จ้างงาน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 12 Mar 2023 12:21:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อัตรา ‘เลิกจ้างงาน’ เดือนม.ค.-ก.พ.ในสหรัฐฯ ทะลุ 1.8 แสนตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 14 ปี https://positioningmag.com/1422889 Sun, 12 Mar 2023 05:17:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422889 ตั้งแต่ช่วงปลายปีจนถึงต้นปี จะเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายรายของสหรัฐฯ ได้ทำการ ปลดพนักงาน เพื่อลดต้นทุนรับมือกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่บริษัทเทคโนโลยีที่เลิกจ้างงาน โดยจากตัวเลขการเลิกจ้างทั้งหมดในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ระบุว่านับเป็นการ เลิกจ้างมากที่สุดในรอบ 14 ปี

การเลิกจ้างพนักงานของบริษัทสหรัฐฯ ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์แตะระดับ สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 โดยการเลิกจ้างงานจากบริษัทด้านเทคโนโลยีมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่ถูกเลิกจ้างกว่า 180,000 ตำแหน่ง

ตามรายงานของบริษัทจัดหางาน Challenger, Grey & Christmas Inc. ระบุว่า เฉพาะการเลิกจ้างในเดือนกุมภาพันธ์เพียงเดือนเดียว มีตัวเลขอยู่ที่ 77,770 คน ซึ่งสูงกว่าการเลิกจ้าง 15,245 ตำแหน่งที่ประกาศเมื่อปีที่แล้วถึง 5 เท่า

“ตอนนี้การลดคนจำนวนมากกำลังเกิดขึ้นไม่ใช่แค่กับบริษัทด้านเทคโนโลยี แต่ยังมีธุรกิจค้าปลีกและการเงินที่กำลังลดคนเช่นกัน” Andrew Challenger รองประธานอาวุโสของบริษัท กล่าว

บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Microsoft, Alphabet บริษัทแม่ของ Google รวมถึง PayPal Holdings ได้ปลดพนักงาน หลายพันคน ในปีนี้เพื่อพยายามควบคุมการใช้จ่ายและปกป้องส่วนต่างท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

James Tierney หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัทจัดการสินทรัพย์ Alliance Bernstein กล่าวว่า การปลดพนักงานที่บริษัทเหล่านี้หลายแห่งกำลังทำ ก็เพื่อปรับขนาดโครงสร้างต้นทุนที่เหมาะสม การเติบโตอย่างมีเหตุผลเป็นการตอบแทนในตลาด

ไม่ใช่แค่การเลิกจ้างงาน แต่ประกาศแผนการจ้างงานของบริษัทต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็ลดลง 87% เหลือเพียง 28,830 คน จาก 215,127 ในปีที่ผ่านมา

]]>
1422889
ซีอีโอ Google ร่อนจดหมายถึงพนักงาน ปีนี้บริษัทจะ “ชะลอ” การจ้างงานเพิ่ม https://positioningmag.com/1392508 Wed, 13 Jul 2022 08:41:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392508 อุตสาหกรรมไอทีก็ไม่พ้นความวิตกเรื่องเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2022 จดหมายจากซีอีโอ Google ถึงพนักงานบริษัท แจ้งเตือนถึงสถานการณ์บริษัทปีนี้ จะมีการ “ชะลอ” การจ้างงานใหม่เพิ่ม

“ซันดาร์ พิชัย” ซีอีโอ Google ส่งจะหมายภายในถึงชาว ‘Googlers’ หรือพนักงานที่ทำงานกับบริษัทว่า ปีนี้จะมีการชะลอการจ้างงานใหม่เพิ่ม เนื่องจากบริษัทจะต้อง “มีความเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น” และต้องทำงาน “ด้วยความรู้สึกเร่งด่วนยิ่งขึ้น มีจุดมุ่งเน้นที่คมชัด และมีความกระหายมากยิ่งกว่าที่เราเคยเป็นในวันที่สดใสกว่านี้”

ตามจดหมายที่ส่งเวียนถึงพนักงาน บริษัทไม่ได้จะหยุดการจ้างงานโดยสิ้นเชิง จะยังจ้างอยู่ในบางตำแหน่ง เช่น วิศวกรรม เทคนิค และตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งมีผลต่อเป้าหมายงานในระยะยาว แต่การชะลอจ้างงานนั้น พิชัยหมายถึง “การหยุดพัฒนาบางอย่างไว้ชั่วคราว และนำทรัพยากรเดิมที่มีมาใช้ในงานอื่นๆ”

