เปิดประเทศ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 27 Sep 2022 04:12:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ยอดจองไฟลท์จาก “ฮ่องกง” กระฉูด ปลายทาง “โอซาก้า” ทะยาน 73 เท่า “กรุงเทพฯ” มาอันดับ 4 https://positioningmag.com/1401848 Tue, 27 Sep 2022 03:34:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1401848 ติดเกาะมานานเกินทน คน “ฮ่องกง” ขอเที่ยวบ้าง! หลังจากรัฐบาลยกเลิกกฎการกักตัวขากลับเข้าเกาะฮ่องกง ทำให้คนฮ่องกงจองตั๋วเครื่องบินออกเที่ยวกันทันที โดยมีปลายทางหลักคือ “โอซาก้า” ประเทศญี่ปุ่น ยอดจองตั๋วพุ่ง 73 เท่า  ส่วน “กรุงเทพฯ” ไม่น้อยหน้ายอดจองตั๋วพุ่งเป็นอันดับ 4

Trip.com เว็บไซต์จองที่พักและการเดินทาง รายงานข้อมูลจากเว็บไซต์พบว่า ยอดจองตั๋วเครื่องบินออกจาก “ฮ่องกง” พุ่งขึ้นเกือบ 400% ในช่วงวันที่ 17-18 กันยายน 2022 หลังจากทางรัฐบาลฮ่องกงประกาศตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้จะผ่อนคลายกฎควบคุมโรคระบาดต่างๆ รวมถึงยกเลิกกฎการกักตัวในโรงแรมเมื่อเดินทางกลับเข้าพรมแดนด้วย จากเดิมจะต้องกักตัวในโรงแรม 3 วัน

Eddy Yip หัวหน้าฝ่ายอีคอมเมิร์ซ เว็บไซต์ Trip.com ประจำฮ่องกงและไต้หวัน ระบุว่า ยอดจองส่วนใหญ่จะจองเพื่อเดินทางในช่วงเทศกาลหยุดยาววันชาติ 1-4 เดือนตุลาคมนี้ และช่วงคริสต์มาสในเดือนธันวาคม การเดินทางระยะใกล้ภายในทวีปเอเชียเป็นจุดหมายที่นิยมมากที่สุด โดยคนฮ่องกงในช่วงผ่อนคลายการเดินทางเลือกที่จะจัดทริประยะเฉลี่ย 3-4 วัน ดูจากการจองโรงแรม

โอซาก้า จุดหมายอันดับ 1 ที่คนฮ่องกงเลือกหลังผ่อนคลายกฎการเดินทางข้ามประเทศ

ด้าน Top 5 ปลายทางยอดนิยมของคนฮ่องกง ได้แก่ กรุงเทพฯ, โซล, โตเกียว, สิงคโปร์, โอซาก้า แต่ถ้าหากวัดจาก “การเติบโต” ของการจองตั๋วเครื่องบินเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

อันดับ 1 คือ โอซาก้า เติบโต 7,300%  
อันดับ 2 คือ โตเกียว เติบโต 1,385%
อันดับ 3 คือ โซล เติบโต 700%
อันดับ 4 คือ กรุงเทพฯ เติบโต 628%
อันดับ 5 คือ สิงคโปร์ เติบโต 197%

ขณะที่เที่ยวบินขาเข้าฮ่องกงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีการจองพุ่งขึ้น 155% และระยะเวลาเฉลี่ยในการจองโรงแรมอยู่ที่ 5 วัน

“นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่จะเข้ามาน่าจะต้องใช้เวลาในการทบทวนและตอบสนองกับนโยบาย 0+3 ก่อน” Yip กล่าว โดยนโยบาย 0+3 คือ แม้จะไม่ต้องกักตัวในโรงแรม แต่นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเข้ารับประทานในร้านอาหารหรือบาร์ได้ใน 3 วันแรกที่มาถึง Trip.com เชื่อว่าการท่องเที่ยวขาเข้าฮ่องกงน่าจะกลับมาอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 นี้

Eric Gnock Fah ผู้ร่วมก่อตั้งและซีโอโอของ Klook Travel ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายแรกที่คนฮ่องกงเลือก ตามด้วยประเทศไทย และคนฮ่องกงจะใช้โอกาสวันหยุดยาวเดือนตุลาคมนี้ออกเที่ยวต่างประเทศ “พวกเขารอไม่ไหวแล้วที่จะกลับมาเดินทางกันอีกครั้ง” Fah กล่าว

Source

]]>
1401848
“ญี่ปุ่น” ไปทีละขั้น เตรียมยกเลิกมาตรการตรวจ COVID-19 ก่อนเข้าประเทศ เร็วๆ นี้ https://positioningmag.com/1397239 Tue, 23 Aug 2022 07:42:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397239 เร็วๆ นี้ประเทศ “ญี่ปุ่น” อาจเริ่มผ่อนคลายมาตรการตรวจ COVID-19 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนบิน หลังเสียงจากกลุ่มนักธุรกิจกดดัน

สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่น Nikkei รายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังจะผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศมากขึ้น โดยจะมีการยกเลิกการขอผลตรวจ COVID-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามกำหนดของรัฐ คาดว่าจะเริ่มยกเลิกมาตรการดังกล่าวภายใน 2-3 สัปดาห์นี้

ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่ยังคงมาตรการอันเข้มงวดในการข้ามพรมแดน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา ท่ามกลางบรรยากาศการเปิดประเทศอย่างเสรีในปีนี้

