ออสเตรเลีย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 25 Jan 2024 07:44:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ศุภาลัย” อัดเปิดโครงการ 5 หมื่นล้านปี 2567 มองบวก “ดอกเบี้ย” ขาลง – อัตรา “กู้ไม่ผ่าน” น่าจะดีขึ้น https://positioningmag.com/1460291 Thu, 25 Jan 2024 07:39:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460291
  • “ศุภาลัย” เลื่อนโครงการปลายปี 2566 มาอัดเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ทำให้ปีนี้จะโหมเปิดมากที่สุด 42 โครงการ 50,000 ล้านบาท เพิ่มน้ำหนักบ้านเดี่ยวระดับบน (10 ล้านบาทขึ้นไป) มากขึ้น 56%
  • เชื่อมั่นปี 2567 ตลาดอสังหาฯ กระเตื้องขึ้น จากอัตรา “ดอกเบี้ย” ที่น่าจะเข้าสู่ขาลงหรือไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ รวมถึงอัตรา “กู้ไม่ผ่าน” ของลูกค้าน่าจะดีขึ้นด้วย
  • ตอกย้ำการลงทุนใน “ออสเตรเลีย” เทเม็ดเงินเพิ่ม 12,600 ล้านบาท ร่วมทุนอสังหาฯ ท้องถิ่นซื้อโครงการพัฒนาขายต่อ เก็บกำไรยาว 8-10 ปี
  • ขึ้นปี 2567 กับเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ยังต้องลุ้นว่าจะออกหัวหรือออกก้อย แต่สำหรับ “ศุภาลัย” ดูจะมองตลาดในแง่บวกไปก่อนในช่วงต้นปีนี้

    “ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แจงปัจจัยบวกหลายข้อที่เชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่อาจได้ลุ้นเป็นขาลง, ภาพรวมบริษัทอสังหาฯ พร้อมใจกันลดเปิดตัวคอนโดฯ ทำให้ตลาดจะไม่เกิดวิกฤตโอเวอร์ซัพพลาย, โครงสร้างพื้นฐานสำคัญหลายอย่างสร้างเสร็จหรือจวนเปิดใช้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟฟ้าสายสีเหลือง มอเตอร์เวย์โคราช-บางปะอิน, การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง, แนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศสูงขึ้น

    แน่นอนว่าปัจจัยท้าทายยังคงมีอยู่ เช่น อัตราหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง แต่หากดอกเบี้ยปรับลดลงได้อย่างที่คาด ก็น่าจะบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือนลงได้บ้าง

    ศุภาลัย วิลล์ สามพราน-เพชรเกษม

    “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมในประเด็นอัตราดอกเบี้ยว่า การขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเมื่อปีก่อนทำให้ลูกค้าหลายรายมีความกังวลเรื่องความสามารถของตนในการผ่อนบ้านในอนาคต จนอาจจะตัดสินใจชะลอการซื้อบ้านออกไปก่อน ขณะที่ปีนี้อัตราดอกเบี้ยน่าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้วจึงน่าจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น

    “ขอแค่แบงก์มองว่าดอกเบี้ยน่าจะไม่ขึ้นไปมากกว่านี้แล้วก็พอ จะทำให้ลูกค้ามั่นใจขึ้นในการกู้ซื้อบ้านเพราะมองว่าดอกเบี้ยจะไม่ขึ้นสูงไปกว่านี้” ไตรเตชะกล่าว

    ขณะเดียวกันปัญหาอัตรากู้ไม่ผ่านของลูกค้าหรือ ‘รีเจ็กต์เรต’ เพราะแบงก์เข้มงวดในการตรวจความสามารถในการผ่อนชำระ ไตรเตชะเห็นว่าปีนี้มีแนวโน้มจะต่ำลงบ้างหลังจากปีก่อนรีเจ็กต์เรตพุ่งสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทปีก่อนมีอัตรากู้ไม่ผ่านสูงถึง 50%

    “รีเจ็กต์เรตที่สูงเพราะแบงก์จะดูประวัติทางการเงินของลูกค้าย้อนไป 3 ปี ซึ่งแปลว่ามีการย้อนไปดูถึงปี 2563 ปีแรกที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ลูกค้าหลายคนมักจะมีประวัติเสียในช่วงที่เกิดวิกฤตพอดีจึงทำให้กู้ไม่ผ่าน ปีนี้จึงน่าจะเริ่มดีขึ้นเพราะย้อนไป 3 ปีจะเป็นช่วงที่คนเริ่มกลับมาตั้งหลักได้แล้ว” ไตรเตชะกล่าว

     

    เลื่อนมาเปิดปี 2567 สัญญาณดีกว่า

    จากภาพรวมปี 2567 ที่น่าจะดีกว่าเดิม ทำให้ศุภาลัยมีการเลื่อนแกรนด์โอเพนนิ่งหลายโครงการที่เดิมจะเปิดในไตรมาส 4 ปี 2566 มาอัดเปิดในไตรมาส 1 ปี 2567 แทน

    ผลการดำเนินงานปี 2566 สรุปศุภาลัยมีการเปิดตัวรวม 26 โครงการ มูลค่ารวม 29,640 ล้านบาท และทำยอดขายไป 28,864 ล้านบาท

    ส่วนปี 2567 วางแผนเปิดตัวรวม 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 36,000 ล้านบาท ตั้งงบซื้อที่ดินอีก 8,000 ล้านบาท

