food – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 04 Sep 2023 10:29:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จีนแบนนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่น ประท้วงกรณีปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ https://positioningmag.com/1442334 Thu, 24 Aug 2023 11:11:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442334 จีนแบนนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่น โดยมาตรการดังกล่าวตอบโต้กรณีที่ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะซึ่งมีกัมมันตภาพรังสีปนเปื้อน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศที่นำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาท

กรมศุลกากรของจีน ได้ออกแถลงการณ์ว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอาหาร จากการปนเปื้อนของกัมมันตภาพรังสี และเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคชาวจีน ทำให้จีนระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม เป็นต้นไป

มาตรการดังกล่าวตามหลังมาจาก Tepco ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เริ่มปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวลงสู่ทะเลเป็นครั้งแรกถึง 1.3 ล้านตัน เมื่อตอนบ่ายของวันนี้ (24 สิงหาคม)

สำหรับน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะมาจากการนำน้ำเข้าไปหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในปี 2011 ซึ่งพื้นที่ในการจัดเก็บน้ำเสียดังกล่าวลดลงเรื่อยๆ ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจต้องทิ้งน้ำเสียดังกล่าว แม้ว่าจะมีการบำบัดน้ำเสียเพื่อขจัดสารกัมมันตภาพรังสีส่วนใหญ่แล้วก็ตาม และมีการเจือจางด้วยน้ำทะเลอีกรอบ

การปล่อยน้ำเสียของญี่ปุ่นครั้งนี้ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศยืนยันถึงความปลอดภัย รวมถึง UN ก็ออกมาไฟเขียวในเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าน้ำเสียปริมาณทั้งหมดจะต้องใช้เวลาปล่อยลงสู่ทะเลยาวนานถึง 30 ปีด้วยกัน

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้จำกัดการนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงฟุกุชิมะและโตเกียว ก่อนที่ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวข้างต้น ในปี 2022 ที่ผ่านมาจีนนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 20,000 ล้านบาท

แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมหาสมุทรเป็นทรัพย์สินส่วนรวมของมนุษยชาติ การกระทำของญี่ปุ่นถือว่าขาดความรับผิดชอบ และไม่สนใจผลประโยชน์สาธารณะระหว่างประเทศ

แผนการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะได้รับแรงต่อต้านอย่างหนักจากทั้งประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลีใต้ ไปจนถึงกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสี ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทะเล รวมถึงอาหารทะเลที่มีผู้บริโภคทั่วโลกรวมอยู่ด้วย

ที่มา – CNN, NBC News

]]>
1442334
Minor คาดรายได้หลังจากนี้โตแตะ 2 หลัก มองนักท่องเที่ยวจีน 6-9 เดือนหลังจากนี้ถึงกลับมาคึกคัก https://positioningmag.com/1416012 Thu, 19 Jan 2023 18:48:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416012 บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจในเครือของปี 2022 นั้นกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัจจัยที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาวะเศรษฐกิจ การเปิดประเทศ ไปจนถึงอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าในปี 2023 นี้กลุ่มบริษัทนั้นกลับมามีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ตัวเลข 2 หลัก แต่ก็มองถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาคึกคักอีกรอบ

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงภาพรวมของบริษัทว่า การฟื้นตัวของบริษัทหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือว่าแข็งแกร่งมาก จากปัจจัยหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหลายประเทศมีการฉีดวัคซีน รวมถึงเขามองว่าความรุนแรงของโควิดลดลง หลายพื้นที่ไม่มีการใส่หน้ากากอนามัยแล้ว

แม้ว่าจะพบกับอุปสรรคจากเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยในยุโรป แต่ตัวเลขต่างๆ ของบริษัทดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ ตลาดหลายที่บริษัทดำเนินการนั้นแข็งแกร่ง แน่นอนว่าไทยเป็นประเทศปลายทาง 1 ใน 5 นักท่องเที่ยวสนใจเข้ามา แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนยังไม่เข้ามา

ขณะเดียวกันสายการบินตอนนี้เที่ยวบินเต็ม แถมมีจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

สำหรับผลประกอบการ Q3 ของปี 2022 ที่ผ่านไปนั้น เขามองว่าจะเป็นมาตรฐานของไตรมาส 4 และหลังจากนี้ ขณะเดียวกันบริษัทก็จะเพิ่มราคาห้องพักขึ้นมาเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และเรตค่าห้องพักของโรงแรมนั้นเพิ่มขึ้นมากว่าช่วงก่อนโควิดไปแล้วกว่า 20% ในหลายๆ ที่ เช่น มัลดีฟ ออสเตรเลีย ฯลฯ หรือแม้แต่ประเทศไทย

โดย Positioning จะพาไปดูถึงภาพรวมในปี 2022 ที่ผ่านมา รวมถึงกลยุทธ์บริษัทในปี 2023 ว่ามีอะไรบ้าง

กลุ่มโรงแรม

หัวเรือใหญ่ของกลุ่ม Minor ได้กล่าวว่าในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทนั้นถือเป็นผู้เล่นในกลุ่มโรงแรมทั่วโลกใหญ่ติด 1 ใน 10 และบริษัทในตอนนี้ได้มีการกระจายการลงทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันหลายคนสงสัยการฟื้นตัวของยุโรป จากสภาวะเศรษฐกิจต่างๆ แต่เขาชี้ว่าธุรกิจโรงแรมในยุโรปฟื้นตัวแรงแข็งแกร่ง

ขณะที่ธุรกิจที่อื่นๆ อย่าง มัลดีฟ ตะวันออกกลางก็ฟื้นตัวได้แข็งแกร่งเช่นกัน ซึ่งโรงแรมในตะวันออกกลางนั้นได้ประโยชน์จากสายการบิน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวอินเดีย รัสเซีย ส่วนที่ออสเตรเลียก็แข็งแกร่งมาก เขาชี้ว่าดีที่สุดนับตั้งแต่การซื้อกิจการ

สำหรับในประเทศไทย โรงแรมที่ภูเก็ตเติบโตแข็งแกร่งมาก เพราะนักท่องเที่ยวอินเดีย รัสเซีย และชาวยุโรปมาเที่ยว เขาชี้ว่าเวลานี้ภูเก็ตนั้นเหมือนเป็นฮับการท่องเที่ยว ขณะที่ภาพรวมนั้นภูเก็ตถือว่ามีความต้องการสูงจากนักท่องเที่ยวมาก เป็นผลส่วนหนึ่งมาจากนโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

แม้ว่าก่อนหน้านี้ประเทศจีนจะยังไม่เปิดประเทศ แต่เขาชี้ว่าธุรกิจโรงแรมก็ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว หลายประเทศเปิดมากขึ้น สายการบินก็จะเปิดเที่ยวบินมากขึ้น ส่งผลดีต่อบริษัทมากขึ้น

ผู้บริหารของ Minor กล่าวว่ากลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรป เช่น NH Hotels ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง – ภาพจาก Shutterstock

