technology – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 29 Apr 2024 04:04:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Apple กลับมาพูดคุยกับ OpenAI อีกครั้ง เพื่อนำฟีเจอร์ AI เข้ามาผนวกใน iOS เวอร์ชั่นใหม่ เร่งลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่ม https://positioningmag.com/1471334 Sun, 28 Apr 2024 12:44:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471334 แอปเปิล (Apple) ได้กลับมาพูดคุยกับ OpenAI เพื่อนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาผนวกใน iOS 18 ที่ทางบริษัทกำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้เร่งลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างหนักเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Apple ผู้ผลิต iPhone ได้พูดคุยกับบริษัทเทคโนโลยีซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้ง OpenAI เจ้าของ ChatGPT รวมถึง Alphabet เจ้าของ Gemini เพื่อที่จะนำความสามารถของ AI มาไว้บน iPhone

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น Apple ได้เจรจากับ OpenAI ว่าจะนำความสามารถ AI มาผนวกใน iOS 18 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ของ iPhone ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ฝ่ายเคยมีการเจรจากันมาแล้ว ก่อนที่จะเงียบหายกันไป

ขณะเดียวกัน Apple เองก็ได้มีการพูดคุยกับ Alphabet บริษัทแม่ของ Google และเป็นเจ้าของ AI อย่าง Gemini มาแล้ว ในส่วนของเทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศจีน บริษัทได้พูดคุยกับทาง Baidu ซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีดังกล่าวในแดนมังกรเช่นกัน

Apple เองได้มีความพยายามในการไล่ตามเทคโนโลยี AI เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเองได้ทุ่มสรรพกำลังในเรื่องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น Alphabet หรือ Meta รวมถึง Microsoft เองที่ได้ลงทุนใน OpenAI ซึ่งผู้ผลิต iPhone เองก่อนหน้านี้มองว่าเทคโนโลยีดังกล่าวยังไม่ใช่ภัยคุกคามของบริษัทด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกันการนำเทคโนโลยีของทั้ง Alphabet และ OpenAI เข้ามายังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของ Apple เองนั้นอาจมีความล่าช้า แม้จะมีการทดสอบระบบดังกล่าวบางส่วนก็ตาม เช่น ในกรณีการทำแคมเปญโฆษณาบน App Store ของบริษัท

อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Apple ต้องกลับมาพูดคุยกับบริษัทที่มีเทคโนโลยี AI คือแรงกดดันจากผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหลายรายได้เริ่มนำฟังก์ชั่นดังกล่าวมาเป็นจุดขายเพิ่มมากขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมา Tim Cook ซึ่งเป็น CEO ของ Apple ก็มีการใช้งาน ChatGPT เช่นกัน แต่หัวเรือใหญ่ของ Apple เองได้ชี้ว่ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องแก้ไขอีกจำนวนมาก และฟีเจอร์ AI ที่จะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทเองนั้นก็ต้องมีพื้นฐานที่รอบคอบมาก และล่าสุดเขาเองก็ได้กล่าวว่าบริษัทได้เร่งลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างมากเช่นกัน

อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวของสื่อรายดังกล่าวยังกล่าวว่าเรื่องการเจรจานั้นมีความเป็นไปได้ทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาใช้เทคโนโลยีของทั้ง 2 บริษัท หรือเลือกเทคโนโลยีรายใดรายหนึ่ง

]]>
1471334
Spotify ทำกำไรเป็นสถิติอีกครั้ง หลังบริษัทงัดแผนลดต้นทุน ปลดพนักงานบางส่วน และขึ้นราคาแพ็กเกจ https://positioningmag.com/1470918 Wed, 24 Apr 2024 09:55:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470918 สปอติฟาย (Spotify) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 โดยบริษัทมีกำไรทำสถิติอีกครั้ง จากมาตรการไม่ว่าจะเป็น การลดต้นทุน การปลดพนักงาน หรือแม้แต่การขึ้นราคาแพ็กเกจ จากแรงกดดันของนักลงทุน เพื่อบริษัทจะได้กลับมามีกำไรได้อย่างสม่ำเสมออีกครั้ง 

Spotify ประกาศผลประกอบการของไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยบริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 168 ล้านยูโร ขณะที่กำไรขั้นต้นของบริษัทได้แตะหลัก 1,000 ล้านยูโรเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลกำไรดังกล่าวนั้นมาจากกลยุทธ์ของบริษัทที่ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และปรับราคาแพ็กเกจ