ฮิโรคาสึ มัทสึโน่ หัวหน้าเลขานุการคณะรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าการลดความเข้มงวดมาตรการการเข้าประเทศจะเริ่มขึ้นเมื่อใด บอกแต่เพียงว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับจำนวนเคสผู้ป่วย COVID-19 ในญี่ปุ่นเองและในต่างประเทศด้วย

“พร้อมกับการทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เราจะสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วมด้วย และสำหรับการควบคุมพรมแดน เราจะผ่อนคลายมาตรการไปตามขั้นตอนขณะที่ยังคงจัดสมดุลของทั้งสองสิ่งนี้ไปด้วยกัน” มัทสึโน่กล่าว

Photo : Shutterstock

ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เคยให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เขาต้องการจะทำให้มาตรการการเข้าประเทศของญี่ปุ่น เป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกมากกว่านี้

ถัดมาในเดือนมิถุนายน ญี่ปุ่นถึงจะได้รับรองนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกในรอบ 2 ปีที่ปิดประเทศไป แต่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็ต้องเข้ามาภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น ต้องทำเอกสารวีซ่า ต้องเข้ามาผ่านคณะทัวร์ที่มีตารางท่องเที่ยวชัดเจนและมีไกด์ประจำ และยังจำกัดจำนวนคนที่เข้าประเทศได้ในแต่ละวัน

แม้ว่าญี่ปุ่นจะปกป้องพรมแดนอย่างเข้มงวด แต่เคสผู้ป่วย COVID-19 ในประเทศก็ยังพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเคยขึ้นไปแตะสูงสุดที่วันละ 250,000 คน

 

ประชาชนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่อยากเปิดประเทศ

ด้านความเห็นของคนในชาติญี่ปุ่นนั้นแตกต่างกันไป สำหรับกลุ่มนักธุรกิจในญี่ปุ่นนั้นเรียกร้องมาตลอดว่า ญี่ปุ่นควรจะเร่งผ่อนคลายมาตรการเข้าพรมแดน มิฉะนั้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ โดยในกลุ่มชาติ G7 นั้นเรียกร้องสิทธิให้คนในชาติตนเองได้สิทธิไม่ต้องขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่นก่อนชาติอื่นๆ ด้วยเพื่อให้การทำธุรกิจคล่องตัวขึ้น (G7 ประกอบด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ)

Photo : Shutterstock

ในทางกลับกัน คนทั่วไปในประเทศดูจะไม่ค่อยอยากต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมา จากการสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 (ก่อนเปิดพรมแดน) สถานีโทรทัศน์ NHK จัดสำรวจความเห็นและพบว่า 65% ของผู้ถูกสำรวจเห็นด้วยกับการมีมาตรการการเข้าประเทศที่เข้มงวด

ผลสำรวจนี้ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักเพราะประชากรญี่ปุ่นเกือบ 1 ใน 3 เป็นคนสูงวัยอายุมากกว่า 65 ปี ทำให้มีความหวั่นกลัวต่อโรค COVID-19 มากกว่า และโดยพื้นฐานแล้วคนญี่ปุ่นมีความอนุรักษนิยม ไม่เปิดรับชาวต่างชาติมากนัก

รวมถึงปัญหา นักท่องเที่ยวล้นเมือง (overtourism) ในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ยังคงเป็นภาพจำที่ทำให้คนญี่ปุ่นบางส่วนไม่พอใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้ทำลายความสงบในท้องถิ่น

ยิ่งการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% ของจีดีพีญี่ปุ่น ยิ่งทำให้ไม่น่าแปลกที่ประเทศนี้ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งบนโลกที่ผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 อย่างช้าๆ

Source: Aljazeera, CNBC

]]>
1397239
อินไซต์ “นักท่องเที่ยว” 11 เขตปกครองในเอเชียแปซิฟิก ใครพร้อมบินมากที่สุด? https://positioningmag.com/1396109 Mon, 15 Aug 2022 05:59:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396109 Booking.com จัดสำรวจความเห็นคนกว่า 11,000 คนใน 11 เขตปกครองกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ส่องอินไซต์ “นักท่องเที่ยว” ประเทศไหนพร้อมออกเที่ยวมากที่สุด และแต่ละพื้นที่มีความกังวลอย่างไรกับการท่องเที่ยว ในทางกลับกัน เมื่อประเทศตนเองเริ่มเปิดพรมแดน คนในประเทศพร้อมรับนักท่องเที่ยวขาเข้ามากแค่ไหน

การสำรวจในหัวข้อ “ดัชนีความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว” ครั้งนี้ของ Booking.com แบ่งประเด็นหลักด้านความพร้อมในการออกท่องเที่ยวเป็น 2 เรื่อง คือ ความต้องการส่วนตัวในการออกท่องเที่ยว และ อัตราการยอมรับได้ต่อ ‘ดิสรัปต์ชัน’ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งทำให้เกิดปัญหาระหว่างทาง เช่น ปัญหาไฟลท์บินดีเลย์ กระเป๋าสัมภาระหาย

การสอบถามเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 19 เมษายน – 17 พฤษภาคม 2022 และให้กรอบสอบถามเรื่องความต้องการออกเที่ยวในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ผลที่ได้มีการชั่งน้ำหนักเฉลี่ยและจัดอันดับเขตปกครองที่มีความเชื่อมั่นกับการท่องเที่ยวมากที่สุด ดังนี้

อันดับ 1 อินเดีย ต้องการออกท่องเที่ยว 86% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 70%

อันดับ 2 เวียดนาม ต้องการออกท่องเที่ยว 85% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 49%

อันดับ 3 จีน ต้องการออกท่องเที่ยว 89% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 48%

