เดลต้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 02 Jan 2022 10:48:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ข่าวดี! ผลการศึกษาที่ UK พบเคสโอมิครอนเสี่ยงอาการหนักเข้ารพ. น้อยแค่ 1 ใน 3 ของเดลตา https://positioningmag.com/1369255 Sat, 01 Jan 2022 15:27:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369255 ความเสี่ยงป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อยู่ที่ราวๆ 1 ใน 3 ของตัวกลายพันธุ์เดลตา จากผลวิเคราะห์ของสหราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้องกับเคสผู้ติดเชื้อทั้งสองสายพันธุ์มากกว่า 1 ล้านคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกหนักหน่วงของ COVID-19 ซึ่งมีตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากเป็นตัวขับเคลื่อน โดยมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 189,846 คนในวันศุกร์ที่ 31 ธ.ค. 64

ในขณะที่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเริ่มสูงขึ้น รัฐบาลเชื่อว่าตัวกลายพันธุ์ใหม่ก่ออาการเจ็บป่วยเบากว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา

จำนวนคนไข้ที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจยังคงทรงตัวมาตลอดเดือนธันวาคม ต่างจากช่วงพีกสุดของการแพร่ระบาดระลอกก่อนๆ

ผลการวิเคราะห์นี้เผยแพร่โดยสำนักงานความมั่นคงทางสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร หลังจากพวกเขาดำเนินการวิจัยร่วมกับแผนก MRC Biostatistics แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในการวิเคราะห์ตัวอย่างเคสโอมิครอน 528,176 เคส และเคสเดลตา 573,012 ราย

นอกจากนี้ พวกเขายังพบด้วยว่าวัคซีนทำงานอย่างได้ผลกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน “ในการวิเคราะห์นี้ ความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดต่ำลง สำหรับเคสติดเชื้อแบบโอมิครอนแบบแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการ หลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และ 3 และความเสี่ยงเข้าโรงพยาบาลลดลงถึง 81% หลังฉีดเข็ม 3 หากเทียบกับคนที่ไม่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโอมิครอน”

ซูซาน ฮ็อปกินส์ หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของสำนักงานความมั่นคงทางสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า ผลวิเคราะห์สอดคล้องกับสัญญาณต่างๆ ในทางบวกอื่นๆ เกี่ยวกับโอมิครอน แต่หน่วยงานสาธารณสุขยังคงประสบกับปัญหากับอัตราการแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมากเช่นนี้

“มันยังคงเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปใดๆ เกี่ยวกับอาการรุนแรงถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และด้วยโอมิครอนแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมากๆ และเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในหมู่ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปในอังกฤษ มันจึงยังมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ระบบสาธารณสุขของอังกฤษจะเผชิญแรงกดดันมหึมาในช่วงปลายสัปดาห์ข้างหน้า”

ข้อมูลอัปเดตล่าสุดในวันศุกร์ที่ 31 ธ.ค. 64 พบว่ามีคนไข้ COVID-19 รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ ในอังกฤษ จำนวน 12,395 คน เพิ่มขึ้นจากระดับ 11,542 คนในวันพฤหัสบดีที่ 30 ธ.ค. 64 และยังคงอยู่ในแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่ามากจากระดับพีคสุดกว่า 34,000 คนในเดือนมกราคม

Source

]]>
1369255
สหรัฐฯ เตรียมอนุมัติใช้วัคซีนของ ‘ไฟเซอร์’ ในเด็กอายุ 5-11 ปี คาดเร็วสุดในสิ้นเดือนต.ค.นี้ https://positioningmag.com/1351395 Sun, 12 Sep 2021 12:07:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1351395 สหรัฐฯ เตรียมอนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิดของไฟเซอร์ไบออนเทคในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี คาดเร็วสุดในสิ้นเดือนต..นี้

สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างเเหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูง บอกว่า วัคซีนของไฟเซอร์ไบออนเทค’ (Pfizer-BioNTech) จะมีข้อมูลการทดลองทางคลินิกเพียงพอ ที่จะขออนุมัติการใช้วัคซีนในภาวะฉุกเฉิน (EUA) เพื่อใช้สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปีในช่วงปลายเดือนนี้