กลุ่มธุรกิจอาหาร

ดิลลิปได้กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอาหารนั้นมีกำไรตั้งแต่พฤษภาคมที่ผ่านมา ในไตรมาส 3 ของปี 2022 นั้นมีนรายได้เติบโตมากถึง 30% ขณะที่กำไรเติบมากกว่าปีที่แล้วถึง 4 เท่า เขาชี้ว่าธุรกิจอาหารในไทยและออสเตรเลียเป็นตัวขับเคลื่อน

แม้ว่าในประเทศจีนจะล็อกดาวน์ก็ตาม แต่เขามองว่าเทรนด์ธุรกิจนั้นจีนจะฟื้นตัวเหมือนกับช่วงการแพร่ระบาดของโควิด และจีนคลายล็อกดาวน์ในช่วงปี 2020 เขายังได้ย้ำว่าแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีรายได้จากจีน ก็มีไทย ออสเตรเลีย รวมถึงสิงคโปร์ ที่ทำรายได้เติบโตตลอด

นอกจากนี้บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น หันมาทำ Craft Bar ของ Swensen’s รวมถึงปรับโฉมแบรนด์ และการลดต้นทุน ทำให้กำไรกลับมาอีกครั้งได้

กลุ่มธุรกิจ Lifestyle

กลุ่มนี้รายได้กับกำไรอาจส่งผลกับบริษัทน้อย แต่เขาชี้ว่าบริษัทให้ความสำคัญอยู่เช่นกัน โดยใช้กลยุทธ์การลดต้นทุน ใช้ช่องทาง E-commerce มากขึ้น ปิดตัวแบรนด์บางตัว และปรับปรุงโครงสร้างของกลุ่ม ส่งผลทำให้มีกำไรมากขึ้นในปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์บริษัทปี 2023

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2023 ดิลลิปได้กล่าวว่ามีโรงแรมที่จะกำลังเปิดหลังจากนี้อีกจำนวนมากถึง 70 โรงในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะลงทุนเองหรือบริษัทได้เข้าไปบริหาร ขณะเดียวกันเขาก็รอดูนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสของการเติบโต

นอกจากนี้บริษัทยังได้ผลักดัน Loyalty Program ซึ่งตอนนี้มีสมาชิก 22 ล้านคนทั่วโลกที่รวมโรงแรมในเครือของบริษัทไว้มากกว่าเครือโรงแรมคู่แข่งอีกด้วย

ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารนั้น บริษัทได้เปิดร้าอาหารใหม่ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลางอย่าง ซาอุดิอาระเบีย เขาชี้ถึงเทรนด์การกลับมากินอาหารในร้านมากขึ้น ขณะเดียวกันแบรนด์ก็ต้องสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด อย่างการทำเมนูใหม่ๆ รวมถึงเปิดร้านอาหารที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้า เช่น เปิดร้านบอนชอนนอกกรุงเทพมากขึ้น ร้านชานม Gaga ขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศและนอกประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง

หัวเรือใหญ่ของกลุ่ม Minor คาดว่ารายได้จะโตไม่ต่ำกว่า 2022 ราวๆ 20% บริษัทจะได้ผลดีจากนักท่องเที่ยวจีน หรือรายได้จากกลุ่มอาหารในประเทศจีน นอกจากนี้เขายังมองว่ารายได้และกำไรจะแข็งแกร่ง จากการรีดประสิทธิภาพของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา และชี้ว่าปี 2023 จะทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

สิ่งที่ทำให้บริษัทเติบโต

กลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทเติบโตได้นั้น ดิลลิปชี้ว่า ต้องมีแบรนด์ที่เป็นผู้ชนะอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทในหลายธุรกิจ รวมถึงจะต้องตอบโจทย์ลูกค้า ดูความต้องการของลูกค้าว่าต้องการอะไร ขณะที่คนที่ทำงานในบริษัทจะต้องเน้นในเรื่องการทำงานเป็นทีม และรวมถึงทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน เนื่องจากบริษัทติดในดัชนีหลายตัว เช่น DJSI หรือ MSCI รวมถึง FTSE For good และยังต้องความโปร่งใสให้กับนักลงทุน มีความสม่ำเสมอด้วย

นอกจากนี้เขายังเล่าเรื่องของการปรับตัว โดยบริษัทนั้นไม่ได้นั่งเฉยๆ แต่หาโอกาสใหม่ๆ เช่น ซื้อโรงแรมในยุโรป แต่ก็รู้ว่าต้องเก็บกระแสเงินสด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้พนักงานมี Productivity การวางแผนด้าน Supply Chain รวมถึงเรื่องการเงินของบริษัทที่ต้องบริหารอย่างชาญฉลาด

นอกจากนี้เขายังเน้นว่าแม้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจ แต่ดูเรื่องงบดุลของบริษัทด้วย ซึ่งเป็นบทเรียนจากช่วงโควิด-19 ที่บริษัทจะต้องมีกระแสเงินสดไว้

สำหรับมุมมองที่มีต่อนักท่องเที่ยวจีนนั้น เขามองว่าต้องใช้เวลาสักพัก โดยเฉพาะเรื่องของสายการบิน รวมถึงการเคลียร์วีซ่า 6-9 เดือนถึงจะเห็นความคึกคัก รวมถึงคนจีนน่าจะเที่ยวในประเทศอย่างการเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องก่อน ขณะปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทางบริษัทได้เปิดโรงเรียนด้านการโรงแรม AIHM กับสถาบันในสวิตเซอร์แลนด์ นั่นจะทำให้คนทำงานด้านนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้น บุคลากรสามารถทำงานได้ทั่วโลก

]]>
1416012
เงินเฟ้อทำต้นทุนพุ่ง ‘เนสท์เล่’ ขึ้นราคาสินค้าทั่วโลก 5% เเละมีเเนวโน้มจะปรับขึ้นอีก https://positioningmag.com/1382465 Fri, 22 Apr 2022 09:21:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382465 เนสท์เล่ (Nestlé) บริษัทอาหารเเละเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก มีการปรับขึ้นราคาสินค้ามากกว่า 5% ในช่วง 3 เดือนเเรกของปีนี้หลังต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น จากปัญหาเงินเฟ้อส่งผลต่อภาระผู้บริโภค

ในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ระบุว่ากลุ่มผู้บริโภคในอเมริกาเหนือได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีราคาสินค้าของเนสท์เล่เพิ่มขึ้น 8.5% ตามมาด้วยผู้บริโภคโซนลาตินอเมริกาที่ราคาปรับเพิ่มขึ้น 7.7%”

Mark Schneider ซีอีโอของเนสท์เล่ ส่งสัญญาณว่าบริษัทมีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาสินค้าอีก ตามอัตราเงินเฟ้อโลกที่พุ่งสูงขึ้น

โดยระบุในเเถลงการณ์ว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าจะต้องคำนึงถึงผู้บริโภค โดยอัตราเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการปรับราคาเพิ่มเติม รวมออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบตลอดทั้งปีนี้

อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯ แตะ 8.5% ในเดือนมีนาคม สูงที่สุดในรอบ 40 ปี ส่วนในยุโรปอยู่ที่ 7.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สหภาพยุโรปเริ่มรวบรวมข้อมูลเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว

ราคาของสินค้าที่ผลิตจากโรงงานในเยอรมนีเมื่อเข้าสู่ราคาขายปลีกได้ปรับเพิ่มขึ้น 30% ในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 73 ปี

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลักๆ มาจากราคาพลังงานขณะเดียวกัน ราคาอาหารที่เเพงขึ้นก็กดดันเงินเฟ้อเช่นเดียวกัน

เนสท์เล่รายงานยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 5.4% ในไตรมาสนี้และคาดว่ายอดขายจะเติบโต 5% ตลอดทั้งปี โดยได้เเบรนด์ต่างๆ อย่าง Purina PetCare, Nescafé และ KitKat เป็นตัวหนุนการเติบโต

อย่างไรก็ตาม การเเบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น อาจทำให้ผลกำไรของบริษัทลดลง โดยคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ระหว่าง 17% ถึง 17.5% เทียบกับ 17.4% ในปี 2021

ราคาอาหารโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นปีนี้ จากวิกฤตโรคระบาด สภาพอากาศที่ย่ำแย่ การรุกรานยูเครนของรัสเซียที่ทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก โดยเฉพาะสินค้าหลักอย่างข้าวสาลี และ น้ำมันพืช

David Malpass ประธานธนาคารโลก เตือนว่าการพุ่งขึ้นของราคาอาหาร มีความเสี่ยงจะเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของของมนุษยชาติ เเละราคาอาจเพิ่มขึ้นมากถึง 37% อันเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน

 

ที่มา : CNN

]]>
1382465
นักวิจัยญี่ปุ่น พัฒนาตะเกียบไฟฟ้าเสริม ‘รสเค็ม’ ช่วยผู้ที่ต้องการ ‘ลดโซเดียม’ ในอาหาร https://positioningmag.com/1381995 Tue, 19 Apr 2022 14:10:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381995 นักวิจัยญี่ปุ่น พัฒนาตะเกียบไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มรสเค็มสำหรับผู้ที่ต้องการลดโซเดียมในเมนูอาหาร

โดยผลงานนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างศาสตราจารย์ Homei Miyashita จากมหาวิทยาลัยเมจิ และบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่อย่าง Kirin Holdings ซึ่งตะเกียบดังกล่าว จะช่วยเพิ่มรสชาติผ่านการกระตุ้นด้วยระบบไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สวมใส่อยู่บนสายรัดข้อมือ

ศาสตราจารย์ Miyashita เปิดเผยว่า ตัวอุปกรณ์จะใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน เพื่อส่งผ่านไอออนของโซเดียมจากอาหารผ่านตะเกียบและเข้าสู่ปาก ซึ่งจะช่วยสร้างสัมผัสรสเค็มได้ เเละผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือมีรสเค็มเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า

ทีมวิจัยกำลังสำรวจวิธีต่างๆ ที่จะนำเอาเทคโนโลยีมาทำปฏิกิริยาและกระตุ้นประสบการณ์ประสาทสัมผัสของมนุษย์ อย่างเช่น การพัฒนาจอโทรทัศน์ที่เลียได้ สามารถเลียนแบบรสชาติอาหารที่หลากหลาย เป็นต้น

ทั้งนี้ อาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น มักจะนิยมมีรสเค็ม ซึ่งผู้ใหญ่ชาวญี่ปุ่น โดยเฉลี่ยเเล้วจะบริโภคเกลือประมาณ 10 กรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำไว้ถึง 2 เท่า

การที่ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป เกี่ยวเนื่องกับภาวะอันตรายที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าเป็น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และอาการเจ็บป่วยอื่นๆ เเละเพื่อป้องกันโรคร้ายเหล่านี้ จึงต้องลดปริมาณเกลือที่เราบริโภคลง

Miyashita เเละ Kirin เตรียมจะเปิดตัวตะเกียบช่วยเพิ่มรสเค็มตัวต้นแบบในเร็วๆ นี้ และหวังว่าจะได้วางขายในตลาดอย่างเร็วที่สุดในช่วงปีหน้า

 

ที่มา : Reuters

]]>
1381995
‘สลัดแฟคทอรี่’ ขอโตด้วยโมเดล ‘ไซซ์มินิ’ เข้าถึงง่าย ลิสต์ Plant-based ขึ้นเป็น ‘เมนูประจำ’  https://positioningmag.com/1371499 Wed, 02 Feb 2022 23:54:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371499 ธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวให้ยืดหยุ่นทั้งวิธีคิด เเนวทาง การจัดการเเละเมนูต่างๆ เมื่อโควิด-19 ยังไม่หายไปในเร็ววันเเถมยังต้องเเบกรับภาระต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

สลัดแฟคทอรี่’ (Salad Factory) ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งการปรับร้านให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้ง่ายต่อการกระจายสาขา ขยายช่องทางเดลิเวอรี่ เพิ่มความสะดวกในการซื้อกลับบ้าน เเละล่าสุดกับการรุกตลาดเมนู Plant-based ที่กำลังเป็นเทรนด์อาหารเเห่งอนาคต

ปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ (สลัดแฟคทอรี่) บอกกับ Positioning ว่า ภาพรวมตลาดอาหารสุขภาพมีการเติบต่ออย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เป็นเพียงเทรนด์ที่มาแล้วไป แต่กลายเป็นตลาดที่ยั่งยืนเพราะคนหันมาใส่ใจดูเเลสุขภาพตัวเองมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยอาหารสุขภาพยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงและเข้าถึงกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น เเนวทางของสลัดแฟคทอรี่จึงจะมุ่งไปที่การทำให้อาหารสุขภาพมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ให้เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ารายใหม่ ๆ

ขยับขยายด้วย ‘ไซซ์มินิ’ 

ปัจจุบันสลัดแฟคทอรี่ มีสาขาอยู่ทั้งหมด 20 สาขา เน้นเจาะกลุ่มวัยทำงาน ชาวออฟฟิศเเละผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ปีนี้ตั้งเป้าจะขยายให้ได้อีกราว 10-15 สาขาหลังสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย ประชาชนเริ่มออกมาทานอาหารนอกบ้านกันปกติ

โดยรูปเเบบการขยายสาขาจะเเตกต่างออกไป ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่โมเดล ‘Mini store’ ในสถานีบริการน้ำมันหรือไฮเปอร์มาร์เก็ตหรือตามโรงพยาบาลมากกว่าการเปิดสาขาสเเตนด์อะโลนเเบบเดิม