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เร่งในการลดต้นทุน เช่น การปลดพนักงาน 1,500 รายช่วงปลายปี 2023 ซึ่ง Daniel Ek ผู้บริหารสูงสุดของ Spotify เคยกล่าวว่าบริษัทมีพนักงานมากเกินไป และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ทำให้บริษัทต้องกลับมารีดไขมันองค์กรให้มีประสิทธิภาพอีกครั้ง

นอกจากนี้ Spotify ยังได้งัดแผนการสำคัญคือการประกาศขึ้นราคาแพ็กเกจทั่วโลกในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2023 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อที่จะสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ฟังเพลง รวมถึงศิลปิน ซึ่งประกาศดังกล่าวนี้มีผลต่อผู้ใช้งานทั่วโลก

ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีผู้ใช้งานเติบโตเพิ่ม 14% ทำให้บริษัทมีสมาชิกทั้งหมด 239 ล้านคน มีรายได้รวม 3,600 ล้านยูโร และมีกำไรขั้นต้นแตะ 1,000 ล้านยูโร ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วอยู่ที่ 168 ล้านยูโร

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องเร่งแผนในการปรับขึ้นราคาแพ็กเกจ หรือแม้แต่การลดต้นทุน ก็คือ แรงกดดันจากนักลงทุนที่ต้องการที่จะให้บริษัทกลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทมีผลประกอบการรายปีขาดทุนนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แม้ว่าจำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

ขณะเดียวกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทยังมีแผนที่จะปรับขึ้นราคาในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เพื่มเติมด้วย ซึ่งประเทศดังกล่าวถือเป็นตลาดหลักของ Spotify

ข้อมูลจาก S&P Global Market Intelligence ได้รวบรวมข้อมูลจากนักวิเคราะห์ ชี้ว่าภายในปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไรได้เต็มปี ซึ่งแตกต่างกับในอดีตที่บริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ตลอด

]]>
1470918
มาเลเซียตั้งเป้าเป็น ‘ศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค’ ภายในปี 2030 ดึงดูดสตาร์ทอัพหรือแม้แต่บริษัทเทคฯ เข้ามาลงทุนในประเทศ https://positioningmag.com/1470683 Tue, 23 Apr 2024 08:14:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470683 มาเลเซียเตรียมที่จะตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาคภายในปี 2030 ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดสตาร์ทอัพหรือแม้แต่บริษัทเทคฯ ต่างๆ เข้ามาลงทุนในประเทศ รวมถึงการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจในประเทศ

Anwar Ibrahim นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้กล่าวในงาน KL20 Summit ว่า มาเลเซียต้องการที่จะตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค และต้องการที่จะติด 1 ใน 20 ประเทศในดัชนี Global Start-up Ecosystem ภายในปี 2030 ให้ได้

แผนการดังกล่าวนั้นมีทั้งการที่จะปั้นให้มาเลเซียที่จากเดิมเป็นแหล่งสำหรับทดสอบและทำแพ็กเกจจิ้งชิป และมีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมมากถึง 13% ให้กลายเป็นแหล่งสำหรับออกแบบชิป ซึ่งการออกแบบชิปถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงมากกว่า หลังจากนี้จะมีการตั้งพื้นที่สำหรับการออกแบบชิปโดยเฉพาะ

โดยสำหรับพื้นที่สำหรับการออกแบบชิป นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียได้พูดคุยกับบริษัทออกแบบชิประดับโลกอย่าง Arm ในเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

สำหรับการให้ความช่วยเหลือสตาร์ทอัพที่ตั้งธุรกิจในมาเลเซีย รัฐบาลได้วางแผนทั้งการให้ข้อมูลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โอกาสในการหาลูกค้า การให้ความช่วยเหลือในเรื่องของวีซ่า หรือแม้แต่การให้ความรู้ในเรื่องการระดมทุน

นายกรัฐมนตรีของยังเชิญชวนให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มาลงทุนในประเทศ และยังกล่าวเสริมว่ากองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลก หรือ Venture Capital มากถึง 12 แห่งเตรียมที่จะตั้งสำนักงานในประเทศ เพื่อที่จะสร้างระบบนิเวศขึ้นให้ได้