โดยหากไทม์ไลน์การยื่นขออนุมัติวัคซีนดังกล่าวตรงกำหนดประเมินว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ จะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการตัดสินใจ ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งหากผ่านการตรวจสอบจะสามารถนำไปฉีดให้เเก่เด็กวัยดังกล่าวได้เร็วที่สุดในช่วงสิ้นเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ไฟเซอร์ ผ่านการอนุมัติให้ใช้วัคซีนสำหรับกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว

ชาวอเมริกันหลายล้านคน ตั้งตารอการอนุมัติใช้วัคซีนสำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ ผู้ปกครองที่บุตรหลาน เริ่มเปิดเทอมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางโรคระบาดที่ยังรุนแรง จากตัวแปรสำคัญคือสายพันธุ์เดลตาซึ่งทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกระฉูด โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ด้าน ไบออนเทค ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์กับไฟเซอร์ เปิดเผยกับ Der Spiegel สื่อเยอรมนี คาดว่า บริษัทจะยื่นคำร้องถึงคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบทั่วโลก เพื่อขอใช้วัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุตั้งเเต่ 5 ขวบขึ้นไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นขออนุมัติ

 

 

ที่มา : Reuters , CNBC 

 

 

]]>
1351395
คลายล็อกดาวน์ ‘ไทย-อินโด’ เสี่ยงยอดติดโควิดกลับมาพุ่งสูง เพราะฉีดวัคซีนช้า รุกตรวจน้อย https://positioningmag.com/1349909 Thu, 02 Sep 2021 10:17:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1349909 ไทยเเละอินโดนีเซีย สองประเทศใหญ่ในอาเซียน เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 หลังจำนวนผู้ป่วยใหม่ลดลง เเต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เตือนว่ายอดผู้ติดเชื้ออาจจะกลับมาพุ่งได้อีกเพราะอัตราการฉีดวัคซีนยังอยู่ในระดับต่ำ เเละการรุกตรวจหาเชื้อยังน้อย

Reuters เสนอประเด็นวิเคราะห์ที่น่าสนใจในการผ่อนปรนมาตรการสกัดโควิด-19 ครั้งนี้ว่า ช่วงปีที่ผ่านมา อาเซียนสามารถคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ เเต่ในปีนี้ กลับกลายเป็นศูนย์กลางของการเเพร่ระบาด จากการมาของสายพันธุ์เดลตา

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค อินโดนีเซียและไทย ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในอาเซียน ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการนั่งรับประทานอาหารในร้านและห้างสรรพสินค้าเพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายด้านเศรษฐกิจ

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 ..64) อินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 10,534 คน ต่ำกว่าเมื่อช่วงกลางเดือนก.. ถึง 5 เท่า ขณะที่ไทยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่ 14,802 คนเมื่อวันพุธ (31 . 64) ลดลง 37% จากระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือนส..

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้มีความเสี่ยงเนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดยังต่ำและมีการตรวจหาเชื้อน้อย

ที่สำคัญคือ อินโดนีเซียมีอัตราผู้ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิดที่ 12% ส่วนไทยอยู่ที่ 34% สูงกว่าอัตราที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำไว้ที่ 5%

Photo : Shutterstock

Abhishek Rimal ผู้ประสานงานฉุกเฉินภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กล่าวกับ Reuters ว่า ตัวเเปรสำคัญอย่างไวรัสสายพันธุ์เดลตา ที่สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว และอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ทำให้เราอาจได้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ด้าน Tri Yunis Miko Wahyono นักระบาดวิทยาของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ให้ความเห็นว่า “การเฝ้าระวังที่มีอยู่ยังไม่ได้ดีขนาดนั้น เรายังคงต้องระวัง”

ล่าสุด อินโดนีเซียมีจำนวนผู้ป่วยโควิดสะสมมากกว่า 4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 133,000 ราย นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาด ส่วนประเทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมที่ราว 1.2 ล้านราย รายงานผู้เสียชีวิต 11,841 ราย

