น้ำดื่มสิงห์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 24 Jun 2024 06:59:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดแนวคิด ‘น้ำดื่มสิงห์’ x ‘แคร์แบร์’ กับการสร้าง ‘Brand Love’ ด้วยการส่งต่อพลังบวก https://positioningmag.com/1479330 Mon, 24 Jun 2024 06:58:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479330 ตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด 38,000 ล้านบาท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 นี้คาดว่าจะเติบโตได้ 6.5% ถึงแม้ตลาดน้ำดื่มจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่ ‘น้ำดื่มสิงห์’ เบอร์ 1 ของตลาดที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ยังเดินหน้ารักษาตำแหน่งแชมป์ ด้วยการสร้าง “Brand Love” เพื่อเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าทุกวัยด้วย ‘แคร์แบร์’ คาแรกเตอร์ใหม่ที่ช่วยสะท้อนถึงตัวตนสิงห์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ทำไมเลือก Collab แคร์แบร์?

เชื่อว่าคนไทยหลายคนต้องเคยเห็นตุ๊กตาหมีหลากสีที่มีชื่อว่า ‘แคร์แบร์’ (Care Bears) กันเป็นอย่างดี เพราะแคร์แบร์เป็นคอลเลกชันตุ๊กตาหมีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีอายุยาวนานถึง 43 ปี โดยปรากฏขึ้นครั้งแรกจากการเป็นลวดลายบนการ์ดอวยพรของบริษัท American Greetings ในปี 1981 โดย Elena Kucharik เป็นผู้วาดแคร์แบร์

จากความนิยมในการส่งการ์ดอวยพรหากันในโอกาสต่าง ๆ ทำให้แคร์แบร์ได้ถูกนำไปต่อยอดสร้างเป็นแอนิเมชันและผลิตสินค้าประเภทต่าง ๆ ทำให้จากเพียงแค่ภาพการ์ตูนหมีที่เป็นตัวแทนของความรู้สึกห่วงใยบนการ์ด แคร์แบร์ได้กลายเป็นตัวแทนในการสื่อความรู้สึกต่าง ๆ แทนคำพูด เช่น มอบความรัก, มอบกำลังใจ และมอบความสดใส

ดังนั้น ด้วยคาแรกเตอร์ที่มีความ Positive พร้อมส่งมอบสิ่งดี ๆ มอบกำลังใจ และเป็นแรงบวก ซึ่งสอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของ น้ำดื่มสิงห์ ที่ต้องการส่งต่อพลังบวกให้ผู้บริโภค และมอบความสุขความสดใสในทุก ๆ วันแก่ผู้คน ทำให้น้ำดื่มสิงห์จึงตัดสินใจเลือก Collab กับแคร์แบร์ภายใต้คอนเซปต์ “ส่งต่อความสดชื่น ด้วยความสดใสที่ใช่”

“คาแรกเตอร์ที่เรา Collab ต้องเป็นที่รู้จักทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่อาจยังไม่มีแบรนด์ในใจ เราก็ต้องการไปอยู่ในใจเด็กเหล่านั้น โดยฉลากจะเป็นจุดดึงดูดให้เลือกสิงห์” ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าว

ได้มากกว่าสะสมฉลาก

นอกจากจะมีลวดลายฉลากลิมิเต็ด เอดิชั่น ให้สะสมแล้ว พรรณทิพย์ ลีตะชีวะ ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาดแบรนด์น็อนแอลกอฮอล์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด อธิบายต่อว่า คาแรกเตอร์ของแคร์แบร์ยังสามารถนำไปต่อยอดไปยัง Ecosystem ทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกด้วย อาทิ สมาชิกสิงห์รีวอร์ด สามารถร่วมสนุกได้อีกต่อจากการ สะสมแต้มจากรหัสใต้ฝา เพื่อแลกสินค้า Merchandise ของแคร์แบร์ที่มีกว่าพันไอเทม เช่น ตุ๊กตา, หมอน และผ้าห่ม

รวมถึงการทำกิจกรรมพิเศษ อาทิ ‘Everyday Is A Care Day Presented by น้ำดื่มสิงห์’ ที่เนรมิตอีเวนท์ ด้วยจุดถ่ายรูปของตุ๊กตาหมี Care Bears ทั้ง 7 วัน 7 สี โดยแฟน ๆ สามารถร่วมกิจกรรม Photo Mission ถ่ายรูปครบทั้ง 7 โซน และสะสมแสตมป์ครบ 7 ดวง เพื่อรับสิทธิ์ในกิจกรรมคีบตุ๊กตา Care Bears, ถ่ายภาพ Photo Booth และกิจกรรมแลกรับไอศกรีมผ่านคะแนน Singha Rewards ณ ศูนย์การค้าเมกา บางนา บริเวณ ชั้น 1,โซนแฟชั่น แกลอเรีย (Fashion Galleria Zone) เมื่อวันที่ 12-18 มิถุนายน 2567

“คาแรกเตอร์ที่เราเลือกจะเป็นการสื่อสารว่าสิงห์เป็นแบรนด์อย่างไร ซึ่งภาพของสิงห์จะดูเป็น Family พร้อมส่งแรงบวกกับคนรอบข้าง” พรรณทิพย์ ทิ้งท้าย

ทั้งนี้ แคร์แบร์ถือเป็น คาแรกเตอร์ที่ 6 ที่น้ำดื่มสิงห์ Collab ด้วย โดยก่อนหน้านี้จะมีคาแรกเตอร์ระดับโลก ได้แก่ My Little Pony, Mickey Mouse, โดราเอมอน และ Toy Story

7 ลาย 7 สี 7 ความหมาย

สำหรับน้ำสิงห์ที่มีฉลาก แคร์แบร์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น จะมีใน 2 ขนาด ได้แก่ 330 มิลลิลิตร และ 750 มิลลิลิตร โดยมีให้สะสมทั้งหมด 7 ลาย 7 สี โดย พรรณทิพย์ อธิบายเสริมว่า แต่ละสีจะส่งต่อความสดชื่น ด้วยความสดใสแตกต่างกัน ตามแต่ละสีของแคร์แบร์ ได้แก่

  • หมีสีฟ้า (Grumpy Bear) สื่อถึงว่าจะไม่โอเคบ้างก็ไม่เป็นไรนะ
  • หมีสีแดง (Love-A-Lot Bear) การส่งต่อความรัก
  • หมีสีเหลือง (Funshine Bear) เป็นความกระฉับกระเฉง สดใสเหมือนพระอาทิตย์ในทุกวัน
  • หมีสีม่วง (Share Bear) การรู้จักแบ่งปันต่อคนรอบข้าง
  • หมีสีส้ม (Friend Bear) ความเป็นมิตรกับเพื่อนรอบข้าง
  • หมีสีชมพู (Cheerful Bear) การแบ่งปันความสุข รอยยิ้ม
  • หมีสีเขียว (Lucky Bear) การส่งต่อความโชคดีให้กันและกัน

นอกจากความสนุกในการตามหาให้ครบ 7 สี 7 ลาย แฟน ๆ สามารถเติมความสดชื่นที่ใช่ ฮีลใจ เพิ่มพลังให้กับตัวเองและคนที่ห่วงใยในทุกวันด้วย ข้อความข้างขวดจากเหล่าแคร์แบร์ ได้อีกด้วย โดยแฟน ๆ สามารถหาซื้อน้ำดื่มสิงห์ขนาด 330 มิลลิลิตร (มล.) ผ่านช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต และซูเปอร์มาร์เก็ต และขนาด 750 มล. จำหน่ายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น

]]>
1479330
“น้ำสิงห์ขวดใส” ความท้าทายบทใหม่ ในการบาลานซ์ ‘แบรนดิ้ง’ กับ ‘สิ่งแวดล้อม’ https://positioningmag.com/1463717 Thu, 22 Feb 2024 13:44:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463717 ทุกวันนี้ปัจจัยที่เราเลือกหยิบน้ำดื่มจากตู้แช่สักขวดคืออะไรบ้าง แบรนด์, ราคา, คุณภาพ หรือพรีเซ็นเตอร์ ถ้าวันหนึ่งน้ำดื่มไม่มีฉลากที่บอกชื่อแบรนด์ จะเลือกหยิบกันถูกหรือไม่ ยังคงเป็นคำถามแก่นักการตลาด และผู้บริโภค

ปัจจุบันเราได้เห็นองค์กรต่างๆ ได้ตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งเป้าหมายในเรื่องการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ การเซ็ต Net Zero ภายในปีต่างๆ หรืออย่างใกล้ตัวขึ้นมาหน่อยก็เป็นการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งที่ใช้วัสดุที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ง่าย หรือนำไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น

singha

อุตสาหกรรมน้ำดื่มเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ “พลาสติก” เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนิยมใช้ขวดพลาสติก PET เป็นหลัก เพราะเป็นวัสดุที่เบา ใช้งานได้สะดวก รับเทรนด์ความสะดวกสบายของผู้บริโภค ซึ่งพลาสติกที่ว่าก่อให้เกิดขยะหลายชิ้นส่วนทั้งขวด ฉลากผลิตภัณฑ์ ฝา พลาสติกหุ้มแพ็ก จากข้อมูลพบว่าประเทศไทยมีขยะจากขวดพลาสติกราว 6,000 ล้านขวด/ปี แต่มีเพียงไม่ถึง 10% เท่านั้นที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้

