Pinduoduo – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 13 Dec 2023 06:23:08 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผู้ก่อตั้ง JD.com กล่าวกับพนักงาน “อย่ามัวแต่อยู่เฉย” ไม่งั้นคู่แข่งไล่ตามทัน โดยเฉพาะ Pinduoduo https://positioningmag.com/1455437 Wed, 13 Dec 2023 05:26:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455437 ริชาร์ด หลิว ผู้ก่อตั้ง JD.com กล่าวกับพนักงาน “อย่ามัวแต่อยู่เฉย” และเขาเองยอมรับว่าบริษัทมีปัญหาในหลายเรื่อง และองค์กรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่งั้นแล้วคู่แข่งรายสำคัญจะไล่ตามทันได้ และเชื่อว่าบริษัทจะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องดังกล่าวได้

LatePost สื่อไอทีของประเทศจีน รายงานว่า  ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) ผู้ก่อตั้งของ JD.com ยักษ์ใหญ่ E-commerce ในประเทศจีน ได้กล่าวกับพนักงานในเว็บบอร์ดภายในของบริษัท โดยกล่าวถึงว่าพนักงานของ JD.com จะมัวแต่อยู่เฉยไม่ได้ ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้นเนื่องจากคู่แข่งรายสำคัญนั้นไล่ตีตื้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อตั้งของ JD.com ได้ตอบคำถามของพนักงานในเว็บบอร์ดภายในของบริษัทว่าบริษัทจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่พนักงานคนหนึ่งได้โพสต์ถึงปัญหาภายในบริษัทไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับผู้ค้ารายต่างๆ ความซับซ้อนของโปรโมชั่น และกลยุทธ์การทำสินค้าให้มีราคาถูกมากที่สุด ซึ่งเขาเองได้ยอมรับถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

เขาเองยังยอมรับว่าสิ่งที่พนักงานคนดังกล่าวได้โพสต์นั้นเป็นปัญหาของบริษัทจริงๆ และกล่าวว่าในบริษัทนั้นทุกวันจะมีคนพูดถึงนวัตกรรมต่างๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนกลับลอกเลียนหรือแม้แต่เดินตามคนอื่นทุกวัน หรือแม้แต่ทุกคนนั้นพูดถึงการที่จะออกไปสู้ในเรื่องต่างๆ แต่กลับกลายเป็นต้องมาตั้งรับในทุกเรื่อง ซึ่งเขาเองจะไม่อยู่เฉย และหวังว่าทุกคนจะไม่อยู่เฉยเช่นกัน

นอกจากนี้ Richard ยังได้กล่าวถึงความผิดพลาดในการบริหารของเขาในหลายเรื่อง รวมถึงขนาดองค์กรที่ใหญ่เทอะทะ และได้กล่าวขอบคุณพนักงานคนดังกล่าวที่พูดถึงปัญหา เขาหวังว่าพนักงานจะอดทน และสู้ไปพร้อมกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเชื่อว่าบริษัทจะเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวได้

ในช่วงที่ผ่านมา JD.com ได้มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแยกธุรกิจออกมาเป็นอิสระ การกลับมารุกธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันในประเทศจีนยังมีแผนที่จะรุกเมืองรองมากขึ้น หลังจากเมืองเหล่านี้ Pinduoduo เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเมืองรอง

แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Pinduoduo เริ่มรุกธุรกิจทั้งในประเทศจีน และนอกประเทศจีนโดยใช้แบรนด์ Temu มากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากระดับหมื่นล้านหยวนก้าวไปสู่รายได้ระดับแสนล้านหยวนอย่างรวดเร็ว

การกล่าวกับพนักงาน JD.com ของผู้ก่อตั้งรายนี้ได้ส่งสัญญาณถึงการแข่งขันของตลาด E-commerce ในประเทศจีนถือว่าดุเดือด แม้ว่าผู้นำตลาดดังกล่าวจะเป็น Alibaba และ JD.com แต่ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีการเข้ามาปราบปรามของรัฐบาล แต่การเติบโตของคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Pinduoduo นั้นทำให้ 2 เจ้าใหญ่เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว

]]>
1455437
Temu อีคอมเมิร์ซจากจีน เปิดตัวในฟิลิปปินส์แล้ว อาจเห็นบุกตลาดอาเซียนแข่งกับ Lazada และ Shopee https://positioningmag.com/1442708 Tue, 29 Aug 2023 09:18:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442708 เตมู (Temu) แพลตฟอร์ม E-commerce จากประเทศจีน ได้บุกตลาดอาเซียนแล้ว โดยล่าสุดได้เปิดตัวที่ฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญ หลังจากบริษัทได้บุกตลาดเกาหลี หรือแม้แต่ญี่ปุ่นในช่วงเดือนที่ผ่านมา

South China Morning Post รายงานข่าวว่า Temu ได้เปิดตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการแล้ว ในการเปิดตัวดังกล่าว แพลตฟอร์ม E-commerce จากจีนรายนี้ได้เสนอส่วนลดสูงสุดถึง 90% กับสินค้าเช่น เสื้อยืด เทปสองหน้า ที่เก็บของในครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อที่จะดึงดูดลูกค้ารายใหม่

การเข้ามาในฟิลิปปินส์ของ Temu ถือเป็นการส่งสัญญาณบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันแพลตฟอร์ม E-commerce ในอาเซียนมีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาดอยู่แล้วอย่าง Shopee ซึ่งมีเจ้าของคือ Sea กับ Lazada ซึ่งมีเจ้าของคือ Alibaba

ไม่เพียงเท่านี้ผู้เล่นหน้าใหม่ (แต่รายใหญ่) อย่าง TikTok Shop ที่ทุ่มเม็ดเงินลงทุนอย่างหนักในอาเซียนด้วยเช่นกัน ก็หวังจะแย่งชิงส่วนแบ่งมาจาก 2 เจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอยู่แล้วเช่นกัน

ข้อมูลล่าสุดจาก Momentum Works ในปี 2022 ที่ผ่านมา Shopee ครองส่วนแบ่งตลาดในฟิลิปปินส์มากถึง 60% ขณะที่ Lazada อยู่ที่ 36% และ TikTok Shop ที่ 4%

รายงานจาก Google และ Bain รวมถึง Temasek จัดทำในปีที่ผ่านมาชี้ว่าตลาด E-commerce ตั้งแต่ปี 2022 ถึงปี 2025 เติบโตมากถึง 17% ต่อปี ส่งผลทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งต่างสนใจตลาดอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังไม่มีผู้ชนะอย่างแท้จริง

สำหรับ Temu เป็นธุรกิจลูกของพินตัวตัว (Pinduoduo) ได้เปิดตัวธุรกิจดังกล่าวในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก โดยจะเน้นขายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โดยสินค้าส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน

ไม่เพียงเท่านี้สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัวในช่วงหลายเดือน แต่กลับแสดงให้เห็นว่าอ่อนแอลง ยิ่งทำให้บริษัทเทคโนโลยีจีน รวมถึง Pinduoduo ต้องเร่งหารายได้นอกประเทศจีน ซึ่ง Temu ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ดึงรายได้นอกจีนได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน หลังจากบริษัทได้บุกตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควรแล้ว

]]>
1442708
TikTok ยังลุยตลาดสหรัฐฯ แม้เสี่ยงโดนแบน เข็นธุรกิจ E-Commerce ชนคู่แข่งสำคัญอย่าง Shein https://positioningmag.com/1439217 Thu, 27 Jul 2023 11:56:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439217 TikTok ยังลุยตลาดสหรัฐอเมริกา โดยล่าสุดเตรียมจะเปิดตัวธุรกิจ E-Commerce ที่ขายสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากประเทศจีน เพื่อแข่งกับ Shein ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญ อย่างไรก็ดีก็ยังมีความเสี่ยงในการขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคง

The Wall Street Journal รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า TikTok เตรียมที่จะเปิดตัวธุรกิจ E-Commerce ของบริษัทในสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะแข่งขันในการแย่งชิงลูกค้ากับ Shein ที่เป็นแพลตฟอร์มคู่แข่งสำคัญที่กำลังตีตลาดแดนมะกันในตอนนี้

โมเดลที่ TikTok จะนำมาใช้คือการขายสินค้าทุกชนิดเหมือนกับ Amazon ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งสินค้าเหล่านี้นำเข้ามาจากประเทศจีน นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถที่จะรีวิวร้านค้าทั้งในแพลตฟอร์มหรือแม้แต่ร้านค้าภายนอกได้ด้วย

ก่อนหน้านี้บริษัทได้เตรียมทุ่มเงินระดับหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้ว จากเหตุผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชากรกำลังเติบโตสูง และการเข้าถึง E-Commerce ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนา

ไม่เพียงเท่านี้ TikTok เองยังต้องการที่จะใช้จุดเด่นคือเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานต่อวันมากกว่า 1,000 ล้านคนในการหาโมเดลธุรกิจใหม่ด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ByteDance บริษัทแม่ได้หาโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อที่จะหารายได้เพิ่มเติมด้วย

ขณะเดียวกันตัวเลขล่าสุดผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ราวๆ 150 ล้านคน นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่มีกำลังซื้อมากที่สุดในโลก ทำให้บริษัทเองก็ไม่สามารถที่จะทิ้งตลาดนี้ไปได้ และบริษัทเองยังวางเป้าหมายที่จะมียอดขายสินค้าออนไลน์รวม (GMV) ให้ได้มากถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์ม E-Commerce หลายเจ้าได้พยายามที่จะบุกตลาดโลก เพื่อแข่งขันกับ Amazon หรือคู่แข่งที่มาจากบริษัทจีน เช่น Aliexpress ของ Alibaba และ Temu ของ Pinduoduo หรือแม้แต่ Shopee ของ Sea อย่างไรก็ดีปัญหาด้านสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้หลายแพลตฟอร์มต้องชะลอการขยายธุรกิจด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดีการบุกตลาด E-Commerce ในสหรัฐอเมริกาอาจเป็นงานลำบากของ TikTok เนื่องจากปัญหาการถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลสหรัฐ จากเรื่องข้อมูลผู้ใช้งาน หรือแม้แต่ประเด็นด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นประเด็นจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง

]]>
1439217
‘Pinduoduo’ อีคอมเมิร์ซเจ้าดัง ‘จีน’ เริ่มลุยตลาดโลก ปักหมุด ‘สหรัฐฯ’ ประเทศแรก https://positioningmag.com/1398823 Mon, 05 Sep 2022 05:08:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398823 อย่างที่หลายคนรู้ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซของ อเมริกา มีผู้เล่นสุดแกร่งอย่าง Amazon เป็นเบอร์ 1 ของตลาดและยากที่จะมีใครเทียบ แต่ Pinduoduo (พินตัวตัว) อีคอมเมิร์ซน้องใหม่สุดร้อนแรงที่มียอดผู้ใช้แซง Alibaba ก็หาญกล้าเปิดตัวเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในสหรัฐฯ และถือเป็นประเทศแรกที่แพลตฟอร์มออกจากจีน

ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้นที่ Pinduoduo ใช้เวลาสร้างตัวจนสามารถแซง Alibaba ได้ในปี 2020 โดยมีผู้ใช้รวมกว่า 788 ล้านคน แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมากแต่ Pinduoduo ก็เพิ่งจะได้ฤกษ์ขยับตัวออกจากประเทศจีน โดยได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Temu ในสหรัฐฯ ซึ่งก็ต้องเจอของแข็งในตลาดอย่าง Amazon

Temu ถือเป็นการผลักดันครั้งใหญ่ที่สุดของ Pinduoduo ในต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนในประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการจากการฟื้นตัวของ Covid-19 ไปสู่วิกฤตด้านพลังงาน ที่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง

แม้ว่า Pinduouduo จะเริ่มต้นธุรกิจในปี 2015 แต่ปัจจุบันมีมูลค่าถึง 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของจีนไม่ใช่แค่ Alibaba แต่รวมถึง JD.com และ Tencent แต่ในตลาดต่างประเทศคงต้องรอดูกันว่าจะไล่ตามทันหรือไม่ เพราะอย่าง Alibaba ก็มี Lazada ที่เป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเว็บไซต์ AliExpress ซึ่งให้บริการตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วน JD.com ดำเนินการ Joybuy.com สำหรับลูกค้าต่างประเทศ

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Temu จะเน้นขายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โดยสินค้าส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งสินค้าในแพลตฟอร์มนั้นระบุว่า ลูกค้าต้องรอสินค้าประมาณ 7-15 วัน โดยปัจจุบัน Temu จัดโปรโมชันหากสั่งซื้อมากกว่า 49 ดอลลาร์ (ราว 1,800 บาท) จัดส่งฟรี นอกจากนี้ยังมีส่วนลด 20%

Jacob Cooke ซีอีโอของ WPIC บริษัทเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและการตลาด มองว่า ความท้าทายแรกที่ Pinduoduo ต้องเจอในการบุกตลาดสหรัฐฯ คือ การสร้างชื่อให้เป็นที่เชื่อมั่น นอกจากนี้ ระยะเวลาจัดส่งที่นาน ก็เสียเปรียบคู่แข่งที่สามารถจัดส่งในวันเดียวกันหรือวันถัดไป