จดหมายของพิชัยระบุว่า “เราไม่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อแรงลมปะทะทางเศรษฐกิจ” แต่ก็ยังให้กำลังใจทีมงานว่า วัฒนธรรมองค์กรบริษัทไม่เคยมองเรื่องเหล่านี้เป็นอุปสรรค แต่เป็นโอกาส

เขายังระบุถึงจำนวน Googlers เข้าใหม่เฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ มีการจ้างงานเพิ่มแล้วประมาณ 10,000 คน

แน่นอนว่า Google ไม่ใช่บริษัทเดียวในโลกไอทีที่เหยียบเบรกการจ้างงาน ก่อนหน้านี้ Uber เองก็แจ้งแล้วว่าบริษัทจะ “เน้นหนักเรื่องต้นทุน” Meta ก็มีจดหมายเวียนถึงพนักงานว่า “นี่คือช่วงเวลาที่จริงจัง” ในการรับมือกระแสลมแรงกล้า หลังจากบริษัทเริ่มนโยบายหยุดจ้างงานเพิ่มสำหรับบางทีมไปแล้ว รวมไปถึง Spotify และ Snap ที่ประกาศชะลอการจ้างงาน หนักไปกว่านั้น Netflix, Twitter และ GameStop ถึงกับเลย์ออฟพนักงานบางส่วนออก

เศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นมีแนวโน้มเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย หลังจากไตรมาส 1/2022 หดตัวไปแล้ว -1.6% และคาดว่าไตรมาส 2/2022 จะมีการหดตัวต่อเนื่อง ทำให้หลายบริษัทอเมริกันยกการ์ดระมัดระวังเรื่องการจ้างงาน

Source

]]>
1392508
‘Facebook’ เบรก ‘จ้างงาน’ เพื่อลดรายจ่าย หลังรายได้หดเพราะสงคราม https://positioningmag.com/1384042 Thu, 05 May 2022 07:47:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1384042 Meta บริษัทแม่ของ Facebook กำลังชะลอการจ้างงาน เพื่อลดรายจ่ายของบริษัท เนื่องจากรายได้ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แม้จะยังเติบโตได้ แต่กลับเป็นการเติบโตที่น้อยที่สุด และคาดว่าไตรมาส 2 อาจไม่เติบโตเลย

การดิ้นรนของ Facebook เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากผู้ใช้เริ่มลดลงเป็นครั้งแรก แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะกลับมาเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2022 แต่สวนทางกับรายได้ โดยในรายงานผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Meta คาดการณ์ว่ารายได้อาจลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี

CFO David Wehner ได้เน้นถึงปัญหาหลายประการที่บริษัทต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นจากการเปลี่ยนแปลงความเป็นส่วนตัวใน iOS ของ Apple รวมถึงกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้แพลตฟอร์มถูกบล็อกในรัสเซีย อีกทั้งบริษัทได้ตัดสินใจที่จะหยุดรับโฆษณาจากผู้ประกอบการชาวรัสเซียจากทั่วโลก

“เราประสบกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงอีกหลังจากสงครามยูเครนเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากการสูญเสียรายได้ในรัสเซีย รวมถึงความต้องการโฆษณาที่ลดลงทั้งภายในยุโรปและนอกภูมิภาค เราเชื่อว่าสงครามทำให้เกิดความผันผวนเพิ่มเติมในภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอนอยู่แล้วสำหรับผู้โฆษณา”

‘Facebook’ คาดรายได้ Q2 อาจ ‘ไม่เติบโต’ หลัง Q1 โตแค่ 7% น้อยสุดเป็นประวัติการณ์

Meta มีค่าใช้จ่ายในแต่ละปีจะอยู่ระหว่าง 8.7 – 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยปรับลดลงจากการ 9 – 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากคำแนะนำด้านรายจ่ายที่ต้องประคองให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง ทำให้บริษัทชะลอที่จะจ้างงานพนักงานใหม่ในช่วงนี้ แต่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในระยะยาว

ทั้งนี้ Meta ตั้งใจที่จะหยุดหรือชะลอการจ้างในตำแหน่งระดับกลางและระดับสูง โดยในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้จ้างวิศวกรระดับเริ่มต้นเพิ่มเลยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า นักพัฒนาด้านการพัฒนาเอไอระดับ Top อย่างน้อย 4 คนของ Meta ได้ลาออกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