อันดับ 4 นิวซีแลนด์ ต้องการออกท่องเที่ยว 79% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 41%

อันดับ 5 ออสเตรเลีย ต้องการออกท่องเที่ยว 72% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 36%

อันดับ 6 สิงคโปร์ ต้องการออกท่องเที่ยว 75% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 35%

อันดับ 7 ฮ่องกง ต้องการออกท่องเที่ยว 71% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 50%

อันดับ 8 ไทย ต้องการออกท่องเที่ยว 70% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 66%

อันดับ 9 เกาหลีใต้ ต้องการออกท่องเที่ยว 80% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 31%

อันดับ 10 ไต้หวัน ต้องการออกท่องเที่ยว 70% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 68%

อันดับ 11 ญี่ปุ่น ต้องการออกท่องเที่ยว 62% และยอมรับได้ที่จะเจอปัญหาในการเดินทาง 24%

ค่าเฉลี่ยในแง่ของความต้องการออกท่องเที่ยวในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกนั้นอยู่ที่ 76% จะเห็นว่า มี 4 ประเทศที่มีความต้องการสูงเกินค่าเฉลี่ยคือ อินเดีย เวียดนาม จีน และนิวซีแลนด์ โดยที่ “อินเดีย” ถือว่ามีศักยภาพความเชื่อมั่นสูงที่สุด เพราะสามารถยอมรับกับการดิสรัปต์ชันได้ ไม่หวั่นเกรงแม้อาจจะเกิดปัญหาระหว่างการเดินทางขึ้น

สำหรับ “อุปสรรค” หรือความกังวลที่ทำให้นักท่องเที่ยวแต่ละประเทศอาจจะยังไม่กล้าเดินทางมากที่สุด เช่น

  • เวียดนาม 53% กังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้น
  • จีน 46% กังวลกับการทำเอกสารการเดินทางที่ยุ่งยาก (หากรัฐบาลเปิดให้เดินทางเข้าออกได้โดยไม่ต้องกักตัวแล้ว)
  • ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยยินดีที่จะให้ข้อมูลส่วนตัว แม้ว่าจะเป็นไปเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
  • สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นสามประเทศที่กังวลกับเรื่องปัญหาระหว่างเดินทางมากที่สุด มีอัตรายอมรับการดิสรัปต์ชันได้ต่ำที่สุดในเอเชียแปซิฟิก เป็นไปได้ว่าเกิดจากการเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการภายในประเทศ ทำให้ยอมรับไม่ได้กับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  • ไต้หวัน ความกังวลสูงสุด 60% คือเกรงว่าตนจะป่วยหรือติดเชื้อไวรัสระหว่างเดินทาง
คนเวียดนามพร้อมเที่ยว แต่มีความกังวลข้อใหญ่สุดคือเรื่องค่าใช้จ่าย (Photo : Shutterstock)

 

คนในเอเชียแปซิฟิกมีความกังวลต่อการ “เปิดพรมแดน” ไม่เท่ากัน

ในแง่ของการเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว Booking.com พบว่าค่าเฉลี่ยความพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาของเอเชียแปซิฟิกอยู่ที่ 51% และจะเห็นได้ชัดว่าบางประเทศมีความเชื่อมั่นในการเปิดพรมแดนสูงมาก ขณะที่บางประเทศก็ต่ำมาก

ยกตัวอย่างเช่น อินเดีย นอกจากจะเชื่อมั่นกับการไปเที่ยวสูงสุดแล้ว ประเทศนี้ยังเชื่อมั่นกับการเปิดประเทศมากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยมีคนอินเดียสูงถึง 85% ที่มั่นใจว่าประเทศปลอดภัยพร้อมรับนักท่องเที่ยว รองลงมาคือเวียดนาม 82% มั่นใจกับการเปิดประเทศ

คนอินเดียมั่นใจกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก (ภาพจาก หลุมฝังพระบรมศพจักรพรรดิหุมายูง กรุงนิวเดลี / Shantanu Goyal / Pexels)

ส่วนประเทศที่ถือว่าเกาะอยู่ในค่าเฉลี่ย เช่น 55% ของคนออสเตรเลียรู้สึกสะดวกใจที่จะเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้ง

ด้านประเทศที่คนรู้สึกไม่เชื่อมั่นที่จะเปิดประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย มีคนเพียง 39% ที่สะดวกใจกับการเปิดประเทศ แต่ผู้ทำโพลมองว่าอาจจะเป็นเพราะไทยคือประเทศที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุดในภูมิภาค ทำให้คนในประเทศมีความกังวลสูงเกี่ยวกับโรคระบาด

รวมถึง ญี่ปุ่น ที่นอกจากจะเชื่อมั่นกับการเดินทางออกน้อยที่สุดแล้ว ก็เชื่อมั่นกับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดเช่นกัน มีคนญี่ปุ่นเพียง 26% ที่รู้สึกสะดวกใจกับการเปิดพรมแดน

โดยสรุปแล้ว ขณะนี้ “อินเดีย” จึงเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวมีศักยภาพความพร้อมออกเดินทางมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก รองลงมาคือ “เวียดนาม” แต่ต้องจัดการกับความกังวลด้านค่าใช้จ่าย ส่วน “จีน” นั้นมีดีมานด์สูงมากๆ แต่ยังต้องรอเวลาให้รัฐบาลพร้อมเปิดการเดินทางก่อน เมื่อนั้นคนจีนจะกลับมาเป็นตลาดใหญ่ของภูมิภาคอีกครั้งอย่างแน่นอน

