ฉีดวัคซีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 16 Jan 2022 12:15:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สิงคโปร์ เริ่มใช้มาตรการคุมเข้ม เเรงงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด เสี่ยง ‘ตกงาน’ https://positioningmag.com/1370513 Sun, 16 Jan 2022 10:26:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370513 เเรงงานในสิงคโปร์ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด กำลังจะตกอยู่บนความเสี่ยงที่จะตกงาน หลังรัฐบาลเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มที่ประกาศใช้ตั้งเเต่วันที่ 15 .. เป็นต้นไป

Bloomberg รายงานว่า ช่วงเวลาผ่อนปรนที่รัฐเคยอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือผู้ที่ตรวจพบเชื้อเป็นลบสามารถเข้าไปในที่ทำงานได้จะถูกยกเลิก ตั้งเเต่วันที่ 15 ..64

โดยนายจ้างมีสิทธิ์ที่จะโยกย้ายพนักงานที่ไม่ฉีดวัคซีนไปทำงานที่ทำได้จากบ้าน หรือให้พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง  หรือทางเลือกสุดท้ายคือให้ออกจากงาน หากพวกเขาไม่สามารถที่จะทำงานโดยไม่เข้าออฟฟิศได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนด้วยเหตุผลทางการแพทย์ จะยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่ในสำนักงานได้ เเต่นายจ้างควรพิจารณาอนุญาตให้พวกเขาทำงานจากที่บ้านหากสามารถทำได้ และไม่ควรมีผลต่อการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาด้วย

สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลกที่ 87% ของประชากรทั้งหมด และได้ใช้แนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน

โดยมีการห้ามไม่ให้เข้าใช้บริการในร้านอาหาร หรือเข้าไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาด ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ เเละใช้นโยบายอยู่ร่วมกับโควิด’ เปิดให้ผู้คนใช้ชีวิตตามเป็นปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ ออกกฎเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่งสูง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ด้านเอกชนสหรัฐฯ ก็มีความเคลื่อนไหวที่เข้มงวดมากขึ้น อย่าง Citigroup สถาบันการเงินรายใหญ่ของโลก ที่ประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ‘no-jab , no job’ เลิกจ้างพนักงานที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้พนักงานทุกคนที่ทำงานภายใต้โครงการที่มีการทำสัญญากับรัฐ จะต้องฉีดวัคซีนโควิดให้ครบโดส ท่ามกลางความเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว 

 

ที่มา : Bloomberg

]]>
1370513
ผู้โดยสาร ‘ทุกชาติ’ ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ต้องโชว์ผลตรวจโควิดเป็นลบ เเม้ฉีดวัคซีนเเล้ว https://positioningmag.com/1365478 Sun, 05 Dec 2021 11:22:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365478 ตั้งเเต่วันที่ 6 .. เป็นต้นไป ผู้โดยสารทุกคนเเละทุกสัญชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ จะต้องเเสดงผลตรวจโควิด-19 ‘เป็นลบ’ ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง เเม้จะฉีดวัคซีนเเล้วก็ตาม

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) ออกแถลงการณ์ว่า วันจันทร์ที่ 6 .. 2564 ตั้งเเต่เวลา 00.01 . ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตัน ผู้เดินทางผ่านจุดผ่านแดนทางอากาศเข้าสหรัฐฯทุกคนที่อายุ 2 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะถือสัญชาติใดและฉีดวัคซีนป้องกันโควิดชนิดใดมา จะต้องแสดงหลักฐานผลการตรวจคัดกรอง RT-PCR ด้วยผลเป็นลบ’ (ไม่พบเชื้อ) ภายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง โดยจะต้องแสดงผลตรวจเป็นลบต่อสายการบินก่อนขึ้นเครื่อง สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และเพิ่งหายป่วย ต้องแสดงเอกสารยืนยันการหายป่วย

มาตรการที่เข้มงวดขึ้นดังกล่าว มีขึ้นท่ามกลางความกังวลของสถานการณ์โรคระบาด หลังสหรัฐฯ ยืนยันผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สะสมอย่างน้อย 8 คน เเละหนึ่งในนั้นไม่มีประวัติการเดินทางเยือนต่างประเทศ ในรอบ 2 สัปดาห์ล่าสุด

รวมไปถึงการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างน้อยอีก 40 แห่งหลายชาติจึงเริ่มกลับมาใช้การปิดพรมเเดนอีกครั้ง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ สั่งระงับการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ ที่มีประวัติการเดินทางเกี่ยวข้องกับแอฟริกาใต้ และประเทศใกล้เคียงกับแอฟริกาใต้อีก 7 แห่ง

ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นขอให้สายการบินระงับการขายตั๋วเที่ยวบินเข้าประเทศญี่ปุ่นจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ชาวญี่ปุ่นที่ยังไม่มีตั๋วก็จะเดินทางเข้าประเทศไม่ได้ มาตรการนี้ใช้หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน” 

 

ที่มา : reuters 

]]> 1365478 ชาวออสเตรเลียกว่าหมื่นคน จี้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชย หลังเจอ ‘ผลข้างเคียง’ จากวัคซีนโควิด https://positioningmag.com/1362413 Tue, 16 Nov 2021 11:46:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362413 รัฐบาลออสเตรเลีย อาจต้องจ่ายเงินชดเชยกว่า 1.2 พันล้านบาท ให้กับประชาชนนับหมื่นคนที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัควีนโควิด-19

ตอนนี้ ชาวออสเตรเลียมากกว่า 10,000 คน ได้ลงทะเบียนขอรับเงินชดเชยจากการสูญเสียรายได้หลังต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จากผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

สื่อท้องถิ่นอย่าง Sydney Morning Herald รายงานว่า เงินชดเชยในกรณีดังกล่าว จะเริ่มต้นที่คนละ 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.2 เเสนบาท) หมายความว่า รัฐบาลออสเตรเลียอาจจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนทั้งหมด อย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.2 พันล้านบาท) หากคำขอของพวกเขาครั้งนี้ได้รับการอนุมัติ

ด้านเว็บไซต์ Therapeutic Goods Administration (TGA) ของออสเตรเลีย ได้รับรายงานอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เกือบ 79,000 รายการ จากยอดฉีดวัคซีนโควิดทั้งหมด 3.68 ล้านโดส โดยอาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ เจ็บแขน ปวดหัว มีไข้ และหนาวสั่น

ในจำนวนนี้มี 288 รายการ ที่ถูกประเมินว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนของ Pfizer รวมถึง 160 รายการ ที่มีอาการเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน AstraZeneca

TGA ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 9 รายที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน เเละส่วนใหญ่มักมีอายุ 65 ปีขึ้นไป

ออสเตรเลียกำลังเร่งฉีดวัคซีนโควิดในช่วงครึ่งหลังของปีหลังสายพันธุ์เดลตาทำให้เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างซิดนีย์และเมลเบิร์นต้องล็อกดาวน์นานหลายเดือน โดยเริ่มมีการคลายข้อจำกัดต่างๆ ลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีอัตราการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้น

ล่าสุด ชาวออสเตรเลียประมาณ 17.9 ล้านคน หรือคิดเป็นกว่า 69.6% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม มีประชาชนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันประท้วงรัฐบาล เพื่อต่อต้านคำสั่ง ‘บังคับฉีดวัคซีน’ สอดคล้องกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

โดยกฎที่ห้ามให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด เข้าบาร์เเละร้านอาหารต่างๆ เพื่อควบคุมโรคเเละกระตุ้นการกระจายวัคซีนนั้น ในอีกมุมหนึ่งก็ทำให้มีการขาย ‘ใบรับรองฉีดวัคซีนโควิดปลอม’ เพิ่มขึ้นในตลาดมืดทางออนไลน์ด้วย

 

ที่มา : Bloomberg , Sydney Morning Herald

]]>
1362413
สิงคโปร์ ใช้ไม้เเข็งเตรียมยกเลิกจ่ายค่ารักษาโควิดฟรี ให้ผู้ป่วยที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน https://positioningmag.com/1361321 Wed, 10 Nov 2021 07:27:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361321 รัฐบาลสิงคโปร์ เตรียมเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เลือกไม่ฉีดวัคซีน หลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับมาพุ่งสูง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ปัจจุบัน สิงคโปร์รับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมดให้กับผู้ป่วยโควิดทุกคนทั้งชาวสิงคโปร์ ผู้อยู่อาศัยถาวรและผู้ถือวีซ่าระยะยาวในประเทศ ยกเว้นคนที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหลังจากกลับจากต่างประเทศได้ไม่นาน

โดยตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม เป็นต้นไป รัฐบาลจะออกกฎใหม่ เริ่มเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิดที่เลือกไม่ฉีดวัคซีนเอง

การเปลี่ยนเเปลงนี้ มาจากการที่ยอดผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเเละมีอาการหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข ที่มีทรัพยากรไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสิงคโปร์จะยังคงจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนหรือมีความจำเป็นที่ฉีดวัคซีนไม่ได้ ส่วนผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม รัฐบาลจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อให้เวลาในการรับวัคซีนเข็มที่ 2

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในโลก โดยประชากรที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน ฉีดครบโดสไปแล้วถึง 85% เเละส่วนใหญ่เป็นวัคซีนชนิด mRNA

แต่สถานการณ์ปัจจุบัน สิงคโปร์กำลังเผชิญกับยอดติดเชื้อโควิดที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้น เเละเมื่อเดือนที่แล้วมีคำเตือนว่าระบบสาธารณสุขของประเทศ อาจไม่สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นได้

โดยคำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากที่สิงคโปร์ผ่อนคลายมาตรการ ขยายการเดินทางโดยไม่ต้องกักตัวซึ่งเป็นหนึ่งในเเนวทางใหม่เพื่ออยู่ร่วมกับโรคระบาด

Photo: Ministry of Communications and Information / Singapore

นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง เคยกล่าวว่า การที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก ทำให้ไม่สามารถปิดประเทศอย่างไม่มีกำหนดได้ ดังนั้น จึงมีการเปลี่ยนจากกลยุทธ์เข้มงวดอย่าง Zero-tolerance ที่ต้องคงล็อกดาวน์และปิดพรมแดนไปจนกว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ มาเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดเเทน

จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นหลังการผ่อนคลายกฎบางประการ ทำให้สิงคโปร์ต้องระงับการเปิดประเทศในช่วงปลายเดือนต..ที่ผ่านมา และขยายการใช้มาตรการทางสังคมออกไปอีกประมาณหนึ่งเดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดและบรรเทาแรงกดดันในระบบสาธารณสุข

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 .. ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีจำนวนผู้ป่วยใหม่ 2,470 ราย เสียชีวิต 14 ราย และมีผู้ป่วยวิกฤตอยู่ 67 ราย

ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ กำหนดให้พนักงานในองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ ต้องฉีดวัคซีนโควิดครบโดส นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องมีผลตรวจเป็นลบเท่านั้น ถึงจะเข้าออฟฟิศได้ เเละต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

 

ที่มา : theguardian , moh.gov.sg

]]>
1361321
‘ใบรับรองฉีดวัคซีนปลอม’ ระบาดในออสเตรเลีย พร้อมการต่อต้านกฎบังคับฉีดวัคซีน https://positioningmag.com/1360869 Mon, 08 Nov 2021 17:21:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360869 หลังจากออสเตรเลีย ออกกฎห้ามผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าบาร์เเละร้านอาหารต่างๆ เพื่อควบคุมโรคเเละกระตุ้นการกระจายวัคซีน เเต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้มีการขายใบรับรองฉีดวัคซีนโควิดปลอมเพิ่มขึ้นในตลาดมืดทางออนไลน์

หญิงสาวชาวออสเตรเลีย วัย 24 ปี ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่า เธอได้ซื้อใบรับรองปลอมทางออนไลน์ แล้วตระเวนไปทานอาหารตามร้านต่างๆ ทั่วเมือง เเม้ที่จริงเเล้วเธอจะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม พร้อมบอกว่าเธอไม่ได้ต่อต้านวัคซีน แต่ต่อต้านการบังคับฉีด

AFP พบว่า มีการสืบค้นใน Google เรื่องหาใบรับรองการฉีดวัคซีนปลอมเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลออสเตรเลียประกาศกฎสำหรับผู้ยังไม่ฉีดวัคซีน เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เเละเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อมีการบังคับใช้จริง

โดยเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มีการเสนอขายใบรับรองของหลายประเทศ อย่างออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และปากีสถาน ในราคาใบละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 หมื่นบาท)

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกังวลว่าใบรับรองปลอมเหล่านี้ จะทำให้ผู้ครอบครองตกอยู่ในความเสี่ยงติดเชื้อ เเละอาจทำให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้น และยากต่อการติดตามผู้มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ

ปัจจุบัน ออสเตรเลียกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับ 7,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.4 เเสนบาท) สำหรับผู้ใช้ใบรับรองปลอม

ถึงกระนั้น ก็ยังหาใบรับรองปลอมหลายประเภทได้ง่ายบน Dark Web ที่มีราคามีตั้งแต่ 100-1,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,400-24,000 บาท) ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ชื่อเสียงของผู้ขาย เเละการรีวิวจากลูกค้าที่บอกต่อกัน

เเม้จะเสี่ยงจากโทษทางกฎหมายที่หนัก เเต่ชาวออสเตรเลียบางคนก็ยังซื้อใบรับรองปลอมหรือทำขึ้นมาเอง

เเหล่งข่าววัย 27 ปีบอกว่า เขาได้ทำวัคซีนพาสปอร์ตปลอมขึ้นมาเองโดยใช้ชื่อจริงของเพื่อน จากนั้นเข้าก็ใช้บริการในร้านอาหาร โรงยิมและร้านเสริมสวยต่างๆ ได้

ผมถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ เพราะฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่ได้ปล้นธนาคาร ฉันไม่ได้ทำร้ายใครเขากล่าวกับ AFP เเละยังรู้ว่าคนรอบตัวอย่างน้อย 10 คนใช้ใบฉีดวัคซีนปลอม