Source

]]>
1384042
กลุ่มประเทศร่ำรวย แห่ดึงตัว ‘พยาบาล’ จากประเทศยากจนในวิกฤตโควิด ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ https://positioningmag.com/1372265 Sun, 30 Jan 2022 07:49:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372265 กลุ่มประเทศร่ำรวย มีความพยายามจะจ้างงาน ‘พยาบาล’ จากกลุ่มประเทศยากจนมากขึ้น ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เเพร่กระจายไปทั่วโลก สะท้อนให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำเเละการขาดเเคลนบุคลากรทางการเเพทย์ที่รุนเเรงมากขึ้น 

Reuters รายงานจากคำกล่าวของ Howard Catton ซีอีโอของสภาพยาบาลนานาชาติ (ICN) ที่มีเครือข่ายกว่า 27 ล้านคนว่า

ความเสี่ยง ความเหน็ดเหนื่อยเเละการเจ็บป่วยจากการทำงานที่หนักเกินปกติ ส่งผลให้เกิดการลาออกของเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ท่ามกลางยอดผู้ป่วยจากสายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปัญหาการขาดเเคลนบุคลากรทางการเเพทย์อยู่ในระดับสูง

เหล่าประเทศตะวันตก อย่าง สหราชอาณาจักร เยอรมนี แคนาดา และสหรัฐฯ กำลังพยายามเเก้ไขปัญหานี้ ผ่านการเพิ่มการจ้างงานพยาบาลจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เเนวโน้มของความไม่เท่าเทียมกันทางด้านสุขภาพเเละสาธารณสุขแย่ลงไปอีก

“ผมเกรงว่าวิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ จะคล้ายกับกรณีที่กลุ่มประเทศร่ำรวยได้อาศัยอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อซื้อและกักตุนอุปกรณ์ป้องกันโรคอย่างชุด PPE เเละวัคซีน”

จากข้อมูลของ ICN ระบุว่า ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ ก็มีปัญหาการขาดแคลนพยาบาลทั่วโลกอยู่เเล้วถึง 6 ล้านคน โดยเกือบ 90% ของการขาดแคลนมักจะอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง

การจ้างงานพยาบาลจากต่างประเทศ บางส่วนมาจากภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา (sub-Saharan Africa) รวมถึงไนจีเรีย และบางส่วนของแคริบเบียน

โดยเหล่าพยาบาลจะได้รับแรงจูงใจด้วยข้อเสนอเงินเดือนที่สูงขึ้น สวัสดิการเเละเงื่อนไขที่ดีกว่าประเทศบ้านเกิด รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการย้ายถิ่นฐาน

“หลายคนอาจจะมองว่านี่เป็นการที่ประเทศร่ำรวย หาทางลดค่าใช้จ่ายในการให้การศึกษาแก่พยาบาลใหม่และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข”

Howard Catton เรียกร้องให้มีการวางเเผนเพื่อเสริมกำลังเเรงงานอย่างจริงจังในระยะ 10 ปี เเละขอให้มีความร่วมมือกันในระดับโลก เพื่อให้มีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเเละได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูเท่านั้น

 

ที่มา : Reuters

]]>
1372265
อังกฤษ ‘Jobs Boom’ คนเเห่ลาออกเพื่อหางานใหม่ บริษัททุ่มเพิ่มค่าจ้าง เเย่งชิงพนักงาน https://positioningmag.com/1370309 Thu, 13 Jan 2022 14:57:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370309 สหราชอาณาจักรกำลังอยู่ในช่วง ‘Jobs Boom’ เเรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทยอยลาออกเพื่อ ‘หางานที่มีรายได้ดีกว่า’ ท่ามกลางความต้องการที่พุ่งสูง นายจ้างพร้อมทุ่มโบนัสเเละปรับเงินเดือน

Alan Bannatyne หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Robert Walters บอกกับ BBC ว่า ผู้คนกำลังมองหาค่าเเรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นกว่า 15% เเละบางคนก็ต้องการเงินเดือนใหม่เพิ่มขึ้นถึง 50%

เขามองว่า ปี 2022 จะเป็นปีเเห่งโอกาสสำหรับลูกจ้าง โดยตำแหน่งว่างในสหราชอาณาจักร พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง เเละบรรดาเหล่านายจ้างกำลังแย่งชิงเเรงงานที่ขาดเเคลนนี้

