Pinduoduo – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 01 Aug 2024 09:48:14 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะลึกความน่ากลัว ‘Temu’ อีคอมเมิร์ซจากแดนมังกรที่กล้างัดกับ ‘Amazon’ และกำลังมาตีตลาดไทย https://positioningmag.com/1484419 Tue, 30 Jul 2024 10:23:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484419 แค่มี Shopee กับ Lazada และ TikTok ก็แทบจะมีแต่ผู้เล่น จีน ที่ครองตลาด อีคอมเมิร์ซไทย ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ล่าสุดยังมีผู้เล่นใหม่เพิ่มมาอีกรายคือ Temu ที่เพิ่งเข้าไทยมาแบบเงียบ ๆ โดย Positioning จะพาไปรู้จัก Temu ว่าทำไมถึงเป็นอีกผู้เล่นที่ น่ากลัว

ก่อนจะรู้จัก Temu รู้จัก Pinduoduo ก่อน

คนไทยมักจะชินกับชื่อ Alibaba, JD ว่าเป็นผู้เล่นตัวท็อปในตลาดอีคอมเมิร์ซจีน แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 บริษัทถูก Pinduoduo (พินตัวตัว) อีกหนึ่งบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนแซงหน้าในแง่ของมูลค่าบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว และ Pinduoduo ก็ถือเป็นบริษัทพี่บริษัทน้องกับ Temu (ทีมู) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหม่ที่ใช้บุกตลาดโลก

จุดเริ่มต้นของ Pinduoduo นั้นเริ่มจากชายที่ชื่อ Colin Huang ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอ PDD Holdings ที่ก่อตั้ง Pinduoduo ในปี 2015 โดยเริ่มจากจากการเป็นแพลตฟอร์มสินค้าเกษตร ก่อนจะขยายไปสู่ผู้ให้บริการโซเชียลคอมเมิร์ซที่มีผู้ใช้กว่า 900 ล้านคน โดยมีคอนเซ็ปต์คือ นำความสนุกสนานมาสู่การช้อปปิ้ง ด้วยการ ซื้อเป็นกลุ่ม เพื่อให้ได้ราคาถูก

โดยผู้ซื้อสามารถแชร์ข้อมูลสินค้าที่ต้องการ เพื่อรวมคำสั่งซื้อกับเพื่อนในช่องทางต่าง ๆ หรือจะรอรวมกับผู้ซื้อรายอื่นก็ได้เพื่อสั่งซื้อไปยังร้านค้า หรือผู้ผลิตโดยตรง เพื่อให้ได้ สินค้าราคาส่ง นั่นเอง เนื่องจาก Pinduoduo สามารถจัดการคำสั่งซื้อในแบบ C2M หรือจากผู้บริโภคถึงผู้ผลิตโดยไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งช่วยให้ผู้ขายสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผู้บริโภคและลดต้นทุนได้อีกด้วย

ใช้แบรนด์ Temu ลุยตลาดโลก

จนมาปี 2022 ในขณะที่ทั่วโลกเจอกับวิกฤต COVID-19 ส่งผลให้ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba และ JD. เลือกจะ ยุติการขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อคุมค่าใช้จ่าย แต่ไม่ใช่กับ Pinduoduo ที่เลือกออกไปเติบโตนอกจีน โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มที่ชื่อ Temu ในเดือนกันยายน 2022 และใช้โมเดลซื้อเป็นกลุ่มเหมือนกับ Pinduoduo

โดย Temu เลือกที่จะบุกไปยังตลาดสหรัฐฯ เป็นประเทศแรก ทั้งที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Amazon โดยในเดือนธันวาคม 2022 Temu ขึ้นเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบน App Store และ Google Play ในสหรัฐอเมริกา และภายใน 1 ปี Temu สามารถโกยผู้ใช้ได้ถึง 100 ล้านคน จากนั้นก็ขยายไป 47 ประเทศทั่วโลก

แน่นอนว่าปัจจัยที่ทำให้ Temu เติบโตอย่างรวดเร็วก็คือ สินค้าที่หลากหลาย แถมยัง ราคาถูก มีโปรจุก ๆ อย่าง ลด 90% นอกจากนี้ยัง ไม่มีค่าส่ง ทำได้ให้ได้ใจลูกค้าที่ต้องการของถูกไปเต็ม ๆ แต่นอกจากจะเล่นเรื่องราคาแล้ว ฝั่งการตลาด Temu ก็ทุ่มไม่แพ้กัน เพราะถึงขั้นเคยซื้อโฆษณาในรายการ Superbowl ซึ่งถือเป็น การแข่งขันกีฬาที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ยังไม่รวมการจ้างเหล่าอินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมตแพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าไปสุดทุกทางสำหรับ Temu