Source

]]>
1396109
เปิดเงื่อนไขญี่ปุ่น “แง้มประตู” เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเดือน มิ.ย. https://positioningmag.com/1385312 Fri, 13 May 2022 14:29:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1385312 นักท่องเที่ยวไทยตื่นเต้นกับข่าวญี่ปุ่นจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมิถุนายน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งข้อจำกัดในการเดินทางอย่างมาก รวมทั้งแรงกดดันจากประชาชนในญี่ปุ่นที่ยังกังวลการระบาดของ COVID-19 ทำให้การท่องเที่ยวอิสระยังทำไม่ได้

ข่าวญี่ปุ่นจะเปิดประเทศในเดือนมิถุนายน ถูกสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก “เล่นใหญ่” เกินไปมาก ที่มาของเรื่องนี้มาจากคำพูดของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ ระหว่างเยือนอังกฤษเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนเช่นเดียวกับประเทศอื่นในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ G7

แต่หลายคนกลับลืมไปว่า ในคำพูดของนายกฯ ญี่ปุ่นมีคำสำคัญ คือ “พิจารณา” และ “เป็นขั้นเป็นตอน” จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนอย่างเป็นทางการเพียงเรื่องเดียวคือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ญี่ปุ่นจะเพิ่มโควต้าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจากวันละ 10,000 คน เป็น 20,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นก่อนการระบาดของโควิดที่มากถึงวันละ 90,000 คน

รายงานของจากสื่อญี่ปุ่นระบุว่า การดำเนินการแบบ “เป็นขั้นเป็นตอน” ตามคำกล่าวของผู้นำญี่ปุ่น คือ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดเล็ก โดยยังไม่มีประกาศทางการว่าจะให้ฟรีวีซ่าหรือไม่ รวมทั้งข้อกำหนดเรื่องชนิดของวัคซีน และประกันสุขภาพ

ฟูมิโอะ คิชิดะ
(Photo by Carl Court/Getty Images)

การท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดนี้คือ ต้องมาเป็นคณะกับบริษัทท่องเที่ยว เดินทางตามกำหนดการแน่นอน และมีผู้ที่รับผิดชอบในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็หมายความว่า นักท่องเที่ยวไม่สามารถออกนอกเส้นทาง หรือ เที่ยวอิสระได้

รูปแบบการท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์เช่นนี้คล้ายกับมาตรการที่ใช้ช่วงงาน “โตเกียว โอลิมปิก” และไม่ใช่สไตล์ที่นิยมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังคงใช้มาตรการตรวจหาเชื้อก่อนเข้าประเทศอย่างเข้มงวด แม้แต่คนญี่ปุ่นที่เดินทางกลับประเทศก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อน การเพิ่มจำนวนคนเข้าประเทศจะทำให้ภาระงานการตรวจคัดกรองที่สนามบินหนักมาก รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเงื่อนไขใหม่ เช่น ให้ตรวจหาเชื้อก่อนออกเดินทาง หรือ ละเว้นการตรวจหาเชื้อกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่สถานการณ์โควิดไว้วางใจได้

แค่ “แง้มประตู” ไม่ใช่ “เปิดประเทศ”

นายกฯ ญี่ปุ่นระบุว่า จะพิจารณาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อหลังวันหยุดยาว “โกลเดน วีค” ของญี่ปุ่น ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ราว 40,000 คน ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้ลดลงอย่างชัดเจน

อีกเรื่องหนึ่งที่ญี่ปุ่นแตกต่างจากกลุ่มประเทศ G7 คือ ยังห่างไกลจากการเกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” ซึ่งเชื่อว่าการระบาดจะสิ้นสุดลง เมื่อประชากรราว 60% ติดเชื้อโควิด

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ระบุเมื่อ 26 เม.ย. ว่า ชาวสหรัฐฯ ติดเชื้อโควิดแล้ว 57.7% แต่ผลการศึกษาในญี่ปุ่นพบว่า ชาวญี่ปุ่นติดเชื้อเพียง 4.3% ของประชากรเท่านั้น

รัฐบาลไม่เสี่ยงคะแนนนิยมผู้สูงวัย

ปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศอย่างเต็มที่ คือ การเลือกตั้งวุฒิสภาในเดือนกรกฎาคม การสำรวจล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่า ประชาชน 48% บอกว่าควรผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ และ 38% บอกว่าไม่ควรผ่อนปรน

ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังไม่อยากให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา เพราะขณะนี้การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นเป็นปกติอย่างมาก การเดินทางคึกคัก ร้านอาหาร และร้านค้าเต็มแน่นไปด้วยลูกค้า ชาวญี่ปุ่นกลัวว่าหากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาและเกิดการระบาดอีกครั้ง จะต้องลำบากกันถ้วนหน้า

Photo : Shutterstock

กลุ่มที่กังวลกับการเปิดประเทศมากที่สุด คือ ผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยงที่จะอาการทรุดหนักหากติดเชื้อโควิด ผู้สูงวัยเหล่านี้คือ ผู้สนับสนุนหลักของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP ของนายกฯ คิชิดะ ในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม และสำหรับนักเมืองแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่า คะแนนเสียง

ประเมินกันว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเข้าประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และหลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม หากพรรค LDP ยังรักษาคะแนนเสียงไว้ได้ รัฐบาลจึงจะเดินหน้าเปิดประเทศอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็กอาจต้องรอจนถึงปลายปีนี้จึงจะมาเที่ยวญี่ปุ่นอย่างเสรีได้