ไม่เพียงเท่านี้กองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซียอย่าง Khazanah Nasional เตรียมเม็ดเงินมากถึง 1,000 ล้านริงกิต เพื่อที่จะลงทุนในบริษัทมาเลเซียที่มีการเติบโตสูงและมีนวัตกรรมทันสมัยด้วย

Rafizi Ramli รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของมาเลเซียยังกล่าวเสริมในเรื่องของแผนการของมาเลเซียในครั้งนี้ว่า มาเลเซียต้องการที่จะดึงดูดสตาร์ทอัพจากทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ รวมถึงแรงงานทักษะสูง ซึ่งจะสร้างตำแหน่งงานทักษะสูงในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าตำแหน่งงานดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ยังรวมถึงการให้วีซ่าระยะยาวแก่เจ้าของบริษัทสตาร์ทอัพ การให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อที่จะทำให้มาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาคให้ได้

ที่มา – Malay Mail, Reuters

]]>
1470683
TikTok เตรียมสู้ทางกฎหมาย ย้ำถึงเรื่องเสรีภาพ หลังสภาสหรัฐฯ บีบให้ ByteDance ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี https://positioningmag.com/1470572 Mon, 22 Apr 2024 08:16:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470572 TikTok ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการเหยียบย่ำเสรีภาพ กระทบผู้ใช้งานชาวอเมริกัน 170 ล้านคน หลังจากที่สภาได้ไฟเขียวบีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี หรือไม่ก็ถูกแบน ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าไม่ได้มีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือถูกควบคุมแต่อย่างใด

TikTok ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่สภาสหรัฐฯ ได้บีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นให้ขายกิจการภายใน 1 ปี ไม่งั้นแล้วจะถูกแบน โดยมองว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน

โฆษกของ TikTok ได้ออกมาประณามร่างกฎหมายนี้ โดยกล่าวว่า ข้อกฎหมายดังกล่าวเหยียบย่ำเสรีภาพทางความคิดของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ซึ่งบริษัทมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้นสร้างผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน ทำลาย 7 ล้านธุรกิจในสหรัฐอเมิกา และถือเป็นการปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ TikTok ยังได้ยืนยันว่าบริษัทไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาให้กับรัฐบาลจีนแต่อย่างใด และข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นก็ถูกเก็บไว้ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทได้จับมือกับ Oracle ในการใช้บริการคลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลดังกล่าว

ไม่เพียงเท่านี้โฆษกของ TikTok เองยังได้กล่าวว่า ByteDance ไม่ได้มีเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ

สำหรับข้อกฎหมายดังกล่าวได้บีบให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมา หรือไม่ก็ถูกแบน ซึ่ง ส.ส. ของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเองต่างเห็นพ้องต้องกันในการออกข้อกฎหมายดังกล่าว โดยมองถึงเรื่องความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวได้แก้ไขโดยยืดเวลาให้เป็น 1 ปี จากเดิมซึ่งใช้เวลา 6 เดือน

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Shou Chew ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าบริษัทจะต่อสู้ทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา

ถ้าหากกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ก็อาจทำให้ ByteDance เหลือเวลาตัดสินใจเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้นว่าจะขาย TikTok ออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ดีถ้าหากคดีดังกล่าวขึ้นศาลแล้วนั้นผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคดีความจะสิ้นสุด

ที่มา – BBC, CBS News, Reuters, CNN

]]>
1470572
Netflix เตรียมเลิกรายงานจำนวนสมาชิกในแต่ละไตรมาส ชี้ควรโฟกัสรายได้และอัตรากำไรจากการดำเนินงานมากกว่า https://positioningmag.com/1470371 Fri, 19 Apr 2024 01:50:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470371 เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง ได้เตรียมที่จะยกเลิกการรายงานตัวเลขสมาชิกในแต่ละไตรมาส โดยบริษัทได้ให้เหตุผลถึงว่าปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวถือเป็นส่วนประกอบของการเติบโต แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งแตกต่างกับในอดีต

Netflix ได้แจ้งกับนักลงทุนในการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ของปี 2024 ว่าบริษัทจะไม่รายงานจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละไตรมาสอีกต่อไป โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งการงดรายงานตัวเลขดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติของบริษัทไอทีที่กำลังเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว และหารายได้ใหม่ๆ แทน

