หุ่นยนต์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 14 Nov 2023 07:31:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ขาดแคลนแรงงานแล้วไง! เกษตรกร ‘ญี่ปุ่น’ เริ่มนำ ‘หุ่นยนต์เอไอ’ ใช้เก็บเกี่ยวผลผลิตแทนมนุษย์ https://positioningmag.com/1451675 Tue, 14 Nov 2023 06:04:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1451675 อย่างที่รู้ ๆ กันว่า ญี่ปุ่น ถือเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุเยอะ อัตราการเกิดต่ำ ทำให้มีความท้าทายด้านแรงงาน ดังนั้น เพื่อบรรเทาปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น เกษตรกรรมอัจฉริยะ จึงกำลังถูกนำมาใช้มากขึ้นในญี่ปุ่น

มีฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองฮันยุ จังหวัดไซตามะ กำลังเป็นผู้นำในการเริ่มใช้ Agrist หุ่นยนต์เอไอ ในการเก็บเกี่ยว แตงกวา ที่ปลูกอยู่ในเรือนกระจกขนาดใหญ่ โดยหุ่นดังกล่าวจะวิ่งไปตามทางเพื่อเก็บเกี่ยว โดยเอไอจะช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเลือกแตงกวาที่สุกแล้วได้อย่างแม่นยำ โดยหุ่นยนต์จะวางตำแหน่งแขนให้ตรงกับแตงกวาอย่างแม่นยำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลำต้นเสียหาย

“เราเริ่มต้นใช้หุ่นยนต์ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากในเรือนกระจกก่อน เพราะหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ได้สะดวกมากกว่า และเพื่อที่จะใช้หุ่นยนต์ได้อย่างเต็มที่ ฟาร์มอาจจะต้องเตรียมการโดยคำนึงถึงการวางตำแหน่งพืชผลล่วงหน้า” Takanori Fukao ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการหุ่นยนต์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวแนะนำ

สำหรับหุ่นยนต์เอไอนั้นถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพ Agrist Inc. โดยบริษัทเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2019 โดยใช้กล้องตรวจจับภาพเพื่อให้เอไอตรวจสอบว่าผลผลิตว่ามีลักษณะเหมาะสมในการเก็บเกี่ยวหรือไม่ โดย Agrist จะใช้เวลาเก็บเกี่ยวประมาณ 2 นาที 1-3 ลูก

“ในตอนแรกเรากลัวว่าหุ่นยนต์อาจจะตัดก้านแตงกวาออกไป แต่มันเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ เราคาดหวังที่จะได้ประโยชน์จากหุ่นยนต์อย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากแรงงานขาดแคลน” ทาเคชิ โยชิดะ หัวหน้าฟาร์มทาคามิยะ โนะ ไอไซ กล่าว

นอกจากนี้ยังมีบริษัท Inaho Inc. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านการเกษตรในคามาคุระ จังหวัดคานากาว่า ได้นำหุ่นยนต์ที่ติดตั้งเอไอไปใช้กับฟาร์มแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ โดยสามารถเลือกเก็บ มะเขือเทศเชอร์รี่ ทั้งแบบเป็นพวงหรือแยกทีละผลได้โดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับกลไกที่ใช้

โดยเอไอจะวิเคราะห์ภาพและเลือกมะเขือเทศหลายลูกที่สุกและง่ายต่อการเลือกก่อนที่หุ่นยนต์จะใช้แขนในการเก็บเกี่ยว เนื่องจากมะเขือเทศเกาะอยู่รอบ ๆ ใบและลำต้น ดังนั้น หุ่นยนต์ในการเก็บเกี่ยวจึงจำเป็นต้องมีกลไกที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงในการพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถดำเนินการตามกระบวนการทั้งหมดได้ และอาจใช้เวลามากกว่าคน ดังนั้น บริษัทจึงจะใช้หุ่นยนต์ในเวลากลางคืน ส่วนคนจะเก็บในเวลากลางวัน

ทั้งนี้ Inaho หวังที่จะส่งออกเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะไปทั่วโลก โดยเริ่มจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านอาหารเกษตร

“แม้ว่าจะต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้หุ่นยนต์เก็บเกี่ยวพืชผลทั้งหมด แต่ที่มีอยู่ในปัจจุบันก็สามารถรองรับฟาร์มที่ขาดแคลนแรงงานได้อย่างเพียงพอ” Soya Oyama ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Inaho กล่าว

Source

]]>
1451675
ส่องแผนรับมือสังคมสูงวัยใน “เยอรมนี” หันมาใช้ “หุ่นยนต์” ทดแทนแรงงานคนมากขึ้น https://positioningmag.com/1429137 Mon, 01 May 2023 10:02:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429137 “เยอรมนี” เป็นประเทศที่มีอัตราผู้สูงวัยสูงที่สุดในสหภาพยุโรป ทำให้ต้องเริ่มนำ “หุ่นยนต์” เข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคนมากขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าคนเยอรมัน “ไม่หวั่น” กับการนำหุ่นยนต์มาช่วยงาน และภาคธุรกิจมองว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยในลักษณะ “ไฮบริด” มากกว่าทดแทนคนได้ 100%