ก่อนโควิดเรามีโมเดลเดียวคือเปิด Full-Shop ไปเลย เเต่ตลอดช่วงวิกฤตที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้เเละปรับวิธีคิดใหม่ ว่าไม่ควรมีช่องทางการขายเเค่ช่องทางเดียว การจัดการเเต่ละสาขาต้องมีความยืดหยุ่น เมื่อลงเล็กก็คล่องตัวขึ้น ลดความเสี่ยงไปได้หลายทาง การทำงานก็มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ทั้งนี้ สัดส่วนการขายเเบบเดลิเวอรี่เเละหน้าร้านของสลัดแฟคทอรี่ เมื่อกลางปีที่เเล้วอยู่ที่ 50 : 50 จากนั้นลดลงเหลือราว 40% เมื่อรัฐผ่อนคลายมาตรการให้นั่งทานที่ร้านได้ เเต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด

สำหรับโมเดลร้านขนาดเล็ก เขามองว่า เป็นประโยชน์กับทั้งทางร้านเเละอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้น เพราะสั่งซื้อกลับบ้านได้ง่าย นั่งทานที่เคาน์เตอร์บาร์ได้ เเละจัดส่งเดลิเวอรี่ได้รวดเร็ว โดยจะมีการดีไซน์เมนูใหม่ให้กับกับร้านมินิเรื่อยๆ เเม้จะมีจำนวนเมนูน้อยกว่าที่ร้านใหญ่เเต่ก็จะมีความผสมผสานหลากหลาย เเละสามารถทานคนเดียวได้ง่าย

ยกตัวอย่างเช่น โมเดล ‘Fresh and easy’ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่เเล้ว ที่นำร่องเปิดที่ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตเเละเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์

โดยได้ทดลองวางจำหน่ายสลัดพร้อมทานแบรนด์สลัดแฟคทอรี่ในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา ปรากฏว่าผลตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งต่อไปจะมีการปรับปรุงเเพ็กเกจจิ้งเเละโปรดักส์ใหม่ คาดว่าจะเปิดตัวแคมเปญได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้

นอกจากนี้ ยังมีการขยายสาขาไปในโรงพยาบาลมากขึ้น เพื่อจับลูกค้ากลุ่มผู้รักสุขภาพเเละบุคลากรทางการเเพทย์ อย่างสาขาในรพ.จุฬาลงกรณ์ โดยวางเเผนจะมีการรังสรรค์เมนูใหม่ๆ เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไต หรือผู้ป่วยที่ต้องมีการดูเเลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ

เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่สาขาของสลัดแฟคทอรี่ มักจะอยู่ย่านชานเมืองนั้น มีเเผนจะเข้ามาเปิดในพื้นที่กลางใจเมืองบ้างหรือไม่ ผู้บริหารสลัดแฟคทอรี่ตอบว่ากำลังอยู่ในระหว่างพิจารณา เนื่องจากค่าเช่าที่ในเมืองค่อนข้างสูง เเละมีความเสี่ยงหากสถานการณ์โควิดกลับมารุนเเรงอีกครั้ง จึงต้องระวังเป็นพิเศษเเละพยายามกระจายความเสี่ยงให้อยู่ในโซนที่จัดการได้ง่าย ยืดหยุ่นได้เมื่อเกิดวิกฤต

ลิสต์ Plant-based ขึ้นเป็น ‘เมนูประจำ’ 

ด้านการรุกตลาดเมนู Plant-based ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สลัดแฟคทอรี่ ให้ความสำคัญในปีนี้ เพราะกำลังเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง พร้อมมีการเติบโตต่อเนื่อง เเละยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เป็นการสร้างฐานกลุ่มลูกค้าให้เเข็งเเกร่งมากขึ้นเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ทางสลัดแฟคทอรี่ได้ทดลองตลาด โดยการเพิ่มเมนู Plant-based เป็นเมนูพิเศษในช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งก็มีเสียงตอบรับที่ดี ทั้งจากลูกค้าที่เป็นวีเเกนอยู่เเล้ว เเละลูกค้าใหม่ที่อยากลิ้มลอง

ในปีนี้ บริษัทจึงจะต่อยอดด้วยการเพิ่มเมนู Plant-based 10 เมนู เข้ามาในลิสต์เมนูประจำโดยจะทยอยเพิ่มทีละสาขาจนครบ 20 สาขา ภายในช่วงต้นเดือนก..นี้ หลังกระเเสความนิยมเพิ่มขึ้น หลังคนไทยทานเมนู Plant-based ได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เเค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น บางคนทานสัปดาห์ละ 2-3 มื้อ เป็นต้น

ล่าสุด สลัดแฟคทอรี่ มองเห็นโอกาสธุรกิจใหม่ในตลาดนี้ จึงจับมือกับมีท อวตารหนึ่งในซัพพลายเออร์ Plant-based ชื่อดังของไทย พัฒนาโปรดักต์ใหม่มาเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าตลาดเเมส อย่าง น้ำสลัด Plant-based “มาทาน x สลัดแฟคทอรี่” 5 รสชาติ ได้แก่ น้ำสลัดซีซ่าร์, เทาซันไอร์แลนด์, ครีมส้มยูซู, งาญี่ปุ่นและมายองเนสเบส วางโพสิชั่นด้วยราคาที่เข้าถึงได้ เเละรสชาติไม่แตกต่างจากน้ำสลัดสูตรปกติมากนัก ซึ่งตอนนี้มีการวางขายในสาขาของสลัดแฟคทอรี่เเล้ว สเต็ปต่อไปจะมีการวางขายในโมเดิร์นเทรดในเร็วๆ นี้

สำหรับมูลค่าตลาดอาหารกลุ่ม Plant Base ปัจจุบันอยู่ที่ราว 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโตเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี ถือเป็นตัวเลขการเติบโตน่าจับตามอง โดยมีทั้งผู้ประกอบการรายเล็กรายใหญ่ลงมาเล่นในสนามนี้กันคึกคัก

 

 

]]>
1371499
ทิศทางธุรกิจร้านอาหาร มีหวัง ‘ฟื้นตัว’ ปี 65 เเต่ต้องระวังโอมิครอน-ต้นทุนวัตถุดิบพุ่งสูง https://positioningmag.com/1369606 Thu, 06 Jan 2022 06:22:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369606 ธุรกิจอาหารเมืองไทย มีหวังพลิกกลับมาฟื้นตัว 5.0% – 9.9% ในปีนี้ เเต่ยังโตกระจุกเฉพาะประเภท ร้านมีชื่อเสียง ขายในห้างฯ จะเริ่มฟื้นตัวก่อน สตรีทฟู้ดเเข่งดุ เจ้าใหญ่กระโจนลงตลาดเพียบ การระบาดของโอมิครอน-ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เเพงขึ้น ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ

แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ยังเป็นปีที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์อื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวดี

เเต่ก็ยังคงมีปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างมาตรการคนละครึ่งเฟส 4” ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคมเมษายนนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารน่าจะกลับมาเติบโตประมาณ 5.0% – 9.9% (ส่วนหนึ่งเป็นผลของราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นและเงินเฟ้อ) คิดเป็นมูลค่า 3.78-3.96 แสนล้านบาท จากที่ปี 2564 หดตัวถึง 11% อย่างไรก็ตาม จะยังคงเป็นการขยายตัวเฉพาะกลุ่มหรือประเภทร้านอาหาร