ถูกตั้งคำถามเรื่องลิขสิทธ์และการใช้แรงงาน

แน่นอนว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แถมขายของถูกแสนถูก ทำให้ในเดือนเมษายน ปี 2023 คณะกรรมการทบทวนเศรษฐกิจและความมั่นคงสหรัฐฯ-จีน (USCC) ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้บันทึกสรุปเกี่ยวกับความท้าทายที่เกิดจากแบรนด์ Temu และ Shein เกี่ยวกับ ความกังวลของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และกล่าวหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์

นอกจากนี้ บริษัทแม่อย่าง PDD Holdings ก็ถูก China Labor Watch กล่าวหาว่า ใช้งานพนักงานเยี่ยงทาส โดยบังคับให้พนักงานทำงาน 380 ชั่วโมงต่อเดือน ทำให้บริษัทเผชิญการประท้วงทางออนไลน์ หลัง พนักงานเสียชีวิตหลายคน ในปี 2021

นอกจากนี้ ในเดือนเมษายน 2023 สื่อ CNN รายงานว่า ทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายทีมพบ มัลแวร์ในแอปมือถือของ Pinduoduo สำหรับอุปกรณ์ Google Android ซอฟต์แวร์นี้ทำให้แอป Pinduoduo เลี่ยงการอนุญาตด้านความปลอดภัยของผู้ใช้และเข้าถึงข้อความส่วนตัว หรือเปลี่ยนการตั้งค่าและป้องกันไม่ให้ถอนการติดตั้งแอป

ปัจจุบัน PDD Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Temu ได้ย้ายสำนักงานใหญ่จากเซี่ยงไฮ้ไปยัง ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับบริษัทเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Apple, Meta และ Google เนื่องจากมีโครงสร้างภาษีที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ

SHANGHAI, CHINA – JULY 25 2018: FILEPHOTO – Headquarters of Pinduoduo, a rising B2C e-commerce platform, in Shanghai, China Wednesday, July 25, 2018.
PHOTOGRAPH BY Feature China / Barcroft Studios / Future Publishing (Photo credit should read Feature China/Barcroft Media via Getty Images)

เข้าไทยอย่างเงียบ ๆ

Temu เริ่มเข้ามาในตลาดอาเซียนในปี 2023 โดยเริ่มบุกที่ประเทศฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย มาปี 2024 นี้ ก็ถึงคิวของ ประเทศไทย แน่นอนว่านอกจากสินค้าราคาแสนถูก ยังมาพร้อมโปรโมชั่นจัดเต็มอย่าง ส่วนลดสูงสุด 90% และที่น่าแปลกใจ (มั้ง) คือ การจัดส่งสินค้า จากมณฑลกว่างโจว ประเทศจีน มายังกรุงเทพฯ ไม่เกิน 5 วัน!

เรียกได้ว่า สมรภูมิอีคอมเมิร์ซตอนนี้ดุเดือดกว่าเดิมแน่นอน แต่ที่แน่นอนไปกว่านั้น ผู้ประกอบการไทยอาจต้อง ปาดน้ำตาแทนเหงื่อ แล้วรอบนี้

]]>
1484419
Pinduoduo กลายเป็นบริษัท E-commerce ใหญ่สุดในจีน แซงหน้า Alibaba ที่ครองแชมป์มาอย่างยาวนาน https://positioningmag.com/1475917 Fri, 31 May 2024 02:43:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1475917 พินตัวตัว (Pinduoduo) กลายเป็นบริษัท E-commerce รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอาลีบาบา (Alibaba) ลงมาได้ ขณะเดียวกันศึกดังกล่าวระหว่างผู้เล่นจากจีนนั้นไม่ใช่แค่ศึกภายในประเทศเท่านั้น แต่ศึกนอกประเทศจีนเองก็ถือว่าน่าติดตามไม่น้อย