ทางเลือกของแบรนด์ต่างๆ ที่เริ่มเห็นกันมากขึ้นคือ มีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุ “อะลูมิเนียม” แม้ต้นทุนจะสูงกว่า แต่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100%

ต้นทุนไม่ลดอย่างที่คิด

ถือว่าเป็นความท้าทายอยู่พอสมควรที่ “น้ำดื่มสิงห์” ผู้นำในตลาดน้ำดื่มลุกขึ้นมาปรับแพ็กเกจจิ้งครั้งใหญ่ ด้วยการปรับเป็นขวดใส เพื่อลดการใช้ฉลากผลิตภัณฑ์ โดยมีเทคนิคการพิมพ์นูนลงบนขวด

ในช่วงแรกถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร แม้สิงห์จะไม่ใช่รายแรกที่ทำขวดใส เพราะก่อนหน้านี้มีแบรนด์น้ำดื่มน้องใหม่อย่าง “ซีทรู (C2)” ก็มีการใช้ขวดใสเช่นกัน มีกระบวนการเดียวกันก็คือพิมพ์นูนบนขวด พร้อมใช้ “แจ็คสัน หวัง” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ แต่ก็สร้างแรงกระเพื่อมในตลาดได้ไม่น้อย เพราะยักษ์ใหญ่ลงมาจับตลาดนี้

singha

สิงห์เริ่มคิกออฟขวดใสกับน้ำดื่มไซส์ใหญ่ 1.5 ลิตรก่อน และขายยกแพ็กเท่านั้น ไม่มีขายแยกขวด จำหน่ายเฉพาะช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต เริ่มจากโลตัสเป็นที่แรก เพราะยังมีข้อจำกัดเรื่องข้อมูลสำคัญที่ต้องระบุลงในฉลาก เช่น ตราสินค้า ชื่อแบรนด์ เลข อย. และปริมาตรของสินค้า จากที่เคยพิมพ์ข้อมูลนี้ลงฉลาก ต้องเปลี่ยนมาพิมพ์ลงบนพลาสติกที่หุ้มแพ็กแทน

อีกนัยสำคัญหนึ่งก็คือ ขนาด 1.5 ลิตร เป็นขนาดที่ขายดีที่สุดของสิงห์ มีสัดส่วนยอดขายถึง 49% รองลงมาคือขนาด 600 มิลลิลิตร ในขณะที่ตลาดน้ำดื่ม ไซส์ 1.5 ลิตร มีสัดส่วน 40%

สิงห์จึงเริ่มนำร่องกับไซส์คู่ใจของเขา อีกทั้งไซส์นี้ยังเป็นไซส์สำหรับผู้บริโภคที่ซื้อยกแพ็กไปดื่มที่บ้าน จะเป็นกลุ่มที่มี Loyalty สูง ถึงแม้ไม่มีฉลาก ก็ยังซื้อดื่มเหมือนเดิม

singha

พรรณทิพย์ ลีตะชีวะ ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาดแบรนด์น็อนแอลกอฮอล์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เล่าว่า

“สิงห์ใช้เวลาในการพัฒนาขวดใสราวปีกว่า มีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่ม ต้องเปลี่ยนเครื่องโมเป่าขวดจากเรียบเป็นนูน ความยากคือต้องเป่าแล้วให้แข็งแรง เป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ PET 1 สามารถรีไซเคิลได้ 100% ทำให้แม้ว่าจะลดการใช้ฉลาก แต่ต้นทุนเราก็ไม่ได้ลดลงอย่างที่คิดเลย เพราะต้องใส่ข้อมูลบนฉลากบนขวด และบนพลาสติกหุ้มแพ็ก แต่สิ่งที่ได้คือลดการใช้พลาสติกมากขึ้น และเป็นเจ้าใหญ่ที่ลงมาเทคแอคชั่นตรงนี้”

ตอนนี้น้ำดื่มสิงห์มี 1 โรงงานที่มีไลน์ผลิตที่สามารถโมเป่าขวดนูนได้ มีการตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะมีไลน์ผลิตขวดนูนได้ทุกโรงงาน 5 แห่ง ได้แก่ วังน้อย, สิงห์บุรี, มหาสารคาม, สุราษฎ์ธานี และเชียงใหม่

singha

พรรณทิพย์ บอกว่า มีความสนใจที่จะขยายขวดใสไปแพ็กไซส์อื่นเช่นกัน แต่ต้องดูเรื่องความเหมาะสมของข้อมูลสำคัญบนฉลาก ซึ่งจะสามารถพิมพ์ลงได้มากน้อยแค่ไหน มองว่าถ้าขวดใสไซส์ต่อไป ก็คงต้องเป็นขนาด 600 มิลลิลิตร เพราะเป็นขนาดที่ขายดีรองลงมา

แต่น้ำดื่มขวดที่มีฉลากก็ยังขายอยู่ปกติในทุกช่องทาง มีเพียงช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้นที่ขายแบบขวดใส เพราะเหมาะกับการซื้อยกแพ็กมากกว่า

แบรนด์ได้อะไรจากฉลากที่หายไป?

แน่นอนว่าคำตอบแรกอาจจะบอกว่า “ได้ใจ” ผู้บริโภค

แต่ในระยะยาวอาจจะต้องรอดูว่าผู้บริโภคให้การตอบรับมากน้อยแค่ไหน เพราะฉลากสินค้าที่ลดลง เท่ากับพื้นที่โฆษณาของแบรนด์ก็ลดลงเช่นกัน

พรรณทิพย์ มองในประเด็นนี้ว่า พื้นที่โฆษณาหายไปแน่นอน แต่เป็นการชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องการตลาด กับเรื่องรักษ์โลก มองว่าในระยะยาวน่าจะดีกว่า และผู้บริโภคก็จะเริ่มปรับพฤติกรรม และเข้าใจมากขึ้น ตอนที่เราเริ่มเอา Cap Seal หุ้มฝาขวดออก ก็ช่วยลดพลาสติกได้มหาศาล

singha

จริงๆ แล้วฉลากอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เตะตาผู้บริโภคเวลาอยู่บนตู้แช่ แต่สุดท้ายแล้วลูกค้าที่มี Brand Loyalty จะสามารถจดจำได้ว่าแบรนด์ทำอะไรบ้าง ยิ่งในปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตัดสินใจจากแบรนด์ที่ตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาจจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้แบรนด์ได้คะแนนมากขึ้นได้

สิงห์ตั้งเป้าว่าน้ำขวดใสนี้ จะสามารถช่วยลดขยะพลาสติกลงได้ราว 16 ตัน/ปี หรือเทียบเท่าระยะทาง 7.8 แสนกิโลเมตร

ทั้งนี้ ตลาดน้ำดื่มในปี 2566 มีมูลค่า 38,000 ล้านบาท เติบโต 8.9% หรือปริมาณ 3,700 ล้านลิตร ส่วนแบ่งการตลาด สิงห์ 20% คริสตัล 18.6% เนสท์เล่ 11.4% น้ำทิพย์ 10.5% และอื่นๆ 39.5%

]]>
1463717
“น้ำดื่มสิงห์” ดึง “บิวกิ้น” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ กับโจทย์ใหญ่ขอจับกลุ่มคนนิวเจน https://positioningmag.com/1427039 Tue, 11 Apr 2023 10:00:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1427039

เป็นการต้อนรับซัมเมอร์ปี 2566 ได้อย่างร้อนระอุเลยทีเดียว เมื่อ “น้ำดื่มสิงห์” เปิดเกมรุกตลาดน้ำดื่มด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” พร้อมโจทย์หลักในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ น้ำดื่มที่ใช่ น้ำดื่มสะอาด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำดื่มมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งในด้านของแบรนด์ใหญ่ในตลาดก็มีแคมเปญใหญ่ๆ มีมูฟเมนต์ให้ได้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง ในขณะแบรนด์เล็กๆ ก็ใช้ความได้เปรียบในด้านของราคา ในการดึงความสนใจจากผู้บริโภคได้

ในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดน้ำดื่มมีการเติบโตถึง 16.7% มีมูลค่าตลาด 36,000 ล้านบาท เรียกว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปี 2562 ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-1 9 เสียอีก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดน้ำดื่มมีการเติบโต มาจากผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เลือกดื่มน้ำที่สะอาด ได้มาตรฐาน รวมไปถึงปัจจัยในด้านของแบรนด์น้ำดื่มเล็กๆ ในระดับโลคอล ที่แต่ก่อนอาจจะเคยเห็นเป็นขวดขุ่น เริ่มหันมาทำน้ำบรรจุขวด PET กัน ทำให้เข้ามาเพิ่มมูลค่าตลาดให้ใหญ่ขึ้น

“น้ำดื่มสิงห์” ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในตลาดน้ำดื่ม ครองส่วนแบ่งการตลาดไปถึง 20.8% ในปีนี้ได้ถือโอกาสเปิดเกมรุกรับซัมเมอร์อย่างร้อนระอุ ด้วยการเปิดตัว “บิวกิ้น – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า

น้ำดื่มสิงห์ในปีนี้ ได้เปิดตัว “บิวกิ้น” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ในฐานะตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่มี  Passion ความมุ่งมั่น ในการทำสิ่งต่างๆ ที่ใช่สำหรับตนเองจนประสบความสำเร็จ สอดคล้องกับจุดแข็งของแบรนด์ที่ต้องการให้ผู้บริโภคเลือกชีวิตที่ Smart ให้ตัวเอง เลือกน้ำดื่มที่ใช่ ต้องน้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มสิงห์”

ธิติพร ยังเสริมอีกว่า เหตุผลที่เลือกบิวกิ้น  เพราะบิวกิ้นมีคาแร็คเตอร์ใกล้เคียงกับน้ำดื่มสิงห์ เป็นนักร้อง นักแสดงอันดับต้นๆ ของประเทศ และมีความเพอร์เฟ็คทุกด้าน ทั้งร้องเพลง แสดงละคร และเป็นนักธุรกิจ รวมถึงเป็นคนช่างเลือก เข้ากับคอนเซ็ปต์ที่ว่า น้ำดื่มที่ใช่ น้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มสิงห์  อีกทั้งบิวกิ้นยังเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ มีคนติดตามในโซเชียลมีเดียเยอะ มีแฟนคลับทุกเพศทุกวัย

ที่ผ่านมาน้ำดื่มสิงห์ได้ตอกย้ำจุดแข็งที่น้ำดื่มสะอาด มีมาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ  Smart Micro Filter อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์ ที่ไม่ใช่แค่น้ำใสสะอาดแต่ยังเก็บคุณค่าจากแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย ภายใต้กระบวนการผลิตแบบปิดที่ให้ความสะอาดปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้บริโภค จึงอยากสื่อสารข้อความตรงนี้ไปถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จึงให้พรีเซ็นเตอร์เป็นคนพูดเรื่องยากๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ให้คนสนใจมากกว่าแบรนด์พูดเอง

นอกจากกลยุทธ์การใช้พรีเซ็นเตอร์แล้ว น้ำดื่มสิงห์ยังได้ร่วม Collaboration กับคาแรคเตอร์การ์ตูนระดับโลกมากมาย เพื่อสร้างสีสันให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ในทุกช่วงอายุ เช่น มิกกี้เมาส์, โฟรเซ่น จากค่ายดิสนีย์ ขวัญใจเด็กๆ โดราเอมอน และล่าสุดกับทอย สตอรี่

ในปีนี้ก็เช่นกัน น้ำดื่มสิงห์ยังคงเดินหน้าสร้างกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องร่วมกับ “บิวกิ้น” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เพื่อย้ำภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคและเพิ่ม Engagement กับกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ สร้างความแตกต่างของแบรนด์ให้ฉีกออกไปจากคู่แข่ง โดยในปีนี้จะมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องกับพรีเซนเตอร์คนใหม่ตลอดทั้งปี รวมทั้งจะมีกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำแนวคิดของแบรนด์ที่ต้องการส่งเสริมให้คนรุ่นใหมใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการตอบแทนกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทาง Loyalty Program “Singha Rewards” ที่ปัจจุบันมีฐานลูกค้าทั่วประเทศกว่า 9.7 ล้านราย

โดยปีนี้น้ำดื่มสิงห์ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% คาดหวังส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 22.2% ทั้งนี้  น้ำดื่มสิงห์ เป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดทั้งขวด PET และขวดแก้ว โดยใน 1 ปีที่ผ่านมายอด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ (มีนาคม65 – กุมภาพันธ์66) น้ำดื่มสิงห์มีการเติบโต 15.6% ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20.8% จากตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด PETและขวดแก้ว เชิงปริมาณมีมูลค่า 3,463 ล้านลิตร ตลาดเติบโต 14.7%  เชิงมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลจาก Nielsen IQ)

]]>
1427039
“น้ำดื่มสิงห์” จัดเต็ม! ดึง “โดราเอมอน” ลงขวดแบบ Full Wrap ลิมิเต็ดแค่ 1 ล้านขวด! https://positioningmag.com/1380206 Thu, 07 Apr 2022 03:00:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380206

ต้องบอกว่ากลยุทธ์ “คาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้ง” ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เติบโตมากับตัวการ์ตูนต่างๆ การที่แบรนด์ต่างๆ หยิบจับมาลงในบรรจุภัณฑ์ หรือกิจกรรมการตลาดๆ ย่อมดึงดูดแฟนๆ ได้มากขึ้น รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าได้เลยทีเดียว


ดึง “โดราเอมอน” คาแรคเตอร์มหาชนลงขวด

ปัจจุบันหลายกลุ่มธุรกิจได้นำคาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้งมาใช้อย่างแพร่หลาย ความว้าวก็คือ ตัวการ์ตูนต่างๆ สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งในด้านกระตุ้นยอดขาย การสร้างการรับรู้ การเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ เรียกว่าเป็นหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์เลยก็ว่าได้

ตลาดน้ำดื่มขึ้นชื่อว่ามีการแข่งขันสูงมาก นอกจากการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง สินค้าคุณภาพสูงแล้ว จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่ส่งเสริมกัน จึงจะช่วยรักษาความเป็นแชมป์ และยังครองใจผู้บริโภคได้ ซึ่ง “น้ำดื่มสิงห์” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เดินเกมการใช้คาแรคเตอร์ มาร์เก็ตติ้งมาตลอด และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องโดยนำคาแรคเตอร์การ์ตูนมาใส่บนฉลากมาแล้วหลายครั้ง

เริ่มตั้งแต่คอลเลคชั่นแรกในปี 2561 ดึงคาแร็กเตอร์ “My Little Pony” ตามมาด้วย “Mickey Mouse Collection” นำคาแรคเตอร์ ของมิคกี้เมาส์กว่า 60 แบบไม่ซ้ำกัน พร้อมตัวอักษร A-Z และ “เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย)” เปิดตัวฉลาก “Frozen Collection” ในปี 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เริ่มต้นปี 2565 น้ำดื่มสิงห์ได้สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ในตลาดน้ำดื่ม ด้วยการเปิดแคมเปญใหญ่ “Our friendship is magic สดชื่นเป็นพิเศษกับมิตรภาพแสนวิเศษ” ดึงคาแรคเตอร์อมตะอย่าง “โดราเอมอน” มาอยู่ในฉลากน้ำดื่มสิงห์ มาพร้อมด้วยขบวนของพรีเมียมให้สะสมอีกด้วย

สำหรับคาแรคเตอร์โดราเอมอนขึ้นชื่อว่าเป็นคาแรคเตอร์อมตะ มีแฟนคลับในทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย ต่างจากคาแรคเตอร์อื่นที่มีแฟนคลับเฉพาะเจาะจง ทำให้หลายแบรนด์เลือกหยิบมาทำการตลาดในการสื่อสารกับผู้บริโภค


พิเศษด้วยดีไซน์แบบ Full Wrap

เชื่อว่าใครที่เป็นสายนักสะสมจะต้องร้องกริ๊ดอย่างแน่นอน เพราะแค่ฉลากธรรมดาไม่พอแล้ว น้ำดื่มสิงห์จึงจัดเต็มด้วยการออกขวดฉลากโดราเอมอนดีไซน์พิเศษ Full Body Wrap (ฉลากเต็มขวด) เป็นครั้งแรก มาในขวดขนาด 600 มล. ที่สำคัญมีเพียง 1 ล้านขวดเท่านั้น! ลิมิเต็ดแบบสุดๆ เอาใจสาวกเจ้าแมวสีฟ้า

นอกจากฉลากบนขวดน้ำดื่มสุดพิเศษแล้ว ผู้บริโภคยังสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ เพื่อลุ้นรับของรางวัลพรีเมียมสุดน่ารักทั้งตู้แช่ขนาดเล็ก Doraemon  Mini Freezer และโดราเอมอนไทม์แมชชีนฟิกเกอร์ พร้อมของรางวัลอื่นอีกเพียบ

