บทสรุป 11 ปรากฎการณ์ร้อนฉ่าแห่งปี 2019

เดินทางมาจนถึงโค้งสุดท้ายของปี 2019 ในปีที่ผ่านมาในแวดวงการตลาดมีทั้งแคมเปญดังๆ ที่เรียกเสียงว้าว รวมถึงดราม่าที่เรียกเสียงฮือฮาได้ระยะหนึ่ง ซึ่งทาง Positioning ขอสรุป 11 ปรากฎการณ์เด่นๆ ประจำปีนี้

“น้ำดื่มสิงห์” เปลี่ยนฉลากเป็นตามหาเด็กหาย

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอป้ายตามหาเด็กหายของมูลนิธิกระจกเงากันมาบ้าง แต่เด็กบางคนที่ตามหาหลายปีก็ยังไม่พบก็มีมากมาย จึงเกิดเป็นแคมเปญต้อนรับวันแม่ที่ไอเดียดีพอสมควร โดยที่ น้ำดื่มสิงห์ จับมือกับ “มูลนิธิกระจกเงา” ทำโครงการ “น้ำดื่มสิงห์ คืนดวงใจให้แม่ return heart to home” 

โครงการนี้เป็นการพลิกโฉมวงการน้ำดื่มครั้งใหม่ โดยการเปลี่ยนฉลากข้างขวดผลิต เป็นประกาศตามหาเด็กหาย ได้เลือกเด็กสูญหายจำนวน 5 คนมาอยู่บนฉลาก ซึ่งถือว่า 5 คนนี้เป็นกรณีที่ยากที่สุดของมูลนิธิกระจกเงา ที่ใช้เวลาติดตามมานานตั้งแต่ 6 ปีถึง 17 ปี

ฉลากนี้มีการผลิตกว่า 20 ล้านขวดเป็น Limited Edition ให้ขวดน้ำเป็นเหมือนอีกสื่อหนึ่งเพื่อเป็นส่วนช่วยในการตามหาเด็กที่หายไปอย่างยาวนาน 5 คน รวมถึงทำให้สังคมได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาเด็กหายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมอีกทางหนึ่งด้วย

“นันยาง” คงความเก๋า ผลิตรองเท้า KHYA (ขยะ) พ่วง NanyangRED

ในปีนี้นันยางมีแคมเปญที่เรียกเสียงว้าวได้ถึง 2 แคมเปญ เป็นสินค้าใหม่ที่สามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าความเป็น “รองเท้านักเรียนซึ่งนันยางได้ร่วมมือกับ “ทะเลจร” แบรนด์ Upcycling วัสดุจากทะเลซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในการผลิต “รองเท้า KHYA (ขยะ)”

รองเท้า KHYA (ขยะ) เป็นลูกผสมระหว่างรองเท้าแตะช้างดาว และขยะรีไซเคิล ซึ่งรองเท้า 1 คู่ทำจากขยะทะเลประมาณ 5 กิโลกรัม ความพิเศษคือมีลวดลายจะไม่มีซ้ำกัน เพราะขยะที่ได้มาไม่เหมือนกัน วางจำหน่ายในราคา 399 บาท แพงกว่ารองเท้าแตะช้างดาวปกติที่มีราคา 99 บาท เพราะต้องใช้กระบวนการในการผลิตมากกว่าปกติ 3 เท่า

เหตุผลที่นันยางออกรองเท้าขยะนี้ เนื่องจากเห็นว่า 80% ของขยะในทะเลเป็นพลาสติก ในจำนวนนี้ 10% กว่าๆ เป็นรองเท้าที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้ จึงขอมีส่วนในการนำขยะมารีไซเคิล

รวมไปถึง NanyangRED รองเท้าผ้าใบสีแดง รุ่นพิเศษ ของนันยาง เป็นการทำตามสัญญาที่นันยางได้โพสท์ในเพจว่า ถ้าลิเวอร์พูลได้แชมป์ จะผลิตรองเท้าผ้าใบสีแดงเมื่อลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 6 มาครอง นันยางก็ผลิตรองเท้าสีแดงตามสัญญา พร้อมกับสร้างเสียงฮือฮา พร้อมกับยอดขายถึง 10 ล้านบาท!