ในรายงานประจำไตรมาส 1 ของบริษัทยังชี้ว่าการรายงานตัวเลขสมาชิกในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากบริษัทยังมีรายได้ไม่มาก ฉะนั้นแล้วสิ่งที่สามารถรายงานการเติบโตของบริษัทได้ก็คือยอดตัวเลขสมาชิกของบริษัท แต่ปัจจุบันบริษัทมีกำไรและกระแสเงินสดที่เติบโต ซึ่งถือว่าแตกต่างกับอดีต

เจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกายังชี้ถึงบริษัทได้พัฒนาที่จะหารายได้ในส่วนอื่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำโฆษณาเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่ราคาสมาชิกที่แตกต่างกัน ฉะนั้นบริษัทอยากให้นักลงทุนได้โฟกัสกับรายได้และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) แทน

อย่างไรก็ดีในรายงานดังกล่าวบริษัทได้กล่าวว่าจะยังมีการรายงานรายได้ในแต่ละภูมิภาคอยู่ รวมถึงชี้ว่าข้อมูลที่บริษัทได้รายงานในแต่ละไตรมาสถือว่ามีความละเอียดเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ

แผนระยะยาวของ Netflix หลังจากนี้ บริษัทจะเน้นเพิ่มคอนเทนต์ให้หลากหลายหรือแม้แต่การเพิ่มคุณภาพของภาพยนตร์ และรายการต่างๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ หรือแม้แต่การหารายได้จากช่องทางอื่นๆ

บริษัทยังได้รายงานตัวเลขผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 9.3 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 16% ซึ่งปัจจัยหลักนั้นมาจากมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่าน ยังรวมถึงการที่บริษัทมีแพ็กเกจราคาถูกที่มีโฆษณาออกมาด้วย

ผลดำเนินการของ Netflix ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานั้นบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,370 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรทั้งสิ้น 2,633 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสมาชิกแบบจ่ายเงินทั้งหมด 269.60 ล้านราย

กรณีการไม่รายงานตัวเลขสมาชิกในแต่ละไตรมาสของ Netflix ในปี 2025 ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทไอทีหลายแห่งก็ได้เลิกที่จะรายงานยอดสมาชิกในแต่ละไตรมาส ไม่ว่าจะเป็น Twitter ก่อนที่จะโดนซื้อกิจการ หรือแม้แต่ Meta เจ้าของ Facebook และ Instagram เองก็ไม่ได้รายงานตัวเลขดังกล่าวแล้วด้วยซ้ำ

]]>
1470371
Huawei เริ่มวางขายโทรศัพท์รุ่น Pura 70 แล้ว นักวิเคราะห์คาดผู้บริโภคชาวจีนยังให้การตอบรับในทางที่ดีเหมือนเคย https://positioningmag.com/1470275 Thu, 18 Apr 2024 07:20:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470275 หัวเว่ย (Huawei) ได้วางขายโทรศัพท์รุ่น Pura 70 แล้วในประเทศจีนทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดผู้บริโภคชาวจีนยังให้การตอบรับในทางที่ดีเหมือนเคย ขณะเดียวกันคาดว่ากระแสดังกล่าวอาจสร้างแรงกดดันให้กับคู่แข่งสำคัญนั่นก็คือ Apple หลังจากโทรศัพท์รุ่น Mate 60 Pro เคยทำได้มาแล้ว

Huawei ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสินค้าไอทีและโทรคมนาคมของจีน ได้วางขายโทรศัพท์มือถือรุ่น Pura 70 อย่างเป็นทางการ หลังจากที่บริษัทได้รีแบรนด์รุ่นโทรศัพท์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ได้กระแสตอบรับของผู้บริโภคชาวจีนดีไม่น้อยทั้งออนไลน์และในร้านค้าตามเมืองใหญ่

สำหรับโทรศัพท์ Pura 70 ที่วางขายในวันนี้จะมีรุ่น Ultra ซึ่งถือเป็นโทรศัพท์รุ่นแพงที่สุดนั้นจะมีราคา 9,999 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 50,000 บาท และรุ่น Pro ที่มีราคาเริ่มต้น 6,499 หยวน

ในส่วนรุ่นเริ่มต้นอย่าง Pura 70 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 5,499 หยวน และ Pura Pro+ ที่มีราคาเริ่มต้น 7,999 หยวนจะเริ่มวางขายในวันที่ 22 เมษายน