ด้าน Robert Walters จากบริษัทจัดหางานที่เน้นแรงงานระดับมืออาชีพ ระบุว่า บริษัทต่างๆ กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องแข่งขันอย่างดุเดือด เพื่อเฟ้นหาบุคลากรที่มีความสามารถ และก็เป็นเรื่องยากที่จะหา ‘คนที่ใช่’

เเม้จะมีนายจ้างจำนวนมากที่ยอม ‘ขึ้นเงินเดือน’ เพื่อดึงดูดเเรงงาน เเต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อมีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้ เเละไม่ใช่ทุกบริษัทจะทุ่มจ่ายเงินเช่นนี้ได้ “บริษัทค้าปลีกและสายการบิน ต่างเผชิญกับความยากลำบาก ดังนั้นก็อาจจะไม่จ่ายโบนัสหรือขึ้นค่าแรง”

สวนทางกับกลุ่มธุรกิจอย่างค้าปลีกออนไลน์ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและดิจิทัล และผู้ผลิตสินค้าในครัวเรือน ที่มีการเติบโตสูง

ฝั่งบริษัทจัดหางาน Manpower กล่าวว่า นายจ้างกำลังพยายามมองหาพนักงานที่มี ‘ทักษะสูง’ มากขึ้น โดยผู้ที่มีทักษะตรงกับความต้องการ ก็จะมีอำนาจต่อรอง มีอิสระที่จะเลือกทำงานตามความคาดหวังของพวกเขา

ตามรายงานของ BCL Legal และบริษัทข้อมูล Vacancysoft ระบุว่า การขาดแรงงานทักษะสูง ส่งผลกระทบในหลายอุตสาหกรรม เช่น ด้านกฎหมาย ที่มีอัตราการประกาศหางานเพิ่มขึ้นถึง 131% เมื่อเทียบกันระหว่างตำแหน่งงานว่างเมื่อเดือนมกราคมและพฤศจิกายนปีก่อน

Photo : Shutterstock

ด้านข้อมูลของ Robert Waters ชี้ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เกิดปัญหาการขาดแคลน ‘ทนายความ’ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ท่ามกลางการลาออกของผู้ที่มีประสบการณ์

ทนายความที่ผ่านเกณฑ์เข้าทำงานใหม่ในบริษัทชื่อดัง สามารถได้ค่าจ้างมากถึง 147,000 ปอนด์ต่อปีหรือราว 6.68 ล้านบาท โดยไม่รวมโบนัส ที่คาดว่าจะเป็นเงินก้อนโต

เทียบกับปี 2018 ที่เงินเดือนเฉลี่ยของทนายความที่ทำงานเต็มเวลาอยู่ที่ 62,000 ปอนด์ต่อปี (เพิ่มขึ้นเป็น 88,000 ปอนด์หากทำงานในกรุงลอนดอน)

ส่วนงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำ ก็พบว่ามีอัตราค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกันเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Sainsbury’s ที่ประกาศเพิ่มค่าแรงให้กับพนักงานเป็น 10 ปอนด์ หรือราว 450 บาท ต่อชั่วโมง

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะขาดเเคลนเเรงงานก็คือ การที่ผู้คนหันมา ‘ประเมินอาชีพตัวเองใหม่’ ในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปลี่ยนงานหรือออกจากตลาดแรงงานไปเลย ซึ่งสถานการณ์นี้ถูกเรียกว่า Great Resignation การลาออกจากงานครั้งใหญ่ ส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยสูงขึ้น รวมถึงโบนัสที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

James Reed ประธานบริษัทจัดหางาน Reed Recruitment กล่าวว่า สหราชอาณาจักรอยู่ท่ามกลาง “jobs boom” ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดในรอบ 50 ปีในการหางานใหม่

 

ที่มา : BBC

 

 

 

]]>
1370309
American Airlines ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,000 เที่ยว หลังเจอปัญหา ‘ขาดเเคลนเเรงงาน’ https://positioningmag.com/1359390 Sun, 31 Oct 2021 12:46:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359390 สายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง American Airlines ต้องยกเลิกเที่ยวบินไปกว่า 1,000 เที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังเจอปัญหาขาดเเคลนเเรงงานเเละสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เร่งกลับมาจ้างงานใหม่ รับกระเเสท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็ว 