Pinduoduo ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่น E-commerce ในประเทศจีน ล่าสุดขนาดบริษัทสามารถที่จะแซงหน้ายักษ์ใหญ่ที่ครองแชมป์มานานอย่าง Alibaba ลงได้ ขณะเดียวกันการแข่งขันดังกล่าวของบริษัทเทคโนโลยีจีนนั้นอาจไม่ใช่แค่ศึกภายในประเทศ แต่ยังรวมถึงศึกนอกประเทศด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Pinduoduo มีขนาดบริษัทใหญ่กว่า Alibaba ไปแล้วคือ กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศจีนและนอกประเทศจีน ซึ่งในประเทศจีน Pinduoduo ใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เช่น การใช้โมเดลให้ลูกค้าร่วมกันสั่งของเป็นปริมาณมาก และเน้นขายสินค้าราคาถูก เป็นต้น

ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ E-commerce คู่แข่งในประเทศจีนหลายรายที่เคยเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น Alibaba หรือแม้แต่ JD.com ถึงกับนั่งไม่ติด

ขณะที่กลยุทธ์นอกประเทศจีน Pinduoduo ได้ส่ง Temu ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันลูกของทางบริษัทไปตีตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก โดยการส่งธุรกิจไปตีตลาดต่างประเทศนั้นเมื่อเทียบกับ Alibaba แล้วถือว่าใช้เวลานานกว่ามาก แต่กลับประสบความสำเร็จเนื่องจากกลยุทธ์ของบริษัทคือเน้นขายสินค้าราคาถูก

ขณะเดียวกัน Pinduoduo เองก็มีแผนการขยายธุรกิจ Temu ไปยังหลายประเทศ และอาเซียนเองก็เป็นอีกหมุดหมายหนึ่งของบริษัทในการตีตลาดของบริษัทเช่นกัน

ตัวเลขล่าสุด (30 พฤษภาคม) จาก Bloomberg นั้น Pinduoduo มีขนาดบริษัท 210,079 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 7.72 ล้านล้านบาท สามารถที่จะโค่นแชมป์เก่าอย่าง Alibaba ที่มีขนาดบริษัทเพียงแค่ 191,182 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 7.03 ล้านล้านบาท ได้ในที่สุด

Temu ถือเป็นแพลตฟอร์มสำคัญของบริษัทในการเจาะตลาดนอกประเทศจีนของ Pinduoduo – ภาพจาก Shutterstock

มาดูทางฝั่งของ Alibaba นั้น บริษัทกลับประสบปัญหานับตั้งแต่การเข้ามาปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน สิ่งที่บริษัทโดนทั้งข้อหามีพฤติกรรมผูกขาด จนทำให้บางกรณีบริษัทต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินจำนวนมหาศาล จนทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน Alibaba เองก็ยังประสบกับความท้าทายไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะต้องดึงลูกค้ากลับมา เนื่องจากการแข่งขันในแพลตฟอร์ม E-commerce ในจีนที่ดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นกับ Pinduoduo เอง หรือแม้แต่คู่แข่งรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น JD.com หรือแม้แต่ Douyin

ไม่เพียงเท่านี้ธุรกิจต่างประเทศของ Alibaba เอง เช่น Lazada หรือ Aliexpress เองก็ต้องสู้กับคู่แข่งทั้งจากในจีนอย่าง Temu ของ Pinduoduo หรือแม้แต่ TikTok Shop รวมถึงผู้เล่นอย่าง Shopee หรือ E-commerce ที่เป็นผู้เล่นภายในประเทศ

จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวทำให้บริษัทมีแผนต้องปรับกลยุทธ์ภายในไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน CEO คนใหม่ หรือแม้แต่การแยกธุรกิจออกมาเป็น 6 หน่วยธุรกิจ เพื่อที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับหน่วยงานกำกับดูแล ไปจนถึงการปลดล็อกมูลค่าบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นเนื่องจากราคาหุ้นที่ตกลงมาเป็นเวลาหลายปี แม้แต่ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง แจ็ก หม่า เองก็สนับสนุนแผนการดังกล่าว

ในท้ายที่สุดแล้วศึกระหว่าง Pinduoduo กับ Alibaba ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะมีทั้งศึกภายในประเทศจีน หรือแม้แต่นอกประเทศจีน ซึ่งต่างฝ่ายต้องการที่จะทำให้บริษัทเติบโตเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ความท้าทายทั้งในและนอกประเทศ