ด้านทางการ เริ่มมีการแก้ปัญหานี้ ด้วยการเพิ่มมาตรการป้องกันการปลอมแปลงเข้าไปใบรับรองการฉีดวัคซีนเข็มแรก เช่น ใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรมดิจิทัล หรือคิวอาร์โค้ด โดยหวังว่าการปลอมเเปลงจะลดลง

ขณะที่ประชาชนในนครซิดนีย์รวมตัวกันประท้วงรัฐบาล เพื่อต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนสอดคล้องกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ออสเตรเลีย ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปครบทั้งสองโดสแล้วมากกว่า 80% เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุดในโลก

 

ที่มา : straitstimes

]]>
1360869
สิงคโปร์ คุมเข้มให้พนักงานบริษัททั่วประเทศ ต้องฉีดวัคซีนครบโดส ถึงจะเข้าออฟฟิศได้ https://positioningmag.com/1358231 Mon, 25 Oct 2021 11:45:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358231 สิงคโปร์ ออกนโยบายคุมเข้ม กำหนดให้พนักงานในองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ ต้องฉีดวัคซีนโควิดครบโดส นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้า เป็นต้นไป ส่วนผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องมีผลตรวจเป็นลบเท่านั้น ถึงจะเข้าออฟฟิศได้ เเละต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง

กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 พนักงานขององค์กรทุกแห่งในประเทศ จะต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิดครบแล้วเท่านั้น หรือต้องประวัติป่วยเป็นโรคโควิด-19 เเล้วหายจากอาการป่วยภายในระยะเวลานานไม่เกิน 270 วัน จึงจะสามารถกลับเข้าไปทำงานในออฟฟิศได้

ส่วนพนักงานที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด ’เป็นลบ’ เท่านั้น ถึงจะเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติได้ เเต่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจเองทั้งหมด และจะต้องเข้ารับการตรวจจากสถานที่ ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น

ทั้งนี้ ผลการทดสอบด้วย Antigen Rapid Test อย่างเร่งด่วน จะมีผลใช้ได้ตลอดระยะเวลาที่พนักงานอยู่ในที่ทำงาน 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐมีข้อยกเว้นให้กับกลุ่มพนักงานที่เป็นสตรีมีครรภ์ที่ไม่ประสงค์รับวัคซีน และผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งมีคำเเนะนำถึงเหล่านายจ้างว่าจะต้องดูเเลการทำงานของกลุ่มนี้เป็นพิเศษ เช่น กำหนดวิธีการทำงานรูปแบบใหม่เเละให้ทำงานที่บ้านไปก่อน

ล่าสุด ชาวสิงคโปรืกว่า 84% ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว และกว่า 85% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ท่ามกลางสถานการณ์ที่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์เดลตา โดยมีการขยายมาตรการป้องกันการระบาดในปัจจุบันไปจนถึงวันที่ 21 พ.ย. เพื่อลดแรงกดดันในระบบสาธารณสุข เเละจะมีการทบทวนมาตรการในทุก 2 สัปดาห์

 

ที่มา : CNA , Bloomberg

]]>
1358231
นิวซีเเลนด์ มุ่งฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนครบโดส เเตะ 90% ก่อน ถึงจะยกเลิกล็อกดาวน์ https://positioningmag.com/1357982 Fri, 22 Oct 2021 12:44:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1357982 นายกฯ นิวซีแลนด์ ประกาศเป้าหมายฉีดวัคซีนครบโดสให้ได้ 90% ก่อน ถึงจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ

นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ระบุว่า เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนโควิดครบสองเข็ม ครอบคลุมประชากรอายุ 12 ปีขึ้นไป ไม่น้อยกว่า 90% เเล้ว นิวซีเเลนด์จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั้งหมด รวมถึงเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงต้นปี 2022 นี้ด้วย

โดยรัฐบาลมีเงินช่วยเหลือภาคธุรกิจกิจการต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการล็อกดาวน์ พร้อมเร่งสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ชนเผ่าพื้นเมืองที่ขณะนี้มีอัตราการฉีดน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ ในประเทศ

ปัจจุบัน นิวซีแลนด์มีประชากรทั้งหมดราว 4.8 ล้านคน ระดมฉีดวัคซีนครบโดสไปแล้วกว่า 68% ขณะที่ประชากรราว 86% ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว โดยนิวซีแลนด์เลือกใช้วัคซีนของ Pfizer–BioNTech เพียงยี่ห้อเดียว

ก่อนหน้านี้ นิวซีเเลนด์ ได้ล้มเลิกกลยุทธ์ ‘Zero-Covid’ พร้อมกับยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดเป็นศูนย์ได้ ท่ามกลางความไม่เเน่นอนของไวรัสกลายพันธุ์ โดยจะหันมาใช้แนวทางอยู่ร่วมกันกับโควิดเเทน และจะผ่อนคลายมาตรการเป็นระยะๆ เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น