วิธีการร่วมสนุกเพียงแค่แอดไลน์ @SinghaRewards พร้อมกรอกรหัสใต้ฝา ของรางวัลต่างๆ จะมีทั้งแบบสะสมพอยท์แล้วแลกของรางวัลได้ทันที หรือใช้พอยท์เพื่อลุ้นรับของรางวัลก็ได้ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Singha Drinking Water และได้ที่ LINE @SinghaRewards

สำหรับดีไซน์ขวดน้ำดื่มสิงห์ฉลากโดราเอมอน “Our friendship is magic สดชื่นเป็นพิเศษกับมิตรภาพแสนวิเศษ” มีในขวดทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด 600 มล. มาในรูปแบบ Full Wrap Bottle (ฉลากแบบเต็มขวด) ลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มีเพียง 1 ล้านขวด จำหน่ายผ่านเซเว่นอีเลฟเว่นสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น รวมถึงขนาด 330 มล. (มีให้สะสม 5 สี) , ขนาด 750 มล. (12 แบบ) ที่จำหน่ายผ่านทุกช่องทาง เพื่อสร้างสีสันตอบสนองความต้องการผู้บริโภคเติมความสดชื่นในทุกๆ วัน ตั้งแต่วันนี้  หรือจนกว่าของจะหมด

ปัจจุบันน้ำดื่มสิงห์มีส่วนแบ่งการตลาด 20.3% ในตลาดน้ำดื่ม จากขวด PET เชิงมูลค่า 28,085 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขในเชิงปริมาณ 2,940 ล้านลิตร

การเปิดศึกซัมเมอร์ด้วยคาแรคเตอร์โดราเอมอน เรียกว่าเป็นการสร้างสีสันได้อย่างดี พร้อมกระตุ้นยอดขาย และสร้างมูฟเมนต์ใหม่ๆ ให้กับตลาดน้ำดื่ม พร้อมกับการันตีความเป็นผู้นำของน้ำดื่มสิงห์

 

]]>
1380206
“น้ำดื่มสิงห์” ประเดิมแจกเบนซ์คันแรกให้กับผู้โชคดี ลุ้นต่ออีก 4 คันทุกเดือน https://positioningmag.com/1333946 Thu, 27 May 2021 10:00:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333946

“น้ำดื่มสิงห์” แจกแล้วกับแคมเปญ “Singha Rewards จัดหนัก แจกเบนซ์ 5 คัน รวยกันทุกเดือน” ประเดิมมอบรถ Mercedes Benz รุ่น GLA 200 มูลค่า 2,399,000 บาท คันแรกประจำเดือนเมษายน ให้กับผู้โชคดีถึงบ้าน ลุ้นรวยต่ออีก 4 คันทุกเดือน พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมายรวมมูลค่ารางวัลกว่า 13,000,000 บาท

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ (Chief Marketing Officer – Brand) บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า

“ที่ผ่านมา น้ำดื่มสิงห์พัฒนา Digital CRM ผ่านลอยัลตี้โปรแกรม Singha Rewards อย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่ปีที่ 5 จากการศึกษาและเข้าใจความต้องการของลูกค้า นำมาสู่การพัฒนาแคมเปญใหม่ๆ ที่สร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้นและเป็นประสบการณ์ใหม่ พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้น้ำดื่มสิงห์ มีสร้างฐานลูกค้าที่มีความเชื่อมั่น และไว้วางใจอย่างแข็งแกร่ง โดยเห็นได้จากยอดผู้ใช้งาน Singha Rewards ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งฐานสมาชิกใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายในปีนี้ น้ำดื่มสิงห์จะมียอดผู้ใช้งานผ่าน Singha Rewards ทะลุ 10 ล้านราย”

สำหรับบิ๊กแคมเปญ “Singha Rewards จัดหนัก แจกเบนซ์ 5 คัน รวยกันทุกเดือน” ได้รับกระแสการตอบรับดีเกินคาด นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าร่วมสนุก ลุ้นรับโชคครั้งใหญ่ เพียงสแกนหรือกรอกรหัสใต้ฝาน้ำดื่มสิงห์, น้ำแร่เพอร์ร่า และเพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์ เพื่อลุ้นรับโชครางวัลอย่างยิ่งใหญ่ทุกเดือน โดยล่าสุด จัดหนัก แจกใหญ่ แจกจริงถึงที่ แบบนิว นอร์มอล มอบรถหรูคันแรก Mercedes Benz รุ่น GLA 200 มูลค่า 2,399,000 บาท ให้กับผู้โชคดีคนแรกประจำเดือนเมษายนเป็นที่เรียบร้อย

โดยแคมเปญ “Singha Rewards จัดหนัก แจกใหญ่กว่าเดิม แจกเบนซ์ 5 คัน รวยกันทุกเดือน” ยังมีต่อเนื่องอีก 4 เดือน ลุ้นรางวัลใหญ่ รถยนต์ Mercedes Benz รุ่น GLA 200 มูลค่า 2,399,000 บาท เหลืออีก 4 คัน พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ สร้อยคอทองคำ, iphone12 และ Smartwatch และของรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 13,000,000 บาท โดยกติกาง่ายๆ แค่แอดไลน์ และสแกนหรือกรอกรหัสใต้ฝา โดยทุก 2 พอยท์ Singha Rewards จะได้ 1 สิทธิ์ในการร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่รถยนต์ Mercedes Benz รุ่น GLA 200 ยิ่งส่งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564 หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line@SinghaRewards และ Facebook Singha Drinking Water

]]>
1333946
“น้ำดื่มสิงห์” ส่ง “ณเดชน์” ลุยต่อแคมเปญ “สะอาดใสแบบ Smart Micro Filter” https://positioningmag.com/1329519 Thu, 29 Apr 2021 06:59:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329519 “น้ำดื่มสิงห์” ตอกย้ำการเป็นน้ำดื่มคุณภาพเบอร์หนึ่ง ลุยเปิดตัวแคมเปญภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “น้ำดื่มสิงห์ สะอาดใสแบบ Smart Micro Filter” โดยมี “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ตัวแทนคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพเป็นพรีเซ็นเตอร์ สื่อสารภาพลักษณ์น้ำดื่มที่มุ่งมั่น และใส่ใจมาตรฐานการผลิต ด้วยระบบการผลิตแบบปิดที่ให้ความสะอาดปลอดภัยสูงสุด และ Smart Micro Filter เทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์ เพื่อมอบน้ำดื่มคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ชูคอนเซ็ปต์ “น้ำดื่มสิงห์ไม่ได้มีดีแค่ใส” แต่ยังคงรักษาคุณค่าและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มการตลาดแบรนด์ (Chief Marketing Officer – Brand) บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า

“ในฐานะที่เป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มในประเทศไทย เราได้จัดแคมเปญการสื่อสารทางการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์น้ำดื่มคุณภาพที่ให้ความสำคัญและใส่ใจในด้านคุณภาพการผลิตทุกขั้นตอน เน้นความสะอาดและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ จึงขับเคลื่อนการสื่อสารการตลาดในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง”

ล่าสุด เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “น้ำดื่มสิงห์ สะอาดใสแบบ Smart Micro Filter” โดยมีณเดชน์ คูกิมิยะ พรีเซ็นเตอร์ ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ เลือกสิ่งที่ดีและใช่สำหรับตัวเองในทุกเรื่อง มาร่วมสื่อสารภายใต้แนวคิด ผ่านแคมเปญภาพยนตร์โฆษณา “น้ำดื่มสิงห์ สะอาดใส แบบ Smart Micro Filter”

ชูเทคโนโลยี smart micro filter ระบบกรองอัจฉริยะ คุณภาพทุกหยดมอบสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เพราะน้ำดื่มที่ดีต้องไม่ใช่แค่ใส แต่ยังเป็นน้ำดื่มที่ดีต่อสุขภาพ รักษาคุณค่าแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ภายใต้กระบวนการผลิตแบบปิดที่ให้ความสะอาดปลอดภัยสูงสุด ล็อกคุณภาพและความสะอาดน้ำดื่มทุกขวดก่อนถึงมือผู้บริโภค

สำหรับ เทคโนโลยี Smart Micro Filter เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์ โดยสามารถกรองเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรียและสิ่งสกปรกออกหมด แต่ยังคงเหลือไว้ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และน้ำดื่มสิงห์ทุกขวดยังได้รับการตรวจสอบคุณภาพด้วยระบบควบคุมคุณภาพและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัย มีความละเอียดแม่นยำสูงและเป็นมาตรฐานระดับสากล ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า น้ำดื่มสิงห์มีมาตรฐานการผลิตที่สะอาดและปลอดภัยสูงสุดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงมือผู้บริโภค

ปัจจุบันน้ำดื่มสิงห์เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคคนไทยมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้น้ำดื่มสิงห์เป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด (PET+GLASS) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 (ย้อนหลัง 1 ปี) ด้วยส่วนแบ่ง 22.7% จากตลาดน้ำดื่มมูลค่า 31,750 ล้านบาท เชิงปริมาณ 3,000 ล้านลิตร (อ้างอิงข้อมูลจาก AC Nielsen)