จากข้อมูลของเว็บไซต์ FlightAware พบว่า ในวันศุกร์ที่ผ่านมา American Airlines ประกาศยกเลิกเที่ยวบินไปเเล้ว 360 เที่ยว จากนั้นในช่วงวันวันเสาร์ ได้ยกเลิกเที่ยวบินไปเกือบ 460 เที่ยว หรือ 17% ของตารางเที่ยวบินหลัก เเละยกเลิกเที่ยวบินอีก 285 เที่ยว หรือราว 10% ของตารางเที่ยวบินในวันอาทิตย์

David Seymour ซีอีโอของ American Airlines ระบุว่า การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากในช่วงนี้ มาจากสาเหตุหลักๆ คือ สภาพอากาศที่เลวร้าย ไม่เอื้ออำนวยในการบิน ประกอบกับเหล่าพนักงานและลูกเรือที่มีอยู่ ต้องทำงานกันอย่างหนัก คิวตารางงานเเน่นเกินไป

สายการบินต่างๆ กำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงาน นำไปสู่การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก เนื่องจากความต้องการเดินทางฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ สวนทางกับก่อนหน้านี้ที่สายการบินต้องปลดพนักงานหลายหมื่นคน หรือต้องโน้มน้าวให้พนักงานสมัครใจพักงานหรือลาออกจากตำเเหน่ง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤตโควิด-19

ตอนนี้เหล่าสายการบินต่างๆ จึงพยายามกลับมาเร่งจ้างงานอีกครั้ง ทั้งในส่วนของนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานบริการลูกค้าและอื่นๆ

โดยทาง American Airlines กล่าวว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 1,800 คนจะกลับมาทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน และส่วนที่เหลือจะกลับมาในเดือนธันวาคม เเละบริษัทยังอยู่ในระหว่างการว่าจ้างนักบิน ช่างเครื่อง พนักงานสนามบิน ขยายทีมงานให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับเทศกาลวันหยุดปลายปี 

 

ที่มา : CNBC 

 

 

 

]]>
1359390
KBANK หั่นเป้าจีดีพีปีนี้ เหลือเเค่ 1% ‘ล็อกดาวน์’ สะเทือนธุรกิจ-จ้างงาน ฉุดกำลังซื้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค https://positioningmag.com/1342512 Thu, 15 Jul 2021 08:27:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342512 KBANK หั่นเป้าจีดีพีปี 2564 เหลือ 1.0% จากเดิมที่ 1.8% หลังการระบาดรุนเเรงกว่าที่คาดล็อกดาวน์กระทบธุรกิจจ้างงานต่อเนื่อง ฉุดกำลังซื้อความเชื่อมั่นผู้บริโภคประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติมีเเค่ 2.5-6.5 แสนคน เงินบาทอ่อนค่ายาว

“แม้มีมาตรการเยียวยา แต่ชดเชยผลกระทบเศรษฐกิจไม่ได้ ฉีดวัคซีนอาจต่ำกว่าเป้าหมาย” 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 อยู่ที่ 1.0% จากประมาณการเดิมที่ 1.8% เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 มีความรุนแรงกว่าที่เคยประเมินส่งผลกระทบให้ระบบสาธารณสุขของไทยเผชิญข้อจำกัด

ความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการจ้างงานมีมากขึ้น และผลกระทบต่อเนื่องไปยังกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ทรุดตัวไปกว่าเดิม

ขณะที่มาตรการเยียวยาจากทางภาครัฐ คาดว่าจะช่วยประคองการดำรงชีพที่จำเป็นของประชาชนแต่ไม่สามารถชดเชยผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม

ท่ามกลางการกลายพันธุ์ของไวรัสและจำนวนผู้ติดเชื้อที่กลับมาเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงปรับลดกรอบประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 ลงมาอยู่ที่ 2.5-6.5 แสนคน จากกรอบประมาณการเดิมที่ 2.5 แสน-1.2 ล้านคน

แม้ว่าจะมีการเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์และโครงการสมุย พลัส โมเดล” ก็ตาม

ส่วนแผนการเปิดประเทศในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในไทย จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดและการเร่งฉีดวัคซีนเป็นหลัก ขณะที่ในต่างประเทศก็ยังเผชิญความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

ด้าน ‘เศรษฐกิจโลก’ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าที่คาด ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองการส่งออกไทยปี 2564 จะขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นมาอยู่ที่ 11.5%

ทั้งนี้ ประมาณการส่งออกนี้ได้มีการคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงเชิงลบจากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือที่สูงขึ้น รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม

ทิศทาง ‘เศรษฐกิจไทย’ ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศที่ยังคงเผชิญความเสี่ยงสูง ทั้งจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ ประสิทธิภาพของวัคซีน รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนที่อาจต่ำกว่าเป้าหมาย

หากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังไม่คลี่คลายลง คาดว่าภาครัฐอาจจำเป็นต้องมีมาตรการดูแลผลกระทบเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลง คาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มีแรงส่งมากขึ้น โดยใช้งบประมาณภายใต้ พ...กู้เงิน 5 แสนล้านบาท

ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ๆ เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้าได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ในการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยแล้ว และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจขยายตัวได้ 1.0%”

บาทอ่อน รับความเสี่ยงการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย 

เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสัญญาณความเสี่ยงที่ชัดเจนมากขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกสามที่มีแนวโน้มยากควบคุม เพราะต้องรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์

โดยเงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 15 เดือน ที่ 32.73 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในวันที่ 9 ก.ค. 64 ความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อยังเพิ่มแรงกดดันต่อสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยให้ขาดดุลมากขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เป็นสัญญาณที่ตอกย้ำว่า ปัจจัยพื้นฐานของค่าเงินบาทกำลังอ่อนแอลง พร้อมกับความเสี่ยงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะที่เหลือของปี

โดยเงินบาท มีความเป็นไปได้ที่จะอ่อนค่าต่อเนื่องไปทดสอบระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก่อนสิ้นปี 2564 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศยังไม่ลดระดับความเสี่ยงลงมา และเฟดสามารถเริ่มทยอยส่งสัญญาณเตรียมคุมเข้มนโยบายการเงินได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ตามที่ตลาดประเมินไว้

อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ไม่แรง หรือเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อีกระลอก ก็อาจส่งผลทำให้ตลาดต้องกลับมาประเมินการคาดการณ์ในเรื่องจังหวะการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ใหม่อีกครั้ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และอาจช่วยหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ โดยเฉพาะหากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลง

 

]]>
1342512
ยักษ์อีคอมเมิร์ซ ‘Amazon’ เตรียมจ้างพนักงานเพิ่ม 10,000 ตำเเหน่งใน UK รับเศรษฐกิจฟื้น https://positioningmag.com/1332375 Sun, 16 May 2021 08:48:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1332375 ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง ‘Amazon’ วางเเผนจะจ้างพนักงานเพิ่ม 10,000 ตำเเหน่งในสหราชอาณาจักร หลังประกาศจ้างพนักงานส่งของและพนักงานคลังสินค้ากว่า 75,000 คนในสหรัฐฯ และแคนาดา เชื่อมั่นลงทุนหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้น

โดยตำแหน่งงานใหม่ของ Amazon ที่จะเปิดรับสมัครในสหราชอาณาจักรนั้น จะรวมถึงพนักงานประจำคลังสินค้า 4 แห่งใหม่และพนักงานประจำสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน, แมนเชสเตอร์, เอดินเบอระ และแคมบริดจ์ รวมไปตำแหน่งงานไอทีใน Amazon Web Services ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งของ Amazon ด้วย

อย่างไรก็ตาม Amazon ปฏิเสธที่จะระบุถึงจำนวนการเพิ่มตำแหน่งใหม่ ในส่วนพนักงานขับรถจัดส่งและพนักงานคลังสินค้า หลังมีการประท้วงเรื่องค่าเเรงต่ำและคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ไม่ดีนัก

สำหรับค่าเเรงในการทำงานของ Amazon ในสหราชอาณาจักร จะเริ่มต้นที่ 10.80 ปอนด์ ต่อชั่วโมง (ราว 477 บาท) ในพื้นที่กรุงลอนดอน และ 9.70 ปอนด์ต่อชั่วโมงในส่วนอื่นๆ

โดยตั้งเป้าว่าพนักงานทั้งหมดในสหราชอาณาจักรจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 5.5 หมื่นราย ได้ภายในสิ้นปี 2021 ซึ่งจะทำให้ Amazon บริษัทกลายเป็นหนึ่งเป็นในบริษัทข้ามชาติที่มีพนักงานมากที่สุดในอังกฤษ เหมือนยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอื่น ๆ ของสหรัฐฯ อย่าง Google, Microsoft, Facebook และ Apple