ดังนั้น หลังจากเปลี่ยนแนวทาง’ การควบคุมโรคที่ดำเนินมายาวนาน นิวซีเเลนด์จะใช้ ‘วัคซีน’ ป้องกันโควิดมาเป็นตัวสนับสนุนแนวทางใหม่ 

เมื่อเเต่ละพื้นที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่สองทะลุ 90% เเล้ว ผู้คนก็ยังจำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน เพื่อเข้าใช้บริการและสถานที่ชุมนุมต่างๆ อย่าง บาร์ ร้านอาหาร และสถานที่ออกกำลังกาย

ทั้งนี้ ความเข้มงวดในประกาศใช้มาตรการต่างๆ จะเเบ่งตามพื้นที่เป็นสีๆ คือ เขียว ส้มและแดง โดยในพื้นที่สีเขียวบรรดาร้านค้าส่วนใหญ่ จะสามารถเปิดทำการได้ตามปกติ ส่วนพื้นที่สีส้ม ประชาชนอาจจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเเละมีการเว้นระยะห่างทางสังคม เเละพื้นที่สีแดงจะมีการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น เช่นจำกัดการชุมนุม กำหนดเวลาเปิด-ปิดร้าน ฯลฯ

เเละแน่นอนว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว จะมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันน้อยกว่ากลุ่มคนที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส เพราะจะต้องเจอเงื่อนไขทางสังคมต่างๆ ในการใช้ชีวิตนอกบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ในช่วงวิกฤตโควิด

สำหรับสถานการณ์โควิดในนิวซีเเลนด์ ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อสะสมราว 5,450 ราย เสียชีวิตแล้ว 28 ราย 

 

ที่มา : Reuters , AFP , ABC News 

 

]]>
1357982
เงื่อนไข : ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดจอง ‘โมเดอร์นา’ เข็ม 3 ราคา 555 บาท/โดส ซิโนฟาร์ม 550 บาท/โดส https://positioningmag.com/1356921 Sat, 16 Oct 2021 06:00:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356921 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยเงื่อนไขจองวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ‘ซิโนฟาร์มและโมเดอร์นา’ สำหรับองค์กรนิติบุคคลและโรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ขั้นต่ำ 12 คนขึ้นไป เปิดจองในวันที่ 29 ตุลาคม เวลา 09.00 น. กำหนดเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

โดยกำหนดการเปิดจองวัคซีนทางเลือกเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในรูปแบบองค์กร นิติบุคคล และโรงพยาบาลเท่านั้น (ยังไม่มีการเปิดรอบบุคคลทั่วไป)

วัคซีนซิโนฟาร์ม อัตราเข็มละ 550 บาท

วัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) อัตราเข็มละ 550 บาท พร้อมร่วมบริจาค 10% ของจำนวนวัคซีนที่ขอรับจัดสรรให้กับกลุ่มเปราะบาง (ยอดบริจาคนิติบุคคลนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าผ่านระบบ E-Donation)

-แนะนำเป็นเข็มกระตุ้นภูมิ (เข็มที่ 3) สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มหรือวัคซีนชนิดอื่นๆ ครบ 2 เข็มมาแล้ว 3-6 เดือน

-ลงทะเบียนจองพร้อมโอนเงินเต็มจำนวน รวมจำนวนวัคซีนบริจาค 10% ภายใน 5 วันทำการเมื่อได้รับการแจ้งจัดสรรวัคซีน

-กำหนดเริ่มฉีดเข็มกระตุ้นภูมิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และสถานพยาบาลที่อยู่ในระบบจัดสรรวัคซีนที่รับฉีดแทนโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ทั่วประเทศ

บุคคลธรรมดาที่เคยฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม

ขอให้ท่านติดตามการจองวัคซีนทางเลือกเข็มกระตุ้นภูมิจากโรงพยาบาลต่างๆ ที่รับการจัดสรรวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และให้บริการฉีดแทนโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะไม่เปิดรับจองในรูปแบบบุคคลทั่วไปในการจัดสรรครั้งนี้

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่เคยเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มรอบบุคคลธรรมดากับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กรุณารอ SMS เพื่อแจ้งกำหนดการเข้ารับวัคซีนเข็ม 3 สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะใช้วัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยชำระเงิน ณ วันเข้ารับวัคซีน (สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กรุณารอการติดต่อทาง sms หรือให้ผู้ประสานงานทำหนังสือถึงเลขาธิการเพื่อรอการจัดสรร)