ร้านดัง – ร้านในห้าง เริ่มฟื้นตัวก่อน 

ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) น่าจะเห็นการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยกลุ่มร้านอาหารที่จะทยอยกลับมาฟื้นตัวก่อน จะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารที่มีชื่อเสียงรวมถึงในพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยในฤดูท่องเที่ยว เช่น อยุธยา บางแสน พัทยา หัวหิน นครปฐม ฯลฯ

ส่วนร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณอาคารสำนักงานน่าจะฟื้นตัวจำกัด เนื่องสถานที่ทำงานหลายแห่งยังคงการทำงานแบบ Hybrid Working และ Work from home ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้จึงยังคงต้องพึ่งช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักเพื่อสร้างรายได้

ประเมินว่าจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.31 – 1.42 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัว 10.0% – 19.5% โดยเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่หดตัวรุนแรงในปีก่อน

ร้านจานด่วน กระตุ้นด้วยเดลิเวอรี่ 

ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาในกลุ่มอาหารจานด่วน และร้านอาหารขนาดเล็กที่คาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้นกว่าปี 2564 อาทิ กลุ่มร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้านรวมถึงร้านอาหารรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความคล่องตัวสูง โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยและปั๊มน้ำมันทั้งในกรุงเทพฯ รอบนอก ปริมณฑลและหัวเมืองหลัก

“ในปี 2565 คาดว่าผู้ประกอบการร้านอาหารในกลุ่มนี้น่าจะทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันจัดส่งอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้วช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักจะเป็นช่องทางรายได้ที่สำคัญของร้านอาหารประเภทนี้” 

คาดว่าจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 6.4 -6.8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 4.6% – 11.8%

อย่างไรก็ดี ร้านอาหารกลุ่มนี้ยังมีความท้าทายในด้านการบริหารจัดการ ‘ช่วงเวลาเร่งด่วน’ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากในหลายช่องทาง เนื่องจากทรัพยากรแรงงานและพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้อาจเกิดภาวะคอขวดในกระบวนการต่างๆ ภายในร้านขึ้นได้

สตรีทฟู้ดเเข่งดุ 

ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องและกลุ่มร้านอาหารข้างทางยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ มีเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย และราคาไม่สูง

“ร้านอาหารในกลุ่มนี้ มีความหนาแน่นของผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง และมีการหมุนเวียนเข้าออกของผู้เล่นสูง ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาขยายฐานการตลาดในเซ็กเมนต์นี้อย่างต่อเนื่อง” 

โดยคาดว่าตลาด Street Food จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.84 -1.86 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2.0% – 3.0%

ระวังการปรับเพิ่มราคา เเบกต้นทุนพุ่ง 

ในปี 2565 ทิศทางธุรกิจร้านอาหาร ต้องคำนึงเรื่อง ‘ต้นทุนธุรกิจที่คาดว่าจะทรงตัวสูงต่อเนื่องทั้งปี ขณะที่การปรับเพิ่มราคาขายยังทำได้จำกัด’ สร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิของผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนวัตถุดิบอาหารและต้นทุนพลังงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายจำเป็นต้องปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้น การปรับตัวของผู้ประกอบการมาใช้โมเดลร้านอาหารขนาดเล็กเพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยง รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานเป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่ธุรกิจร้านอาหาร

“ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมขยายการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารมากยิ่งขึ้น ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกและปริมณฑล รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ทื่มีการกระจุกตัวของที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงของโควิดที่ยังมี ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องรักษาสมดุลของช่องทางการขายและเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ ไปยังสินค้าอื่นๆ มากยิ่งขึ้น”

โดยแม้ภาพรวมทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 จะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีก่อนหน้า แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อลดผลกระทบจากทั้งปัจจัยท้าทายในธุรกิจ

]]>
1369606
เนสท์เล่ ลุย Plant-based ต่อเนื่อง เปิดตัว ‘ไข่’ และ ‘กุ้ง’ จากพืช เริ่มวางขายในตลาดยุโรปก่อน https://positioningmag.com/1355478 Thu, 07 Oct 2021 11:00:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1355478 ยักษ์ใหญ่วงการอาหาร พัฒนาสูตรเเข่งตลาด Plant-based กันต่อเนื่อง ล่าสุดเนสท์เล่ ออกเมนูกุ้งเเละไข่ที่ทำจากพืช ประเดิมวางขายในโซนยุโรปก่อน

อาหารทดแทนเนื้อสัตว์ที่ทำมาจากพืช หรือ ‘Plant-based’ ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เเละมีส่วนเเบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้จำกัดเเค่ผู้บริโภคสายวีเเกนหรือสายรักษ์โลกเหมือนสมัยก่อน เเต่ขยายถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปด้วย

เนสท์เล่ (Nestlé) จะเริ่มวางขายผลิตภัณฑ์ไข่จากพืชภายใต้แบรนด์ Garden Gourmet vEGGie โดยมีส่วนประกอบสำคัญเป็นโปรตีนถั่วเหลือง และกรดไขมันโอเมก้า 3 ใช้ทำอาหารเมนูต่างๆ หรือใช้ผสมในเค้กเเละคุกกี้ได้เหมือนกับไข่ปกติ

ส่วนกุ้งจากพืชจะวางขายภายใต้แบรนด์ Vrimp หลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อทูน่าจากพืชไปเมื่อปีที่แล้ว เเละมีเสียงตอบรับที่ดี

โดยจะเริ่มจะวางจำหน่ายทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ในบางประเทศในยุโรป รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะขยายไปยังตลาดอื่นๆ ต่อไป

Mark Schneider ซีอีโอของเนสท์เล่ บอกว่า ผลิตภัณฑ์วีแกน อย่างเบอร์เกอร์และไส้กรอกจากพืช มียอดขายเติบโตเเบบ ‘double-digit’

“Plant-based ไม่ได้จำกัดเเค่เฉพาะกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป เเต่กำลังจะเป็นเทรนด์กระเเสหลักที่เข้าถึงในวงกว้าง ทุกเพศทุกวัย

เขาเชื่อว่าตลาดนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เเม้ในปีที่แล้ว ยอดขายของผลิตภัณฑ์จากพืชเเบรนด์ต่างๆ ของเนสท์เล่ จะมีมูลค่าเพียง 216 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.3 พันล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยจากยอดขายทั้งหมดในเครือกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3 ล้านล้านบาท)

วัตถุดิบอาหาร 5 แบบแรกที่วางตลาดของ Harvest Gourmet นำไปทำอาหารได้หลายอย่าง

ด้าน Stefan Palzer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของเนสท์เล่ ระบุว่า บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Plant-based เมนูใหม่ๆ ได้ภายในเวลาไม่ถึงปี อย่างเช่น การสร้างโปรตีนถั่วที่ไม่ได้มีรสชาติเหมือนพืชตระกูลถั่วเลย