นอกจากนี้ Amazon วางเเผนจะทุ่มงบประมาณราว 10 ล้านปอนด์ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า เพื่อใช้ฝึกอบรมทักษะใหม่ๆ ให้พนักงานในสหราชอาณาจักรราว 5,000 คน เพื่อเสริมความสามารถในการประกอบอาชีพทั้งในเเละนอกองค์กร พร้อมร่วมงานกับหอการค้าอังกฤษและธุรกิจในท้องถิ่น เพื่อเเก้ปัญหาการขาดแคลนทักษะในส่วนภูมิภาค

เรามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะดีขึ้นเรื่อยๆ หลังการระบาดใหญ่ ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญในภาคการค้าปลีกของเรา

เเม้ว่า Amazon จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สร้างงานมากมายในสหราชอาณาจักร แต่บริษัทก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาษีที่จ่ายโดยบริษัทจ่ายจ่ายภาษีเเค่ 293 ล้านปอนด์ในปี 2019 จากยอดขายมีมากถึง 1.37 หมื่นล้านปอนด์

 

 

ที่มา : CNBC , BBC

]]>
1332375
KFC จ้างงานเพิ่ม 20,000 ตำเเหน่งทั่วสหรัฐฯ รับดีมานด์ลูกค้ากลับมา หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว https://positioningmag.com/1330875 Thu, 06 May 2021 10:38:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330875 KFC เชนฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ของโลก ประกาศจ้างงานในสหรัฐฯ เพิ่ม 20,000 ตำเเหน่ง รองรับความต้องการของผู้บริโภคที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว 

โดยเครือธุรกิจของ Yum! Brands (เจ้าของ KFC , Pizza Hut , Taco Bell ฯลฯ) กำลังมองหาพนักงานประจำเเละพนักงานพาร์ตไทม์ทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกตำแหน่ง ตั้งแต่งานเสิร์ฟ พ่อครัว ไปจนถึงผู้จัดการร้าน

ก่อนการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เครือข่ายเชนฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐฯ มักจะเพิ่มการจ้างงานเเบบพาร์ตไทม์หลายหมื่นคนในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ที่มีจำนวนลูกค้ามากที่สุดของปี

เเต่วิกฤตโรคระบาดที่ต่อเนื่องมาในปีนี้ ทำให้ธุรกิจร้านอาหารขาดเเคลนพนักงาน ที่เต็มใจออกมาทำงานนอกบ้าน

โดยร้านอาหารและแฟรนไชส์บางแห่งในสหรัฐฯ ต้องเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำหรือให้โบนัสเพื่อจูงใจให้คนสมัครงานแทนการอยู่บ้านและพึ่งพาการช่วยเหลือจากรัฐบาล

KFC มองว่า ปีนี้ลูกค้าจะกลับออกมานั่งกินที่ร้านเเละซื้อกลับบ้านอีกครั้ง หลังมีการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง รวมไปถึงการได้รับเงินช่วยเหลือด้านค่าครองชีพเพิ่มเติม ก็ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดจากการที่ KFC ทำยอดขายเฉลี่ยต่อร้านโต 14% ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

เมื่อร้านสาขาเปิดให้บริการได้ตามปกติอีกครั้ง การเเข่งขันที่ดุเดือดในวงการฟาสต์ฟู้ดก็ยิ่งกลับมาดุเดือดมากขึ้น ตามมาด้วยปัญหาในห่วงโซ่อุปทานอย่างการขาดเเคลนไก่’ ที่หลายเเบรนด์เร่งออกเมนูใหม่มาชิงตลาดผู้บริโภค

สำหรับอัตราว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมยังอยู่ที่ 6% เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับระดับก่อนการระบาด โดยพนักงานร้านอาหารบางรายบอกว่า ค่าจ้างและทิปของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะชดเชยความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด -19 ได้

 

ที่มา : CNBC , prnewswire

]]>
1330875
เปิดผลสำรวจ บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ยังกังวล COVID-19 มีเเผนปรับลด ‘จ้างงานใหม่’ ในปีหน้า https://positioningmag.com/1328153 Mon, 19 Apr 2021 06:43:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328153 ผลสำรวจเผย บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นกว่า 22% มีเเผนจะปรับลดอัตราการจ้างพนักงานใหม่ ในปีงบประมาณ 2022 เนื่องจากมีความกังวลเรื่องการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เเละยังต้องระมัดระวังการใช้จ่าย พร้อมยืดหยุ่นให้ทำงานทางไกล-ใช้เทคโนโลยีออนไลน์มากขึ้น เเละให้ทำงานเสริมได้ เเม้ผ่านพ้นวิกฤตไปเเล้ว 