]]>
1329519
เปิดศึกแพ็กเกจจิ้ง! “น้ำดื่มสิงห์” ดึง Mickey Mouse ลงฉลาก กระตุ้นการสะสม เรียงตัวอักษร https://positioningmag.com/1286909 Wed, 08 Jul 2020 06:52:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286909 น้ำดื่มสิงห์ กระตุ้นตลาดน้ำดื่มครึ่งปีหลัง ใช้แพ็กเกจจิ้งเข้าช่วย เปิดตัวขวดตัวอักษร “Mickey Mouse Collection” กว่า 60 ลาย หวังจับกลุ่มวัยรุ่น เอาใจสาวกดิสนีย์

น้ำดื่มกับกลยุทธ์แพ็กเกจจิ้ง

ตลาดน้ำดื่มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นแล้ว ยังมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่สามารถเล่นเรื่องราคา โปรโมชั่นได้อย่างเดียว กลายเป็นสินค้าที่บางคนอาจจะไม่มี Brand Loyalty เลยก็ได้ เพราะซื้อแบรนด์ที่มีการลดราคา

เราจึงได้เห็นกลยุทธ์ที่หลากหลายทั้งการใช้พรีเซ็นเตอร์ ทำแคมเปญโปรโชั่น Loyalty Program รวมไปถึงการใช้อีโมชันนอลกับการทำฉลากแพ็กเกจจิ้ง เป็นการฉีกกรอบจากการพูดเรื่องฟังก์ชันนอลว่าน้ำดื่มมีประโยชน์อย่างไร

ก่อนหน้านี้ในปี 2561 “น้ำดื่มสิงห์” ได้เคยใช้กลยุทธ์แพ็กเกจจิ้งกับขนาดเล็ก 330 มิลลิลิตร เป็นการใช้คาแร็กเตอร์ “My Little Pony” มาอยู่บนฉลาก เพื่อต้องการสื่อสารกับกลุ่มเด็กให้มากขึ้น เป็นการวางรากฐานให้เป็นแฟนคลับน้ำดื่มสิงห์ตั้งแต่วัยเด็ก

และเมื่อปี 2562 น้ำดื่มสิงห์ได้ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา เคยเปลี่ยนฉลากน้ำดื่มเป็นตามหาเด็กหาย เป็นการสร้างสีสันให้ตลาด และสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมได้ด้วย

ล่าสุดน้ำดื่มสิงห์ได้ขยับการใช้แพ็กเกจจิ้งมาสู่ไซส์ขนาด 750 มิลลิลิตร ครั้งนี้ได้เปิดตัว Mickey Mouse Collection เป็นการจับมือ “เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย)” คว้าลิขสิทธิ์คาแร็กเตอร์มิกกี้เมาส์ กว่า 60 ลาย ไม่ซ้ำกัน เอาใจสาวกดิสนีย์ สามารถเรียงขวดด้วยตัวอักษร A-Z และส่งต่อเป็นข้อความได้

แต่ละคนสามารถเลือกใช้ตัวอักษรสื่อสารทั้งการให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มความสุขให้กับคนไทยผ่านตัวอักษรง่ายๆ เช่น HAPPY, LUCKY, WELL, ENJOY เป็นต้น หรือจะนำมาเรียงเป็นชื่อตัวเองก็ได้

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer – Brand บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า

“น้ำดื่มสิงห์ได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดในช่วงครึ่งปีหลังครั้งใหญ่ สร้างสีสันให้กับวงการน้ำดื่ม จับมือร่วมกับ “เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย)” นำคาแร็กเตอร์ Mickey Mouse ที่โด่งดังของดิสนีย์และเป็นตัวการ์ตูนที่คนทั่วโลกรู้จัก ร่วมสร้างปรากฏการณ์ตลาดน้ำดื่มในประเทศไทย คว้าลิขสิทธิ์ลาย Mickey Mouse ด้วยคาแร็กเตอร์กว่า 60 แบบไม่ซ้ำกัน เปิดตัวขวดตัวอักษร Mickey Mouse Collection” พร้อมกับชวนคนไทยมาเรียงขวด ส่งต่อความสุขในแบบของคุณ”

น้ำดื่มสิงห์ Mickey Mouse Collection มีด้วยกัน 2 ขนาด สำหรับขนาด 330 มล. ออกแบบมา 4 สี ทั้งสีเหลือง แดง น้ำเงิน และฟ้า และมีตัวอักษร ตั้งแต่ A-Z สำหรับน้ำดื่มสิงห์ ขนาด 750 มล. มีตัวอักษร A-Z ถูกสร้างสรรค์ให้เป็นตัวอักษรสีดำ ตามสีคาแร็กเตอร์ของมิกกี้เมาส์ เพื่อสะท้อนถึงความทันสมัย และปรับภาพลักษณ์ให้ดูวัยรุ่น พร้อมออก Video Online แสดงให้เห็นสีสันความสนุกของน้ำดื่มสิงห์ใน Mickey Mouse Collection อีกด้วย

โดยวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ, ร้านค้าปลีก, ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2563 นี้

สำหรับภาพรวมตลาดน้ำดื่มมูลค่า 32,517 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 2.9% โดยเป็นตัวเลขจากเอซี นีลเส็น (AC Neilsen) เดือนมิ.ย. 2562 – พ.ค. 2563 โดยปีนี้น้ำดื่มสิงห์คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 25%

]]>
1286909
ดีต่อใจ! “น้ำดื่มสิงห์” รณรงค์ใช้ขวดแก้ว เปิดบริการโทรสั่งส่งฟรีถึงบ้าน https://positioningmag.com/1260720 Wed, 15 Jan 2020 17:29:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1260720 น้ำดื่มสิงห์หาโซลูชั่นสำหรับการแก้ปัญหาขยะพลาสติก ด้วยแคมเปญ “เกี่ยวช่วยโลก” รณรงค์ใช้น้ำดื่มขวดแก้ว เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการช่วยรียูส และรีไซเคิล เปิดบริการโทรสั่งแล้วส่งฟรีถึงบ้าน

“ขวดแก้ว” ทางเลือกที่ดีที่สุดในการรีไซเคิล?

ยังคงเป็นปัญหาระดับชาติในความพยายามที่จะแก้ปัญหาขยะพลาสติกบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก ขวดพลาสติก หรือหลอดพลาสติก ในปี 2561 ประเทศไทยมีปริมาณขยะจำนวน 27.93 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตัน มีเพียง 5 แสนตันเท่านั้นที่สามารถรีไซเคิลได้

โดยที่ขยะพลาสติกที่ว่านั้น “ขวดน้ำ” เป็นสิ่งที่สร้างขยะมากเป็นอันดับ 1 แต่รู้หรือไม่ว่าขวดพลาสติกนั้นสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้เพียงแค่ 1 ใน 5 เท่านั้น แต่ขวาดน้ำพลาสติก หรือขวด PET ในปัจจุบันเป็นแพ็กเกจจิ้งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากที่สุดในยุคนี้ อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงด้วย ทำให้ความนิยมของขวดพลาสติกจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ

จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ “น้ำดื่มสิงห์” เริ่มมองหาทางออกที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยที่ลดขยะจากขวดพลาสติกให้มากที่สุด คำตอบจึงอยู่ที่ “ขวดแก้ว” ที่ทางน้ำดื่มสิงห์ได้ทำตลาดมายาวนาน

น้ำดื่มสิงห์จึงใช้จุดแข็งในความมีขวดแก้วเป็นอีกแพ็กเกจจิ้งหนึ่ง ซึ่งในตลาดมีน้อยแบรนด์ที่จะทำขวดแก้ว เปิดแคมเปญใหญ่ “เกี่ยวช่วยโลก” เป็นการกระตุ้น หรือรณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้ขวดแก้วในการดื่มน้ำมากขึ้น เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า

“ขวดแก้วคือทางเลือกที่ดีที่สุดที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม Reuse ได้นานที่สุด Recycle ได้ 100% และขวดแก้วไม่มีดราม่าเหมือนขวดพลาสติก”

ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เล่าว่า

“สิงห์ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ธุรกิจในเครือในการดูแล และรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้สิงห์ เอสเตทที่ทำโครงการรณรงค์ลดขยะพลาสติก การนำพลาสติกไปใช้ให้เกิดประโยชน์, บริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จํากัด มีการบริหารจัดการบำบัดน้ำภายในโรงงาน ด้วยการนำไปใช้ในสนามกอล์ฟ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น, สิงห์ปาร์ค เชียงรายได้พัฒนาโครงการเพิ่มพื้นที่ สีเขียวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการปริมาณขยะภายในไร่ ฯลฯ”

แคมเปญ “เกี่ยวช่วยโลก” เป็นชวนให้ผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำสิงห์ในขวดแก้วมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการลดขยะภายใต้ 3R ได้แก่ Reuse การนำขวดแก้วกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยผ่านกระบวนการผลิต และผ่านการทำความสะอาด Reduce ลดการใช้พลาสติก ลดการสร้างขยะ และ Recycle เมื่อขวดแก้วถูกใช้ไประยะหนึ่งแล้วจะถูกนำไปผ่านกระบวนการทำลาย เพื่อผลิตขวดแก้วขวดใหม่ต่อไป

เปิดคอลเซ็นเตอร์ ส่งน้ำขวดแก้วถึงบ้านครั้งแรก

เบื้องหลังของแคมเปญนี้เป็นผลงานของเอเยนซี่ “จงรักดี” โดยที่ทางสิงห์ได้ให้โจทย์หลัก “ดื่มน้ำแล้วช่วยโลก” ต้องการให้ผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำจากขวดแก้วมากขึ้น จากเดิมที่เคยเจอน้ำสิงห์ขวดแก้วที่ร้านอาหารและโรงแรม แต่ในปีนี้จะได้เห็นน้ำสิงห์ขวดแก้วในครัวเรือน!