เมื่อไตรมาส 4 ปี 2022 สำนักงานสถิติรัฐบาลกลางเยอรมนี พบว่ามีแรงงานในระบบอยู่ 45.9 ล้านคน แต่ถึงแม้ว่าตัวเลขคนมีงานทำจะสูงที่สุดที่เคยมีมา แต่หอการค้าเยอรมนีก็ยังพบว่า บริษัทเยอรมันกว่าครึ่งหนึ่งยังหาแรงงานทักษะเข้ามาทำงานได้ยากมาก

“โอลาฟ ชอลซ์” นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 เคยประกาศแผน “Daring More Progress” ไว้แก้ปัญหานี้ โดยเป็นแผนที่จะมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้งานในโลกธุรกิจให้มากขึ้น

ปัญหาการขาดแคลนแรงงานของเยอรมนีนั้นไม่น่าแปลกใจ เพราะเยอรมนีเป็นประเทศที่มีผู้สูงวัยมากที่สุดในยุโรป ทำให้ทางออกของปัญหาก็จะเหมือนกับญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ คือ ต้องนำหุ่นยนต์และการสร้างระบบดิจิทัลเข้ามาทดแทนแรงงานและทำให้ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการใช้หุ่นยนต์เก็บถาดอาหาร เครื่องชำระเงินด้วยตนเองในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือนำแพลตฟอร์มออนไลน์มาใช้พูดคุยในการทำงาน ทุกอย่างจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในเยอรมนี

 

คนเยอรมันไม่หวั่น “หุ่นยนต์” แย่งงาน

แล้วการใช้หุ่นยนต์มากขึ้น ทำให้แรงงานเยอรมันกังวลมากแค่ไหน?

มีผลการศึกษาจาก Gallup เมื่อปี 2018 พบว่าคนเยอรมัน 37% เห็นว่าการใช้เทคโนโลยีจะทำให้ประสิทธิผลในการทำงานเพิ่มขึ้น 62% มองว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีเพียง 1% ที่คิดว่าเทคโนโลยีจะทำให้การทำงานยิ่งแย่ลง

คนเยอรมัน 6% มองว่าการใช้เทคโนโลยีจะทำให้โอกาสการตกงานน้อยลง ในทางตรงข้าม คนเยอรมัน 10% คิดว่าเทคโนโลยีจะส่งผลให้พวกเขาเสี่ยงตกงานมากขึ้น ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่คิดว่าการใช้เทคโนโลยีจะ ‘ไม่มีผลอะไร’ ต่อความเสี่ยงตกงาน เห็นได้ว่าคนเยอรมันไม่ได้หวั่นกลัวเท่าไหร่นักว่า “หุ่นยนต์” จะมาแย่งงานทำ

ความจริงแล้วเยอรมนีเริ่มการใช้หุ่นยนต์มาไม่น้อยแล้ว โดยสต็อกหุ่นยนต์ที่มีในสหภาพยุโรปนั้นประมาณครึ่งหนึ่งนำมาใช้งานอยู่ในเยอรมนีนี่เอง และส่วนใหญ่ถูกใช้งานในภาคอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ แต่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรม และผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็มีการใช้งานหุ่นยนต์สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน (ข้อมูลจากรายงานโดย คณะกรรมาธิการยุโรป)

 

นำมาใช้แบบ “ไฮบริด” ไม่ได้แย่งงานคนโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ภาพการทำงานในอนาคตคงไม่ใช่การปล่อยงานให้หุ่นยนต์หรือระบบดิจิทัลทำแบบ 100% เพราะหลายสายงาน ‘ลูกค้า’ ไม่มั่นใจที่จะให้เป็นเช่นนั้น

“ไม่มีใครยอมปล่อยให้หุ่นยนต์ตัวเดียวดูแลคุณย่าแน่นอน” นอร์มา สเตลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์จาก German Bionic กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยบริษัทนี้เป็นผู้ผลิตเครื่องมือถ่วงน้ำหนักให้กับแรงงานที่ต้องใช้แรงงานหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาบาดเจ็บจากการทำงาน

สเตลเลอร์กล่าวว่า ภาคบริการดูแลผู้สูงอายุจะได้ประโยชน์จากการนำหุ่นยนต์มาช่วยงาน เพราะปัจจุบันแรงงานคนในภาคธุรกิจนี้ขาดแคลนอย่างมาก

“เราจะเชื่อมสะพานที่ขาดหายด้วยการนำหุ่นยนต์มาใช้งานร่วมกับมนุษย์ แนวคิดของเราคือมนุษย์จะยังได้ใช้ทักษะของคนในด้านอารมณ์ความรู้สึกเพื่อดูแลผู้สูงวัย” สเตลเลอร์กล่าว

