่โตหรูหราก็ไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางความสุนทรีย์ในโฮมเธียเตอร์ส่วนตัวได้อีกต่อไป *อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : นิตยสารผู้จัดการรายเดือน 360 องศาฉบับกุมภาพันธ์ 2551 เรื่อง “Organic EL Television” หรือที่ www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=66621...
โตโยต้าหากิมมิกใหม่ในปี 2012 ในการทำตลาด “ยาริส” ที่อังกฤษ สำหรับเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่โตโยต้าเน้นการสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือโซเชี่ยลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กและยูทูบมาช่วย  โจทย์ของโตโยต้า คือ เป็นรถที่ผู้ใหญ่ซื้อกันมาก แต่ไม่ใช่คนรุ่นใหม่อยากได้ ปีที่แล้วโตโยต้าจึงทำแคมเปญ “Outsmart life” โดยใช้ตัวการ์ตูนแรพเตอร์ Gadget และSlice เป็นจุดเชื่อมโยง นำเสนอเป็นคลิปเรื่องราวของเทคโนโลยีของยาริส เช่น ทัชสกรีน สำหรับอุปกรณ์มัลติมีเดียในรถ เทคโนโลยีกล้องสำหรับการดูในมุมมองที่ลำบากในการมองเห็น มาปีนี้เลยขยายกว่าเดิมด้วยแคมเปญ Shout out”  Shout out สร้างการมีส่วนร่วมและทำให้สนุก โดยให้เวลากลุ่มเป้าหมาย 72 ชั่วโมงเท่านั้นในการบอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่น่าผิดหวังหรืออุปสรรคในชีวิตประจำวันของตัวเอง ซึ่งสำหรับวัยรุ่นเท่าที่โพสต์กันในเฟซบุ๊กของโตโยต้าก็มีหลากหลายอย่างเช่น เสียงเด็กร้องกรี๊ดในรถสาธารณะ กระเป๋าตังค์หาย มือถือหล่น โดยเลือกมิวสิกวิดีโอในสไตล์ของตัวเองได้ เอ็มวีไหนเป็นที่ถูกใจ...
ถึงจะผู้ใช้เฟซบุ้คทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่าการทำเงินจากโฆษณาของเฟซบุ้คยังไม่สวยเหมือนยอดผู้ใช้ ล่าสุด ทีมงานเฟซบุ้คจึงลงมือปรับพื้นที่โฆษณาเดิมๆบนแถบด้านขวาของหน้าจอ ที่มีชื่อแบรนด์ รูปภาพ ข้อความประกอบ และจำนวนคนกดไลค์ ทีมเฟสบุ๊กได้พัฒนาพื้นที่โฆษณาให้ล้ำไปอีกขั้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงยังผู้บริโภคและทำให้การออกแบบโฆษณาแบบดูน่าสนใจยิ่งขึ้น พื้นที่โฆษณารูปแบบใหม่ ที่ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย รูปภาพ วีดีโอ แบบสอบถาม สเตตัสที่อัพเดทจากแฟนเพจ ประกาศอีเว้นท์ และลิงค์ไปยังเวปไซต์หลัก  นอกจากจะเห็นการกดไลค์จากเพื่อนของเราไปยังโฆษณาสินค้าตัวนั้นแล้วเรายังเห็นจำนวนการกดไลค์ของคนในเเฟนเพจสินค้านั้นอีกด้วย และทีมเฟสบุ๊กก็ไม่ลืมที่จะเลือกพื้นที่โฆษณาให้เชื่อมโยงกับ target ตามความสนใจของแต่ละคนที่ปัจจุบันมีผู้เล่นกว่า 845 ล้านคนทั่วโลกแล้ว  งานนี้เฟสบุ๊ก คาดหวังว่าจะเรียกความสนใจและเพิ่มการเข้าถึงได้มากกว่าโฆษณารูปแบบเก่า จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าพื้นที่โฆษณานี้ จะกวาดรายได้จากผู้ประกอบการได้แค่ไหน
Nielsen เคยทำการสำรวจความเชื่อของผู้บริโภคต่อโฆษณาในช่องทางหรือสื่อต่างๆ พบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเชื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น นั่นคงเป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรงบโฆษณาในแต่ละปีจึงแทบจะไม่เคยตกลงเลย ถ้าไม่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ทรงตัว แบรนด์ไหนใช้เงินติดอันดับท็อปเท็นก็มักจะไม่ค่อยยอมถอนตัว เพราะนั่นเท่ากับเปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้ามาแทนที่ทันที แถมการจดจำในแบรนด์ก็อาจจะลดลงได้อีกด้วย  เปรียบเทียบระหว่างปี 2007 กับปี 2009 ที่ Nielsen ทำการสำรวจความเชื่อที่ผู้บริโภคมีต่อโฆษณาพบว่า ผู้บริโภคเชื่อโฆษณาแบบสนิทใจและเชื่อบางส่วนรวมกันเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10% ในทุกๆ ช่องทาง  ตัวชี้วัดนี้แสดงให้เห็นว่าโฆษณามีประสิทธิภาพและได้ผลมากขึ้นในทุกๆ สื่อ แต่ถ้าแยกเป็นรายภูมิภาค และเลือกโฆษณาใน 3 ช่องทางหลักที่นิยมสูงสุด ได้แก่ โฆษณาทางโทรทัศน์ โฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ และโฆษณาออนไลน์ คนทั่วโลกเชื่อโฆษณาที่เห็นทางโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์สูงพอๆ กัน ขณะที่โฆษณาออนไลน์ยังได้รับความวางใจไม่ถึงครึ่ง และมีสถิติต่ำกว่าความรู้สึกที่ไม่เชื่อถือโฆษณาในออนไลน์เลยที่มีอยู่สูงกว่า ...