ใช่แล้ว… ไฮไลต์ของแคมเปญนี้ที่ซ่อนภายใต้การชวนให้ผู้บริโภคมาดื่มน้ำสิงห์ในขวดแก้วนั้น คือบริการที่ส่งน้ำสิงห์ขวดแก้วถึงบ้านเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการอุดช่องว่างที่ว่าไม่สะดวกในการซื้อ ในการขนส่ง เพราะขวดแก้วมีน้ำหนักเยอะ และส่วนใหญ่ต้องซื้อตามร้านขายส่งเป็นส่วนใหญ่

ราคาของน้ำสิงห์ขวดแก้วจะถูกกว่าขวดพลาสติก โดยที่ 1 ลังมี 24 ขวด ราคา 75 บาท เฉลี่ยขวดละ 3.1 บาทเท่านั้น ส่วนขวดพลาสติกมีราคาขายปลีกอยู่ที่ 7 บาท หรือถ้าราคาเป็นแพ็ก 12 ขวดอยู่ที่ 55 บาท เฉลี่ยขวดละ 4.5 บาท

สิงห์ได้เปิดคอลเซ็นเตอร์เบอร์ 1245 กด 8 สามารถโทรสั่งน้ำสิงห์ขวดแก้วได้ หรือติดต่อที่ตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านก็ได้ โดยมีขั้นต่ำในการสั่งครั้งแรกอยู่ที่ 7 ลัง แต่ครั้งต่อไปจะอยู่ที่ 5 ลัง ใช้เวลาจัดส่งไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพราะมีกระบวนการในการรับเรื่อง และส่งต่อให้ตัวแทนจำหน่ายใกล้เคียงในการไปส่ง ในอนาคตจะเปิดช่องทางในการสั่งออนไลน์ได้

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอลล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เล่าเสริมว่า

“แคมเปญนี้เป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งของสิงห์ในการมีบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการดื่มน้ำในชีวิตประจำวัน โดยในปีนี้เน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำในบ้านของผู้บริโภค อีกทั้งยังชวนพันธมิตรรายอื่นๆ เพื่อปลุกกระแสและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เช่น บริษัทในเครือบุญรอดฯ ร้านอาหาร โรงแรม โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยต่างๆ ฯลฯ ให้หันมาใช้น้ำดื่มขวดแก้วเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภค”

แต่ใครที่เป็นแฟนคลับของสิงห์ แล้วมีโปรแกรม “Singha Rewards” เป็น Loyalty Program ของน้ำดื่มสิงห์ก็เตียมเฮ เพราะธิติพรบอกว่ากำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้โปรแกรมนี้กับน้ำสิงห์ขวดแก้วด้วยเช่นกันในอนาคต

กำไรน้อย แต่ดีต่อใจ ดีต่อสิ่งแวดล้อม

จริงๆ แล้วบริการส่งขวดแก้วถึงบ้านนั้นมีต้นทุนที่สูงกว่าขวดพลาสติก ธิติพรบอกเลยว่า “ไม่มีกำไร” แต่ต้องแลกกับการได้ช่วยโลก แต่ก็คาดหวังว่าจะสร้างยอดขายของน้ำดื่มสิงห์ในขวดแก้วให้มากขึ้น

“จริงๆ การส่งขวดแก้วถึงบ้านนั้นมีต้นทุนการจัดส่งสูง เพราะขวดแก้วมีเรื่องการจัดเก็บยากกว่า ต้องไปส่ง และไปรับกลับ ต้องมีการล้าง และนำกลับมาใช้ใหม่ ต้องบอกว่าการทำแบบนี้ไม่ได้กำไร แต่ได้ช่วยโลกมากกว่า” 

ปัจจุบันในปี 2561 น้ำดื่มสิงห์มียอดขายปริมาณ 1,225 ล้านลิตร แบ่งเป็นขวดพลาสติก PET ปริมาณ 1,075 ล้านลิตร หรือสัดส่วน 88% และขวดแก้วปริมาณ 150 ล้านลิตร มีสัดส่วน 12%

จากแคมเปญนี้ที่มีการกระตุ้นการใช้ขวดแก้วมากขึ้น ตั้งเป้ามีสัดส่วนยอดขายจากขวดแก้วที่ 20% ภายใน 2 ปีให้ได้

ตลาดน้ำดื่มปี 2561 มีมูลค่า 38,700 ล้านบาท มีปริมาณ 3,600 ล้านลิตร เติบโต 10%

ส่วนแบ่งการตลาด

  • สิงห์ 21.9% (+15.5%)
  • คริสตัล 18.4% (-3.6%)
  • เนสท์เล่ 14.3% (+4.3%)
  • House Brand 10.6% (+6%)
  • น้ำทิพย์ 9.1% (+20.7%)
  • มิเนเร่ 2.3% (-8.5%)
  • เพอร์ร่า 2% (+34.7%)
  • อควาฟิน่า 1.8% (+16.9%)
  • ช้าง 1.3% (-41.3%)
  • อื่นๆ 3.7% (-5.1%)
  • Local Brand 6% (+32.9%)
]]>
1260720
บทสรุป 11 ปรากฎการณ์ร้อนฉ่าแห่งปี 2019 https://positioningmag.com/1258693 Sun, 29 Dec 2019 16:06:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1258693 เดินทางมาจนถึงโค้งสุดท้ายของปี 2019 ในปีที่ผ่านมาในแวดวงการตลาดมีทั้งแคมเปญดังๆ ที่เรียกเสียงว้าว รวมถึงดราม่าที่เรียกเสียงฮือฮาได้ระยะหนึ่ง ซึ่งทาง Positioning ขอสรุป 11 ปรากฎการณ์เด่นๆ ประจำปีนี้

“น้ำดื่มสิงห์” เปลี่ยนฉลากเป็นตามหาเด็กหาย

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอป้ายตามหาเด็กหายของมูลนิธิกระจกเงากันมาบ้าง แต่เด็กบางคนที่ตามหาหลายปีก็ยังไม่พบก็มีมากมาย จึงเกิดเป็นแคมเปญต้อนรับวันแม่ที่ไอเดียดีพอสมควร โดยที่ น้ำดื่มสิงห์ จับมือกับ “มูลนิธิกระจกเงา” ทำโครงการ “น้ำดื่มสิงห์ คืนดวงใจให้แม่ return heart to home” 

โครงการนี้เป็นการพลิกโฉมวงการน้ำดื่มครั้งใหม่ โดยการเปลี่ยนฉลากข้างขวดผลิต เป็นประกาศตามหาเด็กหาย ได้เลือกเด็กสูญหายจำนวน 5 คนมาอยู่บนฉลาก ซึ่งถือว่า 5 คนนี้เป็นกรณีที่ยากที่สุดของมูลนิธิกระจกเงา ที่ใช้เวลาติดตามมานานตั้งแต่ 6 ปีถึง 17 ปี

ฉลากนี้มีการผลิตกว่า 20 ล้านขวดเป็น Limited Edition ให้ขวดน้ำเป็นเหมือนอีกสื่อหนึ่งเพื่อเป็นส่วนช่วยในการตามหาเด็กที่หายไปอย่างยาวนาน 5 คน รวมถึงทำให้สังคมได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาเด็กหายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมอีกทางหนึ่งด้วย

“นันยาง” คงความเก๋า ผลิตรองเท้า KHYA (ขยะ) พ่วง NanyangRED

ในปีนี้นันยางมีแคมเปญที่เรียกเสียงว้าวได้ถึง 2 แคมเปญ เป็นสินค้าใหม่ที่สามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าความเป็น “รองเท้านักเรียนซึ่งนันยางได้ร่วมมือกับ “ทะเลจร” แบรนด์ Upcycling วัสดุจากทะเลซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในการผลิต “รองเท้า KHYA (ขยะ)”