ทั้งสองประเทศ มีอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเข็มเเรกที่ประมาณ 30% โดยอินโดนีเซีย มีการฉีดวัคซีนครบโดสไปแล้ว 17% และไทยอยู่ที่ 11% ที่น่าสนใจคือ พื้นที่เมืองหลวงอย่างจาการ์ตาและกรุงเทพฯ มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงกว่าต่างจังหวัดมาก

Photo : Shutterstock

ในกรุงจาการ์ตาและพื้นที่อื่นๆ ในเกาะชวา ที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50% ห้างสรรพสินค้าเปิดทำการได้ถึงเวลา 21.00 . ขณะที่โรงงานได้รับอนุญาตให้เปิดทำการได้เต็มรูปแบบ 100%

ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่สีเเดงที่มีการระบาด 28 จังหวัด รัฐมีการผ่อนคลายให้ร้านอาหาร สามารถเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50 – 75% ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าเปิดทำการได้ถึงเวลา 20.00 .

ลูกค้าที่กำลังต่อคิวซื้ออาหารในกรุงเทพฯ รายหนึ่งบอกว่ารู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะคนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนและพวกเขาก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น

Dale Fisher ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของ National University Hospital สิงคโปร์ ระบุว่า ประโยชน์ที่ได้ทางเศรษฐกิจจากการคลายล็อกดาวน์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่รัฐก็ต้องเร่งฉีดฉีดวัคซีนให้ประชาชนเร็วขึ้นด้วย

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1349909
ฟิลิปปินส์ เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด ‘24 ชั่วโมง’ ในกรุงมะนิลา สู้ยอดติดเชื้อหมื่นราย/วัน https://positioningmag.com/1346345 Wed, 11 Aug 2021 12:38:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346345 ฟิลิปปินส์ ใส่เกียร์เร่งอัตราการฉีดวัคซีน เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนตลอด 24 ชั่วโมง’ ในกรุงมะนิลา สู้เดลตา หลังยอดติดเชื้อทะลุหมื่นรายต่อวัน

ปัจจุบัน มีชาวฟิลิปปินส์เพียง 10% จากประชากรทั้งหมด 110 ล้านคน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ยังมีประชาชนอีกหลายล้านคนที่กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงจะติดเชื้อ ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร 70 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้

ท่ามกลางการระบาดหนักของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ทำให้ทางการต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ใน 16 เมือง ส่งมีผลกระทบต่อประชากร 13 ล้านคน

การตัดสินใจ เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่สีเเดงตลอด 24 ชั่วโมงนี้ มีขึ้นเพื่อจำกัดการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก ที่มักจะมารอคิวฉีดวัคซีนในช่วงเช้า เเละต้องการกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง

ชาวฟิลิปปินส์ วัย 71 ปีคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับ Reuters หลังตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนที่ทำการตลอด 24 ชั่วโมงว่า ตอนแรกเขาไม่อยากฉีดวัคซีน เพราะตัวเองป่วยบ่อยเเละกลัวผลข้างเคียง เเต่ช่วงนี้เขาได้เห็นผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่าทยอยไปฉีดวัคซีนกัน ภรรยาและลูกของเขาจึงบอกให้เขาไปฉีดวัคซีนเพราะเราไม่มีทางรู้ว่าจะติดเชื้อโควิดตอนไหน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประชาชนฟิลิปปินส์หลายพันคนเข้าคิวรอนอกศูนย์ฉีดวัคซีนในกรุงมะนิลา หลังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่า พวกเขาอาจจะไม่สามารถออกจากบ้านได้ หากไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

ด้านประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต สั่งการรัฐบาลให้เปิดโครงการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่ต้องการฉีดวัคซีน

ฟิลิปปินส์ มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.67 ล้านราย และผู้เสียชีวิตกว่า 2.9 หมื่นราย นับเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ในวันนี้ (11 ส.ค.) มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 1.2 หมื่นราย อัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยโรงพยาบาล 1 ใน 5 ของประเทศกำลังเข้าขั้นวิกฤต