จำนวน Like ในเฟซบุ๊กเพจ ไม่เป็นคำตอบที่ใช่อีกต่อไปสำหรับ “แบรนด์” เพราะแม้จะมีคนกด Like เป็นแฟนเพจนับล้านคน แต่ถ้า Talking about this น้อยนิด แบรนด์นั้นก็เตรียมลาจาก Wall ของแฟนๆ ได้เลย แล้วจะทำอย่างไรให้ได้ Talking about this จำนวนมาก  POSITIONING มีกรณีศึกษาจากเฟซบุ๊กเพจ Axe Thailand เพจเดียวจากไทยแลนด์ที่ติดชาร์ตท็อปเทนเพจที่มีจำนวน Talking about this สูงสุดช่วงสิ้นปี 2554 ตามการสำรวจของ  ก้าวข้าม Like  Talking about...
ภูมิภาค 29 กุมภาพันธ์ 2555: Komli Media บริษัทเทคโนโลยีสื่อชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก ประกาศในวันนี้ถึงการเข้าซื้อกิจการของ Admax Network เครือข่ายสื่อโฆษณาดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยผู้ใช้งานกว่า 90 ล้านคนในแต่ละเดือน, Admax จึงครอบคลุมตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกถึง 6 ตลาดด้วยกัน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม คาดกันว่าตลาดโฆษณาออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าประมาณ 250 – 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการเติบโตที่ 30 - 40% ต่อปี การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ Komli Media มีเครือข่ายผู้เผยแพร่โฆษณาที่หลากหลายที่สุดและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคด้วยเว็บไซต์ในประเทศและต่างประเทศถึง 4,600...
แฟลชม็อบหรือการรวมกลุ่มคนเพื่อแสดงกิจกรรมอย่างหนึ่งที่สร้างความสนใจแก่ผู้คนในพื้นที่สาธารณะ มักถูกใช้เป็นกิจกรรมเพื่อเปิดตัวสินค้าอยู่เสมอ  และ ส่วนใหญ่ที่หลายๆคนเคยเห็น  มักจะเป็นในลักษณะรวมตัวคนมาเต้น หรือร้องเพลงสร้างความสนใจแก่คนทั่วไปที่เดินผ่าน  แต่สำหรับการเปิดตัวของ Intel Ultrabook ที่เป็นสินค้าดิจิตอล  การจะใช้เเค่คนมาเต้นหรือร้องเพลงคงจะขายสินค้าไม่ได้แน่ๆ  Intel จึงมีไอเดียในการหยิบโพรดักไปแสดงร่วมกับกลุ่มแฟลชม็อบด้วยกันซะเลย แฟลชม็อบของ Ultrabooks โน๊ตบุ๊คตัวใหม่ล่าสุดจาก Intel ต้องการขายรูปทรงบางเบาและการแสดงผลที่รวดเร็ว เขาจึงให้กลุ่มแฟลชม็อบ 60 คนนำสินค้าตัวนี้ไปแสดงสร้างปฏิสัมพันธ์กับชาวแอลเอ  ไม่ว่าจะเป็นป้้ายบอกรักชวนคนมาถ่ายรูป  ป้ายเมนูอาหารที่ร้านเบอร์เกอร์  ป้ายเรียกแท๊กซี่ที่ข้างถนน  หรือเป็นวงออเคสตร้าที่บรรเลงไปตามคอนดักเตอร์ ทำให้ผู้คนเห็นความสามารถของ Ultrabooks ที่แสดงภาพและเสียงคมชัด  แถมยังเบาพกพาสะดวก  ให้กลุ่มแฟลชม็อบได้หยิบยกแสดงไปทั่วแอลเอ ถึงแม้ว่าการใช้เเฟลชม็อบในปัจจุบันอาจไม่ได้สร้างความเซอร์ไพร์สได้เหมือนแต่ก่อน แต่หากหยิบมาใช้ให้ถูกกับสินค้าก็สามารถเรียกความตื่นตาตื่นใจได้ไม่แพ้กันเลยทีเดียว [youtube https://www.youtube.com/watch?v=qo1_ozUtomI?version=3&hl=th_TH&w=560&h=315]