การใช้งานที่ยังต้องมีทั้งหุ่นยนต์และมนุษย์ทำงานร่วมกัน เป็นเพราะฝั่งผู้รับบริการหรือลูกค้าก็ยังไม่มั่นใจในหุ่นยนต์ โดยผลการสำรวจของ Gallup ถามความเห็นจากคนเยอรมัน 1,000 คน พบว่า คนส่วนใหญ่ 70% รู้สึกยังไม่ปลอดภัยที่จะนั่งในรถยนต์ไร้คนขับ

Amazon หุ่นยนต์เดินได้

ขณะที่ “คากรี เปลิแวน” ซีอีโอบริษัทให้บริการหุ่นยนต์ Robot4Work มองว่า การใช้หุ่นยนต์ทำงานจะทำให้มนุษย์มีเวลาไปทำงานที่ซับซ้อนมากกว่าได้

ที่สำคัญคือ หุ่นยนต์จะถูกใช้ทดแทนในตำแหน่งที่ใช้แรงกายหนัก ทำให้พนักงานที่อายุมากหน่อยยังสามารถทำงานต่อได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่า ชาวเยอรมันอายุ 55-64 ปีที่ยังทำงานอยู่นั้นมีสัดส่วนถึง 71% ในปี 2021 และประเทศนี้กำลังจะเริ่มขยับอายุรับเงินเกษียณจาก 65 ปี เป็น 67 ปี ในเร็วๆ นี้ ทำให้อายุคนทำงานโดยเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน

“ในท้ายที่สุดแล้ว การนำหุ่นยนต์มาใช้งานในที่ทำงานคือการเพิ่มพูนประสิทธิภาพให้มนุษย์ ไม่ใช่มาแทนที่มนุษย์” เปลิแวนกล่าว

Source

]]>
1429137
Amazon เปิดตัว “หุ่นยนต์สุนัขเฝ้าบ้าน” ปรับเทคโนโลยีให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น https://positioningmag.com/1354183 Thu, 30 Sep 2021 05:15:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1354183 เจ้าหุ่นยนต์ตาแป๋วตัวนี้ชื่อ “Astro” เป็นอุปกรณ์ใหม่จาก Amazon ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2021 ออกแบบให้เป็น “หุ่นยนต์ในบ้าน” หน้าที่หลักคือการสำรวจตรวจตราความเรียบร้อย เหมือนกับเป็นกล้องวงจรปิดเคลื่อนที่ได้บนล้อเลื่อน

เทคโนโลยีที่ Amazon ใช้ในหุ่นยนต์ Astro ได้แก่ Alexa ระบบคำสั่งเสียง, AI เพื่อเรียนรู้จดจำใบหน้าคนว่าใครเป็นคนแปลกหน้า และจดจำเสียงต่างๆ ที่อาจจะเป็นภัย, Mapping Technology เพื่อจดจำทางเดินภายในบ้านทั้งหมด

เจ้าหุ่นยนต์ยังมีกล้องติดบนหัวที่สามารถยืดขึ้นเหมือนเสาอากาศสูงระดับเอว เพื่อตรวจความเรียบร้อยในที่สูง ด้านหลังสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อทำเป็นช่องวางของ สามารถใส่ของลงไปและสั่งให้ Astro วิ่งนำไปส่งให้คนอื่นในบ้านได้ด้วย

กล้องของ Astro สามารถยืดสูงขึ้นไปได้

การออกแบบตัวหุ่นยนต์ตัวนี้รูปทรงดูคล้ายกับ “สุนัข” และมีหน้าจอแสดงผลที่ปรากฏรูปดวงตาแสดงอารมณ์ ทำให้หุ่นยนต์ Astro ดูเป็นมิตรมากขึ้น มันยังสามารถทำหน้าที่เป็นเพื่อนกับมนุษย์ได้ด้วย เช่น สั่งให้ Astro เปิดเพลง เต้นด้วยกัน

Amazon แนะนำตัวอย่างการใช้งาน Astro เหมาะสำหรับเป็นหุ่นยนต์ระวังภัยเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน หุ่นยนต์จะแจ้งเตือนเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาหรือได้ยินเสียงแปลกๆ เช่น กระจกหน้าต่างแตก หรืออาจจะใช้ให้หุ่นยนต์วิ่งไปเช็กว่าคุณปิดเตาแก๊สหรือยัง เช็กผู้สูงอายุที่บ้านยังปกติดีไหม เช็กสัตว์เลี้ยงว่ายังอยู่ในบ้านหรือเปล่า หุ่นยนต์ตัวนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกห้องในบ้าน

ด้านหลังสามารถวางสิ่งของได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ สำนักข่าว Vice และ The Verge ที่ได้สัมผัสตัวจริงแล้วพบว่า Astro อาจจะยังมีจุดอ่อน นั่นคือมันเคลื่อนที่บนล้อ ทำให้มันไม่สามารถขึ้นลงบันไดได้ จึงไม่เหมาะกับบ้านที่มี 2 ชั้นขึ้นไป (หรือต้องให้ Astro อยู่เฉพาะชั้นล่าง) รวมถึงระบบ AI จดจำใบหน้าก็ยังทำได้ไม่ดีพอ

Amazon เริ่มเปิดจอง Astro แล้วในราคา 99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 33,900 บาท)