Kyodo News ทำการสำรวจบริษัทในญี่ปุ่นกว่า 110 เเห่ง พบว่า ส่วนใหญ่บริษัทที่มีเเผนจะปรับลดการจ้างงานใหม่นั้น อยู่ในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคระบาด เช่น ธุรกิจภาคบริการ การขนส่งและการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม จากเเรงหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เเละจีน ทำให้บริษัทในภาคการผลิตมีเเผนจะขยายธุรกิจ เเละต้องการจะจ้างงานผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาเพิ่มมากขึ้น

ตามปกติเเล้ว บริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นจะมีการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ในช่วงเริ่มปีงบประมาณของแต่ละปี เเละมักจะเริ่มกระบวนการสรรหาล่วงหน้าประมาณหนึ่งปี

ผลสำรวจของ Kyodo News ระบุว่า เอกชน 24 แห่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมผลิตวัสดุไปจนถึงพลังงาน มีแผนที่จะลดการจ้างงานในปีงบการเงิน 2022 ขณะที่บริษัทอีก 37 แห่ง คิดเป็น 34% ของบริษัทที่ได้รับการสำรวจ จะยังมีการจ้างงงานในอัตราเท่าเดิมกับปีงบการเงิน 2021

โดยมีเพียงบริษัท 19 แห่ง หรือคิดเป็น 17% ที่มีเเผนจะเพิ่มการจ้างพนักงานใหม่ ส่วนอีก 25 แห่ง หรือคิดเป็น 23% ยังไม่ได้มีการตัดสินใจในเรื่องนี้

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทบางเเห่งที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแผนการจ้างงานในปีงบการเงิน 2022 มากนัก แต่ได้ปรับลดการจ้างพนักงานใหม่ลงในปีงบการเงิน 2021 ไปจนถึงเดือนมี..ปีหน้า

Photo : Shutterstock

สำหรับปีงบการเงิน 2021 บริษัทเอกชนราว 46% ได้ปรับลดการจ้างพนักงานใหม่ลงจากปีก่อนหน้า ขณะที่ 12% เพิ่มการจ้างพนักงานใหม่ ส่วนอีก 37% ยังคงมีการจ้างงานในระดับที่ใกล้เคียงกับปีงบการเงิน 2020

ทั้งนี้ Kyodo News ได้สำรวจข้อมูลดังกล่าวในช่วงต้นเดือนมี.. ถึงกลางเดือนเม.. โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าร่วมอย่าง Toyota Motor , Nissan Motor , Sony Group , Japan Airlines , Nintendo และ Mizuho Financial Group เป็นต้น

การระบาดของ COVID-19 ยังทำให้วัฒนธรรมองค์กรที่เข้มงวดของญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไป เเละเริ่มมีรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

บริษัทส่วนใหญ่ยืนยันว่า พวกเขาจะจัดงานแสดงสินค้าหรือสัมภาษณ์งานทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เเละกว่า 52% จะใช้เทคโนโลยีเพื่อทำงานออนไลน์ต่อไป เเม้วิกฤตโรคระบาดจะสิ้นลงก็ตาม

เมื่อถามถึงความท้าทายในการทำงานทางไกล พบว่ากว่า 83% ชี้ให้เห็นถึงการขาดการสื่อสารกันระหว่างพนักงาน ขณะที่ 61% เห็นว่ามีผลกระทบต่อการฝึกอบรมพนักงานด้วย

เเต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงผลกระทบต่อผลิตภาพของแรงงาน พบว่ากว่า 55% เห็นว่าไม่เปลี่ยนเเปลงยังสามารถทำงานได้ดี ขณะที่อีก 31% ระบุว่ามีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น

เราต้องการช่วยให้พนักงานของเรามีความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งกล่าว

ส่วนบริษัทในอุตสาหกรรมบริการกล่าวว่ามีงานหลายประเภทที่ไม่เหมาะกับทำงานทางไกล ดังนั้นเราจึงต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่

ในจำนวนนี้ กว่า 81 % อนุญาตหรือจะพิจารณาให้พนักงานสามารถทำงานเสริมได้ โดยมองว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพในระยะยาว แต่บางบริษัทต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากพนักงานอาจต้องทำงานนานเกินไปหรืออาจไปรับงานบริษัทคู่แข่งได้

 

 

]]>
1328153