zero covid – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 17 Jan 2023 02:44:35 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 นักวิเคราะห์คาดการเติบโตของ ‘เศรษฐกิจจีน’ ปี 65 อาจ ‘ต่ำสุด’ ในรอบ 40 ปี https://positioningmag.com/1415571 Mon, 16 Jan 2023 13:38:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415571 การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2565 คาดว่าจะต่ำสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ Zero Covid และผลกระทบจากภาคอสังหาฯ ที่ทำให้การเติบโตถูกคาดว่าจะอยู่ที่เพียง 2.7% น้อยกว่าปี 2564 ที่เติบโตได้ 8% และพลาดจากเป้าที่วางไว้ 5.5%

นักวิเคราะห์ 10 คนได้คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะเติบโตขึ้นเพียง 2.7% ซึ่งลดลงอย่างมากจากการเติบโตของจีนในปี 2564 ที่มากกว่า 8% นอกจากนี้ยังอาจเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดของจีนนับตั้งแต่ในปี 2519 หากไม่นับรวมปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID-19 ที่เริ่มระบาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562

การเติบโต 2.7% ถือว่าห่างจากที่รัฐบาลจีนวางเป้าว่าจะเติบโตให้ได้ 5.5% ซึ่งสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้การเติบโตเป็นไปตามเป้ามาจากมาตรการ Zero Covid ของรัฐบาลเองที่มีการอกดาวน์อย่างเข้มงวด การกักกัน และการตรวจหาเชื้อบ่อยครั้ง ทำให้โรงงานผลิตและธุรกิจในศูนย์กลางสำคัญต้องปิดตัวอย่างกะทันหัน ขณะที่ผู้บริโภคเองก็จับจ่ายใช้สอยได้ไม่เต็มที่

“ไตรมาสที่ 4 ค่อนไม่ดี ไม่ว่าจะวัดจากการบริโภคหรือการลงทุน การเติบโตก็ชะลอตัวลง” Zhang Ming นักเศรษฐศาสตร์ จาก Chinese Academy of Social Sciences ในกรุงปักกิ่งกล่าว

ในเดือนธันวาคม การส่งออกของจีนดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดโรคระบาด โดยหดตัว 9.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การบริโภคและการลงทุนชะลอตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ขณะที่การผ่อนคลายข้อจำกัดของโควิดในจีนตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม อาจทำให้การบริโภคของจีนแย่ลงอีก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้น โดยปัจจุบัน จีนกำลังต่อสู้กับจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์งานล้นมือ

นอกจากนี้ จีนยังมีปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงส่งผลกระทบต่อการเติบโต โดยภาคอสังหาฯ นี้รวมถึงการก่อสร้างมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของ GDP ของจีนได้รับความเดือดร้อนนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มปราบปรามการกู้ยืมเงินมากเกินไปและการเก็งกำไรในปี 2563 ซึ่งจุดเริ่มต้นของมาตรการที่เข้มงวดนี้มาจากของความกังวลทางการเงินของ Evergrande ซึ่งเป็นอดีตอันดับ 1 ของจีนในด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันมีหนี้ก้อนโต

]]>
1415571
ผ่อนคลายมากขึ้น จีนเตรียมยกเลิกมาตรการให้ชาวต่างชาติกักตัว เริ่ม 8 มกราคม 2023 https://positioningmag.com/1413975 Tue, 27 Dec 2022 05:43:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413975 จีนเตรียมยกเลิกมาตรการให้ชาวต่างชาติกักตัวเป็นระยะเวลา 8 วัน โดยเริ่มต้นวันที่ 8 มกราคมปี 2023 หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโควิด หลังจากที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณว่าจีนเตรียมเปิดประเทศไวกว่าที่คาดไว้

สื่อต่างประเทศหลายแห่งทั้ง CNN และสำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เตรียมที่จะยกเลิกมาตรการให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศจีนต้องกักตัวเป็นระยะเวลา 8 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญในการเปิดประเทศจีนอีกครั้ง นับตั้งแต่มีการปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ก่อนหน้านี้มาตรการดังกล่าวถ้าหากชาวต่างชาติจะเข้าไปยังประเทศจีนคือจะต้องมีผลการตรวจ PCR เป็นลบอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนบินมายังประเทศจีน นอกจากนี้ยังต้องมีการกักตัวที่โรงแรมที่รัฐบาลจัดหาให้เป็นเวลา 5 วัน หลังจากนี้ถึงจะกักตัวในที่พักอาศัยได้อีก 3 วัน ถึงจะสามารถท่องเที่ยวหรือทำภารกิจอื่นๆ ได้