บนเว็บไซต์ของ Huawei ผู้บริโภคชาวจีนได้จองซื้อ Pura 70 ทั้งรุ่น Pro และ Ultra หมดภายในเวลาไม่กี่นาที ขณะที่หน้าร้านของบริษัทตามเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ก็มีคิวยาวเช่นกัน แต่พนักงานของร้านให้ผู้ที่ซื้อโทรศัพท์จะต้องเปิดเครื่องเพื่อลงทะเบียนใช้งานจริง ป้องกันไม่ให้นำโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวไปขายต่อในราคาแพง ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วกับรุ่น Mate 60 Pro

Huawei Pura 70 Ultra / ภาพจาก Huawei

นักวิเคราะห์ยังคาดว่าในโทรศัพท์รุ่น Pura 70 นั้นจะเหมือนการเปิดตัวโทรศัพท์ในรุ่น Mate 60 ที่มีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศจีน ตั้งแต่ชิป จนถึงชิ้นส่วนอื่นๆ เนื่องจาก Huawei เป็นหนึ่งผู้ผลิตที่ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการในการห้ามเข้าถึงชิ้นส่วน หรือแม้แต่เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS

Ivan Lam นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Counterpoint ได้ชี้ว่าโทรศัพท์ในรุ่น Pura 70 อาจเป็นตัวเร่งยอดขายโทรศัพท์มือถือของ Huawei เหมือนกับ Mate 60 Pro ที่เคยทำมาแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็มองว่าโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวอาจไม่ต้องรอสินค้านานเท่า Mate 60 Pro แม้ว่าจะมีความต้องการสูงก็ตาม

ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวไม่กี่วัน Huawei ได้มีการรีแบรนด์โทรศัพท์ในรุ่น P ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมสุดของบริษัท โดยมีการเปลี่ยนชื่อเป็นรุ่น Pura แทน โดยผู้บริหารของบริษัทได้กล่าวถึงการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นความเรียบง่าย สวยงาม รวมถึงการใช้นวัตกรรมทันสมัย

ในปี 2023 ที่ผ่านมา Huawei ได้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือไปแล้วถึง 32 ล้านเครื่อง

คาดว่ากระแสของโทรศัพท์รุ่น Pura 70 นี้อาจสร้างความยากลำบากให้กับคู่แข่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Apple ที่พบกับแรงสนับสนุนโทรศัพท์ที่ผลิตในประเทศจีนอย่างรุ่น Mate 60 จนทำให้ยอดขายตกมาแล้วในปีที่ผ่านมาก็เป็นได้

ที่มา – China Daily, Reuters, South China Morning Post

]]>
1470275
Google ปลดพนักงานบางส่วนอีกครั้ง แต่ไม่ได้ระบุจำนวน ชี้ทำตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพขึ้น https://positioningmag.com/1470258 Thu, 18 Apr 2024 01:30:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470258 Google ประกาศปลดพนักงานบางส่วนแต่ไม่ได้ระบุจำนวน ขณะเดียวกันก็มีแผนย้ายพนักงานไปประจำที่สำนักงานแห่งอื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยแผนดังกล่าวตามมาหลังจากที่ CEO ของบริษัทเตรียมที่จะปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง

Business Insider และ Reuters รายงานข่าวว่า Google ได้เตรียมปลดพนักงานบางส่วน และยังเตรียมที่จะโยกย้ายพนักงานบางส่วน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเทคโนโลยีนั้นต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายภายใต้สภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน

โฆษกของ Google ได้กล่าวกับ Reuters ว่าการปลดพนักงานในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปลดพนักงานจำนวนมาก และมีผลกระทบแค่ในส่วนการบริหารภายใน อย่างไรก็ดีไม่ได้มีการบอกว่ามีการปลดพนักงานจำนวนมากน้อยแค่ไหน และระยะในการปลดพนักงานยาวนานแค่ไหน

นอกจากนี้โฆษกของ Google ยังได้กล่าวว่า นับตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2023 และปี 2024 เป็นต้นมาบริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น ลดความซับซ้อนของโครงสร้างองค์กร และจัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญ

แผนกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปลดพนักงานรอบนี้คือแผนกการเงินและแผนกอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดีในการปลดพนักงานครั้งนี้ พนักงานสามารถที่จะสมัครตำแหน่งงานภายในที่บริษัทได้เปิดรับได้

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะโยกย้ายพนักงานบางส่วนไปยังสำนักงานอื่นๆ ที่ Google ได้ลงทุนทั้งในสหรัฐอเมริกา เช่น แอตแลนตา ฯลฯ หรือแม้แต่ในต่างประเทศ เช่น ในประเทศอินเดีย ไอร์แลนด์ ฯลฯ