     

    เพิ่มน้ำหนัก “บ้านหรู” – “ต่างจังหวัด” เพิ่ม 3 จังหวัดใหม่

    แผนการเปิดตัวปีนี้แบ่งเป็น กลุ่มแนวราบ 38 โครงการ มูลค่ารวม 43,500 ล้านบาท และคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท นับว่าเป็นอีกปีที่ศุภาลัยยังทุ่มให้แนวราบต่อ ส่วนคอนโดฯ ไม่ได้เร่งการเปิดมากนัก

    ในแง่ของเซ็กเมนต์การเปิด ไตรเตชะระบุว่าปีนี้มีการเปิดขายบ้านเดี่ยวระดับบน (10 ล้านบาทขึ้นไป) มากขึ้น 56% เทียบกับปีก่อน ทำให้มีสัดส่วนราว 20% ในพอร์ตเปิดขายใหม่ เพราะมองว่าตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนแม้จะ ‘เลยจุดพีค’ ไปแล้วแต่ก็ยังไปต่อได้ ด้วยเทรนด์ของคนระดับบนนิยมเปลี่ยนที่อยู่อาศัยหรือซื้อเพิ่ม อีกทั้งรายใหญ่ยังมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการเงินมากกว่ารายเล็กในตลาดนี้ด้วย

    ศุภาลัย ไพร์ม วิลล่า กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่-มอเตอร์เวย์ บ้านเดี่ยวระดับบนที่จะเปิดตัวปีนี้

    ส่วนทำเลการเปิดตัวศุภาลัยยังเน้นตลาดต่างจังหวัดเช่นเคย ปีนี้จะได้เห็นการเปิดตัวในต่างจังหวัดราวครึ่งหนึ่งในพอร์ตเปิดใหม่ และจะมีจังหวัดใหม่ๆ ที่เข้าไปบุก ได้แก่ ลำปาง ลพบุรี และราชบุรี รวมถึงปีนี้จะมีการเปิดคอนโดฯ ในหัวเมืองภูมิภาค 2 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ ‘หัวหิน’ หลังโครงการ ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน ทำยอดขายได้ดี

     

    ลงทุนต่อใน “ออสเตรเลีย” อีก 12 โครงการ

    สำหรับตลาดต่างประเทศของศุภาลัย บริษัทนี้เริ่มเข้าไปลงทุนที่ออสเตรเลียมานาน 10 ปี ช่วงทศวรรษแรกใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้ว 9,700 ล้านบาท สะสมครบ 12 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท

    เข้าสู่ปีที่ 11 ศุภาลัยยังไปต่อกับตลาดแดนจิงโจ้ โดยดร.ประทีปประกาศเรื่องการเซ็นดีลร่วมทุนกับ “Stockland Communities Partnership HoldCo Pty Ltd” บริษัทอสังหาฯ ท้องถิ่นสัญชาติออสซี่ เพื่อตั้งกิจการร่วมค้า “SSRCP HoldCo Pty Ltd” ศุภาลัยถือหุ้น 49.9% และทาง Stockland ถือหุ้น 50.1%

    12 โครงการใหม่ที่ศุภาลัยเข้าลงทุนในออสเตรเลีย

    กิจการร่วมค้า SSRCP ได้เข้าซื้อโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่ารวม 137,700 ล้านบาท ใน 5 เมืองสำคัญของออสเตรเลีย ในดีลนี้ศุภาลัยลงเม็ดเงินไป 12,600 ล้านบาท และโครงการที่ได้มาทั้งหมดสามารถพัฒนาขายได้ในระยะประมาณ 8-10 ปีข้างหน้า

    เท่ากับปัจจุบันศุภาลัยมีการลงทุนในออสเตรเลียสะสม 24 โครงการ มูลค่ารวม 187,700 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนรวม 22,300 ล้านบาท กระจายพอร์ตไปในเมืองสำคัญ ได้แก่ เมลเบิร์น บริสเบน เพิร์ธ จีลอง ซิดนีย์ และวูลลองกอง

    ]]>
    1460291
    ซีอีโอสายการบิน “Qantas” เกษียณก่อนกำหนด ท่ามกลางข่าวฉาว “ขายตั๋วไฟลท์บินที่ยกเลิกไปแล้ว” https://positioningmag.com/1443549 Tue, 05 Sep 2023 10:50:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1443549 Reuters รายงานข่าวซีอีโอ “Qantas” สายการบินสัญชาติออสเตรเลีย ชิงขอเกษียณก่อนกำหนด 2 เดือน ท่ามกลางข่าวฉาวการขายตั๋วเครื่องบินผิดกฎหมาย จนทำให้ภาพลักษณ์สายการบินตกต่ำอย่างมาก

    “Alan Joyce” นั่งตำแหน่งซีอีโอ Qantas มานานถึง 15 ปี และมีคิวจะเกษียณอายุในเดือนพฤศจิกายน 2023 ทว่า ล่าสุดเขาประกาศว่าจะเกษียณก่อนกำหนด 2 เดือน เนื่องมาจาก “การมุ่งความสนใจมาที่ Qantas และเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต” โดยไม่ได้แจกแจงชัดเจนว่าหมายถึงเหตุการณ์ใด