นอกจากนี้จีนยังเคยมีมาตรการถ้าหากเที่ยวบินจากต่างประเทศถ้าหากตรวจพบผู้ติดโควิด ก็จะมีการแบนเที่ยวบิน ซึ่งส่งผลทำให้ในช่วงที่ผ่านมาจีนมีเที่ยวบินจากต่างประเทศลดลงอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ต้องบินไปจีนนั้นพบกับราคาตั๋วเครื่องบินที่แพงมหาศาล

มาตรการยกเลิกการกักตัวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนเตรียมที่จะเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากที่จีนได้ใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์มาเป็นระยะเวลานานนับตั้งแต่ปี 2020 ส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนมหาศาล และยังทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความไม่พอใจจนเกิดการประท้วงตามเมืองใหญ่ๆ ทำให้ทางการจีนเปลี่ยนนโยบายดังกล่าว

ไม่เพียงแค่จะยกเลิกมาตรการกักตัวเท่านั้นแต่รัฐบาลจีนเตรียมให้บริการวีซ่าเข้าประเทศจีนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ การทำธุรกิจ การเข้ามาศึกษาในประเทศจีน

หลังจากที่จีนได้ออกมาตรการดังกล่าวออกมาทำให้ประชาชนจีนเริ่มที่จะหาเที่ยวบินไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณการค้นหาเที่ยวบินในแพลตฟอร์มท่องเที่ยวหลายแห่งเพิ่มสูงขึ้นระดับ 10 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ

ที่มา – CNN, Reuters

]]>
1413975
จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด หลังประชาชนประท้วงในหลายเมืองใหญ่ https://positioningmag.com/1410938 Fri, 02 Dec 2022 08:59:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410938 จีนอาจมีท่าทีผ่อนคลายนโยบายโควิดมากกว่าเดิม หลังจากที่มีการประท้วงของประชาชนตามเมืองต่างๆ ของจีน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการที่เข้มข้นมายาวนานเกือบ 3 ปี ซึ่งส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตช้าลง สอดคล้องกับท่าทีของรองนายกรัฐมนตรีของจีนที่ดูแลการแพร่ระบาดของโควิดนั้นมีท่าทีผ่อนคลายลง

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า จีนเตรียมส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 จากเดิมที่มีมาตรการเข้มข้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้ส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนในช่วงปี 2022 นี้อย่างมาก และการผ่อนคลายนี้ตามมาแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจีนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

โดยมาตรการผ่อนคลายนั้นไม่ว่าจะเป็น การให้ผู้ป่วยโควิดหรือผู้ที่อาจติดเชื้อสามารถกักตัวในบ้านได้ จากเดิมที่ต้องกักตัวในที่ที่รัฐบาลจัดไว้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการผ่อนคลายในการที่ประชาชนต้องตรวจ PCR เกือบทุกวัน รวมถึงต้องมีการตรวจ PCR ถ้าหากมีผู้ติดเชื้อนั้นเดินทางผ่าน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้มาจากการประท้วงของประชาชนจีนตามเมืองต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่เมืองใหญ่ของจีนอย่าง ปักกิ่ง รวมถึงเซี่ยงไฮ้ ที่ต้องการให้ทางการจีนผ่อนคลายมาตรการมากยิ่งขึ้น โดยในเมืองกว่างโจว หลังจากที่มีการประท้วงของประชาชน รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองได้ประกาศให้ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดได้ตามปกติ

ขณะที่เมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าของ Apple ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ และมีการประท้วงของพนักงานโรงงานของ Foxconn ในเมือง จนส่งผลทำให้การผลิตสินค้าโดยเฉพาะ iPhone นั้นลดลงแต่ล่าสุดก็มีมาตรการผ่อนคลายออกมาแล้ว

นอกจากนี้ท่าทีของ ซุน ชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีของจีนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ล่าสุดก็ได้มีท่าทีผ่อนคลายลงมากกว่าเดิม โดยกล่าวถึงระบบการแพทย์ของจีนนั้นดีกว่าเดิมมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่การกล่าวถึงการรับวัคซีนของประชาชนมากถึง 90% จากเดิมที่มีท่าทีที่แข็งกร้าวและยืนยันถึงนโยบายโควิดเป็นศูนย์มาโดยตลอด

]]>
1410938
อสังหาฯ จีนยังอ่วม ราคาตกต่ำรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี รัฐบาลออกแพ็กเกจช่วยอุ้มธุรกิจ https://positioningmag.com/1408550 Wed, 16 Nov 2022 10:27:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1408550 ราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ใน “จีน” เมื่อเดือนตุลาคม 2022 ลดลง -1.6% เทียบปีต่อปี ถือเป็นการลดลงของราคามากที่สุดนับตั้งแต่สิงหาคมปี 2015 ล่าสุดรัฐบาลออกแพ็กเกจเพื่อช่วยกู้สถานการณ์อสังหาฯ เพิ่มเติม