ที่มา: CNN, The Verge

]]>
1354183
ส่องคุณสมบัติ “Tesla Bot” หุ่นยนต์มนุษย์เพื่อใช้ทำงานแรงงาน-อันตรายในโลกอนาคต https://positioningmag.com/1347874 Fri, 20 Aug 2021 09:04:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1347874 Tesla เปิดตัวหุ่นยนต์มนุษย์ภายใต้ชื่อ “Tesla Bot” เทคโนโลยีใหม่ที่บริษัทตั้งใจให้อยู่ร่วมกับมนุษย์ และทำงานน่าเบื่อ ซ้ำซาก หรืออันตราย แทนมนุษย์ในโลกอนาคต

บริษัท Tesla จัดงานวัน AI Day ที่สำนักงานใหญ่ใน Palo Alto สหรัฐฯ เพื่อแสดงผลงาน ‘โชว์เคส’ นวัตกรรมของบริษัทด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และ AI

หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ “Tesla Bot” หุ่นยนต์รูปแบบคล้ายคลึงมนุษย์ (Humanoid) นำเสนอผลงานโดย “อีลอน มัสก์” ซีอีโอของบริษัท

มัสก์แนะนำ Tesla Bot ตัวนี้ว่าเป็นการต่อยอดมาจากรถยนต์ Tesla ซึ่งเขามองว่ารถยนต์ Tesla เองก็เปรียบเสมือน “หุ่นยนต์ที่อยู่บนล้อ” อยู่แล้ว หุ่นยนต์มนุษย์ตัวนี้จึงเป็นการนำองค์ประกอบต่างๆ ของรถมาใส่ในตัวหุ่น

โดยหุ่น Tesla Bot มีจุดประสงค์เพื่อ “ท่องไปในโลกที่สร้างขึ้นเพื่อมนุษย์” และมีความสามารถในการ “ทำงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก และอันตราย” แทนมนุษย์ทุกวันนี้

“ผมมองว่าในอนาคต งานที่ใช้แรงกายจะเป็น ‘ทางเลือก’ คือคุณทำเมื่ออยากจะทำ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำเองก็ได้” มัสก์กล่าว

“คุณสมบัติหุ่น Tesla Bot”
  • ความสูง 172 ซม.
  • น้ำหนักตัว 57 กก.
  • น้ำหนักที่หุ่นถือได้นาน (carry capacity) 20 กก.
  • น้ำหนักที่หุ่นยกระดับสะโพกและวาง (deadlift) 68 กก.
  • น้ำหนักที่หุ่นถือได้เมื่อยืดแขนออก (arm extend lift) 4.5 กก.
  • ความเร็วเคลื่อนที่สูงสุด 8 กม.ต่อชม.
  • มือจับที่ทำงานได้เหมือนมนุษย์
  • ส่วนศีรษะติดตั้งกล้องรับภาพ 8 ตัวเพื่อระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (auto pilot) รวมถึงมีหน้าจอเพื่อแสดงผลได้
  • แกนกลางลำตัวเป็นจุดติดตั้งระบบประมวลผล

มัสก์อธิบายอย่างคร่าวๆ ว่าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถใช้ระบบและเครื่องมือต่างๆ ได้เหมือนกับที่ Tesla ใช้ในตัวรถยนต์ปัจจุบัน และคาดว่าปีหน้าน่าจะได้เห็นหุ่นรุ่นโปรโตไทป์ออกมาให้ได้สัมผัสจริง ขณะนี้ยังมีความท้าทายในการสร้างหุ่นยนต์ปริมาณมากอยู่ รวมถึงต้องคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับตลาดแรงงานด้วย

สำหรับคนที่หวั่นใจกับการมีหุ่นยนต์ AI เข้ามาอยู่ร่วมกับมนุษย์ มัสก์กล่าวติดตลกว่า หุ่นยนต์ตัวนี้วิ่งได้เร็วสุด 8 กม.ต่อชม. “เทียบสภาพร่างกายมนุษย์แล้ว คุณสามารถวิ่งหนีหุ่นยนต์ตัวนี้ได้และน่าจะเอาชนะมันได้ ถ้าคุณวิ่งได้เร็วกว่านั้น คุณก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

Source

]]>
1347874
อียิปต์ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์พยาบาล’ ช่วยงานบุคลากรทางการแพทย์ ในวิกฤตโควิด https://positioningmag.com/1346789 Sun, 15 Aug 2021 08:46:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346789 นักศึกษาและคณาจารย์จาก Ain Shams University ในอียิปต์ ร่วมพัฒนาหุ่นยนต์พยาบาลช่วยงานทีมแพทย์ ในช่วงวิกฤตโควิด-19

หุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า ‘Shams’ ซึ่งแปลว่าดวงอาทิตย์ในภาษาอาหรับ เป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกติดตั้งซอฟต์เเวร์เฉพาะทาง พร้อมชุดอุปกรณ์ทางการเเพทย์ เพื่อเข้ามาช่วยลดการสื่อสารเเละสัมผัสโดยตรงระหว่างบุคลากรและผู้ป่วยที่ติดเชื้อ มีฟังก์ชันต่างๆ เช่น สั่งการด้วยเสียง จอภาพแบบทัชสกรีน และระบบชาร์จแบตเตอรี่