คนยุค Gen Y และ Gen Z อย่างพวกเรา นับวันยิ่งใช้ชีวิตผูกพัน หรือผูกติดกับโลกดิจิตอลมากขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไร เกือบทุกกิจกรรมประจำวันในชีวิต มักจะมีเครื่องไม้เครื่องมือด้านดิจิตอลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งนาฬิกาปลุก ที่ตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยเลิกใช้นาฬิกาที่ทำหน้าที่ปลุกเพียงอย่างเดียว แต่หันไปตั้งปลุกโดยการใช้สมาร์ทโฟนเป็นหลัก เมื่อตื่นแล้วหลายๆ คนก็เลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเช็กทั้ง Facebook และ Twitter เพื่อดูว่า Status ที่เราโพสต์เมื่อคืน มีคนมากด Like หรือมา Comment แล้วกี่คน และมีไม่น้อยที่ติดตามข่าวสารอัพเดตที่เกิดขึ้นในประเทศ จาก Twitter แทนที่จะเป็นรายการเล่าข่าวตอนเช้า อย่างที่ผ่านๆ มา พฤติกรรมการเสพติดโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คและเครื่องมือดิจิตอล ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเราจะกำลังเดินทางไปทำงาน อยู่ในช่วงระหว่างทำงาน (หรืออาจจะกำลังประชุมอยู่)...
ดาราที่ดังจนเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศได้ ถือเป็นโอกาสของแบรนด์ที่อยากใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ดังระดับนี้ แบรนด์อาจคาดหวังไกลมากไม่ได้ เพราะในเมื่อใครๆ ก็ใช้ ”ณเดชน์” แล้วจะทำอย่างไรให้แบรนด์คุณเป็นที่จดจำ “ผศ.ดร.กฤตินี ณัฎฐวุฒิสิทธิ์” นักวิชาการด้านการตลาด และอาจารย์ประจำ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่าการมีพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ เป้าหมายคือเมื่อนึกถึงพรีเซ็นเตอร์ก็นึกถึงแบรนด์ แต่พรีเซ็นเตอร์คนหนึ่งนำเสนอหลายแบรนด์ ก็ยากที่จะได้ผลนี้ ถ้าเทียบกับมีเซเลบริตี้ที่มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน สอดคล้องกับบุคลิกแบรนด์ ที่ช่วยตอบโจทย์ในการเป็นผู้สื่อสารแบรนด์ได้ดีกว่า แต่ถ้าวัตถุประสงค์แบรนด์ต้องการดึงความสนใจ (Attention) สร้างกระแส การได้พรีเซ็นเตอร์ระดับดังมาก ก็ถือว่าตอบโจทย์ แต่แบรนด์ก็ต้องทำงานเพิ่มเติมวางกลยุทธ์ในการสื่อแบรนด์มากขึ้น กรณีนี้สิ่งที่แบรนด์ที่มี ”ณเดชน์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ได้แน่นอนคือ การดึง ”ความสนใจ” แต่อย่าลืมว่าผู้ชมมีรีโมตในมือ หากทีวีซีไม่น่าสนใจ หรือวิธีการนำเสนอไม่สร้างสรรค์พอ คนก็จะเปลี่ยนไม่ดูโฆษณาแบรนด์นั้นทันที อย่างนี้แม้แต่การดึงความสนใจก็ยังไม่ได้ แบรนด์ที่จะทำสำเร็จได้ยังต้องสื่อสารระหว่างบุคลิกของพรีเซ็นเตอร์กับคุณสมบัติของสินค้าในแบบไปด้วยกันได้ เช่น...
“ณเดชน์ คูกิมิยะ” จัดเป็น ”โปรดักต์แชมเปี้ยน” ในสังกัด ”เอ ศุภชัย” ซึ่งความสำเร็จนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่คือระบบการ ”ปั้น” จากคนในวงล้อม ”ณเดชน์” ปรากฏการณ์นี้ ทำให้เห็น ”ตัวตน” ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ไปจนถึง How to หากคุณอยากสร้าง ”โปรดักต์แชมเปี้ยน” ให้สำเร็จ “ผศ.ดร.กฤตินี ณัฎฐวุฒิสิทธิ์” นักวิชาการด้านการตลาด และอาจารย์ประจำ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ได้อย่างน่าติดตาม   โดน Insight ก็ได้เสียงกรี๊ด การเป็นคนดังในระดับเมกะซูเปอร์สตาร์ของคนไทยนั้นที่ผ่านมา จะต้องมีบุคคลที่มีลักษณะร่วมคือเป็น “ที่รัก” ของมหาชน ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้ -...