วัคซีนโมเดอร์นา อัตราเข็มละ 550 บาท

วัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โมเดอร์นา (Moderna) 50 ไมโครกรัม อัตราเข็มละ 555 บาท พร้อมร่วมบริจาค 10% ของจำนวนวัคซีนที่ขอรับจัดสรรให้กับกลุ่มเปราะบาง (ยอดบริจาคนิติบุคคลนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าผ่านระบบ E-Donation)

-แนะนำใช้เป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปี 2565 (โดยฉีดเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 หรือ 4) โดยฉีดห่างจากวัคซีนเข็มล่าสุด 3-6 เดือน (แล้วแต่ชนิดวัคซีนที่ได้รับก่อนหน้านั้น)

-ลงทะเบียนจองพร้อมโอนเงินมัดจำ 250 บาทต่อโดส จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และโอนเงินมัดจำ 400 บาทต่อโดสตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป และชำระเงินส่วนที่เหลือเต็มตามจำนวน เมื่อได้รับการจัดสรรวัคซีน พร้อมจำนวนที่บริจาคอีก 10%

เริ่มฉีดเมื่อไหร่ 

กำหนดเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และสถานพยาบาลที่อยู่ในระบบจัดสรรวัคซีนที่รับฉีดแทนโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ทั่วประเทศ

จัดสรรวัคซีนในเดือนมีนาคม ตามลำดับองค์กรที่โอนเงินจองเข้ามาก่อน และจัดสรรต่อทุก 3 เดือน หรือเมื่อได้รับวัคซีนจากต่างประเทศจนได้รับวัคซีนครบตามจำนวน

ข้อกำหนด : การจองวัคซีนทางเลือกเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับองค์กรนิติบุคคล

1.การสั่งจองและขอรับจัดสรรวัคซีนทางเลือกนี้ เมื่อยืนยันการจองและโอนเงินแล้ว ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะไม่คืนเงิน และไม่รับการขอลดจำนวนวัคซีนในทุกกรณี หากไม่โอนเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด ขอสงวนสิทธิ์ที่จะนำเงินจองจำนวนดังกล่าว หรือวัคซีนไปจัดสรรให้กับกลุ่มเปราะบางของประเทศต่อไป

2. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะจัดสรรวัคซีนให้ตามลำดับองค์กรที่โอนเงินจองเข้ามาก่อนกับวัคซีนที่จะทยอยมาจากต่างประเทศ

3. องค์กรสามารถยื่นขอรับจัดสรรวัคซีนได้ทั้ง 2 ชนิด โดยแจ้งระบุจำนวนคนตามยี่ห้อวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิที่ประสงค์จะขอรับจัดสรร

4. องค์กรจะได้รับอีเมลแจ้งชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านเพื่อล็อกอินเข้าระบบผ่านเมนู “ลงทะเบียนองค์กรผู้ได้รับการจัดสรรวัคซีน” เพื่อยืนยันยอดจำนวนวัคซีนที่ขอรับการจัดสรร และวิธีการโอนเงิน โดยโอนเต็มจำนวนสำหรับวัคซีนซิโนฟาร์ม และโอนเงินมัดจำ 250 บาทต่อโดสสำหรับวัคซีนโมเดอร์นา

5. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะดำเนินการส่งรายงานมูลค่าบริจาควัคซีน 10% ขององค์กรเข้าระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (E-Donation) ของทางกรมสรรพากรตามเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของนิติบุคคลที่ยื่นความประสงค์เข้ามา เมื่อได้รับการโอนเงินชำระค่าวัคซีนจากองค์กรเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า

6. สำหรับโรงพยาบาลที่ขอรับการจัดสรรวัคซีนทางเลือกใดๆ จากทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เพื่อนำไปจัดสรรต่อให้กับผู้ป่วยหรือผู้รับบริการของโรงพยาบาล สามารถกำหนดอัตราค่าวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามความเหมาะสมโดยให้คำนึงถึงการเข้าถึงวัคซีนของส่วนรวมเป็นสำคัญ

7. อัตราค่าวัคซีนทางเลือกของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้รวมประกันในการรักษาอาการข้างเคียงทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน (โดยเริ่มคุ้มครองเมื่อองค์กรอัพโหลดรายชื่อผู้ฉีดเข้าระบบ หรือโรงพยาบาลที่รับฉีดแทนได้ส่งชื่อผู้รับบริการเข้าระบบให้ทางราชวิทยาลัยและประกัน หากเกิดอาการแทรกซ้อนนก่อนหน้านั้น ทางโรงพยาบาลที่รับฉีดแทนจะเป็นผู้ดูแล)

 

ที่มา : ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

]]>
1356921
กว่า 50 ประเทศ ‘พลาดเป้า’ ฉีดวัคซีนโควิดยังไม่ถึง 10% ตามที่ WHO หวังไว้ https://positioningmag.com/1354599 Sun, 03 Oct 2021 09:04:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1354599 กว่า 50 ประเทศทั่วโลกพลาดเป้าที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดส ให้ได้อย่างน้อย 10% ของประชากร ภายในเดือนก.. ตามที่องค์การอนามัยโลกเคยตั้งความหวังไว้

สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวยยากจนชัดเจนขึ้น รวมไปถึงปัญหาความล่าช้าของโครงการ Covax

โดยประเทศที่พลาดเป้าหมายส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเเอฟริกา ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครบสองเข็มเเล้วเเค่ 4.4% เท่านั้น

ขณะที่สหราชอาณาจักร เกือบ 66% ของประชากรทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน ส่วนสหภาพยุโรปฉีดไปได้เเล้ว 62% และในสหรัฐอเมริกาที่ 55%

จะเห็นได้ว่าประเทศส่วนใหญ่ที่ฉีดวัคซีนได้ล่าช้า มักจะเป็นประเทศรายได้ต่ำ เผชิญปัญหาด้านการจัดหาวัคซีน หรือบางประเทศก็มีความขัดเเย้งหรือสงครามกลางเมือง อย่าง เยเมน ซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน และเมียนมา อีกทั้งประเทศอื่นๆ อย่าง เฮติ ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ซึ่งทำให้การกระจายวัคซีนเป็นเรื่องที่ยากมาก

เเต่นั้นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีบางเเห่งถือว่ามีฐานะร่ำรวยเเละมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างไต้หวัน ที่เผชิญปัญหาการส่งมอบที่ล่าช้าเเละปัญหาอื่นๆ อย่างความขัดเเย้งทางการเมือง ทำให้จนถึงขณะนี้มีอัตราประชากรได้รับวัคซีนโควิดครบสองโดสเเล้วยังไม่ถึง 10%

เช่นเดียวกับเวียดนาม ประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่เคยมียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำเเห่งหนึ่งของโลก จนกระทั่งต้องเจอการระบาดระลอกใหม่ที่ต้องคุมเข้มมาตรการล็อกดาวน์จนต้องปิดโรงงานผลิตไปจำนวนมาก เเละตอนนี้ก็ยังฉีดวัคซีนครบโดสได้ไม่ถึง 10%

ในทวีปแอฟริกา มีเพียง 15 จาก 54 ประเทศที่สามารถบรรลุเป้าหมาย 10% ได้ ขณะที่ยังมีประเทศกว่าครึ่งหนึ่งของทวีปนี้ที่ได้รับวัคซีนน้อยกว่า 2% ของประชากรทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นยังมี 2 ประเทศอย่าง บุรุนดีเเละเอริเทรีย ที่ยังไม่เริ่มโครงการฉีดวัควีนด้วยซ้ำ

ส่วนประเทศขนาดใหญ่บางประเทศ ที่มีประชากรจำนวนมากก็ไม่ได้บรรลุเป้าหมายนี้มากนัก โดยอียิปต์ มีประชาชนเพียง 5% ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ส่วนเอธิโอเปียและไนจีเรียต่างมีไม่ถึง 3%

หลายประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนในอัตราที่สูง อยู่ในกลุ่มที่มีรายได้สูงหรือปานกลาง และสามารถจัดหาวัคซีนโดยตรงจากผู้ผลิต” Matshidiso Moeti ผู้อำนวยการภูมิภาค WHO Africa กล่าว

เมื่อต้นปัที่ผ่านมา ประเทศยากจนต่างๆ ประสบปัญหาความล่าช้าในการรับวัคซีนบริจาคผ่าน Covax ขององค์การอนามัยโลก แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นในเดือนก..และส..

โดยปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของโครงการ Covax คือหลายประเทศในแอฟริกา กำลังพึ่งพาวัคซีนจาก Serum Institute of India ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก

อินเดียระงับการส่งออกวัคซีนในเดือนเม.. เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนในประเทศ หลังมียอดติดเชื้อพุ่งสูง และผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ต่างประสบปัญหาในการผลิตที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่วัคซีนที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (G7) รวมถึงอียู ให้คำมั่นว่าจะให้มากกว่า 1,000 ล้านโดสให้กับโครงการ Covax เเต่ตอนนี้ยังมีการส่งมอบน้อยกว่า 15% ดังนั้นเป้าหมายการฉีดวัคซีนครบโดสให้ได้ 40% ของประชากรโลกภายในสิ้นปีขององค์การอนามัยโลกก็ยิ่งจะทำได้ยากขึ้น

 

 

ที่มา : BBC 

 