โดย Shams เวอร์ชันปัจจุบัน ทำหน้าที่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งยาไปให้ผู้ป่วยโควิด เก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสจากห้องผู้ป่วยไปยังห้องปฏิบัติการ เปิดสนทนาวิดีโอคอลระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย ฯลฯ

นอกจากนี้ หุ่นยนต์ Shams สามารถฉีดฆ่าเชื้อบริเวณทางเดินหรือตามห้องต่างๆ ในโรงพยาบาล และทำการวินิจฉัยผู้ป่วยเบื้องต้นผ่านการซักถามอาการและอุณหภูมิร่างกายอีกด้วย ซึ่งทีมนักศึกษามีการดูเเลการทำงานเเละสั่งการหุ่นยนต์ ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

อียิปต์ เริ่มมีแนวคิดให้บริการช่วยเหลือด้านสุขภาพ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ด้วยหุ่นยนต์เมื่อไม่นานมานี้ จากการพัฒนาหุ่นยนต์ตรวจโควิด-19 ที่มีชื่อว่า ‘Cira’ โดยวิศวกรเมคคาทรอนิกส์วัย 28 ปี เพื่อช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการทดสอบ PCR และการวินิจฉัยทางการแพทย์เบื้องต้น โดยขณะนี้ อียิปต์กำลังมีโครงการพัฒนาหุ่นยนต์ที่คล้ายๆ กันนี้ ในอีกหลายมหาวิทยาลัย

Photo: Xinhua
Photo: Xinhua

 

ที่มา : Xinhua via Globaltimes

]]>
1346789
Hyundai ปิดดีลซื้อกิจการ Boston Dynamics สำเร็จ ลุยพัฒนา ‘หุ่นยนต์’ เสริมการสัญจรอัจฉริยะ https://positioningmag.com/1338200 Tue, 22 Jun 2021 09:34:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1338200 อีกความเคลื่อนไหวของวงการยานยนต์เเห่งอนาคต เมื่อ Hyundai ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Boston Dynamics สำเร็จ ขึ้นถือหุ้นใหญ่ 80% ด้วยมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.5 หมื่นล้านบาท) เตรียมต่อยอดพัฒนาหุ่นยนต์ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ยกระดับการสัญจรอัจฉริยะ

‘Boston Dynamics’ ก่อตั้งเมื่อปี 1992 เป็นธุรกิจที่แยกออกมาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยในปี 2013 ทาง Google ได้เข้ามาซื้อกิจการเป็นเจ้าเเรก ต่อมาได้ขายให้กลุ่ม SoftBank จากญี่ปุ่นในช่วงปี 2017

ทั้งนี้ หลังการเข้ามาของ Hyundai ทาง SoftBank จะยังคงถือหุ้นอยู่ราว 20%

Boston Dynamics โด่งดังมาจากการพัฒนา ‘Spot’ หุ่นยนต์สุนัขสีเหลืองขาลุย ที่สามารถสำรวจพื้นที่ต่างๆ เข้าไปในที่เเคบเเละมืด เเละปีนที่สูงในอย่างคล่องเเคล่ว ถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม อย่างธุรกิจขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ สำรวจป่า เหมืองเเร่ หรือเเม้กระทั่งตอนจับคนไม่ใส่หน้ากากในช่วงโควิด-19

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว ‘Stretch’ หุ่นยนต์เชิงพาณิชย์ตัวแรกของบริษัท ที่ออกแบบมาเฉพาะ สำหรับคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า

การเข้าซื้อกิจการ Boston Dynamics ของ Hyundai ในครั้งนี้ มีเป้าหมายใหญ่ คือการสร้าง ‘Robotics Value Chain’ ที่ครอบคลุมเครือข่ายทั้งการผลิตส่วนประกอบเเละสร้างหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติต่างๆ

พร้อมทรานส์ฟอร์มบริษัทสู่ผู้ให้บริการโซลูชัน ‘Smart Mobility’ การสัญจรอัจฉริยะ รองรับเทรนด์ในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้ Hyundai ได้ทุ่มลงทุนไปในหลายเทคโนโลยี เช่น ระบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง ปัญญาประดิษฐ์ โรงงานอัจฉริยะ ฯลฯ

ในด้านวิทยาการหุ่นยนต์ บริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยยกระดับชีวิตของผู้คนและส่งเสริมความปลอดภัย เพื่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ

ข้อตกลงนี้คาดว่าจะช่วยให้ Hyundai และ Boston Dynamics ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของกันและกัน ทั้งในด้านการผลิต โลจิสติกส์ การและระบบอัตโนมัติ ขยายไลน์สินค้า การบริการ และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก

เมื่อไม่นานมานี้  Boston Dynamics ถูกวิจารณ์เรื่องการนำหุ่นยนต์สุนัข Spot ไปใช้ในกองทัพ เเต่อย่างไรก็ตาม ในคลิปโปรโมตความร่วมมือใหม่ล่าสุดกับ Hyundai จะเป็นการนำหุ่นยนต์สุนัขมาช่วยนำทางสำหรับคนตาบอดและเป็นผู้ช่วยในโรงพยาบาล เป็นต้น

 

ที่มา : Engadget , Techcrunch , hyundainews 

]]>
1338200
ลดการสัมผัสแบบล้ำๆ Sizzler จัด “หุ่นยนต์” เสิร์ฟอาหาร นำร่องที่สยามเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/1311827 Wed, 23 Dec 2020 15:15:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311827 Sizzler (ซิซซ์เล่อร์) จับมือกับวันทูวัน คอนแทคส์ เปิดตัวหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะ “น้องสไปซี่ น้องซีซาร์ น้องชีส” เสิร์ฟหลายออเดอร์ได้ มีเซ็นเซอร์กันชนกัน ประเดิมที่แรกที่สยามเซ็นเตอร์ 

ใช้หุ่นยนต์ ลดการสัมผัสของพนักงาน

จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ร้านอาหารต้องปรับตัวอย่างยกใหญ่ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการบริการ และมาตรการการเรื่องสุขอนามัย ที่จะเน้นลดการสัมผัสให้มากที่สุด เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

น้องสไปซี่

ล่าสุดซิซซ์เล่อร์ได้เปิดตัวนวัตกรรม 3 หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะ มีชื่อตามเมนูอาหารหลักๆ ได้แก่ “น้องสไปซี่ น้องซีซาร์ น้องชีส” ให้บริการเสิร์ฟควบคู่กับพนักงาน มีฟังก์ชันที่หลากหลาย สามารถให้บริการเสิร์ฟครั้งละหลายออเดอร์ มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับ หมดปัญหาเดินชน และหลบสิ่งของหรือคนเองได้

โดยหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอัจฉริยะทั้ง 3 น้องสไปซี่ น้องซีซาร์ น้องชีส พร้อมนำร่องให้บริการที่ร้านอาหารซิซซ์เล่อร์ สาขาสยามเซ็นเตอร์ เป็นแห่งแรกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

กรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ใน เครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ตลอดปี 2563 ที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญกับความท้าทายของการให้บริการ ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ซิซซ์เล่อร์เป็นหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารที่ต้องปรับตัว โดยไม่หยุดพัฒนาการให้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และมั่นใจให้แก่ลูกค้า ทั้งการรับประทานอาหารที่หน้าร้าน และแบบสั่งกลับบ้าน (take away) โดยมุ่งเน้นการรักษาสุขลักษณะ ความสะอาดเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการการตักสลัดบาร์สุดปลอดภัย การสแกนเลือกดูเมนูแบบไร้สัมผัส การรักษาระยะห่างระหว่างโต๊ะ ด้วยประสบการณ์การปรับตัวทั้งหน้าร้าน และบริการหลังบ้าน ทำให้ซิซซ์เล่อร์มั่นใจว่าสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในปี 2564 ซิซซ์เล่อร์เดินหน้าปักธงการให้บริการที่มุ่งเน้นการรักษาสุขลักษณะที่ดี สะอาด ปลอดภัย ตลอดจนดึงเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์มาให้บริการ เพื่อส่งมอบความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าในทุกสถานการณ์”

ทางด้าน นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด กล่าวเสริมว่า

แนวคิดของการนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ เพื่อตอบสนองสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม และลดการปนเปื้อนระหว่างสัมผัส สานต่อมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เหล่าน้องๆ หุ่นยนต์จะมาทำหน้าที่สำคัญในการดูแลลูกค้าเสมือนเป็นพนักงานอีกคนหนึ่ง ที่พร้อมจะให้บริการเหล่าลูกค้าตั้งแต่การพาลูกค้าไปส่งที่โต๊ะ เสิร์ฟอาหาร รวมถึงเก็บจาน และยังสามารถร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้กับลูกค้าในวันพิเศษได้อีกด้วย

โดยจะพร้อมนำร่องให้บริการที่ร้านอาหารซิซซ์เล่อร์ สาขาสยามเซ็นเตอร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ซิซซ์เล่อร์ยังเตรียมดึงเทคโนโลยีอัจฉริยะมาเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการ คือ “ระบบแจ้งเตือนการสั่งอาหารอัจฉริยะ” (Smart alarm order) โดยลูกค้าสามารถกดปุ่มเรียกพนักงานจากโต๊ะอาหาร และระบบจะแจ้งเตือนไปยังนาฬิกาอัจฉริยะ (Smart watch) ของพนักงานที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุด เพื่อการให้บริการที่รวดเร็ว และไม่ซ้ำซ้อน

น้องสไปซี่ น้องซีซาร์ น้องชีส

ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการให้บริการของซิซซ์เล่อร์ในปี 2564 ที่มุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการส่งมอบบริการที่ให้ความสะดวกสบาย และความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า