    เมื่อ 5 วันก่อนหน้านี้ กลุ่มเฝ้าระวังผู้บริโภคของออสเตรเลียรวมตัวกันฟ้องร้อง Qantas จากเหตุการณ์เมื่อกลางปี 2022 ที่สายการบิน Qantas จงใจ “ขายตั๋วเครื่องบิน” ในไฟลท์บินประมาณ 8,000 เที่ยวบิน ที่สายการบินทราบดีว่า “ถูกยกเลิกไปแล้ว” ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศ หลังจากนั้น Qantas ออกแถลงการณ์ขออภัย 2 ครั้ง

    สายการบิน Qantas ระบุว่า การลงจากตำแหน่งของ Joyce จะช่วยให้สายการบินสามารถ “เร่งการเปลี่ยนแปลงใหม่” ได้เร็วขึ้น เป็นการให้สัญญาณว่าบริษัทกำลังโค้งคำนับขอโทษแก่สาธารณะ

    กว่าทศวรรษครึ่งที่ Joyce ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ขายตั๋วไฟลท์บินที่ไม่มีอยู่จริงนี้เสียอีก ข่าวฉาวเรื่องหนึ่งที่เป็นข่าวดังคือ Qantas เข้าไปล็อบบี้รัฐบาลกลางออสเตรเลียจนสำเร็จ เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งอย่าง Qatar Airways เพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้าออกออสเตรเลียได้

    ต่อมาสายการบินก็ถูกวิจารณ์อีก เพราะเหตุเรื่อง “เครดิตเงินคืน” ที่คืนให้ลูกค้าที่จองเที่ยวบินในช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 สายการบินออกนโยบายวางกำหนดหมดอายุของเครดิตเหล่านี้ภายในสิ้นปี 2023 มูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 11,300 ล้านบาท) แต่ต่อมาหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลดำเนินการฟ้องร้องจนสายการบินต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายให้เครดิตเงินคืนเหล่านั้นสามารถเคลมได้โดยไม่มีวันหมดอายุ

    เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง Qantas เพิ่งจะประกาศว่าบริษัทกลับมาทำกำไรได้แล้ว หลังจากผ่าน 3 ปีที่ขาดทุนเนื่องจากโควิด-19

    การนำทัพของ Joyce เป็นที่พึงพอใจของกลุ่มนักลงทุนเสมอมา เพราะเขาเน้นทำผลกำไรให้กับบริษัทเป็นหลัก แต่ล่าสุดข่าวฉาวที่ทับซ้อนครั้งแล้วครั้งเล่าก็เริ่มทำให้นักลงทุนกังวล ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2023 ราคาหุ้น Qantas ร่วงลงมาแล้ว 13% เพราะนักลงทุนเริ่มมองว่าบริษัททำกำไรสูงสุดได้ก็จริงแต่สร้างขึ้นจากการกัดกร่อนชื่อเสียงระยะยาวของตัวเอง

    “มรดกของ Alan Joyce ที่ Qantas นั้น เปรียบเสมือนแบรนด์ที่หมายถึงการจ่ายเงินเดือนต่ำ, การงานไม่มั่นคง, เลย์ออฟผิดกฎหมาย และขูดเลือดขูดเนื้อผู้บริโภค” Tony Sheldon สมาชิกวุฒิสภาออสเตรเลีย และอดีตหัวหน้าสหภาพแรงงานขนส่ง กล่าว “คณะกรรมการบริษัทหนุนหลังพฤติกรรมของ Joyce มาทุกย่างก้าว พวกเขาควรจะต้องร่วมรับผิดชอบไปเท่าๆ กันด้วย”

    Qantas ไม่อนุญาตให้ Reuters สัมภาษณ์ “Richard Goyder” ประธานกรรมการบริษัท แต่เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Australian Financial Review ว่า “นี่เป็นห้วงเวลาของการอ่อนน้อมถ่อมตน และผมคิดว่าคุณจะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นมากมายจากนี้”

    การเกษียณก่อนกำหนดของ Joyce จะมีผู้บริหารคนใหม่ “Vanessa Hudson” ขึ้นเป็นซีอีโอแทน และถือเป็นซีอีโอหญิงคนแรกของสายการบินที่มีอายุร่วมศตวรรษแห่งนี้

    Source

    ]]>
    1443549
    หวั่นถูกเจาะข้อมูล! “ออสเตรเลีย” สั่งถอดกล้อง CCTV “จีน” ออกจากอาคารด้านความมั่นคง https://positioningmag.com/1418526 Thu, 09 Feb 2023 05:59:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418526 “ออสเตรเลีย” สั่งถอดกล้อง CCTV สัญชาติ “จีน” ออกจากอาคารราชการที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติทั้งหมด หวั่นบริษัทเจ้าของเครื่องส่งต่อข้อมูลลับให้รัฐบาลจีน

    หลังจากออสเตรเลียสำรวจพบว่า หน่วยงานราชการด้านความมั่นคงมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดจากบริษัทจีน เช่น Hikvision, Dahua อยู่ถึง 900 ตัว ล่าสุดรัฐบาลออสซี่สั่งการให้ “ถอด” กล้องจีนทั้งหมดออกทันที

    ถือเป็นประเทศที่สามที่สั่งการเกี่ยวข้องกับกล้องวงจรปิดจีน หลังจากปีก่อน สหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ มีคำสั่งในลักษณะคล้ายกันมาแล้ว