]]>
1475917
ผู้ก่อตั้ง JD.com กล่าวกับพนักงาน “อย่ามัวแต่อยู่เฉย” ไม่งั้นคู่แข่งไล่ตามทัน โดยเฉพาะ Pinduoduo https://positioningmag.com/1455437 Wed, 13 Dec 2023 05:26:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455437 ริชาร์ด หลิว ผู้ก่อตั้ง JD.com กล่าวกับพนักงาน “อย่ามัวแต่อยู่เฉย” และเขาเองยอมรับว่าบริษัทมีปัญหาในหลายเรื่อง และองค์กรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่งั้นแล้วคู่แข่งรายสำคัญจะไล่ตามทันได้ และเชื่อว่าบริษัทจะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องดังกล่าวได้

LatePost สื่อไอทีของประเทศจีน รายงานว่า  ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) ผู้ก่อตั้งของ JD.com ยักษ์ใหญ่ E-commerce ในประเทศจีน ได้กล่าวกับพนักงานในเว็บบอร์ดภายในของบริษัท โดยกล่าวถึงว่าพนักงานของ JD.com จะมัวแต่อยู่เฉยไม่ได้ ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้นเนื่องจากคู่แข่งรายสำคัญนั้นไล่ตีตื้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อตั้งของ JD.com ได้ตอบคำถามของพนักงานในเว็บบอร์ดภายในของบริษัทว่าบริษัทจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่พนักงานคนหนึ่งได้โพสต์ถึงปัญหาภายในบริษัทไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับผู้ค้ารายต่างๆ ความซับซ้อนของโปรโมชั่น และกลยุทธ์การทำสินค้าให้มีราคาถูกมากที่สุด ซึ่งเขาเองได้ยอมรับถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

เขาเองยังยอมรับว่าสิ่งที่พนักงานคนดังกล่าวได้โพสต์นั้นเป็นปัญหาของบริษัทจริงๆ และกล่าวว่าในบริษัทนั้นทุกวันจะมีคนพูดถึงนวัตกรรมต่างๆ แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนกลับลอกเลียนหรือแม้แต่เดินตามคนอื่นทุกวัน หรือแม้แต่ทุกคนนั้นพูดถึงการที่จะออกไปสู้ในเรื่องต่างๆ แต่กลับกลายเป็นต้องมาตั้งรับในทุกเรื่อง ซึ่งเขาเองจะไม่อยู่เฉย และหวังว่าทุกคนจะไม่อยู่เฉยเช่นกัน

นอกจากนี้ Richard ยังได้กล่าวถึงความผิดพลาดในการบริหารของเขาในหลายเรื่อง รวมถึงขนาดองค์กรที่ใหญ่เทอะทะ และได้กล่าวขอบคุณพนักงานคนดังกล่าวที่พูดถึงปัญหา เขาหวังว่าพนักงานจะอดทน และสู้ไปพร้อมกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเชื่อว่าบริษัทจะเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวได้

ในช่วงที่ผ่านมา JD.com ได้มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแยกธุรกิจออกมาเป็นอิสระ การกลับมารุกธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันในประเทศจีนยังมีแผนที่จะรุกเมืองรองมากขึ้น หลังจากเมืองเหล่านี้ Pinduoduo เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเมืองรอง

แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Pinduoduo เริ่มรุกธุรกิจทั้งในประเทศจีน และนอกประเทศจีนโดยใช้แบรนด์ Temu มากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากระดับหมื่นล้านหยวนก้าวไปสู่รายได้ระดับแสนล้านหยวนอย่างรวดเร็ว

การกล่าวกับพนักงาน JD.com ของผู้ก่อตั้งรายนี้ได้ส่งสัญญาณถึงการแข่งขันของตลาด E-commerce ในประเทศจีนถือว่าดุเดือด แม้ว่าผู้นำตลาดดังกล่าวจะเป็น Alibaba และ JD.com แต่ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีการเข้ามาปราบปรามของรัฐบาล แต่การเติบโตของคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Pinduoduo นั้นทำให้ 2 เจ้าใหญ่เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว

]]>
1455437
Temu อีคอมเมิร์ซจากจีน เปิดตัวในฟิลิปปินส์แล้ว อาจเห็นบุกตลาดอาเซียนแข่งกับ Lazada และ Shopee https://positioningmag.com/1442708 Tue, 29 Aug 2023 09:18:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442708 เตมู (Temu) แพลตฟอร์ม E-commerce จากประเทศจีน ได้บุกตลาดอาเซียนแล้ว โดยล่าสุดได้เปิดตัวที่ฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญ หลังจากบริษัทได้บุกตลาดเกาหลี หรือแม้แต่ญี่ปุ่นในช่วงเดือนที่ผ่านมา