Source

]]>
1385312
เช็คลิสต์ “5 ประเทศอาเซียน” พร้อมเปิดประเทศให้เที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1379135 Fri, 25 Mar 2022 04:00:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379135 ช่วงนี้สถานการณ์ COVID-19 ในหลายๆ ประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การเดินทางระหว่างประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการลง หลายๆ แห่งที่ปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน ก็เริ่มออกมาประกาศว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว ทำให้แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเริ่มคึกคักมากขึ้น

สำหรับประเทศในแถบอาเซียนใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีหลายแห่งที่กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ลองมาสำรวจกันว่ามีประเทศไหนบ้าง

มาเลเซีย

Photo : Shutterstock

ประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประกาศจะเปิดพรมแดนใหม่อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป ภายหลังจากปิดพรมแดนมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากมีการระบาดใหญ่ของ COVID-19

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส (หรือ ฉีดบูสเตอร์โดสแล้ว) ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ดังนี้ (ทั้งการเดินทางเข้าทางอากาศและทางด่าน)

  • ดาวน์โหลดและลงทะเบียนแอป MySejahtera
  • หลังลงทะเบียนเสร็จ กรอกข้อมูล Traveller ในแอปให้เรียบร้อย
  • ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
  • ผู้ที่เคยได้รับเชื้อ COVID-19 มาแล้ว สามารถใช้ผลตรวจ RTK-Ag ที่ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงได้ แต่ต้องมีใบรับรองจากโรงพยาบาล ว่าหายขาดหรือไม่สามารถแพร่เชื้อได้แนบมาด้วย
  • ประกันการเดินทางครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 50,000 USD
  • ต้องทำการตรวจ RTK-Ag อีกครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเดินทางถึงมาเลเซีย

ส่วนผู้เดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องผ่านการกักตัว เป็นเวลา 5 วันเมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย ในขณะเดียวกันเด็กที่มีอายุ 12-17 ปี ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ โดยปลอดการกักตัว และจำเป็นต้องได้รับการตรวจ RTK-Ag ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย

สิงคโปร์

ภายหลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไข Vaccinated Travel Lane (VTL) มาพักใหญ่ๆ โดยต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดส เดินทางด้วยเที่ยวบินแบบ VTL ตามที่รัฐกำหนด รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่นๆ

ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดของ COVID-19 ผ่านการข้ามแดน โดยอนุญาตให้นักเดินทางจากทุกชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป (รวมถึงเด็กที่มีอายุเท่ากับหรือต่ำกว่า 12 ปี)

นอกจากนี้ ยังยกเลิกการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยวิธี ART เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ภายใน 24 ชั่วโมง (แต่ยังคงต้องตรวจ PCR หรือ ATK ก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ ภายใน 48 ชั่วโมง) และไม่ต้อวเดินทางด้วยเที่ยวบิน VTL แต่จะเปลี่ยนเป็นการเดินทางภายใต้โครงการ Vaccinated Travel Framework แทน (รายละเอียดโครงการต้องรอติดตามต่อไป) และยังเตรียมยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกอาคารอีกด้วย

กัมพูชา

Photo : Shutterstock

เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ แต่ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

ส่วนประกาศล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 65 เป็นต้นไป กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมือเดินทางเข้าประเทศ และยังยกเลิกข้อกำหนดให้แสดงผลตรวจ PCR ของ COVID-19 เพื่อเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา ยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจโควิดเร่งด่วน (ATK) เมื่อเดินทางถึง และเปิดให้ขอ Visa on Arrival สำหรับผู้เดินทางต่างชาติทุกคน ทั้งผู้เดินทางทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

นอกจากนี้ ผู้เดินทางทุกคนต้องแสดงบัตรหรือใบรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดส เมื่อเดินทางมาถึงกัมพูชา (สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องกักตัว 14 วัน ณ สถานที่ที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข) และแนะนำให้ผู้เดินทางทุกคนควรตรวจ ATK ด้วยตัวเองก่อนเดินทาง

เวียดนาม

Photo : Shutterstock

เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางเกือบทั้งหมด ซึ่งมีเงื่อนไขคือ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ เพียงแสดงเอกสาร

  • เอกสารแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นลบ โดยสามารถใช้ได้ทั้งผลการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน (Antigen Rapid Test) จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
  • ประกันสุขภาพหรือประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษาโรคไวรัส COVID-19 วงเงินประกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 332,835 บาท)
  • ข้อมูลสุขภาพผู้เดินทาง โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tokhaiyte.vn ก่อนหรือเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม
  • ติดตั้งแอปพลิเคชัน PC-Covid เมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารแสดงประวัติการรับวัคซีน COVID-19 และไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

อินโดนีเซีย

Photo : Shutterstock

ประเทศอินโดนีเซีย ทดลองเปิด “เกาะบาหลี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าบาหลีแบบไม่ต้องกักตัวต้องแสดงหลักฐานด้านสุขภาพดังต่อไปนี้

  • หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส/วัคซีนเข็มกระตุ้น
  • มีผลตรวจ COVID-19 แบบ PCR เป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง
  • เอกสารการจองโรงแรมและชำระเงินเต็มจำนวนอย่างน้อย 4 วันในจังหวัดบาหลี
  • รับการตรวจ COVID-19 แบบ PCR เมื่อเดินทางถึงจังหวัดบาหลี ซึ่งหากมีผลตรวจเป็นลบ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วบาหลี แต่หากมีผลตรวจเป็นบวก จะต้องแยกกักตัวในโรงแรมตามที่ทางการบาหลีกำหนด

