แอปเปิล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 01 Jul 2024 05:50:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Apple พัฒนาเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ได้ง่ายขึ้นในรุ่นถัดๆ ไป เนื่องจากข้อกำหนดของสหภาพยุโรป https://positioningmag.com/1480397 Mon, 01 Jul 2024 02:21:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1480397 แอปเปิล (Apple) ได้พัฒนาเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ให้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม จากเหตุผลกฎระเบียบจากสหภาพยุโรป ที่ต้องการให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสามารถซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจเปิดตัวได้เร็วสุดคือ iPhone 16 หรือรุ่นหลังจากนั้น

The Information สื่อสายไอที ได้รายงานข่าว โดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องถึง 5 รายด้วยกันว่า Apple กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone ได้ง่ายขึ้น และเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นจะอยู่ใน iPhone ในรุ่นถัดๆ ไป ซึ่งอาจเปิดตัวได้เร็วสุดคือ iPhone 16 หรือรุ่นหลังจากนั้น

เทคโนโลยีที่ Apple นำมาใช้ใน iPhone รุ่นใหม่หลังจากนี้คือการลอกกาวด้วยไฟฟ้าเพื่อที่จะทำให้แบตเตอรี่หลุดออกมาได้ ซึ่งปกติแล้ว iPhone นั้นจะมีกาวที่ผนึกตัวแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างแน่นหนา ทำให้ผู้ที่ต้องการที่จะเปลี่ยนสามารถทำได้ยาก

ปกติแล้วการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ iPhone นั้นผู้ใช้งานมักจะให้ศูนย์บริการที่ Apple รับรองการบริการนั้นเปลี่ยนนแบตเตอรี่ให้ ซึ่งราคานั้นจะแตกต่างกันไป

การที่ Apple ต้องพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเนื่องจากกฎระเบียบของสหภาพยุโรปที่ออกมาในปี 2023 ที่ผ่านมานั้นบังคับให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจะต้องสามารถทำให้มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่ายขึ้น หรือไม่แล้วก็ต้องทำให้แบตเตอรี่มีคุณภาพทนทานมากขึ้น เช่น รักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ 83% หลังจากชาร์จเต็ม 500 ครั้ง และ 80% หลังจากชาร์จเต็ม 1,000 ครั้ง เป็นต้น

ซึ่งคาดว่า Apple เองอาจได้รับข้อยกเว้นในส่วนหลัง เนื่องจาก iPhone รุ่นใหม่นั้นมีประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่ดีมากขึ้น เมื่อเทียบกับอดีต

ในช่วงที่ผ่านมากฎระเบียบเกี่ยวกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของ EU นั้นเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากจะต้องขายสินค้าในทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็นการบังคับให้โทรศัพท์มือถือใช้พอร์ต USB-C ซึ่งปกติก่อนหน้านี้ Apple ได้ใช้พอร์ตประเภท Ligtning ซึ่งแตกต่างกับผู้ผลิตรายอื่น จนทำให้มีข้อกำหนดออกมาบีบให้ผู้ผลิต iPhone ต้องทำตาม

ที่มา – Macrumours, 9to5Mac

]]>
1480397
จากศัตรูสู่มิตร! Meta พูดคุยกับ Apple ถึงความเป็นไปได้ในการเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ https://positioningmag.com/1479480 Tue, 25 Jun 2024 05:05:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479480 ยักษ์ใหญ่ Social Network อย่าง Meta ได้มีการพูดคุยกับ Apple เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเคยมีความขัดแย้งระหว่างกันมาแล้ว อย่างไรก็ดีในฝั่งของผู้ผลิต iPhone มีึความกังวลในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของ Meta

Wall Street Journal รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Meta เจ้าของ Social Network อย่าง Facebook และ Instagram ได้มีการพูดคุยกับ Apple เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทเข้าผนวกกับระบบ Apple Intelligence

Meta ที่กำลังพัฒนาโมเดล AI อย่าง Llama ซึ่งแข่งขันกับคู่แข่งจากบริษัทเทคโนโลยีหลายราย ได้พยายามที่จะใช้ความได้เปรียบของจำนวนผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Apple เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ จึงทำให้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าวขึ้น

ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ Apple ได้เปิดตัว Apple Intelligence ขึ้น โดยมีการผนวก AI จาก OpenAI ซึ่งถือว่าเป็น AI ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในเวลานี้ ซึ่งดีลดังกล่าวนั้น ผู้ผลิต iPhone ไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าของ ChatGPT แต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้สำหรับ Meta และ Apple เองเคยมีกรณีกระทบกระทั่งระหว่างกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของความเป็นส่วนตัว และผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวทำให้เจ้าของ Facebook และ Instagram นั้นมีรายได้ลดลงจากเรื่องดังกล่าวมาแล้ว

กรณีการกระทบกระทั่งกันนั้นทำให้หัวเรือใหญ่อย่าง Mark Zuckerberg นั้นเคยออกมาวิจารณ์การกระทำของ Apple หลายครั้ง หรือแม้แต่ Tim Cook เองก็ได้กล่าวย้ำถึงความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทมาโดยตลอด และมีการวิจารณ์ในเรื่องของการเก็บข้อมูลของยักษ์ใหญ่เจ้าของเครือข่ายสังคมด้วย (แม้ไม่ได้พาดพิงตรงๆ ก็ตาม)

โมเดลธุรกิจระหว่าง Apple กับ OpenAI ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาผนวกใน Apple Intelligence นั้นทำให้ Meta เองมองเห็นถึงโอกาส จึงทำให้เกิดการพูดคุยของทั้ง 2 ฝ่ายในเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ดี สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานล่าสุดว่า Apple ได้ยกเลิกการพูดคุยกับทาง Meta โดยยักษ์ใหญ่ผู้ผลิต iPhone นั้นมีความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของโมเดล AI ดังกล่าว และชี้ว่าการพูดคุยของทั้ง 2 ฝ่ายนั้นเป็นเพียงเริ่มต้น ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม

ที่มา – Bloomberg, Wall Street Journal

]]>
1479480
Apple และบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้า เน้นผลิตในประเทศ https://positioningmag.com/1469253 Fri, 05 Apr 2024 08:43:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469253 บริษัทหลายแห่งทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ ซึ่งกระทบกับบริษัทต่างชาติไม่ว่าจะเป็น Apple คาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ หรือแม้แต่ผู้ผลิตยางรถยนต์อย่าง Michelin ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่าหลายบริษัททั่วโลกไม่ว่าจะเป็น Apple ไปจนถึง Michelin ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซียพิจารณามาตรการจำกันการนำเข้าสินค้า เนื่องจากเป้าหมายรัฐบาลต้องการให้มีการผลิตสินค้าในประเทศแทนการนำเข้า

รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้า 4,000 รายการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมานั้นต้องการที่จะทำให้บริษัทต่างๆ มาตั้งฐานการผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว

ถ้าหากบริษัทไหนต้องการที่จะนำเข้าสินค้าใน 4,000 รายการดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ และในการขออนุญาตจะต้องส่งคาดการณ์เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเหล่านี้

ประเด็นดังกล่าวนั้นยังรวมถึงรัฐบาลอินโดนีเซียไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ทำให้เกิดความสับสน กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลกถึงมาตรการดังกล่าว เนื่องจากบริษัทต่างชาติจะต้องมีการวางแผนในด้านธุรกิจตลอดเวลา

และมาตรการดังกล่าวยังสวนทางกับนโยบายของอดีตประธานาธิบดี โจโก วีโดโด ซึ่งพยายามที่จะเป็นมิตรต่อบริษัทต่างชาติ และต้องการให้บริษัทจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ซึ่งเขาได้ชักชวนบริษัทดังๆ เช่น Tesla และ SpaceX ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่ง หรือแม้แต่บริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สินค้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาตรการจำกัดการนำเข้าที่หลายบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบถ้วนหน้ามีตั้งแต่ การห้ามนำเข้า Laptop ซึ่งกระทบกับ Apple และบริษัทรายอื่น โดยคาดว่า MacBook Pro ที่วางจำหน่ายในอินโดนีเซียนั้นสินค้าจะหมดสต๊อกภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้