เราจะพยายามพัฒนาให้อาหาร Plant-based เหล่านี้ มีรสชาติใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะจะช่วยให้ผู้คนเปลี่ยนมาทานวีเเกนกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

สะท้อนให้เห็นทิศทางของเเบรนด์อุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลกที่จะบุกตลาด Plant-based อย่างจริงจัง หลังเปิดตัวเบอร์เกอร์จากพืชเป็นครั้งแรกในปี 2019 ซึ่งช้ากว่าผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมอย่าง Beyond Meat และ Impossible Foods ของสหรัฐฯ ไปประมาณ 3 ปี

อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกผ่านเเบรนด์ในเครือที่มีอยู่จำนวนมาก เป็นข้อได้เปรียบของเนสท์เล่ที่มีอยู่เหนือคู่แข่งรายสำคัญที่ทำตลาดนี้มาก่อน

เรามีแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มอยู่มากมาย เเต่บริษัทเหล่านั้นไม่มี” Palzer กล่าว

ที่ผ่านมา เนสท์เล่ ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์วีแกนร่วมกับสินค้าหมวดหมู่อื่นๆ อย่าง KitKat V ซึ่งเราคงจะได้เห็นการทำตลาดเเบบนี้ออกมาเรื่อยๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับผู้บริโภค

ส่วนในไทยนั้น เนสท์เล่ จับตลาด Plant-based ผ่านแบรนด์ Harvest Gourmet จำหน่ายวัตถุดิบอาหารแบบ B2B เข้าร้านโดยตรง มีพันธมิตรเชนร้านอาหารรายใหญ่หลักร้อยสาขา มี 5 ชนิดให้เลือก ได้แก่ เนื้อเบอร์เกอร์ เนื้อบดละเอียด ไก่ย่างรมควัน ไก่ชุบเกล็ดขนมปัง และ มีทบอล

โดยประเมินมูลค่าตลาดในไทยราว 900 ล้านบาท โอกาสโตปีละ 20% พบคนไทย 1 ใน 4 เป็นกลุ่ม Flexitarian ลดทานเนื้อสัตว์อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์

อ่านต่อ : Plant-based ฮิตจัด! “เนสท์เล่” เปิดแบรนด์ Harvest Gourmet ส่งวัตถุดิบเข้าร้านอาหาร

 

]]>
1355478
ร้านอาหาร ดิ้นสู้เพื่ออยู่รอด หาพื้นที่เช่าระยะสั้น ทำครัวใหม่นอกห้าง เเก้เกมล็อกดาวน์ https://positioningmag.com/1343270 Tue, 20 Jul 2021 09:29:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343270 เเบรนด์ดัง ร้านอาหารเล็ก-ใหญ่ในศูนย์การค้าอ่วม ดิ้นรนเเก้เกมผลกระทบจากมาตรการ ‘ล็อกดาวน์’ ส่งเดลิเวอรี่ไม่ได้ ออกตามหา ‘พื้นที่เช่านอกห้าง’ เพื่อทำครัวชั่วคราวเเห่งใหม่ กระจายตามโซนต่างๆ จะเป็นร้านเก่า ตึกเเถว หรือบ้านที่มีอุปกรณ์ครัวได้หมด !!! 

จากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้น เพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อวานนี้ (20 ..64) รัฐบาลได้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมควบคุมการปิดและเปิดให้บริการในสถานที่ต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าเเละคอมมูนิตี้มอล ทั้ง 13 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มเป็นเวลา 14 วันตามประกาศ หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

โดยอนุญาตให้ห้างฯ เปิดให้บริการได้เพียงแค่ 3 กิจการเท่านั้น คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา/เวชภัณฑ์ และสถานที่ฉีดวัคซีน

ดังนั้น ธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ 3 กิจการดังกล่าว จะต้องปิดให้บริการชั่วคราว รวมไปถึงร้านอาหารในห้างฯที่ก่อนหน้านี้ยังเปิดให้บริการได้เเต่ต้องขายเเบบซื้อกลับบ้านและฟู้ดเดลิเวอรี่ เเต่จากมาตรการล่าสุดนั้น ร้านอาหารในห้างฯ จะไม่สามารถขายได้เลยแม้แต่ช่องทางเดลิเวอรี่

หลังปรับตัวรับวิกฤตโควิดมาหลายรอบ บรรดาร้านอาหารต้องดิ้นรนอีกครั้งเพื่อให้ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้เเละต้องระบายวัตถุดิบที่มีอยู่

เเบรนด์ต่างๆ จึงตัดสินใจเเก้เกมนี้ ด้วยการประกาศหาพื้นที่เช่าที่มีทำเลอยู่นอกห้างสรรพสินค้า หลากหลายโซนในกรุงเทพฯ เพื่อทำเป็นครัวเเห่งใหม่เนื่องจากตอนนี้ หากเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่นอกห้าง ยังสามารถเปิดขายเดลิเวอรี่ได้ถึงเวลา 20.00 .

เริ่มจาก Zen Group เชนร้านอาหารรายใหญ่ ที่มีเเบรนด์ในมืออย่าง ZEN, On The Table และ AKA ระบุว่า

ท่านใดมีร้านอาหารนอกห้าง ที่มีครัวและอุปกรณ์ครัว โดยไม่ได้เปิดร้าน สนใจอยากให้เช่า โซนดังต่อไปนี้ ลาดพร้าว อนุสาวรีย์ ทองหล่อ สาทร สีลม เพลินจิต พระราม 3 สาธุประดิษฐ์ รามอินทรา (แฟชั่นไอซ์แลนด์) เจริญนคร บางกะปิ สยาม พร้อมพงษ์ รัตนาธิเบศร์ งามวงศ์วาน ปิ่นเกล้า บางแค บางนา พระราม 9 สามารถติดต่อที่ [email protected] หรือโทร 084-675-7553”

ตามมาด้วย อัจฉรา บุรารักษ์ ผู้ก่อตั้ง iberry group เจ้าของร้านอาหารอย่าง กับข้าวกับปลา ทองสมิทธ์ เจริญแกง ฟ้าปลาทาน เบิร์นบุษบา โรงสีโภชนา เเละ รสนิยม โพสต์ข้อความหาพื้นที่เช่าเเห่งใหม่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

สืบเนื่องมาจาก การถูกสั่งปิดร้านอาหารในห้างทั้งหมด เพื่อนคนไหนมีร้านอาหารนอกห้าง โซนดังต่อไปนี้ มีอุปกรณ์ครัวแต่ไม่ได้เปิดร้าน สนใจอยากให้เช่าระยะสั้นบ้างไหมคะ ทองหล่อ เอกมัย ลาดพร้าว เรียบด่วนเอกมัยรามอินทรา ราชพฤกษ์ บางจาก รบกวน ติดต่อ line add @iberrygroup นะคะ ขอบพระคุณค่ะ