ส่วนผู้สูงอายุต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นบวกและมีอาการป่วยโรคอื่นร่วมด้วยจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ที่เดินทางถึงบาหลี นักเดินทางต่างชาติต้องตรวจ COVID-19 อีกครั้ง หากผลเป็นลบจะสามารถเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ นอกบาหลีในวันที่ 4 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ชาวต่างชาติจะต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษา COVID-19 ด้วย

ขณะเดียวกัน จะมีการออก Visa on Arrival ให้นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, กาตาร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา, อิตาลี, นิวซีแลนด์, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, เวียดนาม, ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยมีค่าธรรมเนียม Visa on Arrival คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,520 บาท

โดยรัฐบาลอินโดนีเซียจะขยายการบังคับใช้นโยบายไม่กักตัวทั่วประเทศในวันที่ 1 เม.ย. หรือเร็วกว่านั้น หากการทดลองในบาหลีประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้ มาตรการการเดินทางเข้าไปยังประเทศต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ก่อนการเดินทางหรือจองตั๋วเครื่องบิน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลของประเทศนั้นๆ อีกครั้ง

Source

]]>
1379135
ยอมถอย! “ฮ่องกง” เตรียมเปิดให้เที่ยวบินจาก 9 ประเทศลงจอด ลดกักตัวเหลือ 7 วัน https://positioningmag.com/1378446 Mon, 21 Mar 2022 12:29:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378446 แม้ว่าตัวเลขอัตราผู้เสียชีวิตต่อประชากรจะยังสูงที่สุดในโลก แต่ “ฮ่องกง” จำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการ Zero-Covid แล้ว เพื่อแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและภาวะทางจิตของประชากร โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ ฮ่องกงจะเปิดให้เที่ยวบินจาก 9 ประเทศลงจอดได้ และลดการกักตัวเหลือเพียง 7 วัน

แคร์รี่ ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญ ให้วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นวันเริ่มแง้มประตูเปิดประเทศบางส่วน โดยจะอนุญาตให้เที่ยวบินจาก 9 ประเทศสามารถลงจอดได้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, บริเตน, แคนาดา, อินเดีย, เนปาล, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์

ฮ่องกงยังจะ “ลดวันกักตัว” สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเหลือ 7 วัน จากเดิม 14 วัน รวมถึงเริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ในโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนนี้ ตามด้วยการเปิดสถานที่สาธารณะตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนเป็นต้นไป

การตัดสินใจของลัมเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มผู้พำนักอาศัยในฮ่องกง ที่หงุดหงิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับวิธีจัดการการระบาดของ COVID-19 ของรัฐ เพราะดำเนินนโยบายที่เข้มงวดมานานกว่า 2 ปีแล้ว

อัตราการเสียชีวิตต่อประชากรของฮ่องกงยังสูงที่สุดในโลก โดยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2022 ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิต 223 รายจาก COVID-19 และมีผู้ติดเชื้อใหม่ 14,068 คน โดยที่เกาะแห่งนี้มีประชากรเพียง 7.5 ล้านคนเท่านั้น แต่การปรับนโยบายก็มีความจำเป็นมากขึ้น

 

ผู้พำนักย้ายออกนับแสนคน

พรมแดนฮ่องกงแทบจะปิดตายมาตั้งแต่เกิดการระบาดต้นปี 2020 โดยมีไฟลท์บินน้อยมากที่ได้รับอนุญาตให้ลงจอด และแทบไม่มีผู้โดยสารทรานสิทผ่านเกาะแห่งนี้อีกเลย เรียกว่าสถานการณ์ของฮ่องกงพลิกผันอย่างมากจากที่เคยเป็นฮับทางการเงินและการค้าแห่งภูมิภาค

นโยบาย Zero-Covid ที่ใช้แบบเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้การเข้าออกประเทศทำได้ลำบากมาก เนื่องจากผู้พำนักที่เดินทางออกนอกแผ่นดิน จะต้องไปพำนักอยู่ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนจะกลับเข้าฮ่องกงได้ และเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องกักตัวในโรงแรมอีก 2 สัปดาห์ ท่ามกลางนโยบายประเทศอื่นในโลกที่เริ่มเปิดการเดินทางไล่เลี่ยกัน แต่ฮ่องกงก็ยังปิดตัวต่อไป

ตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2021 เริ่มเห็นการย้ายออกของผู้พำนักอาศัยในฮ่องกง เฉพาะช่วงโอมิครอนระบาดก็มีการย้ายออกไปมากกว่าแสนคนแล้ว โดยย้ายออกไปเกือบ 17,000 คนในเดือนธันวาคมปีก่อน ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 มีเวฟผู้อพยพย้ายออกอีก 71,000 คน จนถึงเดือนมีนาคมก็ยังมีคนย้ายออกอีก 54,000 คน

คลื่นการย้ายออกของคนที่เคยพำนักในฮ่องกง ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าความสามารถในการแข่งขันของเกาะฮ่องกงจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ในระยะยาว

ทั้งการย้ายออกของผู้พำนัก รวมถึงการล็อกดาวน์เพื่อต่อสู้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงยิ่งตกต่ำ ซ้ำร้าย คนฮ่องกงยังต้องเผชิญกับภาวะสุขภาพจิตแย่ลงจากปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะครอบครัวที่อยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำจะเผชิญปัญหานี้หนักหนากว่า

 