]]>
1354599
ความเห็น ‘ซีอีโอ’ 45 กลุ่มอุตฯ หนุนรัฐเปิดประเทศปลายปี พักหนี้-หยุดดอกธุรกิจท่องเที่ยว https://positioningmag.com/1354224 Thu, 30 Sep 2021 07:45:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1354224 เปิดผลสำรวจความเห็นซีอีโอกว่า 150 คนจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 ...จังหวัด ส่วนใหญ่กว่า 78% หนุนรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์เเละเปิดประเทศ .. – ..นี้ รับต่างชาติเเบบให้อยู่ในพื้นที่ Sandbox 14 วัน หากไม่พบเชื้อหลังจากนั้น สามารถเดินทางไปทั่วประเทศได้ โดยต้องเร่งฉีดวัคซีน 2 เข็มให้ประชาชนไม่ต่ำกว่า 70%

วันนี้ (30 ..64 )สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส... เผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 10 ในหัวข้อภาคอุตสาหกรรมพร้อมเปิดประเทศแล้วหรือยัง?”

พบว่าผู้บริหาร ส... ส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับแผนการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ในช่วงเดือนตุลาคมพฤศจิกายนนี้ โดยขอให้ภาครัฐดำเนินนโยบายที่มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้น และบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้

สำหรับข้อเสนอสำคัญ คือ ภาครัฐต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการพักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ยสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ภาคเอกชน ขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวเพื่อให้ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจบันเทิงเปิดให้บริการได้ 

พร้อมแนะภาคเอกชนเร่งปรับ Business Model ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19

จากการสำรวจผู้บริหาร ส... (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 10 จำนวน 7 คำถาม ได้ดังนี้

ท่านเห็นด้วยกับแผนการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในช่วงเดือนตุลาคมพฤศจิกายนนี้หรือไม่

เห็นด้วย 78.0%
ไม่เห็นด้วย 22.0%

ปัจจัยใดที่ต้องนำมาพิจารณาในการเปิดประเทศ

อันดับที่ 1 : อัตราการฉีดวัคซีน 2 เข็มให้แก่ประชาชนไม่ต่ำกว่า 70% 86.0%
อันดับที่ 2 : มาตรการคัดกรอง ตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศ 66.7%
อันดับที่ 3 : ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน 62.7%
อันดับที่ 4 : ความพร้อมด้านระบบสาธารณสุขในการรองรับผู้ติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ 59.3%

Photo : Shutterstock

ภาครัฐควรดำเนินนโยบายการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 และดูแลเศรษฐกิจอย่างไร

อันดับที่ 1 : ผ่อนคลายภาคธุรกิจและบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น 73.3%
อันดับที่ 2 : เข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคทุกช่องทาง 14.0%
อันดับที่ 3 : เร่งเปิดประเทศ โดยให้ความสำคัญด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสำคัญ 12.7%

แนวทางการเปิดประเทศแบบใดที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

อันดับที่ 1 : เปิดให้อยู่ในพื้นที่ Sandbox 14 วัน หากไม่พบเชื้อหลัง 14 วันสามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ 44.7%
อันดับที่ 2 : เปิดให้เดินทางได้ทั่วประเทศในรูปแบบการจับคู่ระหว่างประเทศ (Travel Bubble) โดยไม่ต้องกักตัว 26.0%
อันดับที่ 3 : เปิดเฉพาะพื้นที่ Sandbox เท่านั้น ห้ามออกนอกพื้นที่ 16.7%
อันดับที่ 4 : เปิดให้เดินทางได้ทั่วประเทศ แต่ต้องผ่านการกักตัวในสถานที่กักตัว 14 วัน 12.6%

การเตรียมความพร้อมเปิดประเทศรัฐควรให้ความสำคัญในเรื่องใด

อันดับที่ 1 : การเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ Sandbox 70.0%
อันดับที่ 2 : การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน 69.3%
อันดับที่ 3 : ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีในการติดตามและเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าประเทศ 67.3%
อันดับที่ 4 : ความพร้อมในการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR และการจัดหาชุดตรวจ Antigen Test Kit 63.3%

หลังเปิดประเทศรัฐควรมีการส่งเสริมอย่างไร

อันดับที่ 1 : พักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ย สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เป็นระยะเวลา 6 เดือน 76.0%
อันดับที่ 2 : ขยายระยะเวลาเคอร์ฟิว และผ่อนผันให้ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจบันเทิงเปิดให้บริการได้ 74.0% อันดับที่ 3 : ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสนับสนุนการจัดงาน Exhibition และการประชุมในประเทศ 54.0%
อันดับที่ 4 : ลดค่าน้ำ ค่าไฟ อุดหนุนค่าเช่า ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง 50.7%

ภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศอย่างไร

อันดับที่ 1 : ปรับ Business Model ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง 73.3%
อันดับที่ 2 : นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ 71.3%
อันดับที่ 3 : พัฒนาสินค้าและบริการที่ให้ความสำคัญด้านสุขอนามัย และการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค 66.0%
อันดับที่ 4 : ปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง 57.3%

 

]]>
1354224