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Sundar Pichai ซึ่งเป็น CEO ของ Google ได้ส่งข้อความให้กับพนักงานในบริษัท โดยกล่าวว่าในปี 2024 นี้บริษัทอาจต้องมีการปลดพนักงาน เพื่อที่จะปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงรีดประสิทธิภาพขององค์กรด้วย

ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะต้นทุนทางการเงินที่ยังสูง จากอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่มีท่าทีที่จะลดลง ส่งผลทำให้บริษัทหลายแห่งต้องหันกลับมาลดต้นทุนในการปลดพนักงานอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งอาจมีการปลดพนักงานระลอกใหม่ตามมา

]]>
1470258
CEO ของ Telegram เผยยอดผู้ใช้งานต่อเดือนจะแตะ 1,000 ล้านคนได้ภายในปีนี้ แย้มอาจเข้า IPO ในตลาดหุ้น https://positioningmag.com/1470188 Wed, 17 Apr 2024 07:24:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470188 Pavel Durov ซึ่งเป็น CEO ของ Telegram ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Tucker Carlson โดยเผยยอดผู้ใช้งานต่อเดือนจะแตะ 1,000 ล้านคนได้ภายในปีนี้ และเขาเองอาจเข้า IPO ในตลาดหุ้นถ้าหากแพลตฟอร์มมีกำไรแล้ว

Pavel Durov ซึ่งเป็น CEO ของ Telegram ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Tucker Carlson โดยเขากล่าวว่าแพลตฟอร์มส่งข้อความชื่อดังนั้นจะสามารถมียอดผู้ใช้งานต่อเดือน (Monthly Active User) แตะ 1,000 ล้านคนได้ภายในปีนี้ ซึ่งสัมภาษณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่เขาออกหน้ากล้องในรอบหลายปี

CEO ของ Telegram กล่าวว่าปัจจุบันแพลต์ฟอร์มมี Monthly Active User มากกว่า 900 ล้านคนแล้ว และคาดว่าจะผ่านหลัก 1,000 ล้านคนได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าเป้าหมายของแพลตฟอร์มคือ “ความเป็นกลาง” และไม่ใช่ศูนย์กลางของความขัดแย้งในการเมืองระหว่างประเทศ

นอกจากนี้เขายังได้เล่าถึงประวัตินับตั้งแต่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง VK ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคล้ายกับ Facebook ที่มีธุรกิจในรัสเซีย และเป็นแพลตฟอร์มที่โด่งดังจนทำให้รัฐบาลรัสเซียต้องเข้าแทรกแซง และท้ายที่สุดบีบให้เขาต้องขายกิจการจนมาก่อตั้ง Telegram และเขาเองถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของแพลตฟอร์มดังกล่าวนี้

Telegram ถือเป็นแพลตฟอร์มส่งข้อความที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งของโลก มีสำนักงานตั้งอยู่ในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย CEO ของ Telegram กล่าวว่าประเทศดังกล่าวถือเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ และต้องการที่จะเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไม่ใช่แค่มหาอำนาจแต่เพียงอย่างเดียว

จุดเด่นของ Telegram นั้น Pavel Durov ได้กล่าวในสัมภาษณ์ของ Tucker Carlson คือเรื่องของการเข้ารหัสข้อความทำให้ยากแก่การถอดรหัส ซึ่งเป็นไอเดียที่เขาคิดตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ในรัสเซีย และเกิดแรงกดดันจากรัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าว

Pavel Durov – ผู้ก่อตั้ง Telegram / ภาพจากรายการ Tucker Carlson Interview

แพลตฟอร์มส่งข้อความรายนี้มีชื่อเสียงในการใช้งานของผู้ประท้วงในหลายประเทศ หรือแม้แต่ในการบุกยูเครนโดยรัสเซีย ที่รัฐบาลแต่ละฝ่ายได้ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวนั้นเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร หรือแม้แต่โฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง

ปัจจุบัน Telegram มีคู่แข่งรายสำคัญคือ WhatsApp ของ Meta ที่มี Monthly Active User ราวๆ 2,000 ล้านคน นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าคู่แข่งสำคัญคือ Apple และ Google เนื่องจากถ้าหากไม่ทำตามข้อกำหนดแล้วแอปพลิเคชันก็อาจถูกถอดออกจาก App Store หรือ Google Play ทันที