ด้าน ดุษิตา สถิรเศรษฐ รองประธานกรรมการ Sukishi Inter Group ร้านอาหารเกาหลีและญี่ปุ่นชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตามหาพื้นที่เช่าทำครัวอาหารนอกห้างเช่นกัน โดยมองหาโซนใกล้ๆ ย่านพระราม 2 พระราม 3 ปิ่นเกล้า เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต แฟชั่น ไอส์แลนด์ พระราม 9 บางกะปิ รังสิต รวมทั้ง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี หาดใหญ่ ติดต่อ inbox ไปโดยตรงได้ที่ https://www.facebook.com/dusita.satiraseth 

Shinkanzen sushi ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาหลายเเห่งในห้างฯ ออกประกาศว่า ทางร้านยังมีพนักงานอีกหลายคนที่ต้องดูเเล เพื่อให้พนักงานยังมีงานและรายได้ จึงขอประกาศตามหาพื้นที่เช่า (ระยะสั้น) ทำครัวชั่วคราวสำหรับขายเดลิเวอรี่ ไม่ว่าจะเป็น ตึกเเถว ร้านอาหารเก่า cloud kitchen หรือเป็นครัวโรงเเรมที่หยุดดำเนินการในช่วงนี้ โดยพื้นที่ที่ต้องการคือ

  • เป็นพื้นที่ขนาด 20-40 ตร.ม. เเละมีส่วนที่สามารถทำครัวได้
  • มีที่จอดรถสำหรับให้ไรเดอร์จอดได้
  • มีน้ำไฟ พร้อมใช้

ส่งรายละเอียด มาที่ line@: @shinkanzensushi หรือ inbox มาที่เพจ Shinkanzen sushi

Potato Corner เเบรนด์เฟรนช์ฟรายส์ปรุงรส ก็ประกาศว่า ต้องการหาพื้นที่เช่าด่วน ในช่วง 14 วันนี้ (20 ก.ค. – 2 ส.ค.) โดยไม่จำเป็นต้องมีครัว หรือเป็นร้านอาหาร เพียงแค่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 15 ตร.ม. ขึ้นไป ในโซนต่างๆ อย่าง ลาดพร้าว เอกมัย ศรีนครินทร์ บางนา บางใหญ่ ท่าพระ ห้วยขวาง บางกะปิ พระราม 3 เลียบทางด่วนรามอินทรา รังสิต ดอนเมือง รังสิต ปทุมธานี พระราม 2 บางแค คันนายาว ตลิ่งชัน แจ้งวัฒนะ งามวงศ์วาน สำโรง  รัตนาธิเบศร์ สุขสวัสดิ์ ทุ่งครุ

คุณสมบัติของพื้นที่ ที่จำเป็นต้องมี

  • กำลังไฟ 3 Phase 30 Amp (หากไม่ใช่ไฟตามนี้ รบกวนแจ้งกำลังไฟที่มี)
  • พื้นที่ขั้นต่ำ 15 ตร.ม. หน้ากว้าง 3.8 ม. ลึก 2.5 ม.
  • มีที่จอดสำหรับ Delivery (ขั้นต่ำจักรยานยนต์ 5 คัน)

คุณสมบัติที่อาจจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
-อยู่ชั้น 1 และติดถนนใหญ่
-มีระบบระบายอากาศ
-มีตู้แช่สินค้า (หากมีรบกวนระบุจำนวนและขนาด)
-มีระบบ Internet

ส่งข้อมูลได้ที่อีเมล [email protected] และ [email protected] หรือ แชทตรงมาที่ @PotatoCornerTH >> https://lin.ee/b3zbp9R

บุญตงกี่ ร้านอาหารจีนเเละข้าวมันไก่ชื่อดัง ประกาศหาพื้นที่นอกห้างฯ อาคาร หรือโซนขายสินค้า ให้เช่าระยะสั้น ในโซน ถนนลาดพร้าวช่วงโชคชัย 4 ถนนสุขุมวิทช่วงอ่อนนุช หรืออุดมสุข จรัญสนิทวงศ์ช่วงซอยจรัญ 13, แยกบางพลัด ถนนพหลโยธินช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ติดต่อเข้ามายัง inbox ของทางเพจ Boon Tong Kee – Thailand หรือโทร.083-096-0530 (ฝ่ายสรรหาสถานที่) โดยหากพื้นที่มีอุปกรณ์ครัว หรืองานระบบสำหรับร้านอาหารแล้ว จะพิจารณาเป็นพิเศษ

เรือนเพชรสุกี้ระบุว่า ขณะนี้ทางร้านมีความจำเป็นต้องหาสถานที่นอกศูนย์การค้า เพื่อเปิดให้บริการแบบเพิ่มเติม
เพราะมีพนักงานที่ต้องดูแล มีค่าใช้จ่ายที่ยังเดินไม่หยุด และมีวัตถุดิบที่ถ้าไม่คิดแก้ปัญหาจะเน่าเสียทั้งหมด

โดยมองหาอาคารพาณิชย์ที่ต้องการปล่อยให้เช่าชั่วคราว หรือระยะยาว ที่สามารถใช้ประกอบอาหารได้
หรือพื้นที่ร้านอาหารที่ปิดตัวลงชั่วคราวและสามารถปล่อยให้ทางร้านเช่าเปิดบริการได้ หรือเปิดครัวร้านอาหารอยู่แล้วต้องการลดต้นทุนโดยการหาผู้เช่าร่วม หรือแบ่งพื้นที่ให้เช่าร่วม ในโซนบางนา อ่อนนุช อุดมสุข นนทบุรี เเจ้งวัฒนะ  จรัญสนิทวงศ์ พระราม 3 หรือพื้นที่อื่นๆ

ติดต่อผ่านทางเพจ เรือนเพชรสุกี้ หรือทางไลน์ @ruenpetch https://bit.ly/rpsklineoa

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่น่าสนใจอย่างร้าน Ramenga ราเมงอะ ラーメン เมื่อต้องปิดร้านชั่วคราว 7 สาขาในห้างฯ ต้องหาทางระบายสต๊อกวัตถุดิบที่เตรียมไว้เพื่อทำราเมงถึง 1,600 ชาม

โดยทางร้านจะนำไปบริจาคให้องค์กรต่างๆ เพื่อดูแลจิตอาสาและผู้เดือดร้อน ซึ่งหากองค์กรไหน หรือที่ไหนต้องการ ราเมงไปสนับสนุน สามารถแจ้งมาทาง inbox เพจ เฟซบุ๊ก หรือ Line Ramenga https://lin.ee/fTeAHcM โดยเริ่มต้นด้วยการเเจกที่ศูนย์เอราวัณ ที่จัดหาเตียงให้ผู้ป่วยโควิด 200 ชาม

ด้าน Kouen Group ก็ออกประกาศชวนผู้ที่มีความสนใจอยากเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหาร โดยไม่จำเป็นต้องทำอาหารเป็น ซึ่งทางร้านจะมีทีมงานช่วยเทรนให้ทุกขั้นตอน แค่มีบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย ณ ตอนนี้ กำลังอยู่ระหว่างการวางเเผนรายละเอียดต่างๆ สามารถติดต่อมาได้ตามอีเมล [email protected] , [email protected]

