ห้างค้าปลีก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 26 Sep 2023 06:05:22 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “โลตัส” เล่นใหญ่! ฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 ผนึกกว่า 100 แบรนด์ดัง จัดแคมเปญ “คุ้มมโหฬาร สู่ปีที่ 30 ลด ล้น ล้าน” https://positioningmag.com/1445454 Tue, 26 Sep 2023 10:00:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445454
โดยปกติแล้วเราได้เห็น “โลตัส” จัดแคมเปญเพื่อส่งรอยยิ้มให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ แต่ปีนี้ที่สุดแสนจะพิเศษกว่าปีไหนๆ เพราะเป็นปีที่ก้าวสู่ปีที่ 30 ก็ต้องมีฉลองใหญ่กันหน่อย เรียกได้ว่ามีการจัดหนักจัดเต็มแบบไม่กั๊ก เพื่อคืนกำไร มอบความสุขให้แก่ผู้บริโภคอย่างเต็มที่ อย่างที่ได้มอบให้มาตลอด 30 ปี

ในปีนี้โลตัสได้เดินหน้าสร้างความรู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส จับมือกับพันธมิตรคู่ค้ากว่า 100 แบรนด์ดังจัดแคมเปญใหญ่แห่งปี “คุ้มมโหฬาร สู่ปีที่ 30 ลด ล้น ล้าน” เพื่อเฉลิมฉลอง และคืนกำไรให้ลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 25 ตุลาคม 2566 ที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศและช้อปออนไลน์ผ่าน Lotus’s SMART App พร้อมเดินหน้ายกระดับคุณภาพสินค้าอาหารสด เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางอาหารและอาหารสดคุณภาพสูงในราคาคุ้มค่าสำหรับประชาชน

นางสาววรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการตลาด โลตัส กล่าวว่า

“โลตัส เป็นห้างค้าปลีกศูนย์รวมสินค้าคุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมา 29 ปีแล้ว เรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพสินค้า ความคุ้มค่าที่มากกว่าราคาประหยัดสำหรับสมาชิกมายโลตัสการบริการเพื่อเป็น Smart Life Solutions ที่เติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ทให้ลูกค้า นับตั้งแต่การรีแบรนด์โลตัสลูกค้าจะเห็นว่าโลตัสมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ แบรนด์ใหม่ โลตัส พรีเว่ (Lotus’s Privé) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในสินค้าที่พรีเมียมมากขึ้นแต่ยังคงมีราคาที่เอื้อมถึง

การเปิดสาขารูปแบบใหม่และปรับพื้นที่ศูนย์การค้าในสาขาเดิม เพื่อเป็น SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัยในชุมชน ที่มีพื้นที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้เหมาะกับครอบครัวในแต่ละพื้นที่นั้นๆ พร้อมจัดกิจกรรมและแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันยิ่งขึ้น โลตัสพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 โดยยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความรู้สึกดีดีทุกวันที่โลตัส ให้กับลูกค้าของเรา ตลอดจนคนในชุมชน และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต่อไป”

เนื่องในโอกาสที่โลตัสกำลังก้าวสู่ปีที่ 30 อย่างเป็นทางการ โลตัสจัดแคมเปญเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ร่วมกับพันธมิตรกว่า 100 แบรนด์ดัง ในแคมเปญโลตัส “คุ้มมโหฬาร สู่ที่ปี 30 ลด ล้น ล้าน” โดยมอบความคุ้มให้ลูกค้าถึง 3 ต่อ ได้แก่

  • “ลด” จัดทัพสินค้าลดราคาแรงที่สุดในรอบปี ครอบคุลมทุกกลุ่มทั้งของกิน, ของใช้ส่วนตัว, ของใช้ในบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • “ล้น” โลตัสคอยน์มีค่าล้น 30 เท่า โดย 1 โลตัสคอยน์ แลกรับส่วนลด 30 บาททั้งในส่วนของห้างและร้านค้า
  • “ล้าน” รับเพิ่ม 30 โลตัสคอยน์ เมื่อซื้อครบ 299 หรือ 199 บาท กับกองทัพสินค้าแบรนด์ดังที่ฉลองร่วมกับโลตัสยิ่งใหญ่รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมรับโลตัสคอยน์คูณ 3 เมื่อช้อปผ่าน Lotus’s SMART App หรือจ่ายผ่าน TrueMoney Wallet

โดยพันธมิตรยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคที่ร่วมผนึกกำลังในแคมเปญโลตัส“คุ้มมโหฬาร สู่ปีที่ 30 ลด ล้น ล้าน” ได้แก่ กรีนสปอต, คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ,คาโอ อินดัสเตรียล,คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค,เค.ที.วาย.ฟู๊ด อินเตอร์เนชั่นแนล,จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์,เจ้านาง,เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง,ซี.พี. ฟู้ดสโตร์,ซีพี-เมจิ,ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น,ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด, ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์, เซ็ปเป้, เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป, ดานอน สเปเชียลไลซ์ นิวทริชั่น,ดีเคเอสเอช,แดรี่ พลัส,ตงฮั้ว บัวใหญ่, ตราแม่ครัว, ไทยน้ำทิพย์,ไทยเทพรส,เนสท์เล่, นีโอ คอร์ปอเรท, บางกอกดิสทริบิวเตอร์,เบทาโกร, เบอร์ลี่ ยุคเกอร์, บุญรอด เทรดดิ้ง, ไบเออร์สด๊อรฟ, เป๊ปซี่-โคล่า,แปรงไทยแห่งแรก, พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง, พาภิญโญ กรุ๊ป,พี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่นไพโรจน์ (ทั่งซังฮะ), พิซซ่า ฮัท, ฟรีสแลนด์คัมพิน่า,ฟูจิครีมดอทคอม,ฟูเบิร์ก อินดัสเตรียล, มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน, มาลี เอ็นเตอร์ไพรส์, โมเดิร์นเทรด แมนเนจเม้นท์, ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล,ยาคอบส์ ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ ทีเอช, ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง, ยูนิชาร์ม, ยูสตาร์,เรกคิทท์ เบนคีเซอร์, ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง, ลอรีอัล, สหพัฒนพิบูล,หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป,เอส.ซี.ยอห์นสัน แอนด์ ซัน, เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์, เอลิแอล อินเตอร์เนชั่นแนล, โอสถสภา, ไอ.พี. วัน, ไฮคิว ผลิตภัณฑ์อาหาร