ขณะที่สินค้าประเภทเคมีภัณฑ์กระทบกับ Michelin ผู้ผลิตยางรถยนต์นั้นวัสดุเคมีภัณฑ์ที่นำเข้าจากทวีปยุโรปในช่วงเดือนมีนาคมนั้นคาดว่าวัสดุดังกล่าวจะหมดสต๊อกภายในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังจากนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น Michelin ได้ทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเพื่อจะแก้ปัญหา และมองโลกในแง่ดีว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะแก้ปัญหานี้ได้ และหลายบริษัทเตรียมพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลอินโดนีเซียในปัญหาดังกล่าวแล้ว

]]>
1469253
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้อง Apple ข้อหาผูกขาดตลาดมือถือ คุกคามตลาดเสรี ใช้เล่ห์เหลี่ยมกีดกันคู่แข่ง https://positioningmag.com/1466881 Thu, 21 Mar 2024 17:53:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466881 แอปเปิล (Apple) ได้ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของ 16 รัฐ ได้ฟ้องในข้อหาผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถือ และยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม่ให้ลูกค้าย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์คู่แข่ง ไปจนถึงการไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ขณะที่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิต iPhone นั้นกล่าวว่าพร้อมที่จะต่อสู้เรื่องดังกล่าว

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของรัฐต่างๆ รวมกัน 16 รัฐ ได้ยื่นฟ้อง Apple ในข้อหาผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถือ และใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ เพื่อที่จะกีดกันคู่แข่งไม่ให้เข้าถึงบริการต่างๆ ของบริษัท หรือแม้แต่ข้อหาทำให้ผู้บริโภคหรือแม้แต่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

ในการยื่นฟ้องต่อ Apple มีหลากหลายข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็น การกีดกันข้อความสั้นของ Android การเก็บค่าคอมมิชชั่นภายใน App Store 30% การห้ามเข้าถึงระบบ Wallet หรือแม้แต่การกีดกันไม่ให้คู่แข่งสามารถเข้าถึง Apple Watch หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ เป็นต้น

พฤติกรรมดังกล่าวของ Apple หลายปีที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ รวมถึงอัยการของรัฐต่างๆ รวมกัน 16 รัฐ สั่งฟ้อง Apple โดยชี้ว่ายักษ์ใหญ่รายดังกล่าวได้ทำให้การแข่งขันนั้นย่ำแย่ลง และยังชี้ว่าคำกล่าวอ้างของคดีนี้นั้นจะทำลายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นไม่เป็นความจริง

Merrick Garland อัยการสูงสุดของสหรัฐได้ชี้ว่า Apple รักษาอำนาจ (ในการผูกขาด) ไว้ไม่ใช่เพราะความเหนือกว่า (ผู้เล่นรายอื่น) แต่เป็นเพราะพฤติกรรมกีดกัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังชี้ว่า การผูกขาดในกรณีของ Apple ได้คุกคามตลาดเสรี ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังชี้ว่า ส่วนแบ่งของ Apple ในตลาดสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ นั้นเกิน 70% และส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของบริษัทเกิน 65% อีกด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Apple ได้ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินบริษัทมากถึง 1,800 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบๆ 70,000 ล้านบาท (ในช่วงเวลานั้น) จากข้อหาที่ผูกขาด App Store และขัดขวางไม่ให้คู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการ Music Streaming รายอื่นสามารถแจ้งผู้ใช้งานได้ว่าสามารถจ่ายเงินค่าบริการจากนอกแพลตฟอร์มได้

ทางฝั่งของ Apple ได้ให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับคดีนี้อย่างจริงจัง และปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยมองว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นทำลายเรื่องของนวัตกรรมด้วยซ้ำ

ที่มา – The Verge, CNN, NBC News

]]>
1466881
Spotify โวย Apple เตรียมโขกค่าคอมมิชชั่นถึง 27% หลังศาลสั่งให้เปิดเสรี App Store หรือบริการเก็บเงินจากเจ้าอื่นก็ตาม https://positioningmag.com/1459630 Sun, 21 Jan 2024 14:35:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459630 ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเพลงอย่าง Spotify ได้โวยที่ Apple เตรียมโขกค่าคอมมิชชั่นถึง 27% แม้ผู้ใช้งานจะใช้ Store หรือบริการเก็บเงินจากผู้ให้บริการอื่นก็ตาม โดยผู้ผลิต iPhone ได้ให้เหตุผลถึงนักพัฒนาจะได้ประโยชน์จากบริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด หรือแม้แต่การดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