รองเท้า KHYA (ขยะ) เป็นลูกผสมระหว่างรองเท้าแตะช้างดาว และขยะรีไซเคิล ซึ่งรองเท้า 1 คู่ทำจากขยะทะเลประมาณ 5 กิโลกรัม ความพิเศษคือมีลวดลายจะไม่มีซ้ำกัน เพราะขยะที่ได้มาไม่เหมือนกัน วางจำหน่ายในราคา 399 บาท แพงกว่ารองเท้าแตะช้างดาวปกติที่มีราคา 99 บาท เพราะต้องใช้กระบวนการในการผลิตมากกว่าปกติ 3 เท่า

เหตุผลที่นันยางออกรองเท้าขยะนี้ เนื่องจากเห็นว่า 80% ของขยะในทะเลเป็นพลาสติก ในจำนวนนี้ 10% กว่าๆ เป็นรองเท้าที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้ จึงขอมีส่วนในการนำขยะมารีไซเคิล

รวมไปถึง NanyangRED รองเท้าผ้าใบสีแดง รุ่นพิเศษ ของนันยาง เป็นการทำตามสัญญาที่นันยางได้โพสท์ในเพจว่า ถ้าลิเวอร์พูลได้แชมป์ จะผลิตรองเท้าผ้าใบสีแดงเมื่อลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 6 มาครอง นันยางก็ผลิตรองเท้าสีแดงตามสัญญา พร้อมกับสร้างเสียงฮือฮา พร้อมกับยอดขายถึง 10 ล้านบาท!

เปิดศึก “เซ็นทรัลวิลเลจ” ปะทะ “ทอท.”

มาถึงดราม่าร้อนๆ แห่งปีคงหนีไม่พ้นศึกยักษ์ชนยักษ์ระหว่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือ CPN ที่เปิดศึกปะทะกับ “ท่าอากาศยานไทย” หรือ ทอท. กรณีพื้นที่ของโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ

“เซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village)” เป็นลักชูรี่ เอาท์เล็ตล่าสุดของ CPN ใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่ 100 ไร่ พื้นที่โครงการ 40,000 ตร.ม. เปิดให้บริการในเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2562

แต่เรื่องราวได้เกิดขึ้นเมื่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เพื่อสอบถามความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของเซ็นทรัล วิลเลจ ที่เห็นว่าอาจจะขัดกับเงื่อนไขกฎเกณฑ์การบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตามเงื่อนไขพัฒนาพื้นที่รอบสนามบิน รวมทั้งกรณีการใช้พื้นที่โดยพลการในการก่อสร้างแนววางท่อประปาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

จากนั้นวันที่ 22 ส.ค. 2562 ทอท. ได้นำเตนท์มาปิดกั้นทางเข้าออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างสะดวก ทำให้ทาง CPN ได้ยื่นคำร้องให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวจนได้เปิดโครงการในที่สุด

ปรากฎการณ์ IKEA x Virgil Abloh

เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่ให้เห็นว่าคนไทยตอบรับกับกระแสดังระดับโลกอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ IKEA เปิดคอลเลกชั่น “MARKERAD/มาร์เคียรัด” เป็นความร่วมมือกับ Virgil Abloh ดีไซเนอร์ชื่อดังแบรนด์ OFF-WHITE

เพียงแค่วางจำหน่ายที่ไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาใน 2 สาขาทั้ง IKEA บางนา และ IKEA บางใหญ่ ปรากฎว่าขายหมดเกลี้ยงภายใน 3 ชั่วโมง

ซึ่งตอนซื้อว่ายากแล้ว มีการต่อแถวกันยาวเหยียดก่อนที่ห้างฯ จะเปิด แต่พบว่ามีการมาอัพราคา Resell บนโลกออนไลน์สูงถึง 15 เท่า รูปโมนาลิซ่าพุ่ง 33,000 บาท ทำเอาเป็นกระแสแรร์ไอเท็มบนโลกออนไลน์

Shopee กับการคว้า “โรนัลโด้” เป็นพรีเซ็นเตอร์

“โรนัลโด้” ถือว่าเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการลูกหนังที่มีทั้งธุรกิจส่วนตัว และงานพรีเซ็นเตอร์มากมาย แต่การที่โรนัลโด้ปรากฎตัวในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

สิ่งที่ทุกคนฮือฮาก็คือการที่โรนัลโด้ลงทุนเต้นเพลงของ Shopee ในโฆษณา หลายคนจึงเกิดคำถามขึ้นมาเลยว่า Shopee ได้ทุ่มเงินแค่ไหนถึงให้โรนัลโด้ยอมเต้นได้ขนาดนี้

แต่ก็ถือว่าได้ผลมากเลยทีเดียว สามารถสร้างการรับรู้ และกระตุ้นยอดขายของ Shopee ได้ อีกทั้งยังเป็นการอัพภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูอินเตอร์ขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้ชายที่เป็นแฟนคลับของโรนัลโด้มากขึ้นด้วย

“บาบีคิ้วพาซ่า” กับแคมเปญเรื่องการศึกษา

บาร์บีคิวพลาซ่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความครีเอทีฟในการออกแคมเปญใดๆ อยู่แล้ว แต่ในปีนี้เล่นใหญ่กว่าที่เคย ได้เปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” เพื่อเป็นแคมเปญเรื่องการศึกษา งานนี้มีทั้งเสียงดราม่า และเสียงชื่นชม

บาร์บีคิวพลาซ่า ร่วมกับแคมเปญ  Limited Education เปิดประเด็นให้คนสนใจปัญหาเรื่องการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย ที่พบว่ายังมีหลายคนที่ยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ จึงเกิดเป็นไอเดียผ่านลูกเล่นของการสะกดผิดและฟ้อนท์ที่น่ารักแทนการเขียนของเด็กๆ โดยเปลี่ยนป้ายหน้าร้านใหม่ในรูปแบบของการเขียนเป็นคำไทยที่สะกดผิด เป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” ที่ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1-8 กันยายน 2562 และยังมีเมนูพิเศษที่ใช้คอนเซ็ปต์การสะกดผิดเพื่อให้สอดรับกับตัวโครงการ

การลงทุนเปลี่ยนป้ายหน้าร้านในครั้งนี้เป็นการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ Limited Education ได้เคยร่วมงานกับร้าน After You มาแล้ว พร้อมกับมีเมนู “ขนมปังเนยโสด” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สะกดผิดด้วยเช่นกัน

เทรนด์รักษ์โลกมาแรง แบนถุงพลาสติก-หลอดพลาสติก

การรักษ์โลกเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เห็นได้ชัดในปีนี้ และทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้วัสดุ หรือแพ็คเกจจิ้งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือเหล่าบรรดาห้างค้าปลีก และร้านกาแฟต่างๆ ก็มีการตื่นตัวต่อการกระแสนี้ มีการยกเลิกการใช้หลอดพลาสติก และถุงพลาสติกกันอย่างจริงจัง

จะเห็นว่าเชนร้านกาแฟใหญ่ๆ ระดับโลกมีการแบนการใช้หลอดพลาสติกมากขึ้น มีการหาวัสดุอื่นมาทดแทน หรือกระตุ้นให้ลูกค้านำแก้วมาเอง เพื่อที่ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

ส่วนห้างค้าปลีกก็มีการงดให้บริการถุงพลาสติก ยิ่งในวันที่ 1 มกราคม 2563 จะเริ่มงดแจกถุงพลาสติกอย่างจริงจังแล้ว เชื่อว่าคนไทยจะเริ่มตื่นตัวกับกระแสสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปอีก

Plant-based Food เนื้อไร้เนื้อ อาหารแห่งอนาคต

ปรากฎการณ์ในเรื่องของอาหารที่มาแรงที่สุดคงจะหนีไม่พ้น “Plant-based Food” หรือเนื้อไร้เนื้อ กลายเป็นธุรกิจยอดนิยมแห่งปี และคาดการณ์กนัว่าจะเป็นอาหารแห่งอนาคตด้วย

Plant-based Food เป็นการพัฒนาเนื้อที่ทำมาจากพืช แถมให้โปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของมังสวิรัติ หรือ Vegan เพราะไม่มีประเด็นเรื่องการไม่ทรมาณสัตว์

ในต่างประเทศโดยเฉพาะโซนอเมริกามีการฮิต Plant-based Food กันอย่างมาก ส่งผลให้เกิดสตาร์ทอัปหลายบริษัทลุยพัฒนาธุรกิจเนื้อ plant-based meat อย่างจริงจัง บริษัทที่โดดเด่นในตลาดคือ Impossible Foods และ Beyond Meat ทั้งคู่สามารถดึงผู้บริโภคหลายรายให้อยากลิ้มลองรสชาติของเนื้อสัตว์เลียนแบบได้ จนมีแนวโน้มที่ตลาดนี้จะบูมต่อเนื่องไปอีกนาน