มาก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 กับโลตัส ที่ไม่หยุดในการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รับรองได้ว่ามีแต่ความคุ้มค่าอย่างมโหฬาร เพื่อเป็นค้าปลีกที่อยู่เคียงข้างคนไทย และเป็นศูนย์รวมพื้นที่รองรับการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนในทุกชุมชนต่อไป ลูกค้าสามารถช้อปสินค้าโปรโมชั่นสุดพิเศษในราคาคุ้มค่าที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มออนไลน์ Lotus’s SMART App ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน – 25 ตุลาคม 2566

]]>
1445454
Walmart ทุ่มลงทุนใน ‘Cruise’ ผู้ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ขยายเครือข่ายเดลิเวอรี่ ‘ไร้คนขับ’ https://positioningmag.com/1328076 Sun, 18 Apr 2021 10:20:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328076 หลังจากที่ ‘Walmart’ ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของโลก ร่วมมือกับ ‘Cruise’ นำรถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับมาส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเเบบเดลิเวอรี่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

เมื่อเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาต่อ Walmart จึงประกาศเข้าลงทุนใน Cruise บริษัทรถยนต์ไร้คนขับในเครือ General Motors (GM) ที่ได้รับเงินทุนจาก Softbank , Honda  เเละบิ๊กเทคฯ อย่าง ‘Microsoft’ ร่วมลงขันกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.2 หมื่นล้านบาท)

เเม้ดีลของ Walmart เเละ Cruise ครั้งนี้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินลงทุนเเน่ชัด เเต่ก็มีการประเมินว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.3 หมื่นล้านบาท) เนื่องจาก Cruise ระบุยอดระดมทุนครั้งใหม่ว่าอยู่ที่ราว 2.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มจากตัวเลขเดิมที่ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

John Furner ซีอีโอของ Walmart กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เเสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะนำประโยชน์ของรถยนต์ไร้คนขับมาให้บริการลูกค้าในธุรกิจค้าปลีก เเละรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรอย่าง GM, Honda และ Microsoft เพื่อบุกเบิกเทคโนโลยีใหม่นี้

ที่ผ่านมา Walmart เป็นพาร์ตเนอร์กับผู้พัฒนารถยนต์ไร้คนขับหลายบริษัท อย่างเช่น Ford, Nuro เเละ Waymo ของ Google เป็นต้น

โฆษกของ Walmart ย้ำว่า จะยังคงยังคงทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์รายอื่น ต่อไป แม้ว่าจะลงทุนใน Cruise เเล้วก็ตาม

โดยล่าสุดมูลค่าบริษัทของ Cruise อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นหนึ่งในตัวท็อปของวงการรถยนต์ไร้คนขับที่กำลังถูกจับตามอง

“รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง จะทำให้การขนส่งปลอดภัย สะอาดและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับทุกคน” Dan Ammann ซีอีโอของ Cruise ระบุ

ด้าน Amazon คู่แข่งรายใหญ่ของ Walmart เพิ่งเข้าซื้อ Zoox บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไร้คนขับ เมื่อปีที่แล้วและได้ตั้งบริษัทลูกเพื่อพัฒนาเเบรนด์ตัวเองขึ้นอย่าง Aurora Amazon พร้อมทดสอบใช้หุ่นยนต์ขนาดเล็กเพื่อจัดส่งพัสดุบนทางเท้า

การผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในเชิงพาณิชย์เป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ บางบริษัทต้องล้มเลิกไป เเต่ Mary Barra ซีอีโอของ GM กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า บริษัทมั่นใจว่า Cruise จะเปิดตัวและดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้เร็วกว่าที่หลายคนคิด

 

ที่มา : CNBC , CNN

]]> 1328076 ไปไกลกว่าค้าปลีก ‘Walmart’ ลุยปั้นสตาร์ทอัพ ‘ฟินเทค’ ให้บริการทางการเงินกับผู้บริโภค https://positioningmag.com/1313802 Tue, 12 Jan 2021 06:55:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313802 ในยุคที่เศรษฐกิจไม่เเน่นอนเเละพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเเปลงตลอดเวลาการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป 

Walmart ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่เเห่งอเมริกา ที่มีสาขามากกว่า 4,700 เเห่ง เป็นอีกเจ้าที่มีการขยายการลงทุนธุรกิจไปในน่านน้ำอื่น ทั้งเเบรนด์เเฟชั่น คลินิกสุขภาพต้นทุนต่ำและธุรกิจประกันภัย 

ล่าสุด Walmart จับมือกับ Ribbit Capital บริษัทลงทุนที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นชื่อดังอย่าง Robinhood เตรียมปลุกปั้นสตาร์ทอัพฟินเทค’ (FinTech) บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินของตัวเองขึ้นมา

โดยจะเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ด้านการค้าปลีกของ Walmart เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านฟินเทคของ Ribbit Capital เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าและพนักงานของ Walmart

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ ยังไม่ได้เปิดเผยว่าบริษัทใหม่เเห่งนี้จะมีชื่อว่าอะไรหรือจะให้บริการเมื่อใด โดยบอกแต่เพียงว่า “จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นเอกลักษณ์และราคาไม่แพง”

หลังประกาศข่าวนี้ ราคาหุ้นของ Walmart เพิ่มขึ้น 1.5% ทำให้มูลค่าบริษัทของ Walmart ขยับมาอยู่ที่ 416,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

John Furner ซีอีโอของ Walmart ระบุว่า หลายปีที่ผ่านมาลูกค้าหลายล้านคนได้ให้ความไว้วางใจใน Walmart ที่ไม่เพียงจะช่วยประหยัดเงินเมื่อซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยจัดการความต้องการทางการเงินของพวกเขาด้วย

(Photo by Al Bello/Getty Images)

Walmart หันมาสนใจธุรกิจให้บริการทางการเงิน โดยการเริ่มทดลองตลาดด้วยการออก Walmart MoneyCard บัตรเดบิตแบบเติมเงินเพื่อซื้อสินค้าภายในร้าน ชูจุดเด่นหลักๆ อย่างการไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกเกินบัญชีหรือรายเดือน และไม่มีข้อกำหนดยอดเงินขั้นต่ำ

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอแผนชำระเงินทางเลือกเพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโถคที่มีงบจำกัด เช่น Layaway และ Affirm ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคที่อนุญาตให้ลูกค้าซื้อสินค้าออนไลน์ เเละสามารถผ่อนชำระทีหลังได้ 

Bloomberg มองว่า เป้าหมายในธุรกิจฟินเทคของ Walmart คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเช่นเดียวกับที่ Alibaba อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในเอเชีย เป็นทั้งผู้ค้าปลีกออนไลน์และผู้ให้บริการทางการเงินในแพลตฟอร์มเดียวกัน