ก่อนหน้านี้ ทางการฟิลิปปินส์ ได้อนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว ได้เเก่ AstraZeneca, Pfizer-BioNTech , Sinovac และ Sputnik V โดยมีการสั่งจองวัคซีนจาก Pfizer จำนวน 40 ล้านโดส เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

ที่มา : Reuters , CNA

]]>
1346345
โควิด ‘เดลตา’ ทำการฟื้นตัว ‘เศรษฐกิจจีน’ สะดุด Goldman Sachs หั่นเป้าจีดีพี ปีนี้เหลือ 8.3% https://positioningmag.com/1345878 Mon, 09 Aug 2021 10:00:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345878 Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ ปรับลดเป้าจีดีพีจีนปีนี้เหลือ 8.6% หลังรัฐบาลต้องใช้มาตรการควบคุมโควิดสายพันธุ์เดลตาที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

Bloomberg รายงานว่า นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดการณ์ตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2021 ของจีน จะลดลงเหลือ 8.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 8.6% โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า รัฐบาลจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ระลอกนี้ได้ภายใน 1 เดือน

โดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีน ในไตรมาส 3/2021 เหลือ 2.3% จากเดิม 5.8% เเละเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตในไตรมาส 4/2021 เป็น 8.5% เนื่องจากประเมินว่าจะ ฟื้นตัวได้หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด ประกอบกับนโยบายการเงินและการคลัง ที่จะได้รับการสนับสนุนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รวมถึงการออกพันธบัตรรัฐบาลที่เร็วขึ้น และการลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยอดส่งออกของจีนในเดือนก..ที่ผ่านมาที่ชะลอตัวลง’ ก็ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีความเป็นไปได้ว่าตัวเลขจีดีพีจีน อาจชะลอตัวลงสู่ระดับ 6.3% และ 5% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 3 เเละไตรมาส 4 ตามลำดับ เพราะการส่งออกและการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแรงลง

Photo : Shutterstock

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์จากอีกหลายสำนัก ต่างพากันปรับลดคาดการณ์จีดีพีของจีนลง เนื่องจากการแพร่ระบาดรอบใหม่จากสายพันธุ์เดลตากำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวจีนในช่วงวันหยุดยาวปีนี้

Nomura Holdings ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 3/2021 เหลือ 5.1% จากเดิมที่ระดับ 6.4% และคาดว่าในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น จะขยายตัวเพียง 4.4% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.3% โดยประเมินว่าเศรษฐกิจจีนตลอดปีนี้ จะอยู่ที่ 8.2% ลดลงจากระดับ 8.9% นอกจากนี้วิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมา ที่มีผลกระทบรุนเเรงกว่าที่คาด ก็มีส่วนทำให้จีดีพีในช่วงไตรมาส 3 ลดลงด้วย

ล่าสุด รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศปิดสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง รวมถึงยกเลิกการจัดงานต่างๆ พร้อมยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก หลังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กระจายไปเกือบครึ่งหนึ่งของ 32 มณฑลในจีน ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ เเละตอนนี้มีพื้นที่อย่างน้อย 43 เมือง ได้แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็น

 

ที่มา : Bloomberg (1) , (2)

]]>
1345878
‘โตเกียวโอลิมปิก’ ปิดฉากสวย เเต่ไม่ช่วยเพิ่มเรตติ้ง นายกฯ ญี่ปุ่น คะเเนนนิยมร่วงทำ New Low https://positioningmag.com/1345808 Mon, 09 Aug 2021 07:03:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345808 ดูเหมือนว่าการเเข่งขันโอลิมปิกที่เพิ่งปิดฉากลงอย่างสวยงาม จะไม่ช่วยให้คะเเนนนิยมในตัวโยชิฮิเดะ ซูงะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กระเตื้องขึ้นเเม้เเต่น้อย เเต่กลับร่วงลงต่ำกว่าระดับ 30% เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง

จากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ระบุว่า ชาวญี่ปุ่นผู้ตอบแบบสำรวจราว 1 ใน 3 ไม่เห็นด้วยกับการจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกที่ปิดฉากลงเมื่อวานนี้ ขณะที่ 60% บอกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้ซูงะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป

เหล่านี้ส่งสัญญาณให้เห็นว่า การแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพนั้นล้มเหลวในเรื่องการเพิ่มเรตติ้งให้กับผู้นำญี่ปุ่น ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นทะลุ 1 ล้านคน

สถานการณ์เช่นนี้ มีผลกระทบต่อความหวังของพรรครัฐบาล ที่กำลังจะเตรียมตัวจะลงสนามแข่งเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

โดยผลสำรวจ ระบุว่า ความนิยมของนายกฯ ซูงะ ร่วงแตะ 28% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ารับตำแหน่งในเดือนก.. ปีก่อน

ผู้ตอบแบบสำรวจราว 56% บอกว่าการจัดโตเกียวโอลิมปิกได้ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ขณะที่อีก 32% มองว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

การกระจายฉีดวัคซีนที่ล่าช้า เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความนิยมของนายกฯ ซูงะถดถอยลงเรื่อยๆ ประกอบกับการเเพร่ระบาดระลอกใหม่ จากไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่ติดต่อกันได้ง่ายเเละรุนเเรง ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้บดบังกระเเสการแข่งขันโอลิมปิก 

อย่างไรก็ตาม ฝั่งนายกฯ ซูงะและคณะกรรมการจัดการแข่งขันโอลิมปิก ปฏิเสธมาตลอดว่าการจัดโอลิมปิกครั้งนี้ ไม่ได้มีส่วนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมียอดสะสมผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 1 ล้านราย ซึ่งระบาดอย่างหนักในกรุงโตเกียว และเริ่มแพร่ระบาดไปยังเมืองอื่นๆ โดยรัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายให้ผู้ที่มีอาการป่วยโควิดขั้นรุนแรง ถึงจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้เท่านั้น ขณะที่ประชากรกว่า 70% ของประเทศกำลังอยู่ภายใต้ประกาศภาวะฉุกเฉิน

 

ที่มา : Reuters , CGTN

]]>
1345808
Goldman Sachs ลดเป้าจีดีพีไทย เหลือ 1.4% ‘สายพันธุ์เดลตา’ ทำอ่วมทั้งอาเซียน เเถมฉีดวัคซีนช้า https://positioningmag.com/1342841 Fri, 16 Jul 2021 14:02:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342841 Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ ปรับลดคาดการณ์จีดีพีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงไทย หลังเจอวิกฤตโรคระบาดครั้งใหม่ จากสายพันธุ์เดลตายอดติดพุ่งเเต่ฉีดวัคซีนได้ช้า

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา ทำให้ยอดผู้ป่วยในอินโดนีเซียมาเลเซียและไทย พุ่งทำสถิติสูงสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นำไปสู่การยกระดับมาตรการล็อกดาวน์เเละข้อจำกัดต่างๆ ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

เเนวโน้มที่ฟิลิปปินส์จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ในปีนี้ไม่น่าเป็นไปได้มากขึ้น

ไวรัสกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่เรื่อยๆ เเละกระจายได้อย่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด มีผล
กระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงครึ่งหลังของปี ‘มากกว่าที่เคยประเมินไว้

โดย Goldman Sachs  ปรับลดจีดีพีเศรษฐกิจไทยในปี 2021 ลงสู่ระดับ 1.4% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% พร้อมกับปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินโดนีเซีย เป็น 3.4% จากระดับ 5%, มาเลเซียลงสู่ระดับ 4.9% จากระดับ 6.2% , ฟิลิปปินส์ลงสู่ระดับ 4.4% จากระดับ 5.8% เเละเศรษฐกิจสิงคโปร์ลงสู่ระดับ 6.8% จากเดิม 7.1%

ในอาเซียน จะมีเพียงสิงคโปร์และมาเลเซียเท่านั้น ที่จะสามารถผ่อนคลายมาตรการและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ในปีนี้ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เหลือ รวมถึงไทย ต้องรอถึงครึ่งแรกของปี 2022”

Photo : Shutterstock

โครงสร้างเศรษฐกิจของเเต่ละประเทศ เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยงกับการฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจของสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่อิงกับการค้าระหว่างประเทศ จะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลากการค้าโลกมากกว่า ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่า นอกจากนี้ มาเลเซียยังจะได้ประโยชน์เเละทำกำไรจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