นอกจากนี้เขาชี้ว่า Telegram ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัสเซีย โดยเขาชี้ว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นข่าวที่  ปล่อบมาจากคู่แข่งรายอื่นที่ต้องการดิสเครดิต เนื่องจากเห็นการเติบโตของแพลตฟอร์มเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่เรื่องชีวิตส่วนตัว เขาชี้ว่านอกเหนือจากเงินหรือ Bitcoin แล้ว เขาไม่พยายามที่จะมีทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เรือยอร์ช หรือแม้แต่เครื่องบินส่วนตัวด้วยซ้ำ เนื่องจากเขาต้องการที่จะเป็นอิสระ

เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Pavel Durov ได้ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่าถ้าหาก Telegram มีกำไร เขาอาจนำธุรกิจเข้า IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แต่ก็มองตลาดหุ้นอื่นไว้เช่นกัน นอกจากนี้เขาก็ยังดูลู่ทางในการระดมทุนโดยขายหุ้นให้กับนักลงทุนบางส่วนด้วยเพื่อที่จะนำเงินมาลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์

]]>
1470188
Meta เปิดตัวชิปเร่งประมวลผล AI รุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร หวังลดการพึ่งพาจาก Nvidia https://positioningmag.com/1469864 Thu, 11 Apr 2024 03:01:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469864 เมต้า (Meta) เจ้าของ Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram ได้เปิดตัวชิปเร่งการประมวลผลปัญญหาประดิษฐ์รุ่นใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร ซึ่งมีความสามารถมากกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้บริษัทยังต้องการลดการพึ่งพาชิปจาก Nvidia ลง

Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Social Network ได้เปิดตัวชิปเร่งการประมวลผลปัญญหาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ ซึ่งความสามารถของชิปรุ่นใหม่นี้ประมวลผลด้าน AI ได้เร็วมากขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับชิปในรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 5 นาโนเมตรซึ่งทำให้ประหยัดพลังงานลดลง

สำหรับงานที่ใช้เทคโนโลยี AI ของ Meta จนต้องมีการผลิตชิปออกมาเพื่อเร่งการประมวลผลนั้น เช่น เรื่องการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในด้านโฆษณา เพื่อหากลุ่มลูกค้า หรือแม้แต่การใช้ประมวลผลด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งชิปดังกล่าวจะใช้ในศูนย์ข้อมูลของบริษัท

Meta ยังชี้ว่าการผลิตชิปรุ่นใหม่นี้เป็นส่วนสำคัญของแผนระยะยาวในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานด้าน AI ของบริษัท

ไม่เพียงเท่านี้ ชิปดังกล่าวของ Meta ยังใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตรจาก TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้ชิปของบริษัทนั้นประหยัดพลังงานเมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้ Mark Zuckerberg ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Meta เคยกล่าวว่าในปี 2024 บริษัทจะสั่งชิปเร่งการประมวลผล AI ในรุ่น H100 จาก Nvidia เพิ่มเติมอีก 350,000 ชุด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีชิปเร่งการประมวลผลมากถึง 600,000 ชุด ซึ่งถือว่าใช้เม็ดเงินระดับมหาศาลในการซื้อชิปรุ่นดังกล่าว

ในช่วงที่ผ่านมาเทรนด์การใช้ AI ได้ทำให้ชิปของ Nvidia ถูกบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาหรือแม้แต่คู่แข่งจากจีน ได้ทำการกว้านซื้อเพื่อที่จะนำไปประมวลผลด้าน AI ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทผลิตชิปรายดังกล่าวกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นแตะหลักล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นักวิเคราะห์บางรายคาดยังว่า Nvidia นั้นอาจมีรายได้จากการขายชิปเร่งประมวลผล AI ได้มากถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027 และคู่แข่งรายอื่นไม่มีใครสามารถเข้ามาเทียบเคียงได้

อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Microsoft หรือ Amazon หรือไม่เว้นแต่ Meta ต่างต้องการที่จะลดการพึ่งพาชิปจาก Nvidia ให้ได้มากที่สุด และชิปที่บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้จ้างผลิตยังสามารถกำหนดสเปกตามความต้องการได้อีกด้วย