การขยายไปรุกตลาดฟินเทคอย่างจริงจังของ Walmart ครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในสงครามค้าปลีกยุคใหม่ที่จะเอามาต่อกรกับ Amazon ค้าปลีกออนไลน์ที่เฟื่องฟูขึ้นอย่างมากในวิกฤต COVID-19

 

 

ที่มา : Bloomberg , CNBC , Businesswire

]]>
1313802
Walmart เลิกใช้ “หุ่นยนต์” เช็กสต๊อกสินค้าบนชั้นวาง กลับมาพึ่งพา “แรงงานมนุษย์” https://positioningmag.com/1304267 Tue, 03 Nov 2020 10:38:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304267 ขณะที่หลายอุตสาหกรรมกำลังนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยงานในธุรกิจมากขึ้น เเต่ Walmart ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของโลก กลับตัดใจสินใจเลิกใช้หุ่นยนต์เช็กสต๊อกสินค้าหลังทดลองใช้มา 3 ปี เเละหันมาพึ่งพาแรงงานคนแทน

The Wall Street Journal รายงานว่า Walmart ห้างสรรพสินค้าของสหรัฐฯ ประกาศยุติสัญญาธุรกิจกับ Bossa Nova Robotics บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ตรวจสอบสินค้าบนชั้นวาง หลังทดลองใช้งานในหลายสาขา มาตั้งเเต่ปี 2017 ตามเเผนขององค์กรที่ต้องการย้ายการทำงานไปสู่ระบบอัตโนมัติมากขึ้น

โฆษกของทาง Walmart ระบุว่า จนถึงวันสิ้นสุดสัญญา มีหุ่นยนต์ตรวจสอบสินค้าบนชั้นวางในคลังราว 500 ตัว อยู่ตามห้างของ Walmart กว่า 4,700 สาขา โดยทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ตรวจสอบสต๊อกสินค้า เช็กราคาที่ถูกต้อง เเละให้บริการอื่นๆ เพื่อช่วยลูกค้าหาของบนชั้นวางได้เร็วขึ้น

การตัดสินใจยุติสัญญาการใช้หุ่นยนต์เช็กสต๊อกครั้งนี้ มีขึ้นหลัง Walmart เห็นว่า พนักงานที่เป็นมนุษย์สามารถทำงานนี้ได้ดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าหุ่นยนต์ (ณ ขณะนี้) เเละบางครั้งการที่มีหุ่นยนต์คอยตรวจสอบสินค้า อาจสร้างปฏิกิริยาทางลบต่อลูกค้าที่กำลังเลือกซื้อสินค้าได้

อย่างไรก็ตาม แม้ Walmart จะหันมาเลือกใช้แรงงานคนในการตรวจสอบสต๊อกสินค้า เเต่ก็ยังจะมีพัฒนาการใช้ระบบอัตโนมัติในด้านอื่นๆ ต่อไป

เราพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ตลอดเวลา เเละตอนนี้เราก็ยังใช้หุ่นยนต์ถูพื้นอัตโนมัติอยู่

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Walmart เพิ่งปรับเปลี่ยนห้างในเครือ 4 แห่ง ให้เป็นโมเดลทดลองการค้าปลีกเเบบ
อีคอมเมิร์ซ ทดสอบการใช้เครื่องมือดิจิทัลและกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการสต๊อกสินค้า และรับคำสั่งซื้อออนไลน์

ในไตรมาสที่เเล้ว Walmart ทำรายได้ถึง 1.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มีการเติบโตในส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซถึง 97% จากอานิสงส์คนอยู่บ้านช่วงวิกฤต COVID-19 ทำให้บริษัทต้องหันมาให้ความสำคัญกับการค้าปลีกเเบบ
เดลิเวอรี่อย่างจริงจัง

(Photo by Al Bello/Getty Images)

การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของ Walmart จากการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ในธุรกิจห้างสรรพสินค้า คือการเพิ่มสต๊อกสินค้าให้ทันเวลาเเละทันความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในส่วนออฟไลฟ์เเละออนไลน์ที่กำลังเฟื่องฟู

Doug McMillon ซีอีโอของ Walmart ให้สัมภาษณ์กับทางรายการ Squawk Box ของ CNBC ว่า ปัญหาสินค้าหมดสต๊อกยังคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับ Walmart ซึ่งจะมีการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่คู่เเข่งในวงการค้าปลีกที่มีหารเเข่งขันกันอย่างดุเดือด กำลังลงทุนในเทคโนโลยีหุ่นยนต์กันอย่างต่อเนื่อง เช่น ห้างดังอย่าง Target ที่เริ่มใช้หุ่นยนต์มาบริหารสินค้าเเละให้บริการลูกค้า รวมถึง Amazon ที่ซื้อกิจการหุ่นยนต์เพื่อนำมาใช้ในการต่อยอดธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์ถึง 2 แสนตัวในการบริหารคลังสินค้า

ด้านรายงาน World Economic Forum ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่า การมาของ COVID-19 ที่ระบาดทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้มีการเปลี่ยนเเปลงทางเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน โดยตำเเหน่งงานของมนุษย์กว่า 85 ล้านตำแหน่งจะถูกทดเเทนด้วย “ระบบอัตโนมัติ” ภายใน 5 ปีข้างหน้า

“กว่า 2 ใน 5 ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกสำรวจ มีแผนจะลดพนักงานลง เนื่องจากการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน”

 

ที่มา : CNBC , BBC 

]]>
1304267
อำลา “Robinsons” ห้างเก่าเเก่ในสิงคโปร์ ปิด 2 สาขาสุดท้าย หลังเปิดมานานกว่า 162 ปี https://positioningmag.com/1303907 Fri, 30 Oct 2020 12:04:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303907 Robinsons หนึ่งในห้างเก่าเเก่ที่สุดของสิงคโปร์ ที่ดำเนินกิจการมากว่า 162 ปี ประกาศปิด 2 สาขาสุดท้าย หลังคนเดินห้างลดฮวบจากผลกระทบ COVID-19 เเละพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป

Robinsons (โรบินสันส์) บริษัทลูกในเครือของ Al-Futtaim Group ระบุว่า บริษัทได้ตัดสินใจปิดห้างสรรพสินค้า 2 สาขาสุดท้ายในสิงคโปร์ที่ The Heeren เเละศูนย์การค้า Raffles City ลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อสินค้าในห้าง และดีมานด์ที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

โดย Robinsons ได้เริ่มกระบวนการชำระบัญชีของทั้ง 2 สาขา และแจ้งพนักงานให้ทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งผู้ชำระบัญชีชั่วคราวจะเข้าจัดการทรัพย์สินของบริษัท พร้อมประเมินทางเลือก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้แก่เจ้าหนี้ ส่วนพนักงานจะได้รับเงินตามกฎหมายล้มละลาย การปรับโครงสร้าง และเลิกกิจการ