ขณะที่เศรษฐกิจไทยและอินโดนีเซียนั้น พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงมีความเสี่ยงมากกว่าทั้งในด้านข้อจำกัดการเดินทางเเละการติดเชื้ออีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการขยายตัวของการค้าโลกน้อยกว่า

ยอดติดพุ่ง เเต่ฉีดวัคซีนล่าช้า

Goldman Sachs ตั้งข้อสังเกตว่า เเม้การระบาดในอาเซียนจะพุ่งสูงไม่หยุด เเต่สัดส่วนการฉีดวัคซีนให้กับประชากรในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก ยกเว้นเพียงสิงคโปร์

โดยสิงคโปร์ สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชากรครบโดส (2 เข็ม) ไปแล้วกว่า 41% นับหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก

ส่วนมาเลเซีย กระจายวัคซีนให้ประชาชนครบโดสไปเพียง 12.4% ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่ 5.7% ในขณะที่ฟิลิปปินส์และไทย ยังมีอัตรการการฉีดวัคซีนครบโดสไม่ถึง 5% ของประชากรทั้งหมด

 

ที่มา : CNBC

]]>
1342841
WHO เตือน เลี่ยงฉีด ‘วัคซีนผสมสูตร’ จับคู่ต่างชนิด เพราะเสี่ยงอันตราย ยังไม่มีข้อมูลมากพอ https://positioningmag.com/1341968 Tue, 13 Jul 2021 05:37:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341968 WHO เตือน ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เเบบผสมสูตรหรือจับคู่วัคซีนต่างชนิด ที่กำลังเป็นกระเเสในหลายประเทศ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย เเละยังไม่มีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพที่เพียงพอ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยช่วยบริจาควัคซีน

Soumya Swaminathan หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การฉีดเเบบผสมสูตรจับคู่ฉีดวัคซีนจากผู้ผลิตหลายรายให้กับประชาชน ซึ่งหลายประเทศกำลังจะดำเนินการอยู่นั้น ถือเป็น ‘dangerous trend’ เพราะตอนนี้มีข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรอยู่น้อยมากไม่ทราบถึงผลข้างเคียงที่เเน่ชัดเเละอาจเกิดผลกระทบในการฉีดวัคซีนครั้งต่อๆ ไป

การจับคู่ผสมวัคซีนต่างชนิดเข้าด้วยกัน เป็นกระแสนิยมที่ค่อนข้างอันตราย เรายังไม่มีข้อมูลหลักฐานใด ๆ ที่จะมาสนับสนุนเรื่องนี้

พร้อมมองว่า อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในหลายประเทศ หากประชาชนเริ่มตัดสินใจเองว่าจะฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สอง สาม สี่ ได้เมื่อไหร่และจะใช้วัคซีนของผู้ผลิตรายใด

ข้อมูลการผสมวัคซีนยังมีจำกัด บางทีมันอาจจะเป็นอาจเป็นวิธีที่ดีมากก็ได้ แต่ตอนนี้ เรามีเพียงข้อมูลการผสมด้วยสูตร เข็มที่ 1 AstraZeneca และตามด้วย Pfizer เท่านั้น

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน หรือ NACI ของแคนาดา อนุญาตให้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มแรกและเข็มสองต่างชนิดกันได้ เเต่ยืนยันว่า ควรเป็นวัคซีนชนิดเดียวกัน’ เเละยังจำกัดอยู่แค่เพียงวัคซีน 3 ยี่ห้อเท่านั้นคือ Pfizer, Moderna และ AstraZeneca

ขณะที่ วานนี้ (12 ..) คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของไทย มีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนต่างชนิดกันได้โดยประชาชนผู้ได้รับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 1 ให้ฉีดเข็มที่ 2 เป็น AstraZeneca โดยฉีดเว้นระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่าไทยจะเป็นประเทศเเรกในโลกที่ใช้วัคซีนโควิด ผสมสูตร Sinovac+AstraZeneca” 