เปิดศึก “เซ็นทรัลวิลเลจ” ปะทะ “ทอท.”

มาถึงดราม่าร้อนๆ แห่งปีคงหนีไม่พ้นศึกยักษ์ชนยักษ์ระหว่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือ CPN ที่เปิดศึกปะทะกับ “ท่าอากาศยานไทย” หรือ ทอท. กรณีพื้นที่ของโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ

“เซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village)” เป็นลักชูรี่ เอาท์เล็ตล่าสุดของ CPN ใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่ 100 ไร่ พื้นที่โครงการ 40,000 ตร.ม. เปิดให้บริการในเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2562

แต่เรื่องราวได้เกิดขึ้นเมื่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เพื่อสอบถามความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของเซ็นทรัล วิลเลจ ที่เห็นว่าอาจจะขัดกับเงื่อนไขกฎเกณฑ์การบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตามเงื่อนไขพัฒนาพื้นที่รอบสนามบิน รวมทั้งกรณีการใช้พื้นที่โดยพลการในการก่อสร้างแนววางท่อประปาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

จากนั้นวันที่ 22 ส.ค. 2562 ทอท. ได้นำเตนท์มาปิดกั้นทางเข้าออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างสะดวก ทำให้ทาง CPN ได้ยื่นคำร้องให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวจนได้เปิดโครงการในที่สุด

ปรากฎการณ์ IKEA x Virgil Abloh

เป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ที่ให้เห็นว่าคนไทยตอบรับกับกระแสดังระดับโลกอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ IKEA เปิดคอลเลกชั่น “MARKERAD/มาร์เคียรัด” เป็นความร่วมมือกับ Virgil Abloh ดีไซเนอร์ชื่อดังแบรนด์ OFF-WHITE

เพียงแค่วางจำหน่ายที่ไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาใน 2 สาขาทั้ง IKEA บางนา และ IKEA บางใหญ่ ปรากฎว่าขายหมดเกลี้ยงภายใน 3 ชั่วโมง

ซึ่งตอนซื้อว่ายากแล้ว มีการต่อแถวกันยาวเหยียดก่อนที่ห้างฯ จะเปิด แต่พบว่ามีการมาอัพราคา Resell บนโลกออนไลน์สูงถึง 15 เท่า รูปโมนาลิซ่าพุ่ง 33,000 บาท ทำเอาเป็นกระแสแรร์ไอเท็มบนโลกออนไลน์

Shopee กับการคว้า “โรนัลโด้” เป็นพรีเซ็นเตอร์

“โรนัลโด้” ถือว่าเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการลูกหนังที่มีทั้งธุรกิจส่วนตัว และงานพรีเซ็นเตอร์มากมาย แต่การที่โรนัลโด้ปรากฎตัวในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

สิ่งที่ทุกคนฮือฮาก็คือการที่โรนัลโด้ลงทุนเต้นเพลงของ Shopee ในโฆษณา หลายคนจึงเกิดคำถามขึ้นมาเลยว่า Shopee ได้ทุ่มเงินแค่ไหนถึงให้โรนัลโด้ยอมเต้นได้ขนาดนี้

แต่ก็ถือว่าได้ผลมากเลยทีเดียว สามารถสร้างการรับรู้ และกระตุ้นยอดขายของ Shopee ได้ อีกทั้งยังเป็นการอัพภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูอินเตอร์ขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้ชายที่เป็นแฟนคลับของโรนัลโด้มากขึ้นด้วย