Zero-Covid เอาไม่อยู่ ต้องยอมแก้มาตรการ

สาเหตุที่ฮ่องกงมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงมาก เนื่องจากมีผู้สูงวัยจำนวนมากที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และเมื่อโอมิครอนแพร่กระจายเข้าสู่บ้านพักคนชรา ทำให้เกิดเวฟการเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 5,000 ราย และส่วนใหญ่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้วจากการระบาดของโอมิครอนนี้เอง

ความร้ายแรงของโอมิครอนในฮ่องกง เทียบได้กับภาพที่เราเห็นกันทั่วโลกในช่วงที่โลกยังปราศจากวัคซีน ผู้ป่วยต้องนอนรอนอกโรงพยาบาล โลงศพมีไม่พอ และห้องเก็บศพเต็มไปด้วยศพอัดแน่นรอการฌาปนกิจ

ก่อนหน้านี้ ลัมเคยเตรียมการที่จะปูพรมตรวจหาเชื้อประชากรทุกคนบนเกาะ ตามนโยบาย Zero-Covid แต่สุดท้ายแล้วผู้เชี่ยวชาญมองว่าการปูพรมตรวจดูจะไม่ทันการแล้ว

Source

]]>
1378446
ออสเตรเลีย ส่งสัญญาณเปิดรับ ‘นักท่องเที่ยว’ ต่างชาติ ในเร็วๆ นี้ https://positioningmag.com/1372982 Sun, 06 Feb 2022 10:45:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372982 นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันเริ่มส่งสัญญาณถึงการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่ามีเเนวโน้มจะทำได้ในเร็วๆ นี้

ออสเตรเลีย ปิดพรมแดนมาตั้งเเต่เดือนมี..ปี 2020 เพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เเละเริ่มผ่อนปรนมาตรการเข้าเมืองมาเป็นระยะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้เฉพาะพลเมืองและผู้อยู่อาศัยถาวร แรงงานต่างชาติที่มีทักษะ นักศึกษาต่างชาติ และคนงานตามฤดูกาลเท่านั้น

ล่าสุดนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า รัฐบาลกำลังจะตัดสินใจเรื่องเปิดพรมแดนและต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เเละต้องเป็นไปอย่างปลอดภัย ซึ่งเขาเชื่อว่าจะทำได้ในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ รัฐสภาจะเปิดการประชุมสมัยแรกของปี 2021 ในวันจันทร์นี้ และจะนำเรื่องเปิดประเทศมาอภิปรายเป็นวาระแรกๆ

ความนิยมของสกอตต์ มอร์ริสัน ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง รวมถึงต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ต้องจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพ.ค.ปีนี้

ออสเตรเลีย นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อยู่ในระดับสูง โดยประชากรวัย 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกือบ 95% และมีคนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้วเกือบ 9 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดเกือบ 26 ล้านคน ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสม 2.72 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 4,200 คน

อย่างไรก็ตาม มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ประท้วงรัฐบาล เพื่อต่อต้านคำสั่ง ‘บังคับฉีดวัคซีน’ โดยออสเตรเลียกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องฉีดวัคซีน ครบโดส หรือมีใบรับรองทางการแพทย์หากมีความจำเป็นต้องยกเว้นการฉีดวัคซีน 

 

ที่มา : Reuters 

 

]]>
1372982
“จีน” ยังไม่เปิดประเทศตลอดปี 2022 แต่อาจผ่อนผันให้สำหรับการศึกษาต่อ-ทำงาน https://positioningmag.com/1372289 Mon, 31 Jan 2022 04:42:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372289 มีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่าจีนจะยังปิดประเทศอย่างเข้มงวดต่อไปในปีนี้ แต่ล่าสุดทางการจีนแง้มประตูแล้วว่า อาจเริ่มผ่อนผันให้กลุ่มคนที่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออกเพื่อไปเรียนต่อ ทำงาน หรือทำธุรกิจ

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2022 “Chen Jie” โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งประเทศจีน ประกาศว่า เร็วๆ นี้ตรวจคนเข้าเมืองจะเริ่มอนุมัติการเข้าและออกจากประเทศโดยมีเหตุจำเป็น สำหรับชาวจีนที่ต้องการเดินทางต่างประเทศเพื่อไปเรียนต่อ ทำงาน และทำธุรกิจ และสำหรับชาวจีนหรือชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าสู่ประเทศจีนเพื่อมาทำธุรกิจ หรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และงานอาสาที่มีความจำเป็นเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม Chen ยังร้องขอให้ประชาชน “ลดการเดินทางออกนอกประเทศที่ไม่เร่งด่วนและไม่จำเป็น” เนื่องจากผู้ติดเชื้อโรค COVID-19 ทั่วโลกยังคงพุ่งสูงขึ้น

“นโยบายนี้จะการันตีว่าประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางจะเดินทางได้อย่างราบรื่น และช่วยกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย แข็งแรง สำหรับการเดินทางของชาวจีนและชาวต่างชาติ” Chen กล่าว

จีนเริ่มปิดประเทศอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 โดยมีการผ่อนผันเฉพาะชาวจีนหรือผู้ที่มีใบอนุญาตพำนักในจีนให้สามารถกลับถิ่นฐานได้ แต่การกลับเข้าประเทศก็ต้องเผชิญการกักตัวที่เข้มงวดอย่างมาก ซึ่งทำให้ชาวจีนที่ไปอยู่ต่างประเทศหรือไปเรียนต่อเลือกที่จะพักแผนการกลับไปเยี่ยมบ้านไว้ก่อน