South China Morning Post รายงานข่าวว่า Temu ได้เปิดตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการแล้ว ในการเปิดตัวดังกล่าว แพลตฟอร์ม E-commerce จากจีนรายนี้ได้เสนอส่วนลดสูงสุดถึง 90% กับสินค้าเช่น เสื้อยืด เทปสองหน้า ที่เก็บของในครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อที่จะดึงดูดลูกค้ารายใหม่

การเข้ามาในฟิลิปปินส์ของ Temu ถือเป็นการส่งสัญญาณบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันแพลตฟอร์ม E-commerce ในอาเซียนมีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาดอยู่แล้วอย่าง Shopee ซึ่งมีเจ้าของคือ Sea กับ Lazada ซึ่งมีเจ้าของคือ Alibaba

ไม่เพียงเท่านี้ผู้เล่นหน้าใหม่ (แต่รายใหญ่) อย่าง TikTok Shop ที่ทุ่มเม็ดเงินลงทุนอย่างหนักในอาเซียนด้วยเช่นกัน ก็หวังจะแย่งชิงส่วนแบ่งมาจาก 2 เจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอยู่แล้วเช่นกัน

ข้อมูลล่าสุดจาก Momentum Works ในปี 2022 ที่ผ่านมา Shopee ครองส่วนแบ่งตลาดในฟิลิปปินส์มากถึง 60% ขณะที่ Lazada อยู่ที่ 36% และ TikTok Shop ที่ 4%

รายงานจาก Google และ Bain รวมถึง Temasek จัดทำในปีที่ผ่านมาชี้ว่าตลาด E-commerce ตั้งแต่ปี 2022 ถึงปี 2025 เติบโตมากถึง 17% ต่อปี ส่งผลทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งต่างสนใจตลาดอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังไม่มีผู้ชนะอย่างแท้จริง

สำหรับ Temu เป็นธุรกิจลูกของพินตัวตัว (Pinduoduo) ได้เปิดตัวธุรกิจดังกล่าวในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก โดยจะเน้นขายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โดยสินค้าส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน

ไม่เพียงเท่านี้สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัวในช่วงหลายเดือน แต่กลับแสดงให้เห็นว่าอ่อนแอลง ยิ่งทำให้บริษัทเทคโนโลยีจีน รวมถึง Pinduoduo ต้องเร่งหารายได้นอกประเทศจีน ซึ่ง Temu ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ดึงรายได้นอกจีนได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน หลังจากบริษัทได้บุกตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งประสบความสำเร็จพอสมควรแล้ว

]]>
1442708
TikTok ยังลุยตลาดสหรัฐฯ แม้เสี่ยงโดนแบน เข็นธุรกิจ E-Commerce ชนคู่แข่งสำคัญอย่าง Shein https://positioningmag.com/1439217 Thu, 27 Jul 2023 11:56:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439217 TikTok ยังลุยตลาดสหรัฐอเมริกา โดยล่าสุดเตรียมจะเปิดตัวธุรกิจ E-Commerce ที่ขายสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากประเทศจีน เพื่อแข่งกับ Shein ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญ อย่างไรก็ดีก็ยังมีความเสี่ยงในการขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคง

The Wall Street Journal รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า TikTok เตรียมที่จะเปิดตัวธุรกิจ E-Commerce ของบริษัทในสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะแข่งขันในการแย่งชิงลูกค้ากับ Shein ที่เป็นแพลตฟอร์มคู่แข่งสำคัญที่กำลังตีตลาดแดนมะกันในตอนนี้

โมเดลที่ TikTok จะนำมาใช้คือการขายสินค้าทุกชนิดเหมือนกับ Amazon ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งสินค้าเหล่านี้นำเข้ามาจากประเทศจีน นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถที่จะรีวิวร้านค้าทั้งในแพลตฟอร์มหรือแม้แต่ร้านค้าภายนอกได้ด้วย

ก่อนหน้านี้บริษัทได้เตรียมทุ่มเงินระดับหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้ว จากเหตุผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชากรกำลังเติบโตสูง และการเข้าถึง E-Commerce ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนา

ไม่เพียงเท่านี้ TikTok เองยังต้องการที่จะใช้จุดเด่นคือเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานต่อวันมากกว่า 1,000 ล้านคนในการหาโมเดลธุรกิจใหม่ด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ByteDance บริษัทแม่ได้หาโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อที่จะหารายได้เพิ่มเติมด้วย

ขณะเดียวกันตัวเลขล่าสุดผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ราวๆ 150 ล้านคน นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่มีกำลังซื้อมากที่สุดในโลก ทำให้บริษัทเองก็ไม่สามารถที่จะทิ้งตลาดนี้ไปได้ และบริษัทเองยังวางเป้าหมายที่จะมียอดขายสินค้าออนไลน์รวม (GMV) ให้ได้มากถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์ม E-Commerce หลายเจ้าได้พยายามที่จะบุกตลาดโลก เพื่อแข่งขันกับ Amazon หรือคู่แข่งที่มาจากบริษัทจีน เช่น Aliexpress ของ Alibaba และ Temu ของ Pinduoduo หรือแม้แต่ Shopee ของ Sea อย่างไรก็ดีปัญหาด้านสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้หลายแพลตฟอร์มต้องชะลอการขยายธุรกิจด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดีการบุกตลาด E-Commerce ในสหรัฐอเมริกาอาจเป็นงานลำบากของ TikTok เนื่องจากปัญหาการถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลสหรัฐ จากเรื่องข้อมูลผู้ใช้งาน หรือแม้แต่ประเด็นด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นประเด็นจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง

]]>
1439217
‘Pinduoduo’ อีคอมเมิร์ซเจ้าดัง ‘จีน’ เริ่มลุยตลาดโลก ปักหมุด ‘สหรัฐฯ’ ประเทศแรก https://positioningmag.com/1398823 Mon, 05 Sep 2022 05:08:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398823 อย่างที่หลายคนรู้ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซของ อเมริกา มีผู้เล่นสุดแกร่งอย่าง Amazon เป็นเบอร์ 1 ของตลาดและยากที่จะมีใครเทียบ แต่ Pinduoduo (พินตัวตัว) อีคอมเมิร์ซน้องใหม่สุดร้อนแรงที่มียอดผู้ใช้แซง Alibaba ก็หาญกล้าเปิดตัวเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในสหรัฐฯ และถือเป็นประเทศแรกที่แพลตฟอร์มออกจากจีน

ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้นที่ Pinduoduo ใช้เวลาสร้างตัวจนสามารถแซง Alibaba ได้ในปี 2020 โดยมีผู้ใช้รวมกว่า 788 ล้านคน แม้จะประสบความสำเร็จอย่างมากแต่ Pinduoduo ก็เพิ่งจะได้ฤกษ์ขยับตัวออกจากประเทศจีน โดยได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Temu ในสหรัฐฯ ซึ่งก็ต้องเจอของแข็งในตลาดอย่าง Amazon

Temu ถือเป็นการผลักดันครั้งใหญ่ที่สุดของ Pinduoduo ในต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนในประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการจากการฟื้นตัวของ Covid-19 ไปสู่วิกฤตด้านพลังงาน ที่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง

แม้ว่า Pinduouduo จะเริ่มต้นธุรกิจในปี 2015 แต่ปัจจุบันมีมูลค่าถึง 8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของจีนไม่ใช่แค่ Alibaba แต่รวมถึง JD.com และ Tencent แต่ในตลาดต่างประเทศคงต้องรอดูกันว่าจะไล่ตามทันหรือไม่ เพราะอย่าง Alibaba ก็มี Lazada ที่เป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเว็บไซต์ AliExpress ซึ่งให้บริการตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วน JD.com ดำเนินการ Joybuy.com สำหรับลูกค้าต่างประเทศ

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Temu จะเน้นขายสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน โดยสินค้าส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งสินค้าในแพลตฟอร์มนั้นระบุว่า ลูกค้าต้องรอสินค้าประมาณ 7-15 วัน โดยปัจจุบัน Temu จัดโปรโมชันหากสั่งซื้อมากกว่า 49 ดอลลาร์ (ราว 1,800 บาท) จัดส่งฟรี นอกจากนี้ยังมีส่วนลด 20%

Jacob Cooke ซีอีโอของ WPIC บริษัทเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและการตลาด มองว่า ความท้าทายแรกที่ Pinduoduo ต้องเจอในการบุกตลาดสหรัฐฯ คือ การสร้างชื่อให้เป็นที่เชื่อมั่น นอกจากนี้ ระยะเวลาจัดส่งที่นาน ก็เสียเปรียบคู่แข่งที่สามารถจัดส่งในวันเดียวกันหรือวันถัดไป