“บาบีคิ้วพาซ่า” กับแคมเปญเรื่องการศึกษา

บาร์บีคิวพลาซ่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความครีเอทีฟในการออกแคมเปญใดๆ อยู่แล้ว แต่ในปีนี้เล่นใหญ่กว่าที่เคย ได้เปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” เพื่อเป็นแคมเปญเรื่องการศึกษา งานนี้มีทั้งเสียงดราม่า และเสียงชื่นชม

บาร์บีคิวพลาซ่า ร่วมกับแคมเปญ  Limited Education เปิดประเด็นให้คนสนใจปัญหาเรื่องการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย ที่พบว่ายังมีหลายคนที่ยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ จึงเกิดเป็นไอเดียผ่านลูกเล่นของการสะกดผิดและฟ้อนท์ที่น่ารักแทนการเขียนของเด็กๆ โดยเปลี่ยนป้ายหน้าร้านใหม่ในรูปแบบของการเขียนเป็นคำไทยที่สะกดผิด เป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” ที่ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1-8 กันยายน 2562 และยังมีเมนูพิเศษที่ใช้คอนเซ็ปต์การสะกดผิดเพื่อให้สอดรับกับตัวโครงการ

การลงทุนเปลี่ยนป้ายหน้าร้านในครั้งนี้เป็นการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ Limited Education ได้เคยร่วมงานกับร้าน After You มาแล้ว พร้อมกับมีเมนู “ขนมปังเนยโสด” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สะกดผิดด้วยเช่นกัน

เทรนด์รักษ์โลกมาแรง แบนถุงพลาสติก-หลอดพลาสติก

การรักษ์โลกเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เห็นได้ชัดในปีนี้ และทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้วัสดุ หรือแพ็คเกจจิ้งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือเหล่าบรรดาห้างค้าปลีก และร้านกาแฟต่างๆ ก็มีการตื่นตัวต่อการกระแสนี้ มีการยกเลิกการใช้หลอดพลาสติก และถุงพลาสติกกันอย่างจริงจัง

จะเห็นว่าเชนร้านกาแฟใหญ่ๆ ระดับโลกมีการแบนการใช้หลอดพลาสติกมากขึ้น มีการหาวัสดุอื่นมาทดแทน หรือกระตุ้นให้ลูกค้านำแก้วมาเอง เพื่อที่ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

ส่วนห้างค้าปลีกก็มีการงดให้บริการถุงพลาสติก ยิ่งในวันที่ 1 มกราคม 2563 จะเริ่มงดแจกถุงพลาสติกอย่างจริงจังแล้ว เชื่อว่าคนไทยจะเริ่มตื่นตัวกับกระแสสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปอีก

Plant-based Food เนื้อไร้เนื้อ อาหารแห่งอนาคต

ปรากฎการณ์ในเรื่องของอาหารที่มาแรงที่สุดคงจะหนีไม่พ้น “Plant-based Food” หรือเนื้อไร้เนื้อ กลายเป็นธุรกิจยอดนิยมแห่งปี และคาดการณ์กนัว่าจะเป็นอาหารแห่งอนาคตด้วย

Plant-based Food เป็นการพัฒนาเนื้อที่ทำมาจากพืช แถมให้โปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของมังสวิรัติ หรือ Vegan เพราะไม่มีประเด็นเรื่องการไม่ทรมาณสัตว์

ในต่างประเทศโดยเฉพาะโซนอเมริกามีการฮิต Plant-based Food กันอย่างมาก ส่งผลให้เกิดสตาร์ทอัปหลายบริษัทลุยพัฒนาธุรกิจเนื้อ plant-based meat อย่างจริงจัง บริษัทที่โดดเด่นในตลาดคือ Impossible Foods และ Beyond Meat ทั้งคู่สามารถดึงผู้บริโภคหลายรายให้อยากลิ้มลองรสชาติของเนื้อสัตว์เลียนแบบได้ จนมีแนวโน้มที่ตลาดนี้จะบูมต่อเนื่องไปอีกนาน