ในกรณีชาวต่างชาติที่เคยเข้าออกเมืองจีนยิ่งลดน้อยลง จากตัวเลขเมื่อปี 2021 พบว่าจำนวนชาวจีนที่เดินทางเข้าออกประเทศปี 2021 เพิ่มขึ้น 6.6% จากปี 2020 แต่ชาวต่างชาติที่เข้าออกยังคงลดลง -65.9% จากปี 2020 ซึ่งทำให้บุคลากรที่มีทักษะในจีนลดลงไปอีก และอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้จีนจะเริ่มผ่อนผันให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ง่ายขึ้นในสาขางานที่จำเป็น

Zhang Wenhong ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อชื่อดังในเซี่ยงไฮ้ เพิ่งประกาศในเดือนมกราคม 2022 หลังการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนว่า “ความเสี่ยงของการมีผู้ติดเชื้อจากภายนอกประเทศเข้ามายังคงสูงอยู่ และน่าจะเสี่ยงสูงมากต่อไปอีกประมาณ 6 เดือน” เพราะโอมิครอนยังกระจายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ขณะที่ในจีนก็มีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้แล้วใน 11 เมือง

การเดินทางออกนอกประเทศได้ของชาวจีนน่าจะเป็นข่าวดีของประเทศไทย แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนกับประเทศจีนจะยังไม่กลับมา แต่ในกลุ่มที่สามารถเดินทางมาทำงานและทำธุรกิจได้ ก็จะทำให้การติดต่อธุรกิจกับไทยคืบหน้าได้เร็วขึ้น และธุรกิจโรงแรมอาจได้อานิสงส์กลุ่มเดินทางเพื่อธุรกิจมากขึ้น

Source

]]>
1372289
Goldman Sachs มองแนวโน้ม ‘จีน’ อาจใช้มาตรการคุมเข้มพรมแดน ‘ตลอดปี 2022’ https://positioningmag.com/1369329 Tue, 04 Jan 2022 09:44:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369329 มองเเนวโน้มรัฐบาลจีนจะยังคงบังคับใช้มาตรการควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวดตลอดทั้งปี 2022’ เพื่อเตรียมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว และจัดกิจกรรมทางการเมืองต่าง ๆ

Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ วิเคราะห์ว่า การที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวคของจีนนั้น สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้เพียงเล็กน้อย มีแนวโน้มจะกดดันให้รัฐบาลจีน แก้ไขปัญหาด้วยกลยุทธ์ ‘Covid Zero’ คุมยอดผู้ป่วยรายใหม่ให้เป็นศูนย์ต่อไป

ประเทศจีน เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ยังคงยึดมั่นในแนวทาง ‘Covid Zero’ ขณะที่อีกหลายประเทศเริ่มปรับนโยบายมาเป็นอยู่ร่วมกับโควิด

โดยมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด อย่างเช่น กรณีล็อกดาวน์ในซีอาน นำไปสู่การหยุดชะงักของภาคการผลิต การเดินทางและการบริโภคที่ลดลง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะตกต่ำของตลาดที่อยู่อาศัยที่มีอยู่เเล้ว

นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ระบุว่า จีนจะยังคงใช้มาตรการกักตัวสำหรับนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบต่อการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนหน้า

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางการเมืองครั้งใหญ่อย่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำปีในเดือนมี.. และการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ในไตรมาสที่ 4 โดยคาดว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำต่อเป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี

สำหรับประเทศอื่นๆ ในโซนเอเชียเเปซิฟิก เริ่มเปลี่ยนไปใช้นโยบายการใช้ชีวิตร่วมกับโควิดซึ่งอัตราเงินเฟ้อโดยรวมคาดว่าไม่น่าจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย นำโดยนิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์

ธนาคารกลางกลุ่มต่อไป ที่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยมากที่สุดในความเห็นของเรา คือ อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไต้หวัน

ขณะที่ เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัว 2.7% โดยได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายทางการคลังและอุปสงค์ทั่วโลก โดยบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นกว่า 84% มองว่า เศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาเติบโตได้ดีในปี 2022 จากเเรงหนุนการบริโภคที่ฟื้นตัว เเละความหวังว่าการระบาดของโควิด-19 จะบรรเทาลง

 

ที่มา : Bloomberg 

]]>
1369329
เวียดนาม เตรียมกลับมาเปิดเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ ‘ระหว่างประเทศ’ รวมไทย 1 ม.ค. 65 นี้ https://positioningmag.com/1366445 Sun, 12 Dec 2021 17:01:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1366445 เวียดนาม อนุมัติให้มีการเปิดเที่ยวบิน ‘เชิงพาณิชย์’ ตามปกติ ระหว่างเวียดนามกับประเทศจุดหมายปลายทาง ที่มีความปลอดภัยสูงในการเเพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป

ตามประกาศล่าสุดของรัฐบาลเวียดนาม ระบุว่า จุดหมายปลายทางดังกล่าว จะรวมถึงประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา

ความเคลื่อนไหวนี้ นับเป็นการกลับมาเปิดการบินระหว่างประเทศอีกครั้ง เพื่อเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้นเเละการกระจายวัคซีนได้ผลดี นอกจากนี้ ยังช่วยให้ชาวเวียดนามในต่างประเทศ สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเองได้ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงด้วย

เวียดนามได้สั่งปิดพรมแดนและห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด มาตั้งเเต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จากการระบาดของโควิด-19 โดยอนุญาตให้ผู้เดินทางเข้าประเทศได้เฉพาะชาวเวียดนามที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ และแรงงานที่มีทักษะสูง โดยจะต้องเข้ามาตรการกักตัวตามระเบียบของรัฐเมื่อเดินทางมาถึง

 

ที่มา : Xinhua , thestar 

]]>
1366445