]]>
1469864
Jack Ma สนับสนุนแผนปรับโครงสร้างองค์กร มองว่า AI ยังเป็นยุคเริ่มต้น แนะพนักงาน Alibaba เปิดใจรับความเปลี่ยนแปลง https://positioningmag.com/1469760 Wed, 10 Apr 2024 09:46:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469760 แจ็ก หม่า (Jack Ma) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Alibaba คนสำคัญ ได้ส่งข้อความภายในบริษัทให้กับพนักงาน ในช่วงการจัดการเสวนาภายในบริษัท โดยเขาสนับสนุนในเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กร และชี้ว่าประสิทธิภาพต้องมาก่อน นอกจากนี้เขายังมองว่าการเข้ามาของ AI ยังเป็นยุคเริ่มต้น

Jack Ma หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Alibaba คนสำคัญ ได้ส่งข้อความภายในบริษัทให้กับพนักงาน ในช่วงการจัดการเสวนาภายในบริษัท โดยจดหมายดังกล่าวนั้นจุดประสงค์นั้นเพื่อที่จะเสริมสร้างกำลังใจในหมู่พนักงาน นอกจากนี้ในจดหมายดังกล่าวยังสนับสนุนในแผนการปรับโครงสร้างองค์กร โดยชี้เรื่องของประสิทธิภาพ

การจัดการเสวนาภายในบริษัทของ Alibaba เกิดขึ้นหลังจากบริษัทประกาศแยกธุรกิจออกมาเป็น 6 หน่วยธุรกิจ ซึ่งระยะเวลานั้นครบรอบ 1 ปี

สำหรับแผนในการปรับโครงสร้างองค์กรนั้น Jack Ma ได้ชี้ว่า “เราเปลี่ยนบริษัทจากองค์กรที่ยุ่งยากให้กลายเป็นองค์กรที่เรียบง่ายและคล่องตัว โดยที่ประสิทธิภาพต้องมาก่อน” และมองว่าบริษัทได้แก้ปัญหาขององค์กรได้

เขายังกล่าวเสริมว่าบริษัทได้ทำผิดพลาดมาตลอด 25 ปี และจะมีความผิดพลาดอีก 77 ปี ภายในระยะเวลา 300 ปี แต่เขายังได้แนะนำพนักงานของ Alibaba ว่าการเผชิญปัญหาไม่ใช่การปฏิเสธอดีต แต่เพื่อค้นหาหนทางที่รับผิดชอบต่ออนาคต

ขณะเดียวกันการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้น Jack Ma มองว่าจะทำให้อุตสาหกรรม E-commerce ในปัจจุบันเกิดความพลิกผัน แต่เขาเองมองว่าการเข้ามาของ AI ยังอยู่ในยุคเริ่มต้นเท่านั้น เปรียบได้กับยุค Internet ช่วงแรกๆ

ในปี 2019 นั้น Jack Ma ได้ประกาศวางมือจาก Alibaba อย่างไรก็ดีในช่วงปลายปี 2020 เขาได้กล่าวพาดพิงถึงหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีน จนเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามาปราบปรามธุรกิจเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน มหาเศรษฐีรายนี้ได้เก็บตัวเงียบและพยายามทำตัวไม่เป็นข่าวมากนัก

ซึ่งผลกระทบจากการเข้ามาปราบปรามธุรกิจเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนได้ทำให้มูลค่าบริษัทเทคโนโลยีในจีนหายไปอย่างมาก ซึ่งรวมถึง Alibaba ด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงบริษัทยังโดนค่าปรับจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีนในกรณีที่บริษัทมีพฤติกรรมผูกขาดตลาด รวมถึงคดีความล่าสุดกับ JD.com นั้นก็ต้องจ่ายค่าปรับให้อีกฝ่ายด้วย

โดยในช่วงที่ผ่านมา Jack Ma ได้ตระเวนไปรอบโลกเพื่อที่จะศึกษาในเรื่องการเกษตร หรือแม้แต่พูดคุยกับนักธุรกิจตามประเทศต่างๆ รวมถึงล่าสุดได้มีการเปิดธุรกิจที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและขายปลีกสินค้าทางการเกษตร ซึ่งเขาเองพยายามทำตัวไม่เป็นข่าวมากนัก

ก่อนในท้ายที่สุดเขาจะได้ออกมาส่งข้อความให้กับพนักงาน Alibaba ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ นัก ภายใต้สภาวะความท้าทายที่เกิดขึ้นของบริษัทในช่วงเวลานี้

ที่มา – South China Morning Post, Reuters

]]>
1469760