]]>
1311827
Walmart เลิกใช้ “หุ่นยนต์” เช็กสต๊อกสินค้าบนชั้นวาง กลับมาพึ่งพา “แรงงานมนุษย์” https://positioningmag.com/1304267 Tue, 03 Nov 2020 10:38:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304267 ขณะที่หลายอุตสาหกรรมกำลังนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยงานในธุรกิจมากขึ้น เเต่ Walmart ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของโลก กลับตัดใจสินใจเลิกใช้หุ่นยนต์เช็กสต๊อกสินค้าหลังทดลองใช้มา 3 ปี เเละหันมาพึ่งพาแรงงานคนแทน

The Wall Street Journal รายงานว่า Walmart ห้างสรรพสินค้าของสหรัฐฯ ประกาศยุติสัญญาธุรกิจกับ Bossa Nova Robotics บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ตรวจสอบสินค้าบนชั้นวาง หลังทดลองใช้งานในหลายสาขา มาตั้งเเต่ปี 2017 ตามเเผนขององค์กรที่ต้องการย้ายการทำงานไปสู่ระบบอัตโนมัติมากขึ้น

โฆษกของทาง Walmart ระบุว่า จนถึงวันสิ้นสุดสัญญา มีหุ่นยนต์ตรวจสอบสินค้าบนชั้นวางในคลังราว 500 ตัว อยู่ตามห้างของ Walmart กว่า 4,700 สาขา โดยทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ตรวจสอบสต๊อกสินค้า เช็กราคาที่ถูกต้อง เเละให้บริการอื่นๆ เพื่อช่วยลูกค้าหาของบนชั้นวางได้เร็วขึ้น

การตัดสินใจยุติสัญญาการใช้หุ่นยนต์เช็กสต๊อกครั้งนี้ มีขึ้นหลัง Walmart เห็นว่า พนักงานที่เป็นมนุษย์สามารถทำงานนี้ได้ดีและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าหุ่นยนต์ (ณ ขณะนี้) เเละบางครั้งการที่มีหุ่นยนต์คอยตรวจสอบสินค้า อาจสร้างปฏิกิริยาทางลบต่อลูกค้าที่กำลังเลือกซื้อสินค้าได้

อย่างไรก็ตาม แม้ Walmart จะหันมาเลือกใช้แรงงานคนในการตรวจสอบสต๊อกสินค้า เเต่ก็ยังจะมีพัฒนาการใช้ระบบอัตโนมัติในด้านอื่นๆ ต่อไป

เราพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ตลอดเวลา เเละตอนนี้เราก็ยังใช้หุ่นยนต์ถูพื้นอัตโนมัติอยู่

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Walmart เพิ่งปรับเปลี่ยนห้างในเครือ 4 แห่ง ให้เป็นโมเดลทดลองการค้าปลีกเเบบ
อีคอมเมิร์ซ ทดสอบการใช้เครื่องมือดิจิทัลและกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการสต๊อกสินค้า และรับคำสั่งซื้อออนไลน์

ในไตรมาสที่เเล้ว Walmart ทำรายได้ถึง 1.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มีการเติบโตในส่วนธุรกิจอีคอมเมิร์ซถึง 97% จากอานิสงส์คนอยู่บ้านช่วงวิกฤต COVID-19 ทำให้บริษัทต้องหันมาให้ความสำคัญกับการค้าปลีกเเบบ
เดลิเวอรี่อย่างจริงจัง

(Photo by Al Bello/Getty Images)

การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของ Walmart จากการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ในธุรกิจห้างสรรพสินค้า คือการเพิ่มสต๊อกสินค้าให้ทันเวลาเเละทันความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในส่วนออฟไลฟ์เเละออนไลน์ที่กำลังเฟื่องฟู

Doug McMillon ซีอีโอของ Walmart ให้สัมภาษณ์กับทางรายการ Squawk Box ของ CNBC ว่า ปัญหาสินค้าหมดสต๊อกยังคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับ Walmart ซึ่งจะมีการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะที่คู่เเข่งในวงการค้าปลีกที่มีหารเเข่งขันกันอย่างดุเดือด กำลังลงทุนในเทคโนโลยีหุ่นยนต์กันอย่างต่อเนื่อง เช่น ห้างดังอย่าง Target ที่เริ่มใช้หุ่นยนต์มาบริหารสินค้าเเละให้บริการลูกค้า รวมถึง Amazon ที่ซื้อกิจการหุ่นยนต์เพื่อนำมาใช้ในการต่อยอดธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์ถึง 2 แสนตัวในการบริหารคลังสินค้า

ด้านรายงาน World Economic Forum ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่า การมาของ COVID-19 ที่ระบาดทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้มีการเปลี่ยนเเปลงทางเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน โดยตำเเหน่งงานของมนุษย์กว่า 85 ล้านตำแหน่งจะถูกทดเเทนด้วย “ระบบอัตโนมัติ” ภายใน 5 ปีข้างหน้า

“กว่า 2 ใน 5 ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกสำรวจ มีแผนจะลดพนักงานลง เนื่องจากการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน”

 