ในประเทศไทยก็เริ่มมีความเข้าใจ Plant-based Food กันพอสมควร เริม่มีหลายแบรนด์ที่พัฒนาเมนูเพื่อรองรับตลาดด้วยเช่นกัน อย่าง Sizzler จับมือ Green Monday ออกเมนู Plant-Based Meat ในราคาเริ่มต้น 379 บาท

ศึก Food Delivery เอาใจผู้บริโภคขยับตัวน้อย

ตลาด Food Delivery เป็นตลาดที่บูมมากในช่วงหลายปีที่ผานมา และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในตอนแรกมีเพียงแค่ LINE MAN ที่จับจริตคนไทยได้อยู่หมัด ออกบริการรับซื้ออาหารจนยอดขายถล่มทลาย

แต่ในปีนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในสังเวียนทั้ง Grab Food และ GET ล้วนอัดโปรโมชั่นค่าส่งเพียงแค่ 10 บาท ทำเอา LINE MAN ถึงกับต้องตั้งหลักใหม่ เสียส่วนแบ่งการตลาดไปพอสมควร

ปีหน้าก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีการแข่งขันที่นวัตกรรม หรือบริการใหม่ๆ เพราะทุกแบรนด์ต่างก็อยากเติบโตด้วยความยั่งยืน การอัดโปรโมชั่นสามารถทำให้ลูกค้ารับรู้ได้เร็ว แต่อาจจะไม่สร้างกำไรในระยะยาวได้

ค้าปลีกยังคงล่มสลาย

ธุรกิจค้าปลีกยังคงมีทีท่าที่จะหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ในปีที่ผ่านมาได้เห็นข่าวคราวของวงการค้าปลีกต่างประเทศปิดตัวกันระนาว มีการล้มละลายกันต่อเนื่อง

Vienna, Austria – September 4, 2011: Shopper walks past Forever 21 store on September 4, 2011 in Vienna. Forever 21 fashion label has 480 stores worldwide and had USD 2.6 bn revenue in 2011.

อย่าง Barneys และ Forever 21 ก็พาเหรดกันล้มละลาย เพราะไม่สามารถปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยได้ หรือแม้แต่บางที่ก้มีการปรับลดพนักงาน เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรให้คล่องตัวมากขึ้น

ในประเทศไทยเองอย่าง “เทสโก้ โลตัส” ก็ร้อนๆ หนาวๆ เพราะมีข่าวล่าสุดบอกว่าทางบริษัทแม่อาจจะขายกิจการในประเทศไทย และมาเลเซีย แต่ยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน ยังคงเป็นแผนอยู่

ชาไข่มุกฟีเวอร์

เรียกว่าเป็นปีทองของ “ชาไข่มุก” จริงๆ เพราะได้กลับมาฮิตอีกครั้ง งานนี้ได้เข้าไปอยู่ในหลายเมนูจนกลายเป็นชาไข่มุกฟีเวอร์ เกิดแบรนด์ชาไข่มุกล้นเมือง ร้านค้าร้านอาหารต้องมีเมนูชาไข่มุกประดับร้านเพื่อเกาะกระแสด้วย

พฤติกรรมคนไทยทานชาไข่มุกมากขึ้น จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ไปแล้วเรียบร้อย นอกจากแบรนด์ดั้งเดิมที่เปิดให้บริการในไทยมาหลายปี ยังมีแบรนด์ใหม่จากต่างประเทศทยอยตบเท้าเข้ามาในไทย สร้างกระแสต่อแถวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Tiger Sugar จากประเทศไต้หวัน

หรือแบรนด์ไทยอย่าง Fire Tiger ก็ได้รับความนิยมจนสามารถดคแบรนด์กับ MK เข้าไปจำหน่ายภายในร้าน MK กว่า 400 สาขาได้แล้ว นอกจากนี้ยังเกิดแบรนด์ชาไข่มุกใหม่ๆ ที่เป้นร้านเล็กๆ ระดับแมสอีกมากมาย เรียกว่าเป็นอีกกระแสที่ร้อนแรงมากจริงๆ