    Hikvision มีการแถลงการณ์ตอบโต้ว่าบริษัทไม่มีการส่งต่อข้อมูลของลูกค้า ส่วน Dahua ยังไม่ออกความเห็น

    กล้องทั้ง 900 ตัวจากจีนนั้นถูกติดตั้งกระจายอยู่ในอาคารราชการกว่า 200 หลัง แม้แต่ในหน่วยงานอ่อนไหว เช่น ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็มีติดตั้งเช่นกัน

    ริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งออสเตรเลีย เปิดเผยว่า กล้องจีนทุกตัวจะถูกนำออกเพื่อ “ความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์”

    “ผมคิดว่าเราไม่ควรจะกังวลจนเกินไป แต่ประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องพิจารณา ดังนั้น เราก็จะแก้ไขมัน” มาร์ลส์กล่าว

    ส่วนการขยายผลไปถอนการติดตั้งในหน่วยราชการอื่น ทางรัฐบาลออสเตรเลียจะพิจารณาต่อไป

    ก่อนหน้านี้รัฐบาลออสเตรเลียเริ่มตรวจสอบกล้องวงจรปิดในหน่วยราชการ เพราะเกิดความกังวลว่ารัฐบาลจะ “ไม่มีทางรู้ได้เลย” ว่าดาต้าที่อุปกรณ์เหล่านี้จัดเก็บไป จะถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานสืบราชการลับของจีนหรือไม่

    เนื่องจากกฎหมายด้านความมั่นคงของจีนนั้นมีข้อบังคับให้องค์กรหรือประชาชนจีน “จะต้องให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ และให้ความร่วมมือกับงานด้านความมั่นคงของชาติ”

    Hikvision มีการตอบโต้คำสั่งของออสเตรเลียว่า เป็นความผิดพลาดที่มองบริษัทนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และยืนยันว่าบริษัทไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลปลายทางของผู้ใช้งานได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่สามารถส่งต่อให้หน่วยงานอื่นใดได้

    เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่สั่ง “แบน” การติดตั้งกล้อง CCTV จากบริษัท Dahua และ Hikvision เพิ่มเติมในอาคารที่ “มีความอ่อนไหว” ต่อความมั่นคงของชาติ และบอกด้วยว่ารัฐบาลจะเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์ของบริษัทเหล่านี้ที่ถูกติดตั้งไปแล้วว่าควรจะต้องนำออกหรือไม่

    ไม่กี่วันถัดมา สหรัฐฯ ออกคำสั่งแบนการขายและนำเข้าอุปกรณ์ด้านการสื่อสารจากบริษัทจีน 5 แห่ง สองบริษัทในจำนวนนั้นปรากฏชื่อของ Dahua และ Hikvision ด้วย

    แอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า เขาไม่มีความกังวลต่อท่าทีของรัฐบาลจีนที่อาจเกิดขึ้นหลังออสเตรเลียมีคำสั่งดังกล่าว “เราสั่งการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติออสเตรเลีย เรากระทำอย่างโปร่งใสและจะทำเช่นนี้ต่อไป” อัลบานีสกล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียนั้นระอุขึ้นมานับตั้งแต่ปี 2018 ที่รัฐบาลออสซี่สั่งแบน Huawei ออกจากเครือข่าย 5G ของประเทศ หลังจากนั้นจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นกำแพงภาษีและกีดกันสินค้าจากแดนจิงโจ้หลายรายการ เช่น ถ่านหิน ไวน์ กุ้งล็อบสเตอร์ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์เมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนจะดีขึ้นบ้างหลังรัฐบาลที่อยู่ในขั้วสายกลางซ้ายเข้าสู่ตำแหน่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022

    source

    ]]>
    1418526
    โดนอีก! “ออสเตรเลีย” ฟ้อง Facebook ข้อหาปล่อยให้มี “โฆษณาหลอกลวง” อ้างชื่อคนดัง https://positioningmag.com/1379846 Thu, 31 Mar 2022 04:40:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379846 “ออสเตรเลีย” เดินหน้าฟ้องร้อง Meta บริษัทแม่ของ Facebook ข้อหาปล่อยให้สแกมเมอร์ยิง “โฆษณาหลอกลวง” ให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนดังออสซี่ เหยื่อบางรายสูญเงินคิดเป็นเงินไทยถึง 16 ล้านบาท

    คณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) หน่วยงานกำกับควบคุมผู้ยื่นฟ้องมองว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta มีส่วนเกี่ยวข้องในการ “กระทำการหลอกลวง ฉ้อฉล ให้ข้อมูลที่ผิด” โดยเจตนา จากการอนุญาตให้โพสต์ชวนลงทุนสกุลเงินคริปโตที่มีลักษณะหลอกลวง สามารถทำการโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้

    บทลงโทษของบริษัทอเมริกันรายนี้น่าจะเป็นการปรับเงินจำนวนหนึ่ง หรืออาจมีบทลงโทษอื่นๆ เพิ่มเติม

    Meta ยังไม่ให้ความเห็นใดๆ แต่ก่อนหน้านี้บริษัทเคยกล่าวมาแล้วว่า บริษัทจะดูแลไม่ให้มีสแกมเมอร์ใช้งานแพลตฟอร์ม

    ACCC กล่าวว่า โฆษณาที่มีปัญหาบน Facebook มีการใช้อัลกอริธึมเพื่อหาเป้าหมายที่หลงเชื่อได้ง่าย และมีการใช้โควตคำพูดปลอมจากคนดังของออสเตรเลียเพื่อชักจูงใจ