Spotify บริการสตรีมมิ่งเพลงรายใหญ่ ได้โวยกรณีที่ Apple เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 27% แม้ว่า Apple จะไฟเขียวให้แอปพลิเคชันอื่นสามารถใช้ผู้บริการเก็บเงิน หรือแม้แต่ผ่าน App Store ของผู้พัฒนารายอื่นก็ตาม และต้องการที่จะให้รัฐบาลอังกฤษขวาง Apple ในกรณีดังกล่าว

บริการสตรีมมิ่งเพลงรายนี้ได้กล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าวของ Apple ถือว่า ‘อุกอาจ’ และเน้นปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดย Spotify เตรียมเรียกร้องให้รัฐบาลของอังกฤษจัดการในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ยักษ์ใหญ่รายดังกล่าวเรียกเก็บค่าค่าคอมมิชชั่นกับผู้พัฒนาโปรแกรมรายอื่นเช่นกัน

Apple ได้เริ่มให้ผู้พัฒนาโปรแกรมใช้บริการ App Store หรือแม้แต่ผู้ให้บริการเก็บเงินรายอื่น หลังจากที่ Epic Games ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกม Fortnite ได้ฟ้องร้องถึงการไม่อนุญาตให้ผู้พัฒนาลงโปรแกรมผ่าน App Store ของผู้พัฒนารายอื่น รวมถึงยังเก็บเงินค่าธรรมเนียมมากถึง 30%

ต่อมา Apple ได้ปรับปรุงเงื่อนไขโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากนักพัฒนารายใหญ่ๆ มากถึง 30% บน App Store ขณะที่นักพัฒนารายเล็กจะจ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 15% และนักพัฒนารายย่อยซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 85% ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ เลยให้กับบริษัท

แต่หลังจากการพิจารณาคดีของศาลระหว่าง Apple กับ Epic Games ศาลได้สั่งให้ Apple ห้ามจำกัดตัวเลือกในการชำระเงิน ขณะเดียวกัน Apple เองได้แก้เกมในกรณีดังกล่าวในสหรัฐอเมริกาและบางประเทศ โดยเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% โดยให้เหตุผลว่านักพัฒนาจะได้ประโยชน์จากบริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด หรือแม้แต่การดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

ก่อนหน้านี้หน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศเองเริ่มบีบ Apple หรือแม้แต่ Google ในบริการในส่วนของ App Store หรือแม้แต่บริการจ่ายเงิน เนื่องจากมองว่าผู้เล่นรายอื่นควรที่จะเข้ามาแข่งขันได้ โดยประเทศที่เริ่มเข้ามาสนใจในกรณีดังกล่าว เช่น ญี่ปุ่น หรือ สหภาพยุโรป

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Spotify ได้โวยยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี ในเดือนตุลาคมปี 2023 ที่ผ่านมาผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเพลงรายนี้ได้กล่าวถึงบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Google ว่าพยายามเป็นหน้าด่านของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต 4,000 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมกักขังโลกอินเตอร์เน็ตในระดับ ‘บ้าคลั่ง’ มาแล้ว

ที่มา – BBC News

]]>
1459630
‘Apple’ ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มียอดขายสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลก โค่น ‘Samsung’ ที่ครองแชมป์นาน 12 ปี! https://positioningmag.com/1459136 Wed, 17 Jan 2024 03:36:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459136 ครั้งสุดท้ายที่ ซัมซุง (Samsung) หลุดแชมป์ เบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟน ต้องย้อนไปถึงปี 2010 หรือ 12 ปีที่ผ่านมา และในปี 2023 ซัมซุงก็ได้เสียแชมป์ให้กับ Apple ขึ้นเป็น แบรนด์ที่มียอดขายสมาร์ทโฟนมากที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกของ Apple ด้วย

iPhone ของ Apple กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มียอดขายมากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก หลังจากที่แข่งขันกับ Samsung ที่ครองตำแหน่งผู้นำมาเป็นเวลา 12 ปี ตามข้อมูลจาก International Data Corporation หรือ IDC โดย Apple สามารถโค่นแชมป์เก่าได้ด้วยยอดขายกว่า 234.6 ล้านเครื่อง เทียบกับ Samsung ที่ทำได้ 226.6 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ Apple ครองส่วนแบ่งตลาด 20.1% มากกว่า Samsung ที่มีส่วนแบ่ง 19.4%

นักวิเคราะห์มองว่า การเติบโตของยอดขาย iPhone ของ Apple มาจากความต้องการของกลุ่มพรีเมียมที่ปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 20% ของส่วนแบ่งตลาด ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนที่ระบบปฏิบัติการ Android ก็มีความกระจัดกระจายมากขึ้น ทำให้ Samsung ต้องเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากแบรนด์จีนที่ส่งทั้งสมาร์ทโฟนจอพับมาแข่งขัน นอกจากนี้ การกลับมาของ Huawei ในประเทศจีนก็ส่งผลต่อยอดขายของ Samsung ที่ลดลงเช่นกัน

“เราเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งจากผู้เล่น Android ระดับล่างอย่าง Transsion และ Xiaomi ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดเกิดใหม่ แต่ Apple ถือเป็นแบรนด์ที่กำชัยชนะเพียงแบรนด์เดียว เพราะถือเป็นเพียงแบรนด์เดียวในกลุ่ม Top3 ที่มีการเติบโตทุกปี”

ทั้งนี้ ในปี 2023 ที่ผ่านมา การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลง -3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ 1.17 พันล้านเครื่อง โดยถือเป็นจำนวนต่ำสุดในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4/2023 ตลาดมีการเติบโต +8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และมีการจัดส่ง 326.1 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เติบโต 7.3% ทำให้ภาพรวมในปี 2024 ตลาดอาจฟื้นตัวดีขึ้น

คงต้องรอดูว่า Samsung จะกลับมาได้ไหมในปีนี้ โดยแบรนด์กำลังจะเปิดตัว Samsung Galaxy S24 Series ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงของแบรนด์ในช่วงสิ้นเดือนมกราคมนี้ ขณะเดียวกัน Apple ก็เพิ่งลดราคาสินค้าในจีนเป็นครั้งแรกในช่วงต้นปีเพื่อกระตุ้นยอดขาย

Source

]]>
1459136
Apple ออกโปรโมชั่นลดราคาสินค้าในประเทศจีน 3 วัน หลังการแข่งขันในตลาดแดนมังกรเพิ่มสูงขึ้น https://positioningmag.com/1458871 Tue, 16 Jan 2024 04:26:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458871 แอปเปิล (Apple) ได้ออกโปรโมชั่นลดราคาสินค้าของบริษัทเป็นการชั่วคราวในจีน ซึ่งเป็นเรื่องไม่บ่อยนักที่จะเห็นยักษ์ใหญ่รายนี้ประกาศลดราคาโทรศัพท์มือถือ หรือ MacBook ฯลฯ สาเหตุสำคัญมาจากการแข่งขันเริ่มเพิ่มสูงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับมาอีกครั้งของแบรนด์จีนอย่าง หัวเว่ย (Huawei)

Apple ประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ของบริษัทว่าได้ลดสินค้าในประเทศจีนหลายรายการ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคในประเทศจีนสามารถประหยัดเงินไปได้ 6-8% เมื่อเทียบกับราคาสินค้าปกติ และความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่ความเคลื่อนไหวปกติของยักษ์ใหญ่ไอทีจากสหรัฐอเมริกาที่แทบไม่เห็นการลดราคาสินค้ารุ่นปัจจุบัน

สำหรับราคาสินค้าที่บริษัทได้ประกาศลดราคา เช่น iPhone 15 นั้น Apple ได้ให้ส่วนลดมากถึง 500 หยวน ซึ่งโปรโมชั่นดังกล่าวมีระยะเวลาถึงแค่ช่วงวันที่ 21 มกราคมนี้เท่านั้น

ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone เท่านั้นที่ลดราคาแต่ Apple ได้ลดราคาทั้ง MacBook Air ทั้งในรุ่น M1 หรือรุ่น M2 ซึ่งให้ส่วนลดสูงสุดถึง 800 หยวน iPad ลดราคาสูงสุด 200 หยวน หรือแม้แต่ AirPods ที่ลดราคา 100 หยวน ซึ่งสภาวะดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในจีน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Apple ต้องงัดกลยุทธ์ลดราคาสินค้าก็คือยอดขายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับต้นๆ ของบริษัท เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง จะเห็นได้จากยอดขายของ iPhone 15 ที่ไม่ได้ดีมากนัก เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 14

ในบทวิเคราะห์จาก Jefferies ได้ชี้ว่า ยอดขาย iPhone ในประเทศจีนลดลงมากถึง 30% ในสัปดาห์แรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันของปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของ Apple

อีกสาเหตุที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากสหรัฐฯ ต้องงัดโปรโมชั่นออกมาคือ การกลับมาของแบรนด์จีนอย่าง Huawei ที่กลับมาผลิตโทรศัพท์มือถือ โดยบริษัทได้เปิดตัว Huawei Mate 60 Pro ซึ่งสร้างความฮือฮาทั้งในจีนและนอกจีน จากการใช้เทคโนโลยีการผลิตชิปที่ 7 นาโนเมตร

ไม่เพียงเท่านี้ ตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศจีนยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Xiaomi Vivo ฯลฯ ที่พร้อมแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากแบรนด์รายอื่นซึ่งรวมถึง Apple ด้วย

ขณะเดียวกันจีนเองก็ประสบปัญหาสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเงินฝืด แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคในประเทศจีนไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยมากอย่างเท่าที่เป็น ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อในจีนนั้นกลับเข้าสู่โซนติดลบมาเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือนแล้ว

ปัจจัยข้างต้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งล่าสุดมีมาตรการจากทางการและรัฐวิสาหกิจจีนได้ห้ามไม่ให้พนักงานใช้โทรศัพท์มือถือจากผู้ผลิตจากต่างประเทศ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ Apple ซึ่งปี 2024 อาจเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับยักษ์ใหญ่รายนี้ไม่น้อย

ที่มา – Reuters, Gizmochina, CNN

]]>
1458871
พลัง Apple Store สาขาแรก ดัน ‘อินเดีย’ ขึ้นแท่น Top5 ประเทศที่มียอดขาย iPhone สูงสุดของ Apple https://positioningmag.com/1438208 Wed, 19 Jul 2023 07:30:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438208 หลังจากที่ทั้งขยายฐานการผลิตและไปเปิด Apple BKC ซึ่งถือเป็น Apple Store แห่งแรกของอินเดียในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Tim Cook ก็เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานด้วยตัวเองเลยทีเดียว ซึ่งทั้งการลงทุนลงแรงก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะในช่วง Q2/2023 ที่ผ่านมา อินเดีย ได้กลายเป็นตลาด Top 5  ที่มียอดขายสูงสุดของ Apple

อินเดีย ถือเป็น ตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ยอดขาย iPhone ในอินเดียก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง Q1/2023 ยอดขายของ Apple ในอินเดียทำสถิติสูงสุดใหม่ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ Apple จะไปเปิด Apple Store เพื่อแสดงให้เห็นว่าอินเดียมีความสำคัญต่อปัจจุบันและอนาคตของบริษัทมากขนาดไหน

จากข้อมูลของ Counterpoint Research เปิดเผยว่า หลังจากเปิด Apple Store ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ยอดขาย iPhone ในอินเดียช่วง Q2/2023 ก็เติบโตจนขึ้นเป็น Top5 ประเทศที่มียอดขาย iPhone สูงสุด แซงหน้าเยอรมนีและฝรั่งเศส โดยตามหลังเพียง สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา

โดยในช่วง Q2/2023 ยอดขาย iPhone ของอินเดียคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 4% ของยอดขาย iPhone ทั่วโลกในไตรมาสที่สอง โดยมีการเติบโตถึง +50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 ปัจจุบัน iPhone มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนอินเดีย 5.1% เติบโตขึ้นจาก 3.4% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

Counterpoint Research มองว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ iPhone ในอินเดียเกิดจากการที่ Apple เปิด Apple Store แห่งแรกในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่เมืองหลวงของเดลี ก่อนจะเปิดอีกสาขาที่เมืองมุมไบ โดยทั้ง 2 เมืองถือเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิต iPhone ในประเทศก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

อ่าน >>> มองโอกาสมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ของ ‘Apple’ หลังเปิด ‘Apple Store’ แห่งแรกในอินเดีย

ปัจจุบันแบรนด์ที่ครองตำแหน่งเบอร์ 1 ของตลาดอินเดียก็คือ เสียวหมี่ (Xiaomi) จากจีน ตามมาด้วย ซัมซุง (Samsung) คู่แข่งสําคัญของ Apple อย่างไรก็ตาม ตลาดสมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมียม ของอินเดีย (ราคา 14,000 บาทขึ้นไป) มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาด จากในช่วงก่อนการระบาดของโควิดมีสัดส่วนเพียง 4% โดย iPhone ครองส่วนแบ่งถึง 65% ในกลุ่มสมาร์ทโฟนพรีเมียมของอินเดีย

ทั้งนี้ Counterpoint Research มองว่า Apple มีโอกาสที่จะสร้างรายได้จากตลาดอินเดียถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากประชากรเกือบ 700 ล้านคน ของอินเดีย ยังไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งหมายความว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตสูงมาก

Source

]]>
1438208
คาด Apple อาจมีแว่น Vision Pro วางขายจำนวนลดลง เนื่องจากโรงงานในจีนมีปัญหาในการประกอบชิ้นส่วน https://positioningmag.com/1436330 Tue, 04 Jul 2023 03:45:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436330 Apple Vision Pro แว่น VR/AR ซึ่งมีราคาแพงถึงหลักแสนบาท อาจสร้างปัญหาให้กับ Apple แล้ว เนื่องจากโรงงานในประเทศจีนมีปัญหาในการประกอบชิ้นส่วน ซึ่งอาจทำให้ยอดการผลิตในปีนี้อาจลดลงไม่ได้ตามเป้าที่บริษัทวางไว้

Financial Times ได้รายงานข่าวจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ซึ่ง Apple Vision Pro แว่น VR/AR ของทางบริษัทนั้นอาจไม่ได้ผลิตตามจำนวนที่บริษัทคาดหมาย เนื่องจากปัญหาในการผลิตที่มีความซับซ้อน และยังส่งผลต่อมาร์จิ้นของบริษัทด้วย

แหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวได้กล่าวว่า Luxshare ซึ่งเป็นบริษัทที่ Apple จ้างให้ประกอบชื้นส่วนนั้นประสบปัญหาในการประกอบแว่นดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกอบจอ OLED เข้าไปในแว่นตา นอกจากนี้จอ OLED ที่นำมาใช้จะต้องไม่มีพิกเซลเสียด้วย ซึ่งสร้างความยากในการผลิตเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Sony ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรายดังกล่าว

จากเดิม Apple คาดการณ์ว่าจะผลิตแว่นดังกล่าวได้มากถึง 400,000 ชิ้นภายในปี 2024 และคาดว่าจะมียอดขายภายใน 1 ปีแรกได้มากถึง 1 ล้านชิ้นในตอนแรกอาจต้องทำให้ Apple ปรับตัวเลขการผลิต Apple Vision Pro ลดลงเหลือแค่ 130,000 ถึง 150,000 ชิ้นเท่านั้น

Apple Vision Pro นั้นถือเป็นแว่น VR/AR ที่มีราคาสูงในตลาด โดยราคาเปิดตัวนั้นสูงมากถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 120,000 บาท และแพงกว่าแว่นของคู่แข่งอย่าง Meta ที่มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่หลักหมื่นบาทเท่านั้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคาดว่ามาร์จิ้นของ Apple Vision Pro จะต่ำกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ที่ Apple ผลิตออกมา เนื่องจากปัญหาในการผลิต ซึ่งปกติแล้วสินค้าของบริษัทมักจะมีมาร์จิ้นที่สูงมากกว่า 30%

สื่อธุรกิจรายดังกล่าวยังชี้ว่าผลกระทบกับการผลิตดังกล่าวยังทำให้ Apple Vision Pro ที่เป็นแว่นรุ่นราคาถูกอาจต้องเลื่อนการเปิดตัวไปด้วยหลังจากนี้ และยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสินค้าไอทีจากสหรัฐอเมริการายนี้ดูจะไม่ปลื้มกับกำลังการผลิตที่ได้เพียงเท่านี้อีกด้วย

]]>
1436330
Apple เผยปี 65 ‘App Store’ ป้องกันการฉ้อโกงมูลค่า 2 พันล้านเหรียญ บล็อกแอปกว่า 1.7 ล้านแอป https://positioningmag.com/1430806 Wed, 17 May 2023 09:08:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430806 กลายเป็นปัญหาที่ไม่รู้จะจัดการอย่างไรให้หมดไป สำหรับมิจฉาชีพไซเบอร์ โดยในปีที่ผ่านมา App Store ของ Apple สามารถป้องกันการทำธุรกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกงได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

Apple ได้เปิดเผยว่า App Store ได้ปฏิเสธแอปพลิเคชันเกือบ 1.7 ล้านรายการ ในปี 2565 เนื่องจากไม่ผ่านมาตรฐานความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย อาทิ มีแอปพลิเคชันกว่า 153,000 รายการที่พบว่าเป็นสแปม เลียนแบบ หรือทำให้เข้าใจผิด และมีแอปฯ มากกว่า 400,000 รายการถูกปฏิเสธเนื่องจากละเมิดความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ Apple ยังได้ ยกเลิกบัญชีนักพัฒนามากกว่า 428,000 บัญชี สำหรับกิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกงในปีที่แล้ว รวมทั้งยังปฏิเสธการลงทะเบียนโปรแกรมนักพัฒนาของ Apple เกือบ 105 ล้านรายการ สำหรับกิจกรรมที่ต้องสงสัยว่าเป็นการฉ้อโกง นอกจากนี้ Apple ยังปิดบัญชีลูกค้ากว่า 282 ล้านบัญชี ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงและการกระทำที่ไม่เหมาะสม และ บัญชีใหม่ที่พยายามฉ้อโกง 198 ล้านบัญชีถูกบล็อกก่อนที่จะสร้างได้ด้วยซ้ำ

ขณะที่ความปลอดภัยของเทคโนโลยีการชำระเงิน เช่น StoreKit และ Apple Pay ยังสามารถบล็อกบัตรเครดิตที่ถูกขโมยเกือบ 3.9 ล้านใบ ไม่ให้ใช้ในการซื้อสินค้าที่เป็นการฉ้อโกง และห้ามบัญชี 714,000 บัญชี ไม่ให้ทำธุรกรรมอีก

Apple ย้ำมานานแล้วว่า ไม่ควรติดตั้งแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตโดยไม่ใช้ App Store อย่างเป็นทางการของอุปกรณ์นั้นจะทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่อง การไซด์โหลด (Sideload) และค่าธรรมเนียม App Store ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดข้อพิพาทอันยาวนานของ Apple กับ Epic Apple ที่ได้กดดันฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับอันตรายของการไซด์โหลด โดยอ้างว่าพวกเขาควบคุมแอปใน App Store อย่างเข้มงวดเพื่อให้ผู้ใช้ปลอดภัย ขณะที่ Apple เองก็ยืนยันว่าการไซด์โหลดเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

เมื่อปีที่แล้ว สหภาพยุโรปได้ผ่านกฎหมาย Digital Markets Act ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2024 และบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อนุญาตให้มีร้านแอปทางเลือกบนแพลตฟอร์มของตน ทำให้นักพัฒนามีทางเลือกในการเผยแพร่แอปและผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปจากแหล่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้น บริษัทจึงใช้ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยของ App Store และเทคโนโลยีการชำระเงินเพื่อย้ำจุดยืนในการโหลดไซด์โหลด

]]>
1430806