“ความท้าทายหลักของ Temu คือการสร้างความไว้วางใจและการรับรู้ในหมู่ลูกค้า สิ่งเดียวที่ Temu ทำได้ดีคือ ราคาที่ถูก ” Jacob Cooke กล่าว

Source

]]>
1398823
COVID-19 ดันความรวย ประเทศจีน มีจำนวน ‘เศรษฐีพันล้าน’ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1321490 Tue, 02 Mar 2021 09:38:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321490 โรคระบาดไม่ได้ฉุดความรวยของเศรษฐีจีน’ เเต่กลับเป็นตัวส่งเสริม’ ทรัพย์สินของพวกเขาให้เพิ่มพูนมากขึ้น สวนทางเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนคนรวยร้าวลึก

ในปี 2020 ที่ผ่านมา ประเทศจีนมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ-Billionaire’ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 259 คน ด้วยอานิสงส์ธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ เเละเกมออนไลน์ที่ความนิยมพุ่งกระฉูด รวมถึงตลาดหุ้นที่เฟื่องฟูเเละการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของหลายบริษัท ช่วยชดเชยหายนะจาก COVID-19

จากรายงานของ Hurun Global Rich List พบว่า จำนวนของเศรษฐีของจีนในปี 2020 รวมกันเเล้วมากกว่าของทั้งโลกรวมกัน โดยจีนมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านกว่า 1,058 คน นับเป็นประเทศแรกในโลกที่มีตัวเลขเกิน 1,000 คน ทั้งห่างอันดับ 2 อย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นอีก 70 คน รวมเป็น 696 คน

โดยผู้ครองเเชมป์มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีนตามรายงานนี้ คือจง สานส่านเจ้าของกิจการน้ำดื่มหนงฟู สปริง’ (Nongfu Spring) ที่เพิ่งโค่นมูเกช อัมบานีนักธุรกิจอินเดียไปหมาดๆ ด้วยทรัพย์สินรวม 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีรวยที่สุดในเอเชีย เเละติด 1 ใน 10 ของโลกไปหมาดๆ

จง สานส่าน เจ้าของน้ำดื่ม Nongfu Spring

เขาได้รับว่าฉายาว่าหมาป่าเดียวดายเนื่องจากเป็นคนชอบเก็บตัว ต่างจากผู้นำธุรกิจรายใหญ่อื่นๆ ของจีน และเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในจีน ที่สามารถสร้างบริษัทมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ถึง 2 บริษัท

ความรุ่งเรืองของจง สานส่านในปีที่ผ่านมา สวนทางกับเศรษฐีจีนชื่อก้องโลกอย่างแจ็ค หม่าที่อันดับความรวยลดลง หลังมีข้อขัดเเย้งกับรัฐบาลจีนในประเด็นผูกขาดทางการค้า อีกทั้งยังโดนสกัดการเสนอขายหุ้นครั้งแรกแก่ประชาชน (IPO) ของบริษัทฟินเทคในเครืออย่าง Ant Group ซึ่งเคยถูกประเมินว่าจะเป็นหุ้น IPO ที่ระดมทุนได้สูงสุดในโลก 

ในการสำรวจนี้ ยังพบว่า มหาเศรษฐี Elon Musk ซีอีโอของ Tesla , Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งของ Amazon และ Colin Huang จาก Pinduoduo หนึ่งในอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดของจีน มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีเดียว

Elon Musk ซีอีโอของ Tesla / Photo by Kevork Djansezian/Getty Images

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เเซงหน้าหลายประเทศ อีกทั้งในปีที่ผ่านมาก็สกัดความเสียหายจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้รวดเร็วทำให้มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ด้านรายงานขององค์การ Oxfam ระบุว่า เกือบทุกประเทศในโลก มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เมื่อนำสินทรัพย์ของเหล่ามหาเศรษฐีรวยที่สุด 10 อันดับแรกของโลก ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มระบาด พบว่ามีมูลค่าสูงกว่าประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีระบบเศรษฐกิจเอื้อให้กลุ่มคนร่ำรวย สามารถรักษาความร่ำรวยไว้ได้ ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางอันเลวร้าย

 

 

ที่มา : AFP

]]>
1321490