“ความท้าทายหลักของ Temu คือการสร้างความไว้วางใจและการรับรู้ในหมู่ลูกค้า สิ่งเดียวที่ Temu ทำได้ดีคือ ราคาที่ถูก ” Jacob Cooke กล่าว

Source

]]>
1398823
COVID-19 ดันความรวย ประเทศจีน มีจำนวน ‘เศรษฐีพันล้าน’ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1321490 Tue, 02 Mar 2021 09:38:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321490 โรคระบาดไม่ได้ฉุดความรวยของเศรษฐีจีน’ เเต่กลับเป็นตัวส่งเสริม’ ทรัพย์สินของพวกเขาให้เพิ่มพูนมากขึ้น สวนทางเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนคนรวยร้าวลึก

ในปี 2020 ที่ผ่านมา ประเทศจีนมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ-Billionaire’ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 259 คน ด้วยอานิสงส์ธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ เเละเกมออนไลน์ที่ความนิยมพุ่งกระฉูด รวมถึงตลาดหุ้นที่เฟื่องฟูเเละการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของหลายบริษัท ช่วยชดเชยหายนะจาก COVID-19

จากรายงานของ Hurun Global Rich List พบว่า จำนวนของเศรษฐีของจีนในปี 2020 รวมกันเเล้วมากกว่าของทั้งโลกรวมกัน โดยจีนมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านกว่า 1,058 คน นับเป็นประเทศแรกในโลกที่มีตัวเลขเกิน 1,000 คน ทั้งห่างอันดับ 2 อย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นอีก 70 คน รวมเป็น 696 คน

โดยผู้ครองเเชมป์มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีนตามรายงานนี้ คือจง สานส่านเจ้าของกิจการน้ำดื่มหนงฟู สปริง’ (Nongfu Spring) ที่เพิ่งโค่นมูเกช อัมบานีนักธุรกิจอินเดียไปหมาดๆ ด้วยทรัพย์สินรวม 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีรวยที่สุดในเอเชีย เเละติด 1 ใน 10 ของโลกไปหมาดๆ

จง สานส่าน เจ้าของน้ำดื่ม Nongfu Spring

เขาได้รับว่าฉายาว่าหมาป่าเดียวดายเนื่องจากเป็นคนชอบเก็บตัว ต่างจากผู้นำธุรกิจรายใหญ่อื่นๆ ของจีน และเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในจีน ที่สามารถสร้างบริษัทมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ถึง 2 บริษัท

ความรุ่งเรืองของจง สานส่านในปีที่ผ่านมา สวนทางกับเศรษฐีจีนชื่อก้องโลกอย่างแจ็ค หม่าที่อันดับความรวยลดลง หลังมีข้อขัดเเย้งกับรัฐบาลจีนในประเด็นผูกขาดทางการค้า อีกทั้งยังโดนสกัดการเสนอขายหุ้นครั้งแรกแก่ประชาชน (IPO) ของบริษัทฟินเทคในเครืออย่าง Ant Group ซึ่งเคยถูกประเมินว่าจะเป็นหุ้น IPO ที่ระดมทุนได้สูงสุดในโลก 

ในการสำรวจนี้ ยังพบว่า มหาเศรษฐี Elon Musk ซีอีโอของ Tesla , Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งของ Amazon และ Colin Huang จาก Pinduoduo หนึ่งในอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดของจีน มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีเดียว

Elon Musk ซีอีโอของ Tesla / Photo by Kevork Djansezian/Getty Images

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เเซงหน้าหลายประเทศ อีกทั้งในปีที่ผ่านมาก็สกัดความเสียหายจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้รวดเร็วทำให้มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ด้านรายงานขององค์การ Oxfam ระบุว่า เกือบทุกประเทศในโลก มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เมื่อนำสินทรัพย์ของเหล่ามหาเศรษฐีรวยที่สุด 10 อันดับแรกของโลก ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มระบาด พบว่ามีมูลค่าสูงกว่าประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีระบบเศรษฐกิจเอื้อให้กลุ่มคนร่ำรวย สามารถรักษาความร่ำรวยไว้ได้ ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางอันเลวร้าย

 

 

ที่มา : AFP

]]>
1321490