ที่มา : CNBC , BBC 

]]>
1304267
อนาคตเเรงงาน อีก 5 ปี “หุ่นยนต์-ระบบอัตโนมัติ” จะทำงานเเทนมนุษย์กว่า 85 ล้านตำเเหน่ง https://positioningmag.com/1302589 Thu, 22 Oct 2020 03:54:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1302589 การเเพร่ระบาดของ COVID-19  เร่งให้ตลาดแรงงาน เปลี่ยนจากการพึ่งพาแรงงานมนุษย์ ไปพึ่งพาแรงงานหุ่นยนต์เร็วขึ้น

จากรายงาน World Economic Forum ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่า การมาของ COVID-19 ที่ระบาดทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้มีการเปลี่ยนเเปลงทางเทคโนโลยีในสถานที่ทำงาน โดยตำเเหน่งงานของมนุษย์กว่า 85 ล้านตำแหน่งจะถูกทดเเทนด้วยระบบอัตโนมัติภายใน 5 ปีข้างหน้า

“กว่า 2 ใน 5 ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกสำรวจ มีแผนจะลดพนักงานลง เนื่องจากการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน”

จากการสำรวจบริษัททั่วโลกเกือบ 300 แห่ง พบว่า 4 ใน 5 ของผู้บริหารระดับสูง กำลังวางเเผนที่จะปรับการทำงานให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ประชุมงานผ่านวิดีโอคอล เเละจะมีการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง บริการอีคอมเมิร์ซ เเละการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์

World Economic Forum ระบุว่า ภายในปี 2025 งานที่ถูกทำโดยมนุษย์จะถูกทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติ มากถึง 85 ล้านตำแหน่ง ทั้งงานผู้ช่วยธุรการ พนักงานบัญชี ฝ่ายจัดการข้อมูล พนักงานบริการลูกค้า ฝ่ายบริการธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยังมีความต้องการใช้ทักษะความสามารถของมนุษย์ มาช่วยควบคุมเเละดูเเลในงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นอย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ระบบคลาวด์การพัฒนาผลิตภัณฑ์เเละธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนเเละสิ่งเเวดล้อม

การเพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ก็สามารถสร้างงานให้มนุษย์เพิ่มขึ้น 97 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้าเช่นกัน

ต่อไปนี้บริษัททั่วโลกจะมีการฝึกอบรมอัพสกิลเเละรีสกิลพนักงานที่มีอยู่มากขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังมีพนักงานกว่าครึ่งหนึ่งที่ยังต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อให้ทำงานกับระบบอัตโนมัติในเร็ววันนี้

โดยบริษัทชั้นนำมองว่า ทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ จะมีความสำคัญกับการทำงานในองค์กรในอนาคต เเละคาดว่าพนักงานจะมีทักษะความอดทน ยืดหยุ่น และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ หลังผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาด COVID-19

 

ที่มา : CNN , weforum

]]>
1302589
ญี่ปุ่น เปิดตัว “หุ่นยนต์ไปรษณีย์” ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ทดลองส่งของในช่วง COVID-19 https://positioningmag.com/1301030 Sun, 11 Oct 2020 03:27:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301030 ไปรษณีย์ญี่ปุ่น (Japan Post) เปิดตัวหุ่นยนต์ส่งจดหมายขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการการพบปะผู้คน ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19

ไปรษณีย์ญี่ปุ่น เริ่มโปรเจกต์ทดลองให้หุ่นยนต์สีเเเดงสุดน่ารัก ที่มีชื่อว่า DeliRo ซึ่งมาจากคำว่า delivery robot พัฒนาโดยบริษัท ZMP Inc. มีล้อขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้านหน้าติดกล้องเเเละมีเซนเซอร์ มีความจุประมาณ 30 กิโลกรัม ทำความเร็วได้ 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

โดย DeliRo จะทดสอบออกปฏิบัติหน้าที่ไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม ในระยะทางสั้นๆ ราว 700 เมตร ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อในโรงพยาบาลไปถึงสาขาของไปรษณีย์ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที เพื่อดูว่ามันจะสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น เสาไฟฟ้า เเละสามารถร่วมกับผู้คนบนทางเท้า ไปจนถึงข้ามสี่แยกที่มีสัญญาณไฟจราจรได้หรือไม่

หากการทดสอบนี้เป็นไปด้วยดี Japan Post มีเป้าหมายที่จะนำหุ่นยนต์ส่งของไปใช้งานจริง ในปี 2021 นี้ ซึ่งต้องรอพิจารณาด้านกฎหมายด้วย เพราะปัจจุบันถนนสาธารณะในญี่ปุ่นยังไม่อนุญาตให้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยไม่มีมนุษย์ควบคุมสัญจรบนถนนทั่วไปได้

ญี่ปุ่น กำลังผลักดันการให้บริการหุ่นยนต์ขนส่งด้วยตนเอง โดยหวังว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศสังคมสูงวัย โดยในสหรัฐฯ มีการใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติในการจัดส่งสิ่งของต่างๆ เช่นยาและของชำตามบ้านเเล้ว

 

ที่มา : Japantimes , CNET 

]]>
1301030