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม เเม้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบทั้ง 2 เข็มเเล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดทั่วโลก ทางองค์การอนามัยโลก จึงยังคงกระตุ้นให้ผู้คนสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด

สิ่งสำคัญในเวลานี้ คือต้องให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต

ด้าน Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ระบุว่า ยังคงมีความไม่เท่าเทียมในการ
กระจายวัคซีนในประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน 

โดยเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวย ร่วมบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศยากจน เพื่อกระจายวัคซีนเข็มเเรกให้มากที่สุด แทนที่จะเดินหน้าทำการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือ Booster Shot เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าแนวคิดนั้นสิ่งจำเป็นในเวลานี้หรือไม่

สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 จากทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน เเละยอดผู้เสียชีวิตก็กลับมาเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้ง หลังลดลงตลอด 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุหลักๆ มาจากการเเพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดหนักในพื้นที่มากกว่าร้อยประเทศทั่วโลก

 

 

ที่มา : Reuters , CNBC , Global News 

 

]]>
1341968
ไฟเซอร์ กำลังพัฒนาวัคซีน ‘เข็ม 3’ สู้สายพันธุ์ ‘เดลตา’ โดยเฉพาะ เตรียมขออนุมัติใช้ในสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1341530 Fri, 09 Jul 2021 07:31:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341530 ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลกอย่างไฟเซอร์’ (Pfizer) กำลังพัฒนาวีคซีนป้องกันโควิดเข็มที่ 3’ หรือ Booster Shot กระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับ ‘สายพันธุ์เดลตาโดยเฉพาะ เตรียมขออนุมัติใช้งานกับทางการสหรัฐฯ ภายในเดือนหน้า

เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา (Delta) หรือ B.1.617.2 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย ตอนนี้กำลังแพร่ระบาดหนักในกว่า 98 ประเทศ รวมถึงไทย

ก่อนหน้านี้ไฟเซอร์’ ได้ร่วมมือกับ ‘ไบโอเอ็นเทค’ ของเยอรมนี พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยหนักได้ประมาณ 95% เเต่ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอล เปิดเผยเมื่อ 5 .. ว่าประสิทธิภาพการป้องกันของวัคซีนไฟเซอร์นั้นลดลงมาเหลือเพียง 64% เมื่อเจอเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา

Mikael Dolsten หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์ อ้างอิงข้อมูลหลักฐานจากทางการอิสราเอล ระบุว่า ผู้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็มเเล้วนานเกิน 6 เดือน ยังมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

โดยยืนยันว่า เเม้การฉีด ‘Booster Shot’ ด้วยวัคซีนสูตรเดิมนั้น จะยังสามารถต้านทานโควิดทุกสายพันธุ์ที่รู้จักในตอนนี้ เเละมีการป้องกันสูงกว่าการฉีด 2 เข็ม ราว 5-10 เท่า เเต่ทางบริษัทกำลังพัฒนาวัคซีน Booster Shot สูตรใหม่เพื่อจัดการสายพันธุ์เดลตา

จากค้นพบเหล่านี้ สอดคล้องกับการวิเคราะห์การทดลองเฟส 3 ของบริษัท นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงพูดและเชื่อมาตลอดว่ามีความเป็นไปได้ที่จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3 ภายใน 6-12 เดือนหลังจากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว

โดยหากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแล ทางไฟเซอร์ไบโอเอ็น เทคจะเริ่มทดลองทางคลินิกให้เร็วที่สุดภายในเดือน ส..นี้ เพื่อเตรียมขออนุมัติใช้งานต่อทางคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์บางคน ยังตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการฉีด Booster Shot

Eric Topol ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ระดับโมเลกุลและผู้อำนวยการสถาบัน Scripps Research Translational ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มองว่าการลดลงของภูมิคุ้มกัน จะส่งผลให้เกิดการเพิกเฉยต่อส่วนประกอบอื่นๆ ที่สำคัญในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงเซลล์หน่วยความจำ B ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ เมื่อต้องเผชิญกับไวรัส โดยเขาเน้นว่าเรื่องนี้จะต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันให้ได้