ในประเทศไทยก็เริ่มมีความเข้าใจ Plant-based Food กันพอสมควร เริม่มีหลายแบรนด์ที่พัฒนาเมนูเพื่อรองรับตลาดด้วยเช่นกัน อย่าง Sizzler จับมือ Green Monday ออกเมนู Plant-Based Meat ในราคาเริ่มต้น 379 บาท

ศึก Food Delivery เอาใจผู้บริโภคขยับตัวน้อย

ตลาด Food Delivery เป็นตลาดที่บูมมากในช่วงหลายปีที่ผานมา และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในตอนแรกมีเพียงแค่ LINE MAN ที่จับจริตคนไทยได้อยู่หมัด ออกบริการรับซื้ออาหารจนยอดขายถล่มทลาย

แต่ในปีนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในสังเวียนทั้ง Grab Food และ GET ล้วนอัดโปรโมชั่นค่าส่งเพียงแค่ 10 บาท ทำเอา LINE MAN ถึงกับต้องตั้งหลักใหม่ เสียส่วนแบ่งการตลาดไปพอสมควร

ปีหน้าก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีการแข่งขันที่นวัตกรรม หรือบริการใหม่ๆ เพราะทุกแบรนด์ต่างก็อยากเติบโตด้วยความยั่งยืน การอัดโปรโมชั่นสามารถทำให้ลูกค้ารับรู้ได้เร็ว แต่อาจจะไม่สร้างกำไรในระยะยาวได้

ค้าปลีกยังคงล่มสลาย

ธุรกิจค้าปลีกยังคงมีทีท่าที่จะหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ในปีที่ผ่านมาได้เห็นข่าวคราวของวงการค้าปลีกต่างประเทศปิดตัวกันระนาว มีการล้มละลายกันต่อเนื่อง

Vienna, Austria – September 4, 2011: Shopper walks past Forever 21 store on September 4, 2011 in Vienna. Forever 21 fashion label has 480 stores worldwide and had USD 2.6 bn revenue in 2011.

อย่าง Barneys และ Forever 21 ก็พาเหรดกันล้มละลาย เพราะไม่สามารถปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยได้ หรือแม้แต่บางที่ก้มีการปรับลดพนักงาน เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรให้คล่องตัวมากขึ้น

ในประเทศไทยเองอย่าง “เทสโก้ โลตัส” ก็ร้อนๆ หนาวๆ เพราะมีข่าวล่าสุดบอกว่าทางบริษัทแม่อาจจะขายกิจการในประเทศไทย และมาเลเซีย แต่ยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน ยังคงเป็นแผนอยู่

ชาไข่มุกฟีเวอร์

เรียกว่าเป็นปีทองของ “ชาไข่มุก” จริงๆ เพราะได้กลับมาฮิตอีกครั้ง งานนี้ได้เข้าไปอยู่ในหลายเมนูจนกลายเป็นชาไข่มุกฟีเวอร์ เกิดแบรนด์ชาไข่มุกล้นเมือง ร้านค้าร้านอาหารต้องมีเมนูชาไข่มุกประดับร้านเพื่อเกาะกระแสด้วย

พฤติกรรมคนไทยทานชาไข่มุกมากขึ้น จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ไปแล้วเรียบร้อย นอกจากแบรนด์ดั้งเดิมที่เปิดให้บริการในไทยมาหลายปี ยังมีแบรนด์ใหม่จากต่างประเทศทยอยตบเท้าเข้ามาในไทย สร้างกระแสต่อแถวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Tiger Sugar จากประเทศไต้หวัน

หรือแบรนด์ไทยอย่าง Fire Tiger ก็ได้รับความนิยมจนสามารถดคแบรนด์กับ MK เข้าไปจำหน่ายภายในร้าน MK กว่า 400 สาขาได้แล้ว นอกจากนี้ยังเกิดแบรนด์ชาไข่มุกใหม่ๆ ที่เป้นร้านเล็กๆ ระดับแมสอีกมากมาย เรียกว่าเป็นอีกกระแสที่ร้อนแรงมากจริงๆ

]]>
1258693
น้ำดื่มสิงห์ ร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา เปลี่ยนฉลากน้ำดื่ม 20 ล้านขวด ช่วยตามหาเด็กหาย รับ “วันแม่” https://positioningmag.com/1241396 Mon, 05 Aug 2019 07:39:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241396 เป็นเรื่องที่น่าเคร้าใจว่าทุกปีจะมีเด็กที่หายไปจากอกของพ่อแม่ แม้ในแต่ละปีสามารถติดตามเด็กสูญหายได้สำเร็จกว่า 90% ขณะเดียวกันยังมีสถิติเด็กที่หายมายาวนานมากกว่า 5 ปี และยังหาไม่พบประมาณ 1%

กลายเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างน้ำดื่มสิงห์ และมูลนิธิกระจกเงาร่วมกันทำโครงการ น้ำดื่มสิงห์ คืนดวงใจให้แม่ return heart to home” ผลิตน้ำดื่มสิงห์ฉลากพิเศษ (limited edition) เพื่อเป็นส่วนช่วยในการตามหาเด็กที่หายไปอย่างยาวนาน 5 คน รวมถึงทำให้สังคมได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาเด็กหายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้เด็กสูญหายทั้ง 5 คนที่ถูกเลือกให้มาอยู่บนฉลากน้ำดื่มสิงห์ถือเป็นกรณีที่ยากที่สุดของมูลนิธิกระจกเงา ที่ใช้เวลาติดตามมานานตั้งแต่ 6 ปีถึง 17 ปี ทั้งที่มีสื่อหลากหลายประเภทในการติดตามแล้ว แต่ยังไม่พบตัว ดังนั้นการใช้สื่อที่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากและใกล้ชิดกับผู้บริโภคโดยตรง จึงเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการเพิ่มโอกาสตามหาเด็กให้เจอ

ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแนวความคิดนี้เปิดเผยว่า ปัญหาเด็กหายเป็นอีกปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่เป็นพ่อแม่ของน้องๆ ที่หายไปว่าทุกข์ทรมานขนาดไหน ทุกครั้งที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมถามตัวเองว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง วันหนึ่งผมพบว่าเราน่าจะใช้ฉลากน้ำดื่มสิงห์เป็นอีกช่องทางการสื่อสารที่ช่วยในการติดตามได้และได้ติดต่อไปยังมูลนิธิกระจกเงาทันที เพื่อประสานการทำงานร่วมกัน จนสำเร็จเป็นโครงการ ‘คืนดวงใจให้แม่ return heart to home’ ในวันนี้

นอกเหนือจากทำฉลากพิเศษบนบรรจุภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ ยังได้จัดทำคลิปวิดีโอนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของครอบครัว “น้องเท็น” หรือเด็กชายชัยภาส ด่านเกื้อกูล ที่หายไปตั้งแต่อายุ 11 ปี จนปัจจุบันอายุ 24 ปี เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์อีกด้วย เป็นการผสานสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รวมถึงใช้สื่อทุกช่องทางของบริษัทฯ ทั้งระบบ Intranet เพื่อให้พนักงานและบริษัทในเครือกว่า 50 บริษัท รวมถึงพลังของตัวแทนจำหน่ายซึ่งกระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในการช่วยกันประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่มี เช่น สื่อ Digital Signage สื่อ LED สื่อ Cable ท้องถิ่น และป้าย Banner เป็นต้น ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยสร้างการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาเด็กหาย อีกทั้งยังทำให้มีการระมัดระวัง และป้องกันปัญหาเด็กหายได้อีกทางหนึ่งด้วย 

สำหรับสถิติเด็กอายุระหว่าง 0 – 18 ปี ที่หายไป (ข้อมูลจากมูลนิธิกระจกเงา) มีดังนี้ ปี 2559 จำนวน 418 คน พบแล้ว 387 คน (92.58 %) ปี 2560 จำนวน 403 คน พบแล้ว 365 คน (90%) ปี 2561 จำนวน 309 คน พบแล้ว 265 คน (85.76%) ปี 2562 (สถิติ ณ เดือน กรกฎาคม) จำนวน 153 คนพบแล้ว 124 คน (81.06%)

น้ำดื่มสิงห์จัดพิมพ์ฉลากเด็กหายบนขวดน้ำดื่มสิงห์ขนาด 750 มิลลิลิตร (มล.) และ 600 มล. เนื่องจากเป็นขนาดที่ผู้บริโภคนิยมดื่มเป็นจำนวนมากและพกพาสะดวก โดยเบื้องต้นจะผลิตกว่า 20 ล้านขวด ครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) รวมถึงร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ โดยสินค้าดังกล่าวจะจำหน่ายตลอดทั้งเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน

]]>
1241396