    คนดังออสซี่ที่ถูกนำชื่อและหน้าไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น Mike Baird อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งรัฐนิวเซาธ์เวลส์, David Koch พิธีกรชื่อดัง, Dick Smith เศรษฐีนักธุรกิจ

    “แก่นหลักในการฟ้องคดีนี้คือ Meta ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับโฆษณาที่ปรากฏบนแพลตฟอร์ม” Rod Sims ประธาน ACCC กล่าว

    Photo : Shutterstock

    คดีนี้ถูกฟ้องร้องผ่านศาลรัฐบาลกลางแห่งออสเตรเลีย ยื่นข้อกล่าวหาว่า Meta กระทำการให้โฆษณาโดยทราบดีว่าเป็นโฆษณาหลอกลวง รวมถึงไม่สามารถป้องกันการหลอกลวงได้ ถึงแม้ว่าคนดังที่ถูกแอบอ้างชื่อจะคัดค้านการโฆษณาแล้ว

    “มีกรณีตัวอย่างหนึ่งคือ ผู้บริโภครายหนึ่งสูญเงินไปกว่า 650,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 16.2 ล้านบาท) เพราะหลงเชื่อสแกมเมอร์ที่โฆษณาโอกาสการลงทุนปลอมบน Facebook สิ่งนี้ถือว่าเป็นการกระทำเสื่อมเกียรติ” Sims กล่าว

    ไม่ใช่แค่คดีนี้คดีเดียวที่ Meta ถูกฟ้อง เมื่อเดือนก่อน Andrew Forrest มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของออสเตรเลียก็ฟ้องร้องบริษัทเทคแห่งนี้เช่นกัน จากการปล่อยให้มีโฆษณาปลอมที่ใช้ภาพของเขาหลอกลวง และคดีของ Forrest ฟ้องร้องในคดีอาญาด้วย โดยใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน จะต่างกับ ACCC ที่ใช้กฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องผู้บริโภค

    Meta หรือ Facebook ในขณะนั้น ยังคงมีคดีพัวพันในชั้นศาลกับออสเตรเลีย ในคดีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนออสเตรเลียราว 3 แสนคนถูกละเมิดเมื่อปี 2018 ซึ่งเกี่ยวพันกับบริษัท Cambridge Analytica ล่าสุดเดือนนี้เองศาลชั้นอุทธรณ์ก็ยังคงยืนตามศาลชั้นต้นว่า Facebook มีความผิดฐานเก็บข้อมูลส่วนตัวและนำไปเผยแพร่ต่อให้บุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต

    รายได้ของ Meta ในปี 2021 ทำเงินจากค่าโฆษณาทั่วโลกไปกว่า 1.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 3.83 ล้านล้านบาท

    Source

    ]]>
    1379846
    ออสเตรเลีย ส่งสัญญาณเปิดรับ ‘นักท่องเที่ยว’ ต่างชาติ ในเร็วๆ นี้ https://positioningmag.com/1372982 Sun, 06 Feb 2022 10:45:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372982 นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันเริ่มส่งสัญญาณถึงการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่ามีเเนวโน้มจะทำได้ในเร็วๆ นี้

    ออสเตรเลีย ปิดพรมแดนมาตั้งเเต่เดือนมี..ปี 2020 เพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เเละเริ่มผ่อนปรนมาตรการเข้าเมืองมาเป็นระยะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้เฉพาะพลเมืองและผู้อยู่อาศัยถาวร แรงงานต่างชาติที่มีทักษะ นักศึกษาต่างชาติ และคนงานตามฤดูกาลเท่านั้น

    ล่าสุดนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะตัดสินใจเรื่องเปิดพรมแดนและต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เเละต้องเป็นไปอย่างปลอดภัย ซึ่งเขาเชื่อว่าจะทำได้ในเร็ว ๆ นี้

    ทั้งนี้ รัฐสภาจะเปิดการประชุมสมัยแรกของปี 2021 ในวันจันทร์นี้ และจะนำเรื่องเปิดประเทศมาอภิปรายเป็นวาระแรกๆ

    ความนิยมของสกอตต์ มอร์ริสัน ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง รวมถึงต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ต้องจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพ.ค.ปีนี้

    ออสเตรเลีย นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อยู่ในระดับสูง โดยประชากรวัย 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกือบ 95% และมีคนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้วเกือบ 9 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดเกือบ 26 ล้านคน ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสม 2.72 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 4,200 คน

    อย่างไรก็ตาม มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ประท้วงรัฐบาล เพื่อต่อต้านคำสั่ง ‘บังคับฉีดวัคซีน’ โดยออสเตรเลียกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องฉีดวัคซีน ครบโดส หรือมีใบรับรองทางการแพทย์หากมีความจำเป็นต้องยกเว้นการฉีดวัคซีน 

     

    ที่มา : Reuters 

     

    ]]>
    1372982
    ชาวออสเตรเลียกว่าหมื่นคน จี้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชย หลังเจอ ‘ผลข้างเคียง’ จากวัคซีนโควิด https://positioningmag.com/1362413 Tue, 16 Nov 2021 11:46:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362413 รัฐบาลออสเตรเลีย อาจต้องจ่ายเงินชดเชยกว่า 1.2 พันล้านบาท ให้กับประชาชนนับหมื่นคนที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัควีนโควิด-19