สำนักข่าว Reuters รายงาน ราคาที่อยู่อาศัยใน “จีน” ลดลงเร็วที่สุดในรอบ 7 ปี จากการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 และปัญหาในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่เดิม

ราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เมื่อเดือนตุลาคมลดลง -1.6% YoY ต่อเนื่องจากเมื่อเดือนกันยายนที่ลดลง -1.5% YoY ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) ถือเป็นการลดลงต่อเนื่อง 6 เดือน

ทำให้รัฐบาลจีนมีการออกแพ็กเกจมาตรการ 16 ข้อเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องในอุตสาหกรรมอสังหาฯ หนึ่งในมาตรการเหล่านั้นคือการขยายเวลาการชำระเงินกู้ของผู้ประกอบการ รวมถึงธุรกิจธนาคารและประกันจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการรับเงินกู้ไปก่อนได้ตั้งแต่ช่วงพรีเซล

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ก็กังวลว่ามาตรการเหล่านี้อาจจะไม่ได้ผล เพราะว่าไม่ได้ช่วยเหลือเรื่องดีมานด์ที่ลดลง ทำให้การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ น่าจะยังช้าอยู่

“ควรจะระวังด้วยว่าปัญหาสำหรับภาคอสังหาฯ จีนตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องภายในภาคอสังหาฯ เองแล้ว แต่เป็นเรื่องของความหวังต่อเศรษฐกิจและการมีรายได้เพิ่มของผู้ซื้อ” Zhang Dawei หัวหน้านักวิเคราะห์บริษัท Centaline เอเยนต์ขายอสังหาฯ กล่าว

ภาคอสังหาฯ จีนเริ่มมีปัญหาและมีโครงการสร้างค้างเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางปี 2020 เมื่อรัฐบาลเริ่มเข้มงวดกับการขยายธุรกิจมากเกินไป ทำให้ตลาดเสียความเชื่อมั่น ปัจจุบันยอดขายอสังหาฯ จีนตกลงต่อเนื่องมาแล้ว 15 เดือน

เมื่อผู้ประกอบการเริ่มมีกระแสเงินสดฝืดเคือง ก็ทำให้การลงทุนใหม่ลดน้อยลง โดยการลงทุนที่ลดต่ำลงนั้นลดลงเร็วมากที่สุดในรอบ 32 เดือน

แม้ว่ากลุ่มภาครัฐระดับท้องถิ่นจะมีการออกนโยบายช่วยเหลืออสังหาฯ ในกว่า 200 เมืองของจีน ส่วนใหญ่เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านให้กับประชาชน หรือให้เงินคืนทางภาษีแก่ผู้ซื้อบ้าน แต่นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ก็มองว่าอาจจะช่วยไม่ได้มาก เพราะนโยบาย zero-Covid ทำให้เกิดดิสรัปต์ชันทางเศรษฐกิจจีนไปแล้ว

Source

]]>
1408550
‘Zero Covid’ ล็อกดาวน์คุมเข้ม ฉุดเศรษฐกิจจีน นักวิเคราะห์มองจีดีพีปีนี้โต 5% https://positioningmag.com/1381661 Sun, 17 Apr 2022 09:49:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381661 ต้นทุนนโยบาย ‘Zero Covid’ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทบเป้าหมายการเติบโตของจีดีพีจีนให้ไม่เป็นไปตามเป้า หลังซัพพลายเชนสะดุด ท่าเรือขนส่งเผชิญกับความล่าช้า เซี่ยงไฮ้ยังคงถูกล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด

การเติบโตของเศรษฐกิจจีน ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกได้ชะลอตัวลงเเล้วในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา จากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำเเละการปราบปรามด้านกฎระเบียบ ทำให้ผู้กำหนดนโยบายต้องปรับเป้าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2022 ‘ต่ำสุดในรอบหลายสิบปี

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บอกกับสำนักข่าว AFP ว่า เป้าหมายจีดีพีที่ 5.5% ตามที่ประกาศออกมานั้น ถือว่าเป็นเรื่องยาก หากรัฐยังมีคำสั่งล็อกดาวน์ให้ประชาชนอยู่เเต่ในบ้าน พร้อมระงับการผลิต เเละการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในหลายเมืองก็ออยู่ในระดับต่ำ

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจาก 12 สถาบันการเงิน คาดการณ์ว่า ในปี 2022 จีดีพีจีนจะเติบโตที่ระดับ 5.0% โดยไตรมาสแรกจะโต 4.3% สูงกว่า 4.0% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งตัวเลขจีดีพีไตรมาสเเรกอย่างเป็นทางการกำลังจะเผยแพร่ในวันที่ 18 เม..นี้

Gene Ma หัวหน้าฝ่ายวิจัยของจีน สถาบันการเงินระหว่างประเทศ ระบุว่า ปีนี้เศรษฐกิจจีนเริ่มต้นได้ในเดือน ม.. และ ก.. ภาคพลังงานตึงตัวน้อยลงเเละอุปสงค์ในประเทศเริ่มฟื้นตัว พร้อมมาตรการกระตุ้นทางการคลังเเละการส่งออกยืดหยุ่น

แต่ยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นในเดือน มี.. จนต้องล็อกดาวน์นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและซัพพลายเชนอย่างรุนแรง

นักวิเคราะห์หลายราย มองว่าสถาณการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน จะเป็นจุดที่พลิกผันต่อการเติบโตของจีนเคยทำได้ช่วงต้นปี

เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ มีความกังวลถึงปัญญาห่วงโซ่อุปทานและอาจถึงขั้นหยุดการผลิตโดยสิ้นเชิง หากการล็อคดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจยังคงดำเนินต่อไป

นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า รัฐจะเพิ่มการสนับสนุนและเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งรวมถึงการลดอัตรากันเงินสำรองของธนาคาร เพื่อนำมาช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด

เมืองใหญ่อื่นๆ ในจีนต่างได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดเช่นเดียวกัน อย่างเช่น เซินเจิ้น ศูนย์กลางเทคโนโลยีทางภาคใต้ก็ถูกสั่งล็อกดาวน์เกือบหนึ่งสัปดาห์ในเดือน มี..

รายงานล่าสุดจาก Goldman Sachs ระบุว่า ผลกระทบต่อยอดค้าปลีกอาจจะมากกว่านี้ เนื่องจากการรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งคิดเป็นกว่า 10% ของยอดค้าปลีก ถูกระงับชั่วคราวในหลายมณฑล

โดยผลกระทบจากการล็อกดาวน์จะรุนเเรงขึ้นกว่านี้ ในเดือน เม..ซึ่งจะกดดันตัวเลขการเติบโตให้ลดลง

ด้านการสำรวจของ Nomura ต่อการต่ออายุล็อกดาวน์ไปทั่วประเทศจีน พบว่า หากเจาะลึกไปที่จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์เต็มตัวหรือบางส่วน จังหวัดเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 40% ของจีดีพีประเทศจีน ซึ่งเซี่ยงไฮ้ถือเป็นเมืองที่การระบาดและการล็อกดาวน์หนักที่สุดในขณะนี้

 

ที่มา : AFP 

]]>
1381661
ยอมถอย! “ฮ่องกง” เตรียมเปิดให้เที่ยวบินจาก 9 ประเทศลงจอด ลดกักตัวเหลือ 7 วัน https://positioningmag.com/1378446 Mon, 21 Mar 2022 12:29:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378446 แม้ว่าตัวเลขอัตราผู้เสียชีวิตต่อประชากรจะยังสูงที่สุดในโลก แต่ “ฮ่องกง” จำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการ Zero-Covid แล้ว เพื่อแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและภาวะทางจิตของประชากร โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ ฮ่องกงจะเปิดให้เที่ยวบินจาก 9 ประเทศลงจอดได้ และลดการกักตัวเหลือเพียง 7 วัน

แคร์รี่ ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญ ให้วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นวันเริ่มแง้มประตูเปิดประเทศบางส่วน โดยจะอนุญาตให้เที่ยวบินจาก 9 ประเทศสามารถลงจอดได้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, บริเตน, แคนาดา, อินเดีย, เนปาล, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์

ฮ่องกงยังจะ “ลดวันกักตัว” สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเหลือ 7 วัน จากเดิม 14 วัน รวมถึงเริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ในโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนนี้ ตามด้วยการเปิดสถานที่สาธารณะตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนเป็นต้นไป

การตัดสินใจของลัมเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มผู้พำนักอาศัยในฮ่องกง ที่หงุดหงิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับวิธีจัดการการระบาดของ COVID-19 ของรัฐ เพราะดำเนินนโยบายที่เข้มงวดมานานกว่า 2 ปีแล้ว

อัตราการเสียชีวิตต่อประชากรของฮ่องกงยังสูงที่สุดในโลก โดยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2022 ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิต 223 รายจาก COVID-19 และมีผู้ติดเชื้อใหม่ 14,068 คน โดยที่เกาะแห่งนี้มีประชากรเพียง 7.5 ล้านคนเท่านั้น แต่การปรับนโยบายก็มีความจำเป็นมากขึ้น

 

ผู้พำนักย้ายออกนับแสนคน

พรมแดนฮ่องกงแทบจะปิดตายมาตั้งแต่เกิดการระบาดต้นปี 2020 โดยมีไฟลท์บินน้อยมากที่ได้รับอนุญาตให้ลงจอด และแทบไม่มีผู้โดยสารทรานสิทผ่านเกาะแห่งนี้อีกเลย เรียกว่าสถานการณ์ของฮ่องกงพลิกผันอย่างมากจากที่เคยเป็นฮับทางการเงินและการค้าแห่งภูมิภาค

นโยบาย Zero-Covid ที่ใช้แบบเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้การเข้าออกประเทศทำได้ลำบากมาก เนื่องจากผู้พำนักที่เดินทางออกนอกแผ่นดิน จะต้องไปพำนักอยู่ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนจะกลับเข้าฮ่องกงได้ และเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องกักตัวในโรงแรมอีก 2 สัปดาห์ ท่ามกลางนโยบายประเทศอื่นในโลกที่เริ่มเปิดการเดินทางไล่เลี่ยกัน แต่ฮ่องกงก็ยังปิดตัวต่อไป

ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2021 เริ่มเห็นการย้ายออกของผู้พำนักอาศัยในฮ่องกง เฉพาะช่วงโอมิครอนระบาดก็มีการย้ายออกไปมากกว่าแสนคนแล้ว โดยย้ายออกไปเกือบ 17,000 คนในเดือนธันวาคมปีก่อน ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 มีเวฟผู้อพยพย้ายออกอีก 71,000 คน จนถึงเดือนมีนาคมก็ยังมีคนย้ายออกอีก 54,000 คน

คลื่นการย้ายออกของคนที่เคยพำนักในฮ่องกง ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าความสามารถในการแข่งขันของเกาะฮ่องกงจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ในระยะยาว

ทั้งการย้ายออกของผู้พำนัก รวมถึงการล็อกดาวน์เพื่อต่อสู้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงยิ่งตกต่ำ ซ้ำร้าย คนฮ่องกงยังต้องเผชิญกับภาวะสุขภาพจิตแย่ลงจากปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะครอบครัวที่อยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำจะเผชิญปัญหานี้หนักหนากว่า

 

Zero-Covid เอาไม่อยู่ ต้องยอมแก้มาตรการ

สาเหตุที่ฮ่องกงมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงมาก เนื่องจากมีผู้สูงวัยจำนวนมากที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และเมื่อโอมิครอนแพร่กระจายเข้าสู่บ้านพักคนชรา ทำให้เกิดเวฟการเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 5,000 ราย และส่วนใหญ่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้วจากการระบาดของโอมิครอนนี้เอง

ความร้ายแรงของโอมิครอนในฮ่องกง เทียบได้กับภาพที่เราเห็นกันทั่วโลกในช่วงที่โลกยังปราศจากวัคซีน ผู้ป่วยต้องนอนรอนอกโรงพยาบาล โลงศพมีไม่พอ และห้องเก็บศพเต็มไปด้วยศพอัดแน่นรอการฌาปนกิจ

ก่อนหน้านี้ ลัมเคยเตรียมการที่จะปูพรมตรวจหาเชื้อประชากรทุกคนบนเกาะ ตามนโยบาย Zero-Covid แต่สุดท้ายแล้วผู้เชี่ยวชาญมองว่าการปูพรมตรวจดูจะไม่ทันการแล้ว

Source

]]>
1378446
“จีน” เริ่มปฏิบัติการ “ล็อกดาวน์” ระลอกใหม่ หลังโอมิครอนพังกำแพง Zero-Covid สำเร็จ https://positioningmag.com/1377368 Mon, 14 Mar 2022 04:59:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377368 “จีน” เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังยกการ์ดสูงตามนโยบาย Zero-Covid เคสผู้ติดเชื้อต้องเป็นศูนย์ แต่ล่าสุดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งแพร่ระบาดได้เร็ว ทำให้จีนมีเคสผู้ติดเชื้อภายในประเทศสูงที่สุดในรอบ 2 ปี รัฐบาลสั่ง “ล็อกดาวน์” หลายเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึง “เซี่ยงไฮ้” ซึ่งเป็นมหานครขนาดใหญ่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2022 “จีน” รายงานพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเกือบ 3,400 ราย และจำนวนดังกล่าวพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวจากเมื่อวันเสาร์ ทำให้รัฐมีคำสั่งด่วน “ล็อกดาวน์” จุดพบเชื้อชุกชุมทันที เพื่อรับมือกับการระบาดที่หนักที่สุดในรอบ 2 ปีของประเทศ

เมืองใหญ่ที่สุดที่ถูกล็อกดาวน์ในรอบนี้คือ “เซี่ยงไฮ้” แต่ไม่ใช่การล็อกดาวน์แบบเข้มงวดสูงสุดที่ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ครั้งนี้เป็นการล็อกดาวน์ที่ผ่อนคลายลงมาบ้าง โดยมีการปิดทำการโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และธุรกิจบางประเภท เพื่อไม่ให้มีการใกล้ชิดกันของประชาชน

นอกจากนี้ยังพบการระบาดของเชื้อไวรัสทั้งสายพันธุ์โอมิครอนและเดลตารวม 19 พื้นที่ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เช่น เมืองฉางชุน-มณฑลจี้หลิน เขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ, เมืองหยานจี๋-มณฑลจี้หลิน เมืองชายแดนติดต่อกับประเทศเกาหลีเหนือ

CHINA test covid-19
(Photo by STRINGER / AFP)

ที่ผ่านมา จีนดำเนินนโยบาย Zero-Covid มาโดยตลอด โดยมีการล็อกดาวน์อย่างรวดเร็ว เข้มงวด ห้ามการเดินทางข้ามเขต และมีการระดมปูพรมตรวจหาเชื้อทันทีที่เกิดคลัสเตอร์ระบาด

แต่เชื้อไวรัสโอมิครอนที่แพร่ระบาดได้ง่าย และทำให้เกิดเคสไม่แสดงอาการจำนวนมากขึ้น กลายเป็นความท้าทายของนโยบายนี้ เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการได้ช้าลง

รวมถึงการตั้งการ์ดสูงตลอดเวลาทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความเหน็ดเหนื่อย จนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็เริ่มร้องขอให้มีมาตรการที่ผ่อนคลายลง ขอให้การเข้าจัดการกักกันผู้ติดเชื้อตีวงให้แคบลง ตลอดจนนักเศรษฐศาสตร์ก็เริ่มเตือนรัฐบาลแล้วว่าการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเกินไปกำลังทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าจีนก็เริ่มปรับนโยบายล็อกดาวน์ให้ผ่อนคลายลงแล้ว ล่าสุดจีนยังเริ่มยอมรับการใช้งาน Antigen Test Kit (ATK) ด้วยตนเอง อนุญาตให้ซื้อได้ออนไลน์หรือผ่านร้านขายยาและคลินิกทั่วไป ทำให้ประชาชนหาซื้อมาทดสอบตนเองได้ ไม่ต้องไปต่อคิวตรวจที่โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็บ่งชี้ให้เห็นว่า จีนเริ่มยอมรับแล้วว่ามาตรการที่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐควบคุมเท่านั้นไม่สามารถจะป้องกันเชื้อได้ทั้งหมด

เมื่อสัปดาห์ก่อน นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของจีนเริ่มออกให้ข้อมูลแล้วเช่นกันว่า ประเทศจีนควรจะเริ่มพัฒนามาตรการ “อยู่ร่วมกับไวรัส” เหมือนๆ กับประเทศอื่น เพราะโอมิครอนระบาดเร็วราวกับไฟป่าไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ในกรณีนี้ดูเหมือนรัฐบาลจีนยังคงสร้างความชัดเจนอยู่ว่าการ “ล็อกดาวน์” จะยังเป็นตัวเลือกในการควบคุมการระบาดต่อไป

Source

]]>
1377368
นโยบาย ‘Zero-Covid’ บีบเหล่า Expat ทักษะสูง จำใจลาออก สะเทือนภาคการเงินฮ่องกง https://positioningmag.com/1371501 Tue, 25 Jan 2022 15:34:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371501 เเนวทาง “Zero-Covid” ที่ฮ่องกงยึดปฏิบัติอย่างเข้มงวดตามรัฐบาลจีน กำลังบีบให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในเเวดวงการเงิน จำใจลาออก ทิ้งตำเเหน่งงานค่าตอบเเทนสูงเพื่อกลับประเทศ 

เมื่อปลายปีที่เเล้ว Tania Sibree ลาออกจากงานที่ได้รับค่าตอบเเทนสูง จากการเป็นทนายความของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในฮ่องกง กลับมาอยู่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดอย่างออสเตรเลีย หลังต้องทนใช้ชีวิตอยู่ต่อภายใต้มาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวดเเละไม่มีท่าทีจะผ่อนคลายลง 

เธอย้ายมาทำงานประจำที่ฮ่องกง เมื่อ 5 ปีก่อนเเละใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเกิดวิกฤตโรคระบาดในช่วงปีที่ผ่านมา

โดย Sibree เป็นหนึ่งในในผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติที่มีทักษะสูง หลายร้อยหรือหลายพันคนที่ต้องจำใจลาออกหรือกำลังวางแผนจะย้ายที่อยู่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของฮ่องกง หนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินของโลกได้

“การกักตัวในโรงแรมนานๆ เป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับคนที่ต้องอยู่ไกลจากครอบครัว นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ฉันตัดสินใจกลับประเทศ” เธอกล่าว

เหล่า Expat หลายคนเคยคิดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ทางการฮ่องกงจะเริ่มผ่อนคลายจำกัด ผ่อนปรนมาตรการมากขึ้น และระเบียบที่เข้มงวดจะไม่ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ทว่าฮ่องกงซึ่งอยู่ภายใต้อาณัติของจีน ได้ดำเนินนโยบาย “Zero-Covid” คุมยอดผู้ป่วยโควิดให้เป็นศูนย์ ตามรัฐบาลปักกิ่ง แทนที่จะปรับมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิดเหมือนในหลายๆ ประเทศ

เเม้ว่าฮ่องกงจะมีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมราว 13,000 รายจากประชากรทั้งหมด 7.4 ล้านคน ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตโรคระบาด ฮ่องกงก็มีการบังคับใช้มาตรการกักตัวที่เข้มงวดอยู่แล้ว เเละยกระดับคุมเข้มยิ่งขึ้นไปอีกในช่วงปีที่เเล้ว โดยอนุญาตให้เฉพาะคนฮ่องกงและผู้มีถิ่นพำนักเดินทางกลับได้เท่านั้น และต้องกักตัวสูงสุดเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาครบโดสแล้ว

อย่างไรก็ตาม นโยบาย “Zero-Covid” ที่เข้มงวด ก็ไม่ได้ทำให้ฮ่องกงใกล้จุดผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์นัก โดยเมื่อวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ฮ่องกงยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 140 ราย อีกทั้งไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า ทางการจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการลง

เหล่านี้ เป็นผลให้ชาวต่างชาติจำนวนมากคิดจะลาออกจากงานมากขึ้น โดยเฉพาะในเเวดวงการเงิน ทั้งพนักงานในธนาคารยักษ์ใหญ่ ผู้จัดการสินทรัพย์ ขณะที่สำนักงานกฎหมายต้องเผชิญกับการที่พนักงานจำนวนมากเลือกจะลาออกหลังได้รับโบนัสประจำปี

วาณิชธนากรรายหนึ่ง บอกกับ Reuters ว่า “ถ้าตอนนี้คุณอยู่ในสิงคโปร์จะดีกว่าฮ่องกงมาก เพราะคุณยังสามารถเดินทางได้ อย่างน้อยก็ปีละครั้งหรือสองครั้ง” โดยข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศนับเป็นปัจจัยสำคัญที่พนักงานชาวต่างชาติขอย้ายออกจากสาขาที่ฮ่องกง

 

ที่มา : Reuters 

 

]]>
1371501
นิวซีเเลนด์ เลิกใช้กลยุทธ์ Zero-Covid คุมยอดป่วยเป็นศูนย์ ‘ทำได้ยาก’ เพราะเดลตา https://positioningmag.com/1354663 Mon, 04 Oct 2021 11:13:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1354663 นิวซีเเลนด์ ล้มเลิกกลยุทธ์ ‘Zero-Covid’ พร้อมยอมรับว่าเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะทำให้ยอดผู้ป่วยโควิดเป็นศูนย์ได้ ท่ามกลางความไม่เเน่นอนของไวรัสกลายพันธุ์ โดยจะหันมาใช้แนวทางอยู่ร่วมกันกับโควิด และผ่อนคลายมาตรการเป็นระยะๆ เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น

จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ เเถลงถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ ว่าจากสถานการณ์โรคระบาดในครั้งนี้ ที่มีโควิดสายพันธุ์เดลตาเป็นตัวแปรสำคัญ ทำให้เเผนการที่จะคุมยอดผู้ป่วยโควิดให้เป็นศูนย์นั้นทำได้ยากมาก

โดยนิวซีเเลนด์ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่สามารถทำให้จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ลดลงเหลือศูนย์ได้ในปีที่แล้ว จนกระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือนส.. ที่ผ่านมา มีการการระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์เดลตาที่เเพร่เชื้อได้ง่ายเเละรวดเร็วกว่าเดิม

ดังนั้น เวลานี้รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแนวทางการควบคุมโรคที่ดำเนินมายาวนาน โดยจะมีวัคซีนป้องกันโควิดมาเป็นตัวสนับสนุนแนวทางใหม่ 

เเละเป็นที่เเน่ชัดเเล้วว่า การที่รัฐใช้มาตรการคุมเข้มเป็นเวลานานนั้น ไม่สามารถทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อเป็นศูนย์ได้อีกต่อไป

ในปีที่แล้ว นโยบายการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในเเต่ละพื้นที่ของนิวซีแลนด์ เพื่อควบคุมไวรัสโคโรนา ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ เเละมีส่วนช่วยทำให้อาร์เดิร์น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 แต่การจัดหาวัคซีนที่ล่าช้าและการระบาดของเดลตาที่มีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้ความนิยมของเธอเริ่มลดลง

โดยผู้นำนิวซีเเลนด์ ระบุว่าการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดจะสิ้นสุดลงเมื่อ 90% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเเล้ว

จากปัจจุบัน ที่มีชาวนิวซีแลนด์ประมาณ 2 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว หรือคิดเป็น 48% ของประชากรที่อยู่ในเกณฑ์

สำหรับการผ่อนคลายมาตรการในโอ๊คแลนด์ เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เเละมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 1.7 ล้านคน จะได้รับการผ่อนคลายเป็นระยะๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.นี้

โดยประชาชนในเมืองโอ๊คแลนด์ จะสามารถออกนอกบ้านเพื่อพบปะครอบครัวหรือเพื่อนฝูงได้ไม่เกิน 10 คน ไปชายหาดและสวนสาธารณะได้ ส่วนโรงเรียนเด็กปฐมวัยจะได้รับอนุญาตให้เปิดสอนได้ เเละร้านที่ให้บริการซื้อกลับบ้าน สามารถกลับมาเปิดต่อได้ เเต่ต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่จำเป็น

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในนิวซีเเลนด์วันนี้ (4 ..) เพิ่มขึ้น 29 ราย ทำให้ยอดสะสมของระลอกครั้งล่าสุดที่ 1,357 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ที่ล็อกดาวน์มาเกือบ 50 วันแล้ว โดยรวมนิวซีแลนด์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสะสม นับตั้งเเต่เกิดโรคระบาดราว 4,300 คน และผู้เสียชีวิตเพียง 27 คนเท่านั้น

 

ที่มา : Reuters , AFP

]]>
1354663
ยาแรงได้ผล! จีนอาจเป็นประเทศแรกสกัด ‘เดลตา’ สำเร็จ หลังผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศเป็นศูนย์ https://positioningmag.com/1348267 Tue, 24 Aug 2021 03:14:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348267 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) รายงานเมื่อวันจันทร์ (23 ส.ค.) ว่าจีนไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. หลังจากทางการจีนได้ออกมาตรการควบคุมโรค COVID-19 ที่เข้มงวดของประเทศเป็นสองเท่า

ประเทศจีนได้ต่อสู้กับการแพร่กระจายของตัวแปรเดลตาที่แพร่ระบาดได้สูงตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เมื่อตรวจพบคลัสเตอร์ของการติดเชื้อ COVID-19 ในหมู่เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดสนามบินในเมืองหนานจิง ทางตะวันออกของประเทศจีน

นับแต่นั้นเป็นต้นมา การระบาดก็ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของจีนนับตั้งแต่ปี 2020 โดยได้แพร่กระจายไปยังกว่าครึ่งของ 31 มณฑลของประเทศ และทำให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,200 คน โดยอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีปัจจัยมาจากสายพันธุ์เดลตา ซึ่งถูกมองว่าเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสกัดกั้นไวรัสของจีน

ทางการในแต่ละมณฑลได้ใช้ยาแรงในการสกัดการระบาด ด้วยนโยบาย Zero-Covid ที่กำหนดให้ผู้อยู่อาศัยหลายสิบล้านคนอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด และเดินหน้าทดสอบในเชิงรุกจำนวนมาก และจำกัดการเดินทางภายในประเทศ โดยมาตรการที่เข้มงวดดูเหมือนจะได้ผล เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นตัวเลขหลักเดียว

โดยในวันจันทร์ (23 ส.ค.) ทางการจีนรายงานผู้ป่วยนำเข้าจากต่างประเทศ 21 ราย และไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ 16 ราย โดยหากแนวโน้มยังคงดำเนินต่อไป จีนอาจเป็นประเทศแรกของโลกที่ควบคุมการระบาดใหญ่ของเดลตาได้

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้ออกมาเตือนว่าการระบาดใหญ่ยังไม่สิ้นสุด และผู้คนไม่ควรประมาทในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยประเทศยังคงเพิ่มการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา NHC ได้จัดการวัคซีนที่ผลิตในประเทศแล้วมากกว่า 1.94 พันล้านโดส มีการให้ฉีดมากกว่า 135 โดสต่อ 100 คน ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในหลายประเทศ รวมทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่พยายามขจัด COVID-19 ให้หมดสิ้นภายในพรมแดนของตน โดยเจ้าหน้าที่ได้กักกันผู้โดยสารขาเข้าอย่างเข้มงวด และเริ่มล็อกดาวน์ตามเป้าหมาย ตลอดจนนโยบายการทดสอบและติดตามเชิงรุกเพื่อขจัดกรณีใด ๆ ที่ผ่านการป้องกัน และเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ที่มาตรการเหล่านี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใกล้เป็นศูนย์

แต่ในบางประเทศก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ อาทิ ในออสเตรเลีย เมืองใหญ่ ๆ หลายแห่ง รวมถึงซิดนีย์ เมลเบิร์น และเมืองหลวงแคนเบอร์รา ถูกล็อกดาวน์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Source

]]>
1348267