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของร้านอาหารจำนวนมากที่ต้อง ‘หาทางรอด’ ต่างๆ เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงมาตรการล็อกดาวน์เเละวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้ 

]]>
1343270
Wendy’s เชนเบอร์เกอร์ยักษ์ใหญ่ หวนชิงตลาด ‘อังกฤษ’ ในรอบ 20 ปี รับเทรนด์ Takeaway บูม https://positioningmag.com/1331299 Mon, 10 May 2021 08:30:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331299 ‘Wendy’s’ เชนเบอร์เกอร์ยักษ์ใหญ่เบอร์ 2 จากสหรัฐฯ ตัดสินใจคืนสังเวียนสู้ในตลาดอังกฤษอีกครั้งในรอบ 20 ปี พร้อมชิงส่วนเเบ่งจากคู่เเข่งอย่าง McDonald’s และ Burger King หลังอานิสงส์เทรนด์ซื้อกลับบ้านเเบบ ’Takeaway’ บูมขึ้นช่วงโควิด-19 ตั้งเป้าขยายสาขาทั่วโลกให้ได้ 8,000 เเห่งภายในปี 2025

โดย Wendy’s วางเเผนจะเปิดสาขากว่า 400 เเห่งทั่วสหราชอาณาจักร และตั้งเป้าว่าจะสร้างงานให้ได้อย่างน้อย 12,000 ตำแหน่ง แม้ว่าต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2001 Wendy’s ประกาศออกจากตลาดสหราชอาณาจักรไป โดยให้เหตุผลเรื่องต้นทุนที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ไม่เต็มที่ เเต่การกลับมาครั้งนี้ก็ต้องเจอกับงานหิน เมื่อเเบรนด์ McDonald’s ขยายตลาดไปในสหราชอาณาจักรไปกว่า 1,300 แล้ว

Abigail Pringle ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Wendy’s ให้สัมภาษณ์ว่า ตลาดเบอร์เกอร์และเทรนด์การซื้อกลับบ้านเเบบ ‘Takeaway’ ในสหราชอาณาจักรที่เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงการเเพร่ระบาด นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกลับมาของ Wendy’s

Wendy’s จะวางให้สหราชอาณาจักรเป็นสปริงบอร์ดเพื่อขยายการเติบโตไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรปต่อไป โดยเมื่อปีที่เเล้ว เเบรนด์เพิ่งจะเเซงคู่เเข่งอย่าง Burger King ขึ้นเป็นผู้เล่นอันดับ 2 ในตลาดเเฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐฯ

สำหรับสาขาแรกของ Wendy’s ในอังกฤษจะเริ่มเปิดในเมือง Reading ช่วงเดือนหน้า จากนั้นจะขยายไปยังเมือง Stratford เเละ Oxford ซึ่งทางร้านระบุว่า จะมีเมนูใหม่ที่เหมาะกับตลาดอังกฤษเเละถูกใจคนในพื้นที่ รวมถึงเมนูที่เป็นมังสวิรัติด้วย 

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย Wendy’s มองว่าเเม้จะตลาดในสหราชอาณาจักรจะไม่ขยายตัวเร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ เเต่ก็เชื่อว่าจะสามารถชิงส่วนเเบ่งการตลาดจากคู่แข่งได้ โดยเน้นไปที่คุณภาพและบริการพร้อมส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นและเนื้อสดที่ไม่ได้แช่แข็ง

Wendy’s เป็นเชนเบอร์เกอร์เก่าเเก่ที่ก่อตั้งมาตั้งเเต่ปี 1969 ปัจจุบันมีสาขาราว 6,800 เเห่งทั่วโลก อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.56 แสนล้านบาท)

โดยมีเป้าหมายจะขยายสาขาให้ได้ 8,000 เเห่งภายในปี 2025 เน้นไปที่แคนาดาและสหราชอาณาจักร หลังมองเห็นการเติบโตของธุรกิจในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนหันมาสั่งอาหารผ่านแอปฯ หรือซื้อเเบบ drive-thru

ทั้งนี้ Wendy’s รายงานผลประกอบการเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่ายอดขายของร้านอาหารในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ยอดขายร้านอาหารทั่วโลกเพิ่มขึ้น 5%

 

ที่มา : BBC , Yahoo Finance 

]]>
1331299
โอกาสอาหารทางเลือก อียูอนุมัติ ‘หนอนนก’ วางขายได้ในซูเปอร์มาร์เก็ต-ร้านอาหารทั่วยุโรป https://positioningmag.com/1330455 Wed, 05 May 2021 04:40:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330455  ‘หนอนนกอบเเห้งกำลังจะได้วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตเเละร้านอาหารทั่วยุโรป ในเร็วๆ นี้  มองตลาดโตได้ดี ตามเทรนด์อาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพเเบบใหม่

โดยทั้ง 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ไฟเขียวให้หนอนนกหรือ ‘mealworm’ สามารถวางจำหน่ายได้ทั่วไปในฐานะ ‘novel food’ อาหารทางเลือกที่ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ ที่มีความปลอดภัยในการบริโภค

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของสหภาพยุโรป ได้เผยเเพร่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปีนี้ว่า หนอนนกสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย สามารถทานได้ทั้งตัวหรือในรูปแบบผงสกัด หรือนำมาปรุงเป็นอาหารว่าง เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโปรตีนสูง อย่างไรก็ตาม การเเพ้หนอนนกอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่เคยมีอาการแพ้กุ้ง สัตว์น้ำเปลือกแข็งหรือไรฝุ่น เป็นต้น

แมลงถือเป็นอาหารอย่างหนึ่ง ที่ปัจจุบันเเม้จะยังมีส่วนเเบ่งในตลาดน้อยมาก เเต่ก็มีโอกาสเติบโตได้ เป็น
เทรนด์อาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพเเบบใหม่

คาดว่าตลาดแมลงที่กินได้จะมีมูลค่าสูงถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 เเสนล้านบาท) ภายในปี 2027 เเละยังมีเมนูของแมลงอื่นๆ อีก 11 ชนิด ที่กำลังรอการประเมินความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป

เจ้าหน้าที่ของอียูให้ความเห็นว่า การเพาะเลี้ยงเเมลงเพื่อนำมาเป็นอาหารนั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าการเลี้ยงวัวและแหล่งโปรตีนขนาดใหญ่อื่นๆ 

ด้านองค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติ ระบุว่าเเมลงเป็นแหล่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยไขมัน โปรตีน วิตามิน เส้นใยเเละเเร่ธาตุสูง

ทั้งนี้ หลังหนอนนกได้รับการอนุมัติจากประเทศในสหภาพยุโรปเเล้ว จะสามารถวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

 

 

ที่มา : AP , Aljazeera

]]>
1330455