    ตอนนี้ ชาวออสเตรเลียมากกว่า 10,000 คน ได้ลงทะเบียนขอรับเงินชดเชยจากการสูญเสียรายได้หลังต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จากผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

    สื่อท้องถิ่นอย่าง Sydney Morning Herald รายงานว่า เงินชดเชยในกรณีดังกล่าว จะเริ่มต้นที่คนละ 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.2 เเสนบาท) หมายความว่า รัฐบาลออสเตรเลียอาจจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนทั้งหมด อย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.2 พันล้านบาท) หากคำขอของพวกเขาครั้งนี้ได้รับการอนุมัติ

    ด้านเว็บไซต์ Therapeutic Goods Administration (TGA) ของออสเตรเลีย ได้รับรายงานอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เกือบ 79,000 รายการ จากยอดฉีดวัคซีนโควิดทั้งหมด 3.68 ล้านโดส โดยอาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ เจ็บแขน ปวดหัว มีไข้ และหนาวสั่น

    ในจำนวนนี้มี 288 รายการ ที่ถูกประเมินว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนของ Pfizer รวมถึง 160 รายการ ที่มีอาการเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน AstraZeneca

    TGA ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 9 รายที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน เเละส่วนใหญ่มักมีอายุ 65 ปีขึ้นไป

    ออสเตรเลียกำลังเร่งฉีดวัคซีนโควิดในช่วงครึ่งหลังของปีหลังสายพันธุ์เดลตาทำให้เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างซิดนีย์และเมลเบิร์นต้องล็อกดาวน์นานหลายเดือน โดยเริ่มมีการคลายข้อจำกัดต่างๆ ลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีอัตราการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้น

    ล่าสุด ชาวออสเตรเลียประมาณ 17.9 ล้านคน หรือคิดเป็นกว่า 69.6% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุดในโลก

    อย่างไรก็ตาม มีประชาชนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันประท้วงรัฐบาล เพื่อต่อต้านคำสั่ง ‘บังคับฉีดวัคซีน’ สอดคล้องกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

    โดยกฎที่ห้ามให้ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด เข้าบาร์เเละร้านอาหารต่างๆ เพื่อควบคุมโรคเเละกระตุ้นการกระจายวัคซีนนั้น ในอีกมุมหนึ่งก็ทำให้มีการขาย ‘ใบรับรองฉีดวัคซีนโควิดปลอม’ เพิ่มขึ้นในตลาดมืดทางออนไลน์ด้วย

     

    ที่มา : Bloomberg , Sydney Morning Herald

    ]]>
    1362413
    ขาดเเรงงาน บริษัทในออสเตรเลีย ทุ่ม ‘โบนัส-ขึ้นเงินเดือน’ เเย่งชิงพนักงานทักษะสูง https://positioningmag.com/1361613 Thu, 11 Nov 2021 11:11:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361613 หลายธุรกิจในออสเตรเลีย ประสบปัญหาขาดเเคลนเเรงงานอย่างหนัก หลังต้องปิดประเทศมานานเกือบ 2 ปี บริษัทต่างๆ เริ่มใช้กลยุทธ์เสนอโบนัสเเละปรับขึ้นเงินเดือนเพื่อเเย่งชิงพนักงานทักษะสูงที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาด

    บรรดาบริษัทด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ ถึงกับต้องเสนอโบนัสให้กับพนักงานใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เเละใช้งบในการสรรหาบุคลากรเพิ่มขึ้นถึง ‘สองเท่า

    โดยต้องออกนโยบายใหม่ ให้มีการพิจารณาเพิ่มเงินเดือนปีละสองครั้ง และปรับเพิ่มฐานเงินเดือนขึ้นถึง 15% เพื่อแย่งตัวพนักงานใหม่และรักษาพนักงานเดิม เพราะสายงานนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงวิกฤตโควิด

    เช่นเดียวกับ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงธุรกิจภาคบริการต่างๆ ที่กำลังเจอปัญหาไม่มีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงาน หลังออสเตรเลียปิดพรมแดนเป็นเวลานานเกือบ 2 ปี ตามมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด

    พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้ทั่วโลกต้องหันมาทำธุรกิจออนไลน์ เเละความต้องการเเรงงานด้านเทคโนโลยีที่มีทักษะก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

    SEEK เว็บไซต์จัดหางานชื่อดังของออสเตรเลีย เผยว่า โฆษณารับสมัครงานใหม่ตอนนี้ เพิ่มขึ้นถึง 54% จากช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด เเต่จำนวนคนที่มาสมัครงานกลับลดลง

    ในกลุ่มสายงานการจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ ความปลอดภัยไซเบอร์ และการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ อาจเรียกเงินเดือนเพิ่มได้ถึง 20% เพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด

    โดยบริษัทซอฟต์แวร์เเห่งหนึ่งในนครซิดนีย์ เสนอ ‘Sign-on Bonus’ กว่า 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2.4 เเสนบาท) เงินก้อนให้เปล่ากับพนักงานใหม่ที่ได้ตกลงเซ็นสัญญาทำงานด้วย

    ขณะที่การเพิ่มค่าจ้างเป็นวิธีหลักในการดึงดูดและรักษาพนักงาน แต่การยืดหยุ่นให้ทำงานที่บ้านหรือ ‘Work from Home’ ได้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยจูงใจคนทำงาน

    แม้ว่าออสเตรเลียจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเเละเตรียมเปิดพรมแดน หลังประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม เเต่บริษัทจัดหางานในออสเตรเลีย เตือนว่า ภาวะขาดแคลนเเรงอาจจะรุนเเรงกว่าเดิมในปีหน้า เนื่องจากคนทำงานจำนวนมากที่ทนการปิดประเทศมายาวนานไม่ไหวจึงพากันออกไปหางานทำในต่างประเทศเเทน

    ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศและการค้า ระบุว่า ชาวออสเตรเลีย 2 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน ได้เลื่อนการยื่นขอหรือต่ออายุหนังสือเดินทางมา ตั้งแต่ต้นปี 2020 จากสถานการณ์โรคระบาด แต่ปัจจุบันจำนวนผู้สมัครเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นสองเท่าทุก ๆ สองเดือน

    ความเคลื่อนไหวนี้ สะท้อนให้เห็น ‘ภาวะสมองไหล’ ของเเรงงานทักษะสูง ไปยังตลาดสำคัญๆ ทั่วโลก อย่างเช่น สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวออสเตรเลียที่ต้องการไปทำงานในต่างประเทศ

     

    ]]>
    1361613
    ‘ออสเตรเลีย’ ทุ่ม 185 ล้านเหรียญหนุน ‘รถอีวี’ เน้นเพิ่มสถานีชาร์จ แทนใช้ลดต้นทุนการผลิต https://positioningmag.com/1361434 Wed, 10 Nov 2021 17:53:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361434 นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศแผนส่งเสริมให้ผู้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากที่รัฐบาลของเขาถูกกล่าวหาในการประชุมสหประชาชาติที่สกอตแลนด์ว่าล้าหลังในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า แผน 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะร่วมมือกับองค์กรเอกชนเพื่อเร่งการเปิดตัวสถานีชาร์จและเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน 50,000 แห่ง โดย สกอตต์ มอร์ริสัน ให้ความเห็นว่า ที่ไม่นำงบไปสนับสนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่าอนาคตเทคโนโลยีจะมีราคาถูกลงในอนาคต

    “ต้นทุนทางเทคโนโลยีกำลังลดลง ซึ่งหมายความว่าตัวเลือกต่าง ๆ ที่มีให้สำหรับชาวออสเตรเลียและทั่วโลกกำลังเข้าถึงได้มากขึ้น ดังนั้นแผนของเราจึงสนับสนุนทางเลือกเหล่านั้น แผนของเราไม่ได้เกี่ยวกับการนำเงินของผู้เสียภาษีไปให้บริษัทข้ามชาติรายใหญ่เพื่อลดต้นทุน” มอร์ริสันกล่าว

    รัฐบาลคาดการณ์ว่า การผลักดันดังกล่าวจะส่งผลให้ 30% ของยอดขายรถใหม่และรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กในออสเตรเลียเป็นไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หรือไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดภายในปี 2030 จากปัจจุบันยอดขายน้อยกว่า 2% ของรถใหม่ในออสเตรเลียเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และภาคการขนส่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เลวร้ายที่สุดรายหนึ่งในโลก

    ทั้งนี้ ในการประชุมด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติในกลาสโกว์หรือที่เรียกว่า COP26 มอร์ริสันให้คำมั่นสัญญาออสเตรเลียในการบรรลุการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 แต่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากการปล่อยให้เป้าหมาย 2030 ของออสเตรเลียไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีเป้าหมายที่ค่อนข้างระวังตัวในการลดการปล่อยมลพิษ 26% เป็น 28% ต่ำกว่าระดับปี 2005 ที่ประเทศอื่น ๆ ได้ระบุว่าจะยิ่งเข้มงวดมากขึ้น

    Source

    ]]>
    1361434
    ‘ใบรับรองฉีดวัคซีนปลอม’ ระบาดในออสเตรเลีย พร้อมการต่อต้านกฎบังคับฉีดวัคซีน https://positioningmag.com/1360869 Mon, 08 Nov 2021 17:21:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360869 หลังจากออสเตรเลีย ออกกฎห้ามผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าบาร์เเละร้านอาหารต่างๆ เพื่อควบคุมโรคเเละกระตุ้นการกระจายวัคซีน เเต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้มีการขายใบรับรองฉีดวัคซีนโควิดปลอมเพิ่มขึ้นในตลาดมืดทางออนไลน์

    หญิงสาวชาวออสเตรเลีย วัย 24 ปี ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่า เธอได้ซื้อใบรับรองปลอมทางออนไลน์ แล้วตระเวนไปทานอาหารตามร้านต่างๆ ทั่วเมือง เเม้ที่จริงเเล้วเธอจะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม พร้อมบอกว่าเธอไม่ได้ต่อต้านวัคซีน แต่ต่อต้านการบังคับฉีด

    AFP พบว่า มีการสืบค้นใน Google เรื่องหาใบรับรองการฉีดวัคซีนปลอมเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลออสเตรเลียประกาศกฎสำหรับผู้ยังไม่ฉีดวัคซีน เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เเละเพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อมีการบังคับใช้จริง

    โดยเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มีการเสนอขายใบรับรองของหลายประเทศ อย่างออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และปากีสถาน ในราคาใบละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 หมื่นบาท)

    ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกังวลว่าใบรับรองปลอมเหล่านี้ จะทำให้ผู้ครอบครองตกอยู่ในความเสี่ยงติดเชื้อ เเละอาจทำให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้น และยากต่อการติดตามผู้มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ

    ปัจจุบัน ออสเตรเลียกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับ 7,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.4 เเสนบาท) สำหรับผู้ใช้ใบรับรองปลอม

    ถึงกระนั้น ก็ยังหาใบรับรองปลอมหลายประเภทได้ง่ายบน Dark Web ที่มีราคามีตั้งแต่ 100-1,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,400-24,000 บาท) ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ชื่อเสียงของผู้ขาย เเละการรีวิวจากลูกค้าที่บอกต่อกัน

    เเม้จะเสี่ยงจากโทษทางกฎหมายที่หนัก เเต่ชาวออสเตรเลียบางคนก็ยังซื้อใบรับรองปลอมหรือทำขึ้นมาเอง

    เเหล่งข่าววัย 27 ปีบอกว่า เขาได้ทำวัคซีนพาสปอร์ตปลอมขึ้นมาเองโดยใช้ชื่อจริงของเพื่อน จากนั้นเข้าก็ใช้บริการในร้านอาหาร โรงยิมและร้านเสริมสวยต่างๆ ได้

    ผมถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ เพราะฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่ได้ปล้นธนาคาร ฉันไม่ได้ทำร้ายใครเขากล่าวกับ AFP เเละยังรู้ว่าคนรอบตัวอย่างน้อย 10 คนใช้ใบฉีดวัคซีนปลอม

    ด้านทางการ เริ่มมีการแก้ปัญหานี้ ด้วยการเพิ่มมาตรการป้องกันการปลอมแปลงเข้าไปใบรับรองการฉีดวัคซีนเข็มแรก เช่น ใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรมดิจิทัล หรือคิวอาร์โค้ด โดยหวังว่าการปลอมเเปลงจะลดลง

    ขณะที่ประชาชนในนครซิดนีย์รวมตัวกันประท้วงรัฐบาล เพื่อต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนสอดคล้องกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

    ทั้งนี้ ออสเตรเลีย ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปครบทั้งสองโดสแล้วมากกว่า 80% เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุดในโลก

     

    ที่มา : straitstimes

    ]]>
    1360869
    ยังไม่หายเคือง! ‘จีน’ เมินนำเข้าถ่านหินจาก ‘ออสเตรเลีย’ หันหา ‘รัสเซีย’ แทน https://positioningmag.com/1358992 Thu, 28 Oct 2021 07:17:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1358992 ในขณะที่จีนพยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงาน ประเทศก็เดินหน้าเพิ่มการนำเข้าถ่านหิน โดยครั้งนี้หันไปหาถ่านหินจาก ‘รัสเซีย’ แทน โดยปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า จากเดิมที่จีนเคยมี ‘ออสเตรเลีย’ เป็นคู่ค้ารายใหญ่สุด

    ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปัญหาวิกฤตพลังงานของจีนยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลให้จำเป็นต้องตัดไฟโรงงานทั่วประเทศจีน โดยปัญหาด้านพลังงานดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลพยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

    อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าวทำให้การนำเข้าถ่านหินของจีนในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็น 32.9 ล้านตัน โดยข้อมูลศุลกากรแสดงให้เห็นว่า ถ่านหินส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและอินโดนีเซีย ไม่ใช่ออสเตรเลีย จากที่ในปี 2019 จีนนำเข้าถ่านหินความร้อนประมาณ 38% ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าจากออสเตรเลีย

    ‘จีน’ ยืดเวลาขึ้นภาษี ‘ไวน์’ จากออสเตรเลีย 218% ไปอีก 5 ปี

    ทั้งนี้ จีนนำเข้าถ่านหินความร้อนจากรัสเซียประมาณ 3.7 ล้านตันในเดือนกันยายน ตามข้อมูลศุลกากรที่เข้าถึงผ่าน Wind Information ซึ่งเพิ่มขึ้น 28% จากเดือนสิงหาคมและเพิ่มมากกว่า 230% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยรวมแล้วการนำเข้าถ่านหินความร้อนของจีนจากรัสเซีย เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่านับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับปี 2020 และถือว่าสูงกว่าระดับก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 ในปี 2019

    ในส่วนของประเทศอินโดนีเซีย จีนนำเข้าถ่านหินเทอร์มอลเป็นจำนวน 3 ล้านตันเมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่มขึ้น 19% จากเดือนสิงหาคม และเพิ่มขึ้น 89% จากเดือนกันยายน 2020 ข้อมูลศุลกากรเผย

    อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียเคยเป็นแหล่งถ่านหินนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของจีน แต่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นหลังจากออสเตรเลียสนับสนุนการสอบสวนว่ารัฐบาลจีนจัดการกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ดังนั้น แม้ว่าจีนจะมีความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลของหน่วยงานศุลกากรแสดงให้เห็นว่าการนำเข้าถ่านหินเทอร์มอลจากออสเตรเลียยังคงเป็น ศูนย์

    ไม่ง้อ! ‘ออสเตรเลีย’ ได้ ‘อินเดีย’ ตลาดส่งออกใหม่หลังถูก ‘จีน’ กีดกัน

    Source

    ]]>
    1358992