ทั้งนี้ ไฟเซอร์คาดการณ์ยอดขายวัคซีนของบริษัทในปีนี้ทะลุ 2.6 หมื่นล้านเหรียญ เเละกำลังมองหาวิธีที่จะเพิ่มการผลิต โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 3 พันล้านโดสภายในปีนี้ และ 4 พันล้านโดสในปีหน้า

จากข้อมูลของ IQVIA Holdings ระบุว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก และวัคซีนเข็มต่อไปเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อาจมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.57 เเสนล้านเหรียญในปี 2025

 

ที่มา : CNBC , CNA , Reuters 

]]>
1341530
WHO เตือน COVID-19 สายพันธุ์เดลตา เตรียมระบาดหนักครอง “ยุโรป” ส.ค. นี้ https://positioningmag.com/1340604 Sun, 04 Jul 2021 14:47:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340604 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าการพบปะคนต่างครัวเรือน การเดินทาง การรวมตัวกัน และการผ่อนปรนข้อจำกัดทางสังคม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์

“เมื่อสัปดาห์ก่อน ยอดผู้ป่วยโรค COVID-19 เพิ่มขึ้น 10% ขณะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในภูมิภาคยุโรปที่ยังมีประชาชนไม่ได้รับวัคซีนอีกหลายล้านคน แม้ประเทศสมาชิกจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” คลูเกอแถลงข่าวทางออนไลน์ที่กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก

“เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา อาจระบาดแซงหน้าสายพันธุ์อัลฟาอย่างรวดเร็วผ่านการแพร่ระบาดซ้ำๆ หลายครั้ง และทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแล้ว”

คลูเกอคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา จะเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดในภูมิภาคยุโรปภายในเดือนสิงหาคม พร้อมเตือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ ยอดการฉีดวัคซีนที่ลดต่ำ และการที่ประชาชนต่างครัวเรือนพบปะกันมากขึ้น จะทำให้ยอดผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและยอดการเสียชีวิตพุ่งสูงอีกระลอกก่อนฤดูใบไม้ร่วง

คลูเกอเรียกร้องประชาชนในภูมิภาค “มีระเบียบวินัยกันต่อไป” และฉีดวัคซีนเมื่อมีโอกาส เพื่อยับยั้งยอดผู้ป่วยที่คาดว่าจะพุ่งสูง

Photo : Shutterstock

“วัคซีนมีประสิทธิภาพต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่คุณต้องฉีด 2 โดส ไม่ใช่แค่โดสเดียว ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ ยิ่งเราฉีดวัคซีนช้า ยิ่งมีเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์เกิดขึ้นเพิ่ม”

คลูเกอแสดงความเสียใจต่อความแตกต่างที่ชัดเจนด้านความเท่าเทียมทางวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวย และยากจนในยุโรป พร้อมระบุว่าอัตราความครอบคลุมทางวัคซีนของภูมิภาคอยู่ที่ 24% เท่านั้น และนั่นเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้ ทั้งยังห่างไกลจากคำแนะนำให้อัตราครอบคลุมอยู่ที่ 80% ของประชากรวัยผู้ใหญ่”

“การระบาดใหญ่จะไม่สิ้นสุดลงด้วยตัวเลขแบบนี้ และหากมีพลเมืองหรือผู้ออกนโยบายคนใดคิดว่ามันจะจบลงได้ พวกเขาคิดผิด”

หลายฝ่ายกังวลว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 จะเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด เนื่องจากมีผู้ชมจำนวนหนึ่งถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสหลังเดินทางกลับประเทศ ซึ่งคลูเกอกล่าวย้ำให้ทุกคนระมัดระวังตัว และเรียกร้องผู้ชมทุกคนสวมหน้ากากอนามัย “โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ร่มและอยู่ท่ามกลางผู้คน”

“เรายังเผชิญความเสี่ยงสูง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนข้างหน้านี้จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและพฤติกรรมของเราในระดับบุคคล ชุมชน และรัฐบาล ทั้งในปัจจุบันและหลายสัปดาห์ข้างหน้านี้ ความสามัคคีจะต้องได้ผลคุ้มค่า”

]]>
1340604