ตอนนี้ ทางห้างฯ จะยังเปิดทำการต่อไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ก่อนที่จะปิดตัวลงอย่างถาวร โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้เช่าพื้นที่

ทั้งนี้ Al-Futtaim Group ยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ เช่น Marks & Spencer และ Zara ในสิงคโปร์และมาเลเซีย

การซื้อของออนไลน์เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ความต้องการเดินห้างขนาดใหญ่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยยอดขายของห้างสรรพสินค้าในสิงคโปร์ ลดลงถึง 35.3% ในเดือนสิงหาคม

มรสุมห้างค้าปลีก เริ่มมีมาตั้งเเต่ช่วงก่อนโรคระบาดทั้งในสิงคโปร์และทั่วโลก เเต่ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมา เเบรนด์เเฟชั่นค้าปลีกทั้งหลายอย่าง Zara เเละ H&M เริ่มกลยุทธ์ ปิดร้านเพิ่มขึ้นเปิดน้อยลงเพิ่มการลงทุนดิจิทัล เพื่อรองรับผู้บริโภคทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น

โดย Zara ตั้งเป้าจะปิดร้านค้าขนาดเล็กประมาณ 1,000-1,200 สาขาทั่วโลก ภายในช่วง 2 ปีนี้โฟกัสเฉพาะสาขาใหญ่เท่านั้น เเละหันมาบุกออนไลน์อย่างเต็มสูบ

ไม่ใช่เเค่เจ้าใหญ่อย่าง H&M และ Zara เท่านั้น ตอนนี้ค้าปลีกเเฟชั่นอย่าง American Eagle Outfitter (AEO) และ GameStop (GME) ก็เพิ่งประกาศแผนการปิดสาขาไปหลายร้อยแห่ง เนื่องจากกระเเสช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระตุ้นให้เเบรนด์ต่างๆ ต้องรีบมาทุ่มลงทุนด้านดิจิทัลเเทนนั่นเอง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้
ห้างสรรพสินค้าที่เป็นเเลนด์ลอร์ด…ต้องปรับทัพกันยกใหญ่เลยทีเดียว

 

ที่มา : CNA , Business Times

 

]]>
1303907
Apple-Amazon-Target บรรดาห้างใหญ่ในสหรัฐฯ สั่งปิดร้านชั่วคราว หลังเหตุประท้วงลุกลาม https://positioningmag.com/1281483 Mon, 01 Jun 2020 07:18:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281483 ส่องสถานการณ์ ห้างค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯ สั่งปิดร้านชั่วคราวในบางพื้นที่ หลังได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วงในหลายเมือง รวมเกิดจลาจลเเละการปล้นร้านค้า โดย Amazon, Target เเละ Apple ประกาศว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจในช่วงนี้

Apple ได้เริ่มปิด Apple Store หลายเเห่งในเขตเมือง Minneapolis ในรัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเมืองเริ่มต้นของการประท้วงจากการเสียชีวิตของ George Floyd ชายผิวสีที่เสียชีวิตจากการกระทำรุนเเรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนปลุกกระเเสเรียกร้อง #blacklivesmatter ไปทั่วอเมริกา

ในสหรัฐฯ มี Apple Store ทั้งหมด 271 สาขาเเละเพิ่งมี 140 สาขาที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งหลังการผ่อนคลายของการเเพร่ระบาด COVID-19 เเต่ในช่วงการประท้วงทำให้เกิดจลาจลภายในเมืองเเละ Apple Store บางเเห่งถูกทำลายเเละถูกปล้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ทางบริษัทจึงต้องประกาศปิดร้านในพื้นที่เสี่ยง เช่นในพอร์ตแลนด์ ฟิลาเดล บรูคลิน ซอลต์เลกซิตี้ ลอสแองเจลิส ชาร์ลสตัน วอชิงตัน ดี.ซี. สกอตต์เดล และซานฟรานซิสโก โดยล่าสุดมีการเผยภาพของ Apple Store ในเมือง Minneaqpolis ว่ามีการนำเเผ่นไม้มาป้องกันหน้าร้านทั้งหมดเเล้ว

ด้านห้าง Whole Foods ที่ Amazon ซื้อกิจการมาด้วยมูลค่า 1.37 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2017 ได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจะทำการปิดให้บริการชั่วคราวเเละจะปรับเวลาทำการในหลายสาขาทั่วประเทศ โดยร้านค้าของ Whole Foods ในพื้นที่ Minneapolis ลอสแองเจลิส เเละชิคาโก จะปิดให้บริการทั้งหมด ขณะที่สาขาที่เหลือจะมีการปิดทำการร้านเร็วขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเเละพนักงานกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

Amazon เผยกับ Bloomberg ว่า บริษัทจะมีการลดการทำงานเเละปรับเปลี่ยนเส้นทางการจัดส่งพัสดุเดลิเวอรี่ ในเมืองที่เป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พนักงานส่งของในชิคาโกและลอสแองเจลิสได้รับคำสั่งให้หยุดส่งพัสดุเเละให้กลับบ้านทันที

ด้านห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อย่าง Target ประกาศว่ามีการปิดสาขาชั่วคราวมีการปิดสาขาชั่วคราว 175 แห่งทั่วประเทศ อันเป็นผลมาจากการประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดย Target มีการเปิดให้บริการกว่า 1,900 สาขาทั่วสหรัฐฯ ส่วนพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดร้านครั้งนี้จะได้รับค่าตอบเเทนปกติในช่วง 14 วันทำงาน รวมถึงการจ่ายค่าจ้างพิเศษในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วย

เช่นเดียวกันกับ Walmart ห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับความเสียหายเเละถูกปล้นในช่วงจลาจลก็ประกาศจะปิดร้านในพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ โดยกำลังพิจารณาการชดเชยให้พนักงานเเละจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นรายชั่วโมง หากสาขาใดไม่ได้รับผลกระทบเเละมีความปลอดภัยเเล้ว ก็จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งโดยเร็วที่สุด

ฝั่ง Nike เเบรนด์กีฬาชั้นนำได้ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุน #BlackLivesMatter ด้วยเเคมเปญ For once, Don’t Do It โดยบริษัทระบุในเเถลงการณ์ว่า “Nike สนับสนุนการประท้วงอย่างเสรีและสันติ” พร้อมจะมีการติดตามการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งตอนนี้มีการปิดสาขาไปเเล้วบางเเห่ง หลังมีคนบุกเข้าไปในร้านระหว่างการประท้วง

ด้าน Adidas มีรายงานว่าอาจจะสั่งปิดทำการสาขาชั่วคราวทั่วสหรัฐฯ หลังมีการบุกเข้าไปในร้านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามรายงานของ The Wall Street Journal อย่างไรก็ตาม ตัวเเทนของ Adidas ยังไม่ได้เเสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้

 

ที่มา : CNBC , theverge , bloomberg

]]>
1281483
“สยามพิวรรธน์” ปรับรับอีเวนต์หด เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี กระตุ้นใช้จ่ายเเบบไทยช่วยไทย https://positioningmag.com/1281010 Thu, 28 May 2020 11:21:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281010 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

“สยามพิวรรธน์” เผยทราฟฟิกกลับมา 50% กลุ่มนักท่องเที่ยวยังต้องรออีกเป็นปี ด้าน “พารากอน ฮอลล์” เจอหนัก อีเวนต์หด รายได้หาย ปรับกลยุทธ์โฟกัสงานในประเทศ ประเดิมเปิดพื้นที่ให้ “ขายของฟรี” กระตุ้นลูกค้าใช้จ่ายเเบบ “ไทยช่วยไทย”

พฤติกรรม “คนเดินห้าง” ไม่เหมือนเดิม

“หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งช่วง 2 สัปดาห์เเรก พบว่าลูกค้ามาเดินห้าง เฉลี่ยไม่เกินคนละ 2 ชั่วโมง เเละมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคือ มาเเเบบมีจุดประสงค์เเน่ชัดหรือมาเพื่อซื้อสินค้าที่ต้องการจริงๆ เเล้วรีบกลับบ้าน ต่างจากเดิมที่มาเดินห้างเพื่อพักผ่อนหรือมาเดินเที่ยวเพื่อใช้ชีวิตทั้งวัน”

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวอีกว่า หลังจากปลดล็อกดาวน์เฟส 2 ให้ธุรกิจค้าปลีกกลับมาเปิดบริการได้แล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของสยามพิวรรธน์ ที่บริหารสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน และไอคอนสยาม ผู้คนเริ่มกลับมาบ้างเเล้ว เเต่ทราฟฟิกยังไม่กลับมาเท่าเดิม “หายไปเกินครึ่ง” เนื่องจากมาตรการต่างๆ ของรัฐยังเข้มงวดอยู่ โดยลูกค้าตอนนี้จะกลับมาอยู่ที่ราว 50% จากปกติที่กลุ่มวันสยามเคยมีลูกค้าประมาณ 2.5 เเสนคนต่อวัน ที่ไอคอนสยามประมาณ 8 หมื่นคนต่อวัน

“ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาได้ มีเพียงชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยเท่านั้นที่ออกมาเดินห้าง คงต้องรอถึงช่วงปลายปีอาจจะกลับมาได้ 20-30% จากปกติ เเละต้องรอลุ้นกันยาวถึงปีหน้า ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถกลับมาได้ถึงระดับปกติ ตอนนี้เราจึงต้องส่งเสริมกิจกรรมภายในประเทศมากขึ้น”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวถือเป็นลูกค้าหลักของเครือสยามพิวรรธน์เพราะคิดเป็น 30-40% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

ส่วนกลุ่มสินค้าที่ขายดีช่วงนี้จะเป็นกลุ่มของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ความงาม สุขภาพ และเครื่องใช้ในบ้าน สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้นกลับมาเปิดบางส่วน แต่คาดว่าหลังจากที่ปลดล็อกเฟส 3 ทุกอย่างจะกลับมาเปิดบริการได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

“ตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ในห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ ได้เปิดให้บริการเเล้วราว 90% มีบางส่วนที่เหลือยังติดปัญหาเรื่องพนักงานซึ่งต้องกักตัวหลังกลับมาจากต่างจังหวัด คาดว่าในเดือน มิ.ย.จะสามารถเปิดได้เต็ม 100% เเละยังไม่มีร้านใดปิดตัวไป”

ช่วงก่อนหน้าที่จะกลับมาเปิดห้างฯ “ชฎาทิพ จูตระกูล” ซีอีโอแห่งกลุ่มสยามพิวรรธน์ ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือวิกฤต โดยมองว่าช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค.หากรัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ ทั้งทราฟฟิกลูกค้าและรายได้ศูนย์การค้าจะยังไม่สูง คาดว่าจะอยู่ที่ 30-40% ของปกติ และจะทยอยดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2563 รวมผลกระทบที่ต้องปิดห้างฯ เกือบ 2 เดือน และระยะฟื้นตัว มองว่าธุรกิจศูนย์การค้ารวมร้านค้าภายในทั้งประเทศจะสูญเสียรายได้ 50% จากทั้งธุรกิจที่เคยทำรายได้ให้ประเทศ 1.75 แสนล้านบาทต่อปี

อ่านต่อ : “ชฎาทิพ” แห่ง “สยามพิวรรธน์” ตอบชัด 4 ประเด็น พร้อมเปิดประตูห้างฯ ในยุค New Normal

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ (ซ้าย) กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ (ขวา)

พารากอน ฮอลล์ : คอนเสิร์ต-อีเวนต์หาย มุ่งรับงานคนไทย 

ด้านธุรกิจอีเวนต์ นับว่าต้องเจอผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เเบบ “หนักหนาสาหัส” ทีเดียว เนื่องจากต้องงดจัดงานที่เป็นการชุมนุมของคนหมู่มากเเละยังไม่มีทางออกของสถานการณ์เเน่ชัด ทำได้เเค่ “ยกเลิกหรือเลื่อน”

กฤษณา จรรยาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มบริหารงานขายเเละการตลาด บริษัทสยามอัลไลเเอนซ์ เเมเนจเม้นท์ เปิดเผยว่า “รอยัล พารากอน ฮอลล์” ได้รับผลกระทบโดยตรง ถือว่าหนักที่สุดตั้งเเต่เปิดมา เพราะไม่มีรายได้เลยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ขอเลื่อนไปจัดช่วงปลายปี คือไตรมาส 3-4 เเละช่วงต้นปีหน้า

“ส่วนใหญ่ขอเลื่อนมากกว่ายกเลิก ซึ่งบอกจำนวนเเน่ชัดไม่ได้ เพราะยังไม่มีความเเน่นอนโดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศที่ต้องคอยดูสถานการณ์ มาตรการภาครัฐเเละการเปิดประเทศที่ยังไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญว่าจะเลือกจัดหรือไม่จัดอีเวนต์”

สำหรับ “รอยัล พารากอน ฮอลล์” เปิดพื้นที่ให้จัดงานประชุม คอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ ราว 80-90 งานต่อปี โดยงานยอดนิยมที่สุดจะเป็นงานคอนเสิร์ตเเละการจัดนิทรรศการ (Exhibition) อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพราะคอนเสิร์ตจะจัดวันสุดสัปดาห์ ส่วนนิทรรศการจะจัดช่วงวันธรรมดา

ในระหว่างที่ยังไม่เปิดให้มีการจัดงานอีเวนต์ ทีมงานมีการปรับตัวเพื่อลดค่าใช้จ่ายเเละเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ดูเเลเเละปรับปรุงพื้นที่ให้เข้ากับมาตรการควบคุมโรค คิดหาเเนวทางเพื่อให้ผู้ใช้บริการอุ่นใจเพื่อรองรับการกลับมาอีกครั้ง

มาตรการรักษาความสะอาดปลอดภัยในสยามพารากอน

“เเผนของเราคือในช่วง 6 เดือนนี้จะโฟกัสกับงานในประเทศ กระตุ้นให้คนไทยช่วยคนไทย ประเดิมด้วยการจัดงานฟรี เปิดให้ SMEs มาขายของโดยไม่คิดค่าพื้นที่ มุ่งจัดอีเวนต์ให้ลูกค้าคนไทยก่อน จากนั้นช่วงต้นปี 2564 หากมีการเปิดบินระหว่างประเทศ ก็จะขยายไปหาลูกค้าในเอเชีย เเละถัดไปอีกปีจะขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก ตามที่เคยวางเป้าหมายไว้ก่อนเกิดวิกฤต”

ด้านสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เผยผลสำรวจทางธุรกิจพบว่า หากรัฐบาลปลดล็อกดาวน์ ผู้ประกอบการจะสามารถจัดงานได้ไม่ต่ำกว่า 900 งาน ทั้งในส่วนของงานประชุมสัมมนา (Meeting & Incentive) การประชุมอบรม (Convention) งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibition) การจัดงานอีเวนต์ส่งเสริมธุรกิจ และสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศราว 7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าในการผลักดันเศรษฐกิจ สร้างรายได้เข้าประเทศไทยเป็นกว่า 35,000 ล้านบาท ระหว่างเดือน มิ.ย. 2563 ถึง เดือน มี.ค. 2564

กระตุ้นใช้จ่าย “ไทยช่วยไทย” เปิดพื้นที่ให้ขายของฟรี 

จากเเผนที่จะฟื้นเศรษฐกิจในประเทศเเบบ “ไทยช่วยไทย” นำมาสู่โครงการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะมีการนำพื้นที่จัดงานอีเวนต์ของพารากอน ฮอลล์ (ที่ว่างอยู่) เเละภายให้ห้างฯ ของเครือสยามพิวรรธน์ มาจัดแคมเปญ “I Love Siam-Smile Together” เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ประกอบกการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยของที่คนไทยผลิต เป็นการนำโมเดลธุรกิจรีเทลใหม่ที่เรียกว่า “ระบบนิเวศค้าปลีก” มาสร้างการค้าเชื่อมโยงระหว่างผู้ขายเเละผู้ซื้อ ซึ่งจะมีการนำร่องใน 4 โครงการหลัก ได้เเก่

1.ตลาดนัดยิ้มสยาม : เปิดพื้นที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และทรูไอคอน ฮอลล์ รวม 10,000 ตารางเมตร จัดกิจกรรม ‘ตลาดนัดยิ้มสยาม’ ร่วมกับพันธมิตร ให้พนักงานและผู้ประกอบการจากทั่วประเทศที่รับกำลังเดือดร้อนจากวิกฤตครั้งนี้ มาจำหน่ายสินค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ วันที่ 24 – 28 มิ.ย. ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ และวันที่ 1 – 5 ก.ค. 2563 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ อย่างไรก็ตาม วันและเวลาอาจมีเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล

“ด้วยมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดบูธก็ต้องมีการเว้นพื้นที่จากเดิมพารากอนฮอลล์ รองรับผู้ประกอบการได้ 400 ร้านก็จะเหลือ 120 ร้าน ส่วนทรูไอคอนก็จะเหลือประมาณ 90 ร้าน ขณะที่จำนวนผู้บริโภคที่จะเข้ามาร่วมงาน ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยรวมทราฟฟิกของห้างลดลง 50% สัดส่วนร่วมงานก็น่าจะลดลงกว่านี้มาก เพราะต้องมีมาตรการการคัดกรองต่างๆ ด้วย”

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาร้านที่จะเข้ามาเปิดขายครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ที่ตกงานจาก COVID-19 ไม่จำกัดหมวดสินค้า เเต่ต้องเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย มีคุณภาพ ราคาเป็นธรรม โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line @RoyalParagonHall เเละ @TrueconHall

2. Siam Smile Space : เปิดพื้นที่ทำงานให้ทุกคนมาทำงานแบบ co-working space ในศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ อย่างสยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และไอคอนสยาม ได้ฟรี มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย Wifi และอุปกรณ์ไฟฟ้า พร้อมมาตรการดูแลสุขอนามัยขั้นสูงสุด เริ่มเปิดให้ใช้พื้นที่ได้ในเดือน มิ.ย. 2563 เป็นต้นไป

3.โครงการฟื้นใจไทย : เปิดพื้นที่ให้จำหน่ายสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เปิดเมืองสุขสยาม ถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2563 รองรับ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มบุคคลทั่วไปหรือนักธุรกิจ กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน อัตลักษณ์ไทยจาก 77 จังหวัด และกลุ่มเกษตรกรผลไม้คุณภาพจากสวนดัง และเกษตรกรไทยดีเด่น แบ่งจำหน่ายรอบละ 7-10 วัน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันใน 3 พื้นที่ คือ บริเวณธนบุรีดีไลท์, ลานเมือง 1 และ ลานเมือง 2 จัดตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2563 เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G

4. ไทยช่วยไทย ยิ้มไปด้วยกัน : เป็นความร่วมมือของสยามพิวรรธน์ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดมหกรรมผลไม้ 5 ภาค และของใช้อุปโภคบริโภคซึ่งเป็นของดีประจำจังหวัด ส่งตรงจากชาวสวน และผู้ผลิตจากทั่วประเทศไทย มาจำหน่ายบนพื้นที่ของศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จัดขึ้นในเดือน ก.ค. 2563 ณ ลานพาร์คพารากอน สยามพารากอน

“เราต้องช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ก่อน เพราะถ้าพวกเขารอด เราก็รอด เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้อีกครั้ง คนไทยต้องช่วยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้” ผู้บริหารกลุ่มสยามพิวรรธน์กล่าว

]]>
1281010
บิ๊กซีคาด 56 สาขา ได้รับผลกระทบ พายุ “ปาบึก” ยันให้บริการตามปกติ ส่งด่วนสินค้าใน 1 วัน https://positioningmag.com/1206703 Sat, 05 Jan 2019 01:57:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1206703 ดร.อนุพงษ์ เครืองาม ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และ มาร์เก็ต บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่าด้วยประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภัยพายุปาบึก” (PABUK) ที่อาจะก่อให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 3 – 5 มกราคม 2562 

ในเบื้องต้นนี้มีสาขาของบิ๊กซีที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 56 สาขารวมในทุกแพลตฟอร์ม โดยบิ๊กซีมีการจัดรถส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคแบบเร่งด่วนถึงภายใน 1 วัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ เพราะตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของผู้บริโภค และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

ทีมงานมืออาชีพที่เข้าใจและมีประสบการณ์ในการเฝ้าระวังเหตุ ป้องกัน และควบคุมสถานการณ์ในทุกระดับอย่างรอบด้าน เพื่อรับมือกับเหตุที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที โดยตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าที่มาใช้บริการและพนักงานเป็นอันดับแรก.

]]>
1206703
“ประสบการณ์ช้อปปิ้ง-อาหารสด” จุดเปลี่ยนเกมค้าปลีกแข่งแย่งลูกค้า “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ออกหมัด Fresh First ที่แรกที่เดียว หวังเอาลูกค้าให้อยู่หมัด https://positioningmag.com/1167942 Wed, 02 May 2018 00:08:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1167942 3-4 ปีก่อน หากสำรวจความต้องการผู้บริโภคในการซื้อสินค้าผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต จะพบว่า “ความสะดวก” ยังคงเป็นที่ 1 มาโดยตลอด จะช้อปอะไร หากตอบโจทย์ความสะดวกได้ ก็ได้ใจผู้บริโภคไปเปลาะหนึ่ง ถัดมาคือ

“ราคา” เจ้าไหน แบรนด์ไหนมีของดีราคาถูก คนก็จะแห่แหนไปยังร้านนั้นๆ ตามด้วย “โปรโมชั่น” ซึ่งเป็นตัวแปรที่ปรับขึ้นลงกับเรื่องราคา เพราะการจัดโปรโมชั่น หมายถึงการได้สินค้าในราคาที่ลด แลก แจก หรือแถมแน่ๆ ส่วน “ประสบการณ์” ช้อปปิ้ง มาเป็นอันดับ 4 นั่นคือภาพพฤติกรรมผู้บริโภคเดิมๆ แต่ปัจจุบัน “ประสบการณ์” กลายเป็น Factor สำคัญที่ผู้บริโภคตัดสินใจว่าจะไปช้อปปิ้งที่ไหน

“ปัจจุบันผู้บริโภคกังวลเรื่องราคาน้อยลง เพราะเชื่อว่าราคาสินค้าทุกที่ไม่ต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่อยากเจอในการช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตจึงเป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่ไม่เจอมาก่อน ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันด้วยไอเดียใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้ง” “บุญชัย ปลื้มสืบกุล” ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว

ขณะที่สินค้าหมวดที่สร้าง “ประสบการณ์ช้อปปิ้ง” ยุคนี้ยังต้องแตกต่างกันด้วย เพราะถ้าเหมือนกันทุกที่ ผู้บริโภคก็เข้าห้างร้านไหนก็ได้ จึงเห็นผู้ประกอบการไม่แค่ซูเปอร์มาร์เก็ต แต่เป็น “ค้าปลีก” เกือบทุกฟอร์แมต ที่หันมาให้น้ำหนักอาหารสด ของกิน กันถ้วนหน้า แทบทุกแบรนด์ ตั้งแต่ไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง “บิ๊กซี-เทสโก้ โลตัส” ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น-แฟมิลี่มาร์ท-ลอว์สัน108” ซูเปอร์มาร์เก็ตทั้ง “กูร์เมต์ มาร์เก็ต-ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต”

นายบุญชัย ปลื้มสืบกุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต The Mall

ยิ่งมาโฟกัสซูเปอร์มาร์เก็ต “บุญชัย” ย้ำเลยว่า ถ้าลูกค้าเดินมาที่ร้าน สิ่งแรกทีนึกถึงอันดับแรกคือ “อาหารสด” กลยุทธ์ของกูร์เมต์ มาร์เก็ตจึงต้องหาสินค้าไฮไลต์ วัตถุดิบที่ขาย “Exclusive” ที่นี่ที่เดียว มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าร้านมากที่สุด

จะเห็นว่าปัจจุบันพื้นที่โปรโมชั่น 30-40 ตารางเมตร (ตร.ม.) ของกูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาสยามพารากอน จะมีสินค้าอาหารสด “ไฮไลต์” มาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนขายทุกๆ 15 วัน ล่าสุด เป็นคิวของ “อาหารทะเล” ซึ่งสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์หนึ่งในผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก จับมือกับบริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเคาน์เตอร์อาหารทะเลรายใหญ่ของไทยจัดมหกรรมอาหารทะเล “The Incredible Flavours of Norway” และตราสัญลักษณ์อาหารทะเลนอร์เวย์ : SEAFOOD FROM NORWAY เอาใจคนรักซีฟู้ด

ปลาแซลมอนจากนอร์เวย์

ก่อนหน้านี้ มีการนำทั้งผลไม้เกาหลี จาก “วัชมนฟู้ด” มาจำหน่ายเป็น Exclusive มีอาหารทะเลจากออสเตรเลียเข้ามาขาย เป็นต้น

ปัจจุบันสินค้าอาหารสดมีสัดส่วนยอดขาย 40% และเป็นสินค้า Grocery อื่นๆ สัดส่วน 60% แต่ถ้าเทียบอัตราการเติบโต อาหารสดโตแรงกว่า

“สินค้า Grocery หาซื้อที่ไหนก็ได้ เหมือนกันหมด แต่ของสดทั้งอาหาร ผลไม้ เบเกอรี่ ช้อปคีออสอาหารญี่ปุ่น ที่นั่งทานได้ จะเป็นตัวที่สร้างความแตกต่างได้ ซึ่งเกณฑ์การเลือกสินค้ามาจัดบริเวณพื้นที่โปรโมชั่น จึงต้องเอ็กซ์คลูซีฟ ขายที่นี่ที่เดียว เราเลือก Fresh First หาที่ซื้ออื่นไม่ได้เพื่อดึงให้ลูกค้ามาจับจ่ายใช้สอย”

บุญชัย ย้ำ อีกการขยับตัวของรีเทล นอกจากโฟกัสขายของกิน อาหารสดแล้ว การเปิด “โซนบริการปรุงอาหารสด” ยังมาแรง เพราะได้เห็นทั้งเทสโก้ โลตัส ที่ใช้ชื่อ “You Shop We Cook” ส่วน กูร์เมต์ ใช้ “You Hunt We Cook” นี่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ห้างพยายามนำมาเสนอลูกค้าให้ได้สัมผัสสิ่งแปลกใหม่กว่าเดิม

ส่วนทิศทางการขยายสาขา แน่นอนว่า “ฟอร์แมต” ใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ต พยายามจะขยาย อย่างกลุ่มท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ส่วน “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” มีประมาณ 3 รูปแบบ คือเปิดในห้างค้าปลีกของเครือเดอะมอลล์ สาขานอกห้างในเครือ เช่น กูร์เมต์ มาร์เก็ต เทอร์มินอล 21, ห้างพรอมมานาด และ เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ เป็นต้น และ “กูร์เมต์ ทูโก” (Gourmet TO-GO) ซึ่งปัจจุบันมี 2 สาขา ที่ MRT ลาดพร้าว และเพชรบุรี ซึ่งยังเป็นสาขาที่ทดลง (Trial) เปิด โดยสินค้าที่จำหน่ายมีกลิ่นอายสะดวกซื้อ แต่พรีเมียมกว่า  

กลุ่มเดอะมอลล์ มีการขยายห้างค้าปลีกอย่างระมัดระวัง (Consernvative) และยังมีสาขาน้อย หากกูร์เมต์ มาร์เก็ตรอแค่ให้บริษัทแม่ลุยลงทุนเปิดห้างเอง ย่อมทำให้เจาะกลุ่มเป้าหมาย “สปีด” ไม่ทันคู่แข่งที่เปิดโครมๆ นอกจากนี้ ยังต้องจับตาการเปิดฟอร์แมตใหม่ๆ ในโครงการ “ดิเอ็มสเฟียร์” และ “แบงค็อกมอลล์” ด้วย

รีเทลจะต้องหาฟอร์แมตใหม่ มาสร้างประสบการณ์ช้อปให้กับลูกค้ามากขึ้น ต้องไม่ยึดติดกับฟอร์แมตเดิมๆ 

สำหรับภาพรวมยอดขายกูร์เมต์ มาร์เก็ต ไตรมาสแรก ยังคงขยายตัวได้ดี ขณะที่ยอดซื้อสินค้าต่อบิลเฉลี่ย 400 บาท สำหรับสาขาหรูใจกลางกรุงอย่างสยามพารากอน ส่วนสาขารอบนอกยอดซื้อต่อบิลฉลี่ย 300-400 บาท หรือต่างกันราว 20-30% นั่นเอง  

ปัจจุบันซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นหนึ่งในรีเทลที่เติบโตสูง เพราะผู้บริโภคเน้นซื้อของกิน ของสด และของใช้ เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อโตพุ่ง เพราะการขยายสาขาแต่ละปีทุกรายรวมกันมากถึงหลายร้อยสาขา อีกทั้งผู้บริโภครักความสะดวกสบาย สาขาเล็กใกล้บ้าน บริการครบ จึงตอบโจทย์ดังกล่าวอย่างดี ส่วนไฮเปอร์มาร์เก็ตเริ่มเอ็นจอยการแห่มาช้อปลดลง.

]]>
1167942
“บิ๊กซี” ออกโรงแจง “รถมินิบิ๊กซี” แค่โมเดลทดลอง มีคันเดียว! https://positioningmag.com/1163651 Wed, 28 Mar 2018 08:31:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1163651 เป็นกระแสข่าวเกรียวกราวมากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “บิ๊กซี” ห้างค้าปลีกในมือ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ได้ชิมลางส่ง “รถมินิบิ๊กซี” ออกไปประชิดผู้บริโภคถึงชุมชน แข่งกับรถพุ่มพวง หรือรถเร่ขายกับข้าว อาหารสดต่าง ๆ แล้ว จนทำให้มีผู้บริโภคแชร์ภาพรถมินิบิ๊กซีบนโลกโซเชียล พร้อมแสดงความคิดเห็นในเชิงลบจำนวนมาก โดยเฉพาะประเด็นของเครือข่ายร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ จะขยายธุรกิจจนกระทบผู้ประกอบการรายย่อย

ล่าสุด วันนี้  28 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา สำนักสื่อสารองค์กรกลุ่มบิ๊กซี ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงประเด็นร้อนดังกล่าวดังนี้

“ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวรถมินิบิ๊กซี ทางสำนักสื่อสารองค์กรกลุ่มบิ๊กซี ขอเรียนชี้แจงว่า รถมินิบิ๊กซีเป็นเพียงรถต้นแบบ ที่บริษัทสร้างขึ้นมาเพียงคันเดียว โดยได้นำมาทดลองวิ่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากแนวความคิดของรถมินิบิ๊กซี ที่เข้าร่วมในโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’  ซึ่งบริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาตลาด ต้นทุนและผลกระทบในด้านต่างๆ เท่านั้น

บิ๊กซีคำนึงอยู่เสมอว่าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ต้องการมีส่วนร่วมและเติบโตไปพร้อมกับชุมชน บิ๊กซีขอขอบพระคุณในทุกความเห็นจากสังคมและขอน้อมรับเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา  และจะดำเนินการทุกอย่างให้อยู่ภายใต้ข้อกฎหมาย เพื่อให้ชุมชนได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”

ณ ปี 2559 บิ๊กซี มีห้างค้าปลีกทั้งสิ้น 5 รูปแบบ(ฟอร์แมท) ได้แก่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตที่จับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรายได้ระดับปานกลางถึงล่าว ขายสินค้าราคาประหยัด และมีร้าน 116 สาขา, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต จับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายรายได้ระดับปานกลางถึงบน ขายสินค้าพรีเมี่ยม อาหารสดและอาหารแห้ง ตลอดจนสินค้านำเข้าแบรนด์คาสิโน มีสาขาประมาณ 15 แห่ง ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่

บิ๊กซี มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีลูกค้าเป้าหมายรายได้ระดับปานกลางถึงล่าง ขนาดร้านค่อนข้างเล็ก และวาง Positioning เป็นร้านสะดวกซื้อสำหรับชุมชน มีสินค้าเหมาะกับการซื้อประจำสัปดาห์  มีร้านให้บริการ 465 สาขา, ร้านขายยาเพรียว ขายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม มักตั้งอยู่ในไฮเปอร์มาร์เก็ต และบิ๊กซี มาร์เก็ต มีร้าน 142 สาขา และยังมีธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ทั้งบิ๊กซีช้อปปิ้งออนไลน์ ขายสินค้ากว่า 20,000 รายการ และ Cmart ให้บริการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มีสินค้ากว่า 130,000 รายการ

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบิ๊กซี ในปี 2559 มีรายได้รวมกว่า 119,979 ล้านบาท มีกำไรสุทธิกว่า 5,213 ล